“……”
“……”
คำพูดที่ไม่คาดคิดของฟรองซัวส์ทำให้เฮเลนาไม่รู้จะตอบยังไงดี
เฮเลนาที่เอาแต่โลดแล่นบนสนามรบในกองกำลังอัศวินพยัคฆ์แดงที่เป็นสังคมของผู้ชายก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความรักสักเท่าไหร่อยู่แล้ว แม้จะเคยอ่านพวกนิยายเรื่องเล่ามาบ้างแต่ประสบการณ์จริงนั้นเป็นศูนย์
ดังนั้นจึงไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกละเอียดอ่อนแบบนั้นของฟรองซัวส์นัก ทว่าปัญหาที่สำคัญกว่านั้นก็คือ
ไม่อยากเชื่อว่าชื่อนั้นจะโผล่ออกมา
บาร์โตโลเม เบอร์การ์ซาร์ด
เป็นบุรุษที่หากเอาหมีกับสุกรกับหมูป่ากับยักษ์ปิศาจมารวมกันแล้วหารด้วยความเป็นมนุษย์ ก็คงจะออกมามีหน้าตาแบบนี้ ส่วนสูงของเขามากกว่าเฮเลนาไปอีกช่วงศีรษะ ไม่ต้องพูดถึงด้านความกว้างที่คงจะมากกว่าเธอเป็นเท่าตัว เป็นผู้มีร่างกายกำยำใหญ่โตขนาดนั้น เกรงว่าหากเดินไปเจอกันตอนมืด ๆ เฮเลนาคงจะตกใจจนเผลอตะโกนใส่หรือไม่ก็พุ่งเข้าไปฟันเลยทีเดียว
แต่อันที่จริงแล้ว เขาเป็นทหารที่เอาจริงเอาจังและซื่อตรงอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังไม่เข้มงวดเกินไปแต่ยังรวยอารมณ์ขัน เป็นแม่ทัพที่รู้จักเห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ก็เข้มงวดในจุดที่ควรเข้มงวด
และสิ่งที่ควรกล่าวถึงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ก็คือความแข็งแกร่งเหนือสามัญสำนึกนั้น
เขาแข็งแกร่งขนาดที่ว่า ในการประลองกันด้วยดาบไม้ที่เฮเลนากับวิกเตอร์ช่วยกันเข้าสู้ ทั้งสองก็ยังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างหมดจด สมกับเป็นบุรุษสุดแกร่งที่อยู่ล้ำหน้าที่สุดในสนามรบและคอยเด็ดศีรษะของข้าศึกทั้งมวลจริง ๆ
เป็นที่ชื่นชมของทุกคนในกองทัพ
เรียกได้ว่าเขาคือแม่ทัพตัวอย่างเลยก็ไม่ผิด
ทว่า อย่างไรก็ตาม
รูปลักษณ์ของเขานั้นไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของหญิงสาวเลย
“อ……เอ่อ ข้าพูดอะไรแปลก ๆ ไปหรือคะ?”
“ป เปล่าน่ะ……”
รู้สึกขนลุกนิด ๆ อยู่ในใจ
ฟรองซัวส์นั้นน่ารักมาก เป็นบุตรีขุนนางผู้น่าเอ็นดูจนรู้สึกอยากจะปกป้องคุ้มครอง แม้จะมีส่วนที่ดูเป็นเด็กน้อยอยู่บ้าง แต่จุดนั้นก็นับรวมว่าเป็นความน่ารักได้ด้วยเหมือนกัน
ทว่า เป็นใครไม่เป็น ทำไมถึงต้องเป็นบาร์โตโลเมนะ
“ท โทษที ตกใจกับคำพูดที่คาดไม่ถึงนิดหน่อยน่ะ”
“ม ไม่หรอกค่ะ! ไม่เป็นไร! ดูเหมือนข้าจะพูดอะไรแปลก ๆ ไปสินะคะ! ค คือว่า!”
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก คือ……ที่ถามว่าแม่ทัพเบอร์การ์ซาร์ดมีคนรักหรือไม่น่ะนะ……”
มันจะไปมีได้ยังไงกันเล่า ตาลุงสัตว์ประหลาดนั่นน่ะ
หน้าตาเป็นสัตว์ประหลาดแล้ว ร่างกายก็เป็นสัตว์ประหลาด ความแข็งแกร่งก็ยังเป็นสัตว์ประหลาดอีก ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรได้อีกแล้วนอกจากสัตว์ประหลาด แต่ก็พูดออกไปดัง ๆ ไม่ได้เพราะน้องสาวของเจ้าตัวยืนอยู่ข้าง ๆ นี้เอง
และน้องสาวต่างมารดาคนที่ว่าก็ยังคงเหม่อลอยอยู่เลย
“ท ทำไมถึงได้ถามเรื่องนั้นกันล่ะ?”
“ขออภัยด้วยค่ะ! ข ข้าน่ะ……เคยไปร่วมงานปาร์ตี้ของท่านวิสเคานต์เบอร์การ์ซาร์ดอยู่ครั้งหนึ่งค่ะ!”
“โฮ่”
“น ในงานนั้นข้าได้พบกับท่านบาร์โตโลเมค่ะ! ตอนนั้นข้ากำลังพูดคุยกับท่านปีเตอร์ บุตรชายคนที่สามของเคานต์เอียนส์เวิร์ธอยู่ค่ะ!”
“……โฮ่”
พูดถึงเคานต์เอียนส์เวิร์ธ ถ้าจำไม่ผิดก็คือตระกูลของ “สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเตสินะ
ได้ยินว่าเป็นเครือญาติกับมหาอำมาตย์มาร์ควิสโนลุนด์จึงมีอิทธิพลค่อนข้างมาก แต่เฮเลนาก็ไม่ค่อยรู้ละเอียดนักหรอก
“ทว่าตอนนั้นข้า……ได้ถูกกำหนดให้เข้าวังหลังไปแล้วค่ะ!”
“อืม”
ตอนที่จักรพรรดิองค์ก่อนเสด็จสวรรคต ก็คือย้อนไปหนึ่งปีกว่า ๆ นับจากตอนนี้
หลังจากนั้นไม่นานฟาร์มาสก็ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิเลย แปลว่านี่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดภายในหนึ่งปีที่ผ่านมาสินะ
หากตัดสินว่าจะเข้าวังหลังตั้งแต่ก่อนหน้านั้น ก็คงมีแต่ต้องสงสัยตระกูลเคานต์เรเวินว่ามีส่วนในการลอบสังหารจักรพรรดิองค์ก่อนแล้ว
ถ้าจำไม่ผิด ช่วงหนึ่งเดือนแรกหลังจากสวรรคต อัลเมดากับพันธมิตรสามอาณาจักรเองก็ยังไม่เริ่มเคลื่อนไหว แถมยังเคยส่งทูตมาแสดงความอาลัยในการจากไปของจักรพรรดิองค์ก่อนด้วย
ตอนนั้นเฮเลนาเองก็ไม่ได้อยู่ที่แนวหน้า แต่กำลังทำภารกิจปราบโจรเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่
“พ พอบอกแบบนั้นไป! ท่านปีเตอร์ก็! พูดกับข้าค่ะ!”
“โฮ่”
“บอกว่า ถ้าจะเข้าวังหลัง! ก็ควรมีประสบการณ์เอาไว้ก่อนสิ! ทั้งที่ข้าคิดว่านางสนมที่เข้าวังหลังควรจะถวายความบริสุทธิ์ให้ฝ่าบาท! แท้ ๆ ค่ะ!”
“……”
“ข้าถูกบังคับพาไปที่สวนด้านหลังอาคารค่ะ! ทั้งที่ข้าบอกตั้งหลายครั้งว่าไม่เอา! แต่เขาก็ไม่ยอมฟังค่ะ!”
‘ฮึ่ม’ เฮเลนาขมวดคิ้ว
รูปการณ์แบบนี้ เธอก็พอจะเข้าใจทั้งหมดแล้ว แม้ตระกูลเรเวินจะเป็นตระกูลเคานต์เหมือนกัน แต่ตระกูลเอียนส์เวิร์ธที่มีมาร์ควิสโนลด์ลุนด์คอยหนุนหลังก็ย่อมมีอิทธิพลมากกว่าตระกูลเรเวิน
ดังนั้นจึงได้ใช้อิทธิพลนั้นเพื่อบีบบังคับฟรองซัวส์นั่นเอง
เป็นชายชั้นต่ำจนอยากจะอาเจียนจริง ๆ
“ทว่า……ในตอนนั้นเอง ท่านบาร์โตโลเมก็ได้มาช่วยเอาไว้ค่ะ!”
“โฮ่”
น่าแปลกใจที่ตาลุงสัตว์ประหลาดนั่นเข้าร่วมปาร์ตี้ด้วยแฮะ เฮเลนาคิดแค่ในใจ
เอาจริง ๆ แล้ว ถ้าบาร์โตโลเมอยู่ในปาร์ตี้ด้วยก็คงเป็นจุดสนใจ (ในแง่ลบ) ของทุกคนในงานแน่ ๆ ความอัปมงคลขนาดนั้นหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
“ท่านบาร์โตโลเมกำลังฝึกวิชาอยู่ในสวนด้านหลังพอดีค่ะ!”
“……ไม่ได้ร่วมงานหรอกเรอะ”
“เขาวิ่งมาหลังจากได้ยินเสียงร้องของข้าค่ะ! แล้วท่านบาร์โตโลเมก็ทุบหน้าของท่านปีเตอร์เพื่อช่วยข้าเอาไว้ค่ะ!”
“อ่า—……”
รู้สึกสงสารปีเตอร์ผู้ที่เธอไม่เคยเห็นหน้าอยู่หน่อย ๆ
หากถูกท่อนแขนอันใหญ่โตของบาร์โตโลเมฟาดเข้าไป เกรงว่าโครงหน้าคงจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วแน่นอน เผลอ ๆ กะโหลกอาจจะแตกร้าวไปด้วย หรืออย่างเลวร้ายที่สุดกระดูกคออาจจะหักไปเลยก็ได้
อย่างน้อยที่สุดโครงหน้าคงจะเปลี่ยนแปลงไปจนไม่สามารถออกมาเผชิญสังคมชั้นสูงได้อีกแล้ว
“เขาถามข้าอย่างเป็นห่วงว่า ‘เป็นอะไรหรือไม่’ ด้วยค่ะ! ตอนนั้นเองข้าก็คิดขึ้นมาค่ะ! ว่าคนผู้นี้แหละ คือคนในพรหมลิขิตของข้าค่ะ!”
“……ทำไม”
“หลังจากนั้นท่านบาร์โตโลเมก็ถูกกล่าวโทษค่ะ! เคานต์เอียนส์เวิร์ธมาตำหนิท่านบาร์โตโลเมว่าทำร้ายบุตรชายของเขาทำไมค่ะ! ข้าก็คิดว่าจะก้าวออกไปเพื่ออธิบายเหตุผล แต่ท่านบาร์โตโลเมก็เอาฝ่ามือใหญ่ ๆ มาบังไว้……แล้วก็กล่าวออกไปอย่างห้าวหาญค่ะ!”
ฟรองซัวส์บอกกล่าวในขณะที่แก้มเป็นสีแดงและหางตานั้นก็มีหยดน้ำตาผุดขึ้นมาด้วย
นี่ชอบตาลุงสัตว์ประหลาดนั่นขนาดไหนกันเนี่ย มันเป็นความเร่าร้อนขนาดที่เฮเลนายังรู้สึกขนลุกเบา ๆ บางทีเรียกว่าเทิดทูนบูชาอาจจะเหมาะกว่าก็ได้
“หากบอกว่า ‘ขุนศึกหมีน้ำเงิน’ ผู้นี้มีความผิดก็ย่อมได้ คิดจะลงโทษข้าคนนี้สินะ? เช่นนั้นข้าก็จะขออาละวาดขัดขืนสักหน่อย นั่นสินะ หากสามารถเตรียมกำลังพลมาได้สักหนึ่งกรมก็เชิญเลย……เขากล่าวเช่นนั้นค่ะ—! เป็นคำพูดที่สุดยอดมากจนหัวใจของข้ามันเต้นรัวไม่หยุดเลยค่ะ!”
“……”
คุ้น ๆ ว่าเฮเลนาก็เคยกล่าววาจาคล้าย ๆ กันนี้
ทว่าขนาดทางนี้ยังโม้ไปแค่ว่าหนึ่งกองพันเอง รู้ซึ้งถึงความเป็นสัตว์ประหลาดของบาร์โตโลเมได้เลยล่ะ
“ข้าคิดขึ้นมาเลยค่ะ! ว่าคนผู้นี้ ว่าท่านบาร์โตโลเมนี่แหละ คือคนในพรหมลิขิตของข้าค่ะ!”
“……งั้นรึ”
“หลังจากนั้นไม่นานนักข้าก็ต้องเข้าวังหลังค่ะ! ดังนั้นจึงภาวนาอยู่ทุกวันว่าขอให้ไม่ได้ต้องมือของฝ่าบาทค่ะ! ในระหว่างนั้นก็ได้ยินข่าวลือของท่านเฮเลนาค่ะ! ได้ยินว่าท่านเคยเป็นเสนาธิการในกองทัพค่ะ! ดังนั้นจึงคิดว่าหากเป็นท่านเฮเลนาอาจรู้เรื่องท่านบาร์โตโลเมก็ได้!”
“อ่า ก็……ไม่ถึงกับไม่รู้จักน่ะ แต่ว่า”
ตาลุงสัตว์ประหลาดนั้น กับสาวน้อยน่ารักคนนี้
ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงเลยอ่ะ จะให้ตอบว่ายังไงดีเนี่ย
“มีคนที่รู้ละเอียดกว่าข้านะ”
“งั้นหรือคะ!? ใครกันหรือคะ!”
“……อเลกเซีย”
อเลกเซียที่แข็งทื่อไปทั้งที่ทำกาน้ำชาหลุดมือ
ในใจของเธอนั้นกำลังมีมรสุมของความรู้สึกแบบไหนอยู่กันแน่นะ
“……ข ขออภัยค่ะท่านเฮเลนา ได้ยินคำพูดที่คาดไม่ถึงก็เลยเผลอใจลอยไป”
“ไม่หรอก ก็พอเข้าใจความรู้สึกอยู่ แล้วสรุปว่าไงล่ะ?”
“ท่านฟรองซัวส์ ถ้าจำไม่ผิด……ท่านเป็นหนึ่งใน ‘เก้าสนมเอก’ ที่เป็นรองจากสามสนมฟ้าสินะคะ รู้สึกว่าจะอยู่ในตำแหน่ง ‘ผู้มีความสามารถ’ ใช่ไหมคะ…… ท่านชอบบาร์โตโลเมจริง ๆ หรือคะ?”
“ค ค่ะ! แม้เป็นตำแหน่งที่เกินตัวข้าไปมาก แต่ก็ใช่ตามนั้นค่ะ! เอ่อ ว่าแต่ ท ท่านคือ……?”
“ขออภัยค่ะ ข้าคือนางกำนัลติดห้องของท่านเฮเลนา ชื่อว่าอเลกเซีย เบอร์การ์ซาร์ดค่ะ”
เมื่อได้ยินอเลกเซียแนะนำตัว ฟรองซัวส์ก็ตกใจอย่างมาก
มันคือนามสกุลของบาร์โตโลเมที่เธอได้กล่าวซ้ำ ๆ มาตลอดจนถึงเมื่อกี้
และเมื่อแนะนำตัวด้วยนามสกุลที่ดูป่าเถื่อนนั้นออกมา ก็เป็นอะไรอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากเครือญาติกัน
“ท ท่านเบอร์การ์ซาร์ด!?”
“บาร์โตโลเมคือพี่ชายของข้าค่ะ ท่านฟรองซัวส์”
“ม ไม่จริงน่า!”
‘หมับ’ ฟรองซัวส์รีบวิ่งผ่านด้านข้างของเฮเลนาแล้วไปกุมมือของอเลกเซียเอาไว้
ด้วยแววตาที่เป็นประกายวิบวับ
“ได้โปรดเรียกข้าว่าพี่สาวด้วยเถอะค่ะ!”
“เอ่อ……คือว่า ขออภัยนะคะท่านฟรองซัวส์……แต่ท่านอายุเท่าไหร่หรือคะ?”
เมื่อฟรองซัวส์ได้ยินคำถามเช่นนั้นของอเลกเซีย
เธอก็ตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ! ครบสิบสามปีเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ!”
เฮเลนากุมขมับพลางคิดในใจ
ว่าพยายามเข้านะ บาร์โตโลเม