หลังจากวันนั้นที่ลิลิธมาในฐานะแขกเยี่ยม และได้สนุกสนานเพลิดเพลินกับการประลองมือเปล่ากันหลังจากไม่ได้ทำมานาน ตอนนี้ก็ได้ผ่านไปแล้วหลายวัน
สองวันที่ผ่านมานี้ฟาร์มาสไม่ได้มาหาเธอ ได้ยินมาว่าเพราะมีทูตจากต่างประเทศมาเยือนจึงต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งเธอก็ไม่ได้รู้สึกเหงาอะไรเป็นพิเศษ อันที่จริงได้ใช้เวลากลางคืนคนเดียวก็ดีเหมือนกัน ถึงขั้นคิดว่าทูตอะไรนั่นจะอยู่ไปตลอดกาลเลยก็ได้นะ ทว่าการที่เฮเลนาคิดแบบนั้นก็นับว่าขาดคุณสมบติในฐานะนางสนมสุด ๆ แล้วล่ะมั้ง
ดังนั้นวันนี้เธอจึงทำตัวเหมือนเคย ช่วงเช้าออกกำลังกายซ้ำ ๆ เพื่อฝึกฝนร่างกาย ส่วนช่วงบ่ายก็ไปแกว่งดาบในสวนระหว่างอาคาร
“ฮึบ!”
ดาบที่เคยหนักตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกชินมือขึ้นมาหลายส่วนจนขยับตัวได้เหมือนปกติแล้ว มันหนักกว่าดาบคู่ใจอันเดิมของเฮเลนาอยู่เล็กน้อย ตอนแรกจึงรู้สึกติดขัดอยู่บ้าง แต่ในตอนนี้ก็เริ่มคู่ควรที่จะเรียกว่าเป็นดาบคู่ใจเล่มใหม่ได้แล้ว
ดังนั้นวันนี้เธอจึงคิดจะปะทะกับวิกเตอร์อีกครั้ง
คู่ต่อสู้ที่รู้จักฝีมือดีที่สุด—“ขุนศึกพยัคฆ์แดง” วิกเตอร์ ครีก
เปอร์เซ็นต์การชนะของเฮเลนาเกรงว่าคงจะไม่ถึงหนึ่งในสิบ มันเหมือนกับความแข็งแกร่งขั้นเอกอุในฐานะมนุษย์ของเกรเดียได้ถูกทำให้อ่อนเยาว์ลงและสืบทอดมาทั้งแบบนั้น
ทว่า—เขาก็เป็นตัวตนที่อยู่ใกล้ที่สุดสำหรับเฮเลนา
ดังนั้นจึงรู้ซึ้งถึงทั้งฝีดาบและนิสัย
“ฮ้า!”
อันดับแรก เธอฟาดดาบลงจากด้านบน ทว่าการโจมตีหยาบ ๆ เช่นนี้ย่อมไม่มีทางโดนวิกเตอร์อยู่แล้ว
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นแค่การหลอกล่อ
ด้วยท่าร่างที่เหมือนยังเสียการทรงตัวไปอยู่เล็กน้อย คราวนี้เฮเลนาได้ใช้ลูกเตะออกไป
แม้จะเป็นการฝึกวิชาดาบ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องสู้ด้วยดาบอย่างเดียวเท่านั้น อันที่จริงแล้วนี่ควรจะเรียกว่าวิชาต่อสู้ในสนามรบมากกว่ากระมัง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แล้วบางครั้งเธอก็ต้องใช้มือเปล่า ดังนั้นเฮเลนาจึงได้ฝึกฝนถึงขั้นที่สามารถต่อสู้กับลิลิธที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรงได้
ทว่าแม้แต่การจู่โจมทีเผลอแบบนี้ วิกเตอร์ก็ยังสามารถป้องกันมันได้
ก็สมควรแล้วที่จะเป็นเช่นนั้น ไม้นี้เธอเคยใช้ให้เขาเห็นมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ในสายตาของวิกเตอร์นี่คงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการลอบโจมตี มันก็แค่การเคลื่อนไหวต่อเนื่องแบบหนึ่งของเฮเลนาเท่านั้น
ดังนั้น—เธอจึงเพิ่มการจู่โจมเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง
‘ปริปริ’ ความเจ็บแล่นไปตามแขน ทว่าเธอก็ไม่สนใจมัน ฝืนแรงเหวี่ยงหนีศูนย์และพลิกดาบฟันเข้าใส่วิกเตอร์ทั้งแบบนั้น—
แม้เป็นเพียงแค่ในจินตนาการ ศีรษะของวิกเตอร์ก็ได้กระเด็นไป
“เฮ้อ……”
หลังจากระบำดาบกับจินตนาการมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในที่สุดจึงสามารถเอาชนะได้สักครั้งหนึ่ง กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ไม่รู้ว่าเธอได้สะสมความพ่ายแพ้ไปกี่รอบแล้ว
เพราะรู้สึกโล่งจนหมดแรงแบบไม่รู้ตัว เฮเลนาจึงหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ที่ถูกวางไว้ตรงมุมหนึ่งของสวนระหว่างอาคาร
“ยากลำบากหน่อยนะคะ ท่านเฮเลนา”
“……อืม ชนะได้ซะทีน่ะ”
“เช่นนั้นก็ยินดีด้วยนะคะ”
แม้อเลกเซียจะกล่าวยกย่องไปอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่เข้าใจสักนิดว่าอะไรชนะยังไงกันแน่ ทว่าถ้าเฮเลนาบอกว่าชนะงั้นก็คงจะเป็นตามนั้นแหละมั้ง
เรื่องเกี่ยวกับพลังบู๊ของเฮเลนานั้น อเลกเซียกึ่ง ๆ ยอมแพ้มันไปแล้ว
“แต่ว่าเจ็บแขนซ้ายนิดหน่อยน่ะนะ”
“เป็นอะไรไปหรือคะ?”
“อ่า เพื่อเล่นงานวิกเตอร์แบบไม่ให้ตั้งตัวได้เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนกระแสของการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ดังนั้นหลังจากฟันลงมาและเตะไปด้านหน้าแล้ว ก็ต้องบังคับเปลี่ยนแรงที่ฟันลงมาให้เป็นการฟันกวาดในแนวขวางแทน ดูเหมือนเพราะไปฝืนเปลี่ยนมันแบบนั้นกล้ามเนื้อก็เลยเจ็บนิดหน่อยน่ะ”
“……งั้นหรือคะ”
เฮเลนาเดาะลิ้นพลางลูบแขนซ้ายของตน
หากเธอมีพลังมากกว่านี้ก็คงไม่พ่ายแพ้ต่อความหนักของดาบ ดูเหมือนว่าจะต้องฝึกฝนขัดเกลาตนเองให้มากขึ้นไปอีกจริง ๆ ด้วย
แต่สำหรับคนทั่วไป ไอ้การที่เฮเลนาแกว่งดาบใหญ่นั่นไปมาได้มันก็เหนือสามัญสำนึกอยู่แล้ว แม้แต่อเลกเซียก็ยังไม่สามารถถือไว้ได้นานเลย ทว่าหัวสมองอันน่าเสียดายก็ยังไม่เข้าใจถึงเรื่องที่แสนธรรมดานั้น
“เอาล่ะ พักสักหน่อย แล้วค่อยฝึกการต่อสู้มือเปล่าแล้วกัน”
“……เอ่อ แล้วแขนซ้าย”
“ก็เพื่อพักแขนซ้ายไงล่ะ ถ้าแกว่งดาบต่อไปมันอาจจะเจ็บกว่านี้ก็ได้ ดังนั้นต้องฝึกการเคลื่อนไหวด้วยมือเปล่าแทน”
ความจริงแล้วพอได้สู้มือเปล่ากับลิลิธหลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน เธอก็รู้สึกถึงความอ่อนหัดของตนเอง
เธอฟันดาบ ขัดเกลาวิชาดาบของตนอยู่เสมอ ทว่าแทบไม่ได้ฝึกวิชาต่อสู้มือเปล่าเลย ดังนั้นก็เลยโดนลิลิธเล่นเข้าที่คางได้อย่างหมดจดแบบนั้นสินะ
ด้านความเร็วที่ด้อยกว่าลิลิธ หากดูจากขนาดร่างกายและกล้ามเนื้อแล้วมันก็ช่วยไม่ได้
ทว่าด้านเทคนิคฝีไม้ลายมือ ยิ่งฝึกเท่าไหร่เธอก็ยิ่งเก่งขึ้นได้เท่านั้น
‘ฮึบ ฮึบ’ เธอออกหมัดซ้ายขวาสลับกันไปมาพลางเคลื่อนไหวเป็นวงกลม
มันไม่ใช่วิชาต่อสู้ที่เน้นการต่อยแบบลิลิธ แต่เป็นการต่อสู้โดยใช้ทั้งร่างกาย
ในสมรภูมินั้นทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเป็นอาวุธได้ทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ขาของตนเอง
ทว่า ระหว่างที่เธอกำลังเคลื่อนไหวด้วยวิชาต่อสู้อยู่แบบนั้น
ก็มีร่างหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนกำลังจ้องมองเฮเลนาอยู่
“……หืม?”
โถงทางเดินตัดผ่านที่มองออกมาแล้วเห็นสวนระหว่างอาคาร
ข้ามไปอีกฟากของโถงทางเดินนั้นคือห้องของสามสนมฟ้า ดังนั้นมาริเอลและชาร์ล็อตเตจึงมักมามองดูเฮเลนาอยู่บ่อย ๆ แล้วพอสบตากันพวกเธอก็จากไป
แต่การที่มีคนอื่นนอกจากสองคนนั้นมาอยู่ที่ตรงนี้ นับว่าแปลกตามาก
เฮเลนาฝึกฝนต่อไปโดยไม่คิดมาก ทว่ามุมสายตาของเธอยังคงจับภาพของสาวน้อยปริศนาคนนั้นเอาไว้อย่างมั่นคง
สาวน้อยอ่อนเยาว์ผมสีเกาลัด มีใบหน้าซึ่งดูแล้วชวนให้รู้สึกอยากปกป้อง ดูท่าท่างจะอายุน้อยกว่ามาริเอลหรือชาร์ลอตเตเสียอีกกระมัง
ชุดเดรสที่สวมใส่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นของชั้นสูง และมีร่องรอยของการปะชุนอยู่ในหลายจุด หากเป็นลิ่วล้อของ “สนมฟ้าดารา” มาริเอลก็คงไม่สวมเดรสที่ดูเก่าขนาดนี้ หรือต่อให้เป็นลิ่วล้อของ “สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเตก็คงไม่สวมเดรสที่ดูยากจนแบบนี้เหมือนกัน
ซึ่งก็แปลว่า เธอคนนี้คือฝ่ายที่เป็นกลาง ไม่ได้เข้าพวกกับทั้งสองคนนั้น
แม้เฮเลนาจะหัวไม่ดี แต่ความจำนั้นค่อนข้างดี
ดังนั้นจึงรู้ว่าเธอเพิ่งจะเคยพบสาวน้อยคนนี้เป็นครั้งแรก
“ฟู่ว”
หลังจากขยับตัวสักพัก เฮเลนาก็พักผ่อน
และราวกับว่ากำลังรอโอกาสนี้อยู่ สาวน้อยคนนั้นก็หายตัวไปจากโถงทางเดินเสียแล้ว ดูเหมือนว่าการออกกำลังกายของเฮเลนามันจะดูน่ากลัวในสายตาเด็กผู้หญิงแบบนั้นจริง ๆ ด้วยสินะ
ระหว่างที่เฮเลนารับน้ำเปล่าจากอเลกเซียและกำลังทำท่าจะดื่มมันอยู่นั่นเอง
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ! พระสนมฟ้าสุริยา!”
สาวน้อยคนเมื่อครู่ ไม่รู้ทำไมจึงได้มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
เฮเลนาเกือบจะเผลอทำน้ำหก ปกติแล้วนางสนมคนอื่น ๆ จะไม่เข้ามายุ่งกับเฮเลนา และไม่เคยมีการเชิญไปงานเลี้ยงน้ำชาใด ๆ เป็นพิเศษ
แม้ตามการคาดการณ์ของอเลกเซียแล้ว อีกไม่นาน “สนมฟ้าจันทรา” ก็อาจจะเรียกตัวเธอไปงานเลี้ยงน้ำชาบ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดการชัดเจน
ดังนั้น
หากไม่นับอเลกเซีย อิซาเบล มาริเอล ชาร์ลอตเตแล้ว
สาวน้อยคนนี้คือคนแรกที่เข้ามาคุยกับเธอแบบเป็นเรื่องเป็นราว
“อ……อ่า ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ค คือว่า ข้ามีนามว่าฟรองซัวส์ เรเวินค่ะ! เคยได้ยินข่าวลือของพระสนมฟ้าสุริยา ก็เลยคิดว่าอยากจะพบกันให้ได้สักครั้งค่ะ!”
“……อ อ่า”
ได้ยินคำพูดที่คาดไม่ถึง ก็เลยได้แต่ลังเล
แม้ท่าทางแบบนี้มันจะชวนให้คิดว่านี่มันอยากจะสนิทสนมด้วยไม่ใช่รึไงกัน แต่อเลกเซียก็เคยบอกไว้ว่าไม่มีนางสนมคนไหนอยากจะญาติดีกับเฮเลนาหรอก
ทว่าเมื่อถูกมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมขนาดนี้ มันก็อดที่จะสงสัยไม่ได้นะ
“ข้าเฮเลนา เรลโนต”
“ค คือว่า พอจะมีเวลาว่างไหมคะ? ไม่ว่ายังไงข้าก็อยากจะพูดคุยกับพระสนมฟ้าสุริยาให้ได้เลยค่ะ!”
“อ เอ่อ……มันก็ ได้อยู่หรอกนะ”
“ค่ะ! ขอโทษนะคะ! ขอเรียกว่าท่าน ฮ เฮเลนาได้หรือไม่คะ!”
“อา ได้สิ”
รู้สึกเหมือนกำลังมองดูสุนัขอยู่ยังไงไม่รู้ หากสาวน้อย—หากฟรองซัวส์มีหางงอกออกมาล่ะก็ ป่านนี้มันคงกำลังส่ายไปมาอย่างสุดแรงอยู่แน่ ๆ
ฟรองซัวส์ เรเวิน
ตระกูลเรเวิน ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นตระกูลเคานต์ และรู้สึกว่าจะเคยมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลเรลโนตอยู่บ้าง แต่เฮเลนาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสังคมชั้นสูงละเอียดนักหรอก
บางทีฟรองซัวส์อาจเคยพบกับเธอเมื่อสมัยยังเด็ก แต่ว่าถ้าเด็กขนาดนั้นก็แม้แต่ตัวฟรองซัวส์เองก็คงไม่มีทางจำได้อยู่แล้ว
ซึ่งก็แปลว่า เธอคงได้ยินข่าวลือของเฮเลนาในวังหลังแล้วก็รู้สึกว่าอยากจะพบกันขึ้นมาจริง ๆ กระมัง
“เอ่อ……คุณหนูฟรองซัวส์ นี่เป็นครั้งแรกที่เราพบกันสินะ?”
“ค่ะ! ข้าเคยไปร่วมโฮมปาร์ตี้ที่จัดขึ้นที่บ้านของที่ปรึกษาหลวงเรลโนตอยู่หลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบท่านเฮเลนาค่ะ! ท่านอัลเบรากับท่านลิลิธช่วยสอนข้าหลาย ๆ เรื่องเลยค่ะ!”
“อ้อ รู้จักกับน้องสาวหรือ”
“ค่ะ! ทว่าตอนนั้นท่านเฮเลนาได้เข้ากองทัพไปแล้วข้าก็เลยเสียใจที่ไม่ได้พบค่ะ! แม้สถานที่จะเป็นวังหลังแบบนี้ แต่ก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกันค่ะ!
เป็นเด็กสาวที่ร่าเริงเอเนอร์จี้สูงมาก
อันที่จริง มันร่าเริงเกินไปจนไม่รู้จะตอบรับยังไงดีเหมือนกัน
“งั้นรึ ข้าเองก็ขอขอบคุณที่ช่วยเป็นธุระให้กับน้องสาวนะ”
“ไม่เป็นไรมิได้หรอกค่ะ! เป็นข้าเองต่างหากที่ได้รับการสั่งสอนอะไรหลาย ๆ เรื่องค่ะ!”
“งั้น รู้หรือเปล่าว่าอัลเบราน่ะดูเหมือนจะมีลูกแล้วนะ?”
“แหม! ท่านอัลเบราเนี่ยแต่งงานกับบุตรชายคนโตของตระกูลเคานต์อาโรใช่ไหมคะ? ในที่สุดก็ได้มีบุตรเสียทีสินะคะ! ขออวยพรจากใจเลยค่ะ!”
“อ อื้อ……”
มาอวยพรกับเฮเลนาแบบนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงนะ
ถึงกระนั้นก็ดูเป็นเด็กสาวที่ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังดี พูดตรง ๆ แล้วไม่รู้จะตอบสนองยังไงดีเหมือนกัน
“ค คือว่า ท่านเฮเลนาคะ!”
“หืม?”
“ค คือว่ามีเรื่องที่อยากถามน่ะค่ะ! แต่ว่า! เรื่องนี้มันเป็นแค่ความสนใจของข้าเองฝ่ายเดียวค่ะ! ไม่ได้อยากจะทำให้ท่านเฮเลนาต้องเดือดร้อนเลยสักนิดเดียวเลยค่ะ! ต แต่ว่าในฐานะที่อยู่ในกองทัพเหมือนกัน ก็เลยคิดว่าท่านเฮเลนาอาจจะรู้ก็ได้!”
“……ยังไงนะ?”
“ค คือว่า! ตอนนี้ท่านเฮเลนาก็กำลังได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทอยู่ด้วย! และทุกคนก็ประเมินว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปท่านเฮเลนาอาจได้นั่งตำแหน่งพระชายาเอกด้วย! ด ดังนั้นข้าคิดว่า ข้าเองก็อาจจะได้ออกจากวังหลังไปก่อนที่จะต้องมือของฝ่าบาทก็เป็นได้! ก ก็เลยอยากรู้เผื่อในโอกาสแบบนั้น……”
“……อืม”
ตอนนั้นเอง เฮเลนาก็รู้สึกตัวขึ้นมา
เด็กสาวคนนี้—บางทีเธอคงจะมีความรักอยู่กระมัง
ดังนั้นแม้ตอนนี้จะอยู่ในวังหลัง แต่ก็อาจจะมีบุรุษที่เธออยากทำความรู้จักด้วยผ่านเฮเลนาอยู่ก็เป็นได้ ในสถานการณ์ปัจจุบันฟาร์มาสก็ไม่ได้แตะต้องนางสนมคนอื่นเลยด้วย บางทีเธอคงจะคิดว่าอาจสามารถออกไปจากวังหลังได้โดยที่ยังคงความบริสุทธิ์เอาไว้อยู่สินะ
วิกเตอร์หรือเปล่านะ หมอนั่นมันก็ดูสมชายกว่าที่คิด
หรือบางทีอาจเป็นท่านพี่ริกฮาร์ดก็เป็นได้ เขาเองก็ยังเป็นโสดทั้งที่อายุสามสิบเอ็ดแล้ว
หรือถ้าไม่ใช่สองคนนั้น ก็อาจจะเป็น—
“ม ไม่ทราบว่าท่านบาร์โตโลเม เบอร์การ์ซาร์ดเนี่ย มีคนรักแล้วหรือยังคะ!”
เป็นคำถามที่ไม่คาดคิดจนเฮเลนาต้องอึ้ง
ส่วนอเลกเซียที่กำลังเตรียมน้ำชาอยู่ ก็ถึงกับทำกาน้ำชาหลุดมือ