(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 33 แขกที่ไม่คาดคิด

เฮเลนาเข้าวังหลังมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว

แม้ตอนแรกจะมีเรื่องไม่คุ้นเคยเต็มไปหมด แต่ระยะหลังมานี้เธอได้ใช้เวลาวัน ๆ ไปกับการฝึกฝนร่างกาย หลังเที่ยงไปก็ได้ฟันดาบ จึงรู้สึกพึงพอใจอยู่ไม่น้อย พอตอนกลางคืนฟาร์มาสก็มาหาแล้วก็พูดคุยกันเรื่องต่าง ๆ แม้จะถูกปั่นหัวเป็นบางครั้งแต่เธอก็ใช้ชีวิตได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร

ดังนั้นวันนี้เธอก็กำลังทำกิจวัตรประจำวันซึ่งก็คือการวิดพื้นในช่วงเช้าอยู่เช่นเคย แน่นอนว่าให้อเลกเซียขี่หลังอยู่

‘ฮึบ ฮึบ’ เธอส่งเสียงในใจและขยับร่างกายอย่างไม่หยุดยั้ง เพิ่งจะเริ่มฝึกฝนได้ไม่นานดังนั้นจึงยังห่างไกลจากคำว่าเหงื่อกำลังดี

 

“เอ่อ ท่านเฮเลนาคะ”

 

“หืม?”

 

“ข……ข้า ไม่ไหว แล้วค่ะ……”

 

วันนี้เฮเลนาคิดว่าอยากจะเพิ่มน้ำหนักถ่วงอื่นนอกจากอเลกเซียด้วย

ดังนั้นจึงให้อเลกเซียถือดาบที่ได้รับมาจากฟาร์มาสไว้

 

“ม มันหนักค่ะ……”

 

“หนักขนาดนั้นเชียวรึ?”

 

“โปรดเข้าใจด้วยว่าท่านเฮเลนาที่กำลังวิดพื้นทั้งที่มีข้าถือสิ่งนี้ขี่หลังอยู่น่ะเป็นสัตว์ประหลาดค่ะ ถ้าเป็นไปได้ช่วยเข้าใจเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!”

 

อเลกเซียกล่าวเช่นนั้นและลงจากหลังเฮเลนาก่อนจะวางดาบลง

เนื่องจากเป็นของขวัญจากองค์จักรพรรดิที่มอบให้เฮเลนา อเลกเซียจึงปฏิบัติต่อมันอย่างนุ่มนวลเลยทีเดียว เพราะแบบนั้นกระมังเธอถึงได้รีบบอกก่อนที่จะทำมันหลุดมือ

‘ฮึ่ม’ เฮเลนาทำปากบึน

 

“อุตส่าห์ได้น้ำหนักถ่วงกำลังดีเลยแท้ ๆ”

 

“โปรดเข้าใจด้วยค่ะว่าสิ่งนี้ต้องใช้นางกำนัลห้าคนช่วยกันจึงถือไหวน่ะ……”

 

“ไม่แรงน้อยเกินไปหน่อยรึ?”

 

“อย่าคาดหวังพละกำลังระดับท่านเฮเลนาจากนางกำนัลรับใช้ในวังหลังสิคะ……”

 

‘เฮ้อ’ อเลกเซียถอนใจเฮือกใหญ่

พูดจริง ๆ แล้ว ดาบนี้เองก็หนักสำหรับเฮเลนา ทว่าเพราะหนักเลยสามารถใช้งานแทนหอกในสนามรบได้ และเหมาะจะใช้เป็นน้ำหนักถ่วงกล้ามเนื้อยามฝึกฝน

ดังนั้นก็เลยคิดจะเอามาใช้ในการฝึกร่างกายยามปกติด้วย

 

น่าเสียดายแฮะ เฮเลนาถอนใจ

ในตอนนั้นเอง ‘ก๊อก ๆ’ ประตูห้องก็ได้ถูกเคาะ

 

เธอส่งสายตาสื่อสารกับอเลกเซียในทันที

เพียงเท่านั้นต่างคนก็ต่างเข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยคำ เฮเลนาไปนั่งที่โซฟา ส่วนอเลกเซียก็รีบรินน้ำชาใส่ถ้วย อนึ่ง เพราะชงทิ้งไว้ค่อนข้างนานมันจึงเย็นไปหมดแล้ว จากนั้นเฮเลนาก็ถือถ้วยนั้นเอาไว้ เพียงเท่านี้ภาพของบุตรีขุนนางผู้กำลังเพลิดเพลินกับน้ำชาก็เสร็จสมบูรณ์

ทว่าความจริงก็โดนเห็นว่าฝึกร่างกายอยู่ในสวนระหว่างอาคารอยู่แล้ว ไอ้ละครปาหี่แบบนี้มันอาจจะไม่จำเป็นแล้วก็ได้

 

“ไม่ทราบว่าใครหรือคะ”

 

“เรียนพระสนมฟ้าสุริยา หัวหน้านางกำนัลอิซาเบลเองค่ะ”

 

“เชิญเข้ามาได้ค่ะ”

 

โธ่เอ้ย อิซาเบลหรอกเหรอ—เฮเลนาคลายความตึงเครียดลง

หากเป็นอิซาเบลก็รู้อยู่แล้วว่าปกติเฮเลนาฝึกร่างกายแบบไหนอยู่ ไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรแบบนี้เลย

ถึงกระนั้นการก็ได้ทดลองประสานงานกับอเลกเซียดูก็ไม่เลวเหมือนกัน

 

“ขออภัยค่ะพระสนมฟ้าสุริยา”

 

“มีธุระอะไรรึ อิซาเบล”

 

“ค่ะ ขออภัยที่มาเยือนห้องโดยกะทันหัน……แต่ว่ามีแขกมาเยี่ยมพระสนมฟ้าสุริยาค่ะ”

 

“……แขก?”

 

หมายความว่าไงกันนะ

นางสนมที่เข้ามายังวังหลัง โดยพื้นฐานแล้วจะถูกปิดกั้นการติดต่อกับภายนอก แม้แต่จดหมายยังต้องถูกตรวจสอบเลย ดังนั้นย่อมไม่สามารถขอพบหน้าได้โดยง่าย

ทั้งที่เป็นเช่นนั้น แต่กลับบอกว่ามีแขกมาเยี่ยม

 

“ข้าสามารถพูดคุยกับบุคคลจากนอกวังหลังได้ด้วยงั้นรึ?”

 

“พระสนมในวังหลัง โดยพื้นฐานแล้วจะถูกปิดกั้นการติดต่อกับภายนอกค่ะ ต่อให้เป็นญาติสนิทแต่หากพบกับบุรุษก็จะถือว่าเป็นการไม่ซื่อสัตย์ต่อฝ่าบาทองค์จักรพรรดิ ทว่าหากเป็นญาติสนิทที่เป็นสตรีก็สามารถพบหน้าได้ค่ะ แต่แน่นอนว่าต้องมีพวกเราอยู่เป็นพยานด้วย”

 

“เป็นเช่นนั้นรึ”

 

มารดาของเฮเลนา—เรย์ลา เรลโนตนั้นจากโลกนี้ไปแล้ว ดังนั้นสตรีที่เป็นญาติสนิทจึงมีแค่น้องสาวสองคนเท่านั้น

‘อ้อ’ ตอนนั้นเองเธอก็นึกสาเหตุขึ้นมาได้

วันนี้คือวันที่น้องสาวซึ่งได้แต่งเข้าอาณาจักรข้างเคียงจะกลับมาเยี่ยมปีละครั้ง

 

“……ไม่เป็นไรจริงรึ?”

 

“ไม่ใช่การกระทำที่แนะนำนัก……แต่ก็เป็นเรื่องที่จักรพรรดิองค์ก่อน ๆ ได้กำหนดเอาไว้ค่ะ ว่าไม่ต้องถึงกับปิดกั้นจากภายนอกโดยสมบูรณ์ อย่างน้อยก็ให้สามารถพบหน้ากับญาติสนิทที่เป็นสตรีได้บ้างน่ะค่ะ”

 

“อืม”

 

ถึงจะไม่ได้เหงาอะไรเป็นพิเศษ แต่ยังไงการได้พบหน้าครอบครัวก็เป็นเรื่องน่ายินดี

ดังนั้นจักรพรรดิรุ่นก่อน ๆ ถึงยอมให้ทำแบบนั้นได้สินะ

 

“งั้นก็ไปกันเถอะ”

 

“ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือคะ?”

 

“คนที่มาพบคงจะเป็นน้องสาวนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องแต่งองค์ทรงเครื่องอะไรหรอก”

 

“ทราบแล้วค่ะ”

 

อเลกเซียกล่าวเช่นนั้นและถอยไป

ตอนที่จะไปพบ “สนมฟ้าดารา” อเลกเซียก็คอยช่วยเหลือเธอหลายเรื่อง แต่คราวนี้คนที่จะไปพบคือน้องสาว

ไม่จำเป็นต้องให้อเลกเซียช่วยเหลืออะไร

เฮเลนาอยู่ในชุดที่เคลื่อนไหวง่ายเหมือนเดิม และถือดาบที่ได้รับจากฟาร์มาสไว้ในมือขวา

 

“……เอ่อ พระสนมฟ้าสุริยาคะ”

 

“หืม?”

 

“ทำไมถือดาบคะ?”

 

อิซาเบลเผลอถามเช่นนั้นออกมาเมื่อเห็นภาพที่เธอถือดาบเหมือนกับจะไปสนามรบเช่นนั้น

มันแปลกตรงไหนหว่า เฮเลนาเอียงศีรษะด้วยความสงสัย ทว่าสักพักก็นึกออก

จะว่าไปแล้วการไปพบน้องสาวทั้งที่เหน็บดาบไว้มันก็ฟังดูแปลกจริง ๆ

 

“เอ่อ ตั้งใจว่าจะเอาไปอวดน่ะ”

 

“……อวด หรือคะ?”

 

“นี่คือดาบที่ดีมาก ตั้งใจจะไปอวดว่าได้รับดาบที่ดีเช่นนี้มาเป็นของขวัญเชียวนะไงล่ะ”

 

“……งั้นหรือคะ”

 

อิซาเบลเองก็ดูเหมือนจะยอมแพ้ไปแล้ว เลยไม่กล่าวอะไรมากกว่านั้นอีก

แล้วพวกเธอก็ตามเฮเลนาที่ถือดาบอยู่ในมือขวาเดินผ่านไปตามวังหลัง

 

เฮเลนาซึ่งยังไม่ค่อยรู้ทิศรู้ทางนักสามารถไปเองได้แค่สวนระหว่างอาคารเท่านั้น ส่วน “ห้องแปะเจียก” ก็พอจะไปได้อยู่เหมือนกัน แต่เธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปยังสถานที่นั้นซึ่งเป็นจุดรวมตัวของ “สนมฟ้าดารา”

หลังเดินมาได้สักพักจึงค่อยถึงที่หมาย—ถึงห้องเข้าเยี่ยมในที่สุด

 

“ห้องนี้แหละค่ะ”

 

“อืม อยู่ค่อนข้างไกลทีเดียวนะ”

 

“เพราะห้องถูกสร้างไว้ใกล้กับทางเข้าออกของวังหลังค่ะ ส่วนห้องของสามสนมฟ้าทั้งหมดจะอยู่ลึกด้านในสุดของวังหลัง”

 

งั้นหรือเนี่ย ไม่รู้มาก่อนเลย

แต่ด้วยความที่อยู่ลึกที่สุดเลยอยู่ใกล้สวนระหว่างอาคารด้วยนั้นก็ดีเหมือนกัน ยังไงเธอก็ไม่ได้คิดว่าอยากจะออกไปนอกวังหลังอยู่แล้ว

‘ก๊อก ๆ’ อิซาเบลเคาะประตูของห้องเข้าเยี่ยม แล้วก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยตอบกลับมาจากอีกฝั่ง “ค่า—”

เธอเปิดประตู

 

“ค่าค่า—……อ๊ะ ไม่เจอตั้งนานแน่ะ พี่สาว”

 

“ลิลิธงั้นรึ”

 

บุคคลที่นั่งอยู่ที่นั่นคือลูกสาวคนที่สามของบ้านเรลโนต ลิลิธ

เธอได้แต่งงานกับบุคคลสำคัญจากประเทศข้างเคียงตั้งแต่ยังสาว และปัจจุบันนี้ก็อาศัยอยู่ที่ประเทศข้างเคียงนั้น เฮเลนาเองก็เคยได้ไปร่วมงานแต่ง แล้วก็รู้สึกตกใจกับวัฒนธรรมที่แตกต่างหลาย ๆ อย่างของทางนั้นเหมือนกัน

ลิลิธนั้นมีโครงหน้าที่น่ารักน่าเอ็นดูต่างจากเฮเลนา อายุเองก็ห่างกันพอสมควร ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้น่าจะยี่สิบสองแล้วกระมัง และยังมีขนาดตัวที่ทั้งเล็กและบางสมหญิงต่างจากเฮเลนาที่ตัวสูง มองไปแล้วก็อาจจะดูอ่อนกว่าอายุจริงอยู่เล็กน้อย

 

“ไม่พบกันนานเลยนะ”

 

“นั่นสินะ ไม่นึกเลยว่ากลับบ้านเกิดหลังจากไม่ได้กลับมานานแล้วพี่สาวจะเข้าวังหลังไปแล้วแบบนี้น่ะ”

 

“ข้าเองก็ไม่นึกว่าจะเข้าเหมือนกัน”

 

เฮเลนายักไหล่

ยังไงเสียมันก็เป็นเรื่องที่แอนตันดำเนินการไปเองตามใจชอบ ไม่ได้เป็นความตั้งใจของเฮเลนาอยู่แล้ว

จากนั้นเฮเลนาก็หลุบตา

 

“โทษทีนะ ลิลิธ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกพี่สาว”

 

เป็นการสนทนาที่นอกจากเฮเลนากับลิลิธแล้วไม่ว่าใครก็คงไม่เข้าใจ

ซึ่งอิซาเบลกับอเลกเซียก็ไม่เข้าใจจริง ๆ พวกเธอจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

“เรื่องที่ต้องทำก็ทำให้ไปหมดแล้วล่ะ”

 

“แต่ปีที่แล้วข้าเองก็ไม่ได้ไปเหมือนกันนะ……”

 

“อยู่วังหลังแบบนี้ก็คงไปไม่ได้นี่นะ ที่นี่เขาไม่ให้ออกไปข้างนอกเหรอ?”

 

“ออกไม่ได้ ไม่ได้รับอิสระถึงขนาดนั้นหรอก”

 

วันนี้

คือวันครบรอบวันตายของเรย์ลา มารดาของเฮเลนาและลิลิธนั่นเอง

 

“อิซาเบล”

 

“ค่ะ พระสนมฟ้าสุริยา”

 

“ลิลิธไม่สามารถเข้าไปลึกกว่านี้ได้งั้นรึ?”

 

“ขออภัยด้วยค่ะ ไม่สามารถให้ผู้เยี่ยมเข้าไปลึกเกินกว่าห้องเข้าเยี่ยมได้”

 

“อืม แล้วจำกัดระยะเวลาเข้าเยี่ยมล่ะ?”

 

“……ไม่มีกำหนดอะไรเป็นพิเศษในเรื่องนั้นค่ะ”

 

‘แหะ’ เฮเลนาแสยะยิ้ม

และลิลิธเองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน

 

“โต๊ะนี่เกะกะแฮะ”

 

“เดี๋ยวข้าย้ายไปวางไว้ตรงโน้นให้”

 

“งั้นข้าย้ายโซฟาแล้วกัน……ประมาณนี้คงได้แล้วสินะ?”

 

“นั่นสินะ เครื่องเรือนก็ไม่ได้ดูมีราคาขนาดนั้น ประมาณนี้ก็คงได้แล้วล่ะ”

 

จากนั้นเฮเลนากับลิลิธก็หันหน้าเข้าหากัน

พวกเธอพี่น้องมักจะทำเช่นนี้ทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากัน แม้มันจะกินเวลาอยู่บ้างแต่ในเมื่อไม่มีจำกัดเวลาเข้าเยี่ยมก็สามารถทำได้เท่าที่ต้องการ

เฮเลนากับลิลิธ ต่างคนก็ต่างตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นมา

 

“ฝีมือคงไม่ได้ตกไปนะ ลิลิธ”

 

“พี่สาวนั่นแหละ อยู่วังหลังคงไม่ได้ทื่อไปหรอกใช่ไหม”

 

เมื่อเห็นทั้งสองคนตั้งท่าจ้องมองกันอยู่เช่นนั้น

 

“…….ก็นั่นน่ะสิน้า”

 

อเลกเซียจึงถอนใจออกมาเบา ๆ

 

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Comment

Options

not work with dark mode
Reset