(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 41: ผิดทิศผิดทาง

 

“ข้ากำลังคิดว่าจะไดเอ็ตน่ะ”

 

“ท่านเฮเลนาคะตั้งสติให้ดี ๆ ก่อน”

 

เมื่อได้ฟังเฮเลนาประกาศกร้าวหลังกินอาหารเช้าอันเย็นชืดเสร็จ อเลกเซียก็กุมขมับพลางพูดขึ้นเช่นนั้น

ฟาร์มาสได้พูดว่าเฮเลนาอ้วนหนาไม่ผิดแน่ และคำว่าอ้วนหนานั้นสำหรับกุลสตรีน้อยใหญ่โดยมากแล้วมันคือคำดูถูกเหยียดหยาม

นอกจากนี้เฮเลนายังเป็น “สนมฟ้าสุริยา” ซึ่งเป็นพระสนมที่มีตัวตนเสมือนเป็นชายาเอก หากเฮเลนานั้นอ้วน ก็จะนำไปสู่การที่ฟาร์มาสโดนดูถูกเหยียดหยามเอาได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานเลี้ยงกลางคืนที่จะจัดขึ้นหลังพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปี เฮเลนาจะต้องไปออกงานด้วย ฟาร์มาสบอกว่าในงานนั้นมีบุคคลสำคัญจากต่างชาติมากมาย หมายความว่าสำหรับต่างชาติแล้วเฮเลนาคือชายาเอก—หรือก็คือเธอจะได้รับการปฏิบัติในฐานะชายาเอกของจักรวรรดิกันเกรฟแห่งนี้นั่นเอง

 

หากสตรีนางนั้นอ้วนหนา ก็เท่ากับว่าจักรวรรดิกันเกรฟจะโดนดูถูกเหยียดหยาม

 

“อเลกเซียไม่มีวิธีไดเอ็ตดี ๆ บ้างรึ”

 

“เท่าที่ข้าทราบท่านเฮเลนาไม่จำเป็นต้องไดเอ็ตเลยค่ะ ไม่จำเป็นเลยแม้แต่นิดเดียว”

 

“แต่ข้าโดนบอกว่าอ้วนหนานะ งั้นการทำให้ตัวเองผอมลงก็คือหน้าที่ของข้าไม่ใช่รึไงกัน”

 

“โดยทั่วไปแล้วคนที่ถูกบอกว่าอ้วนจะเป็นเพราะว่ามีไขมันส่วนเกินเยอะค่ะ ร่างกายที่เป็นผลลัพธ์จากการรีดแล้วรีดอีกเค้นแล้วเค้นอีกของท่านเฮเลนาน่ะ จะคิดยังไงก็ไม่มีความจำเป็นต้องไดเอ็ตอะไรเลยค่ะ”

 

คำยืนกรานของเฮเลนาถูกอเลกเซียตีตกไปอย่างไม่ปรานี

หากถูกบอกว่าอ้วนหนาก็ต้องไดเอ็ต หญิงสาวทั่วไปน่าจะทำแบบนั้นกันไม่ใช่รึไง

ทว่าอเลกเซียกลับกุมขมับ

 

“คือว่านะคะท่านเฮเลนา”

 

“อะไรรึ”

 

“ไม่ว่าจะคิดยังไงท่านเฮเลนาก็ฝึกร่างกายมากเกินไปค่ะ”

 

“หืม……”

 

ก็จริงอยู่ว่าตั้งแต่เข้าวังหลังมามันไม่มีความบันเทิงอะไรเลย เธอจึงตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนร่างกายอย่างเดียว

ไม่รู้ว่าเพราะแบบนั้นหรือไร เธอจึงรู้สึกว่าแขนทั้งสองมันใหญ่ขึ้นกว่าก่อนจะเข้าวังหลังซะอีก ทีแรกเฮเลนาก็นึกว่าเธอแค่คิดไปเอง แต่เมื่อโดนฟาร์มาสพูดใส่มาเช่นนี้ แขนคู่นี้มันก็คงจะใหญ่เกินไปจริงๆสินะ

เช่นนั้นแล้วก็ต้องทำให้มันผอมบางลงสิ

 

“แล้วควรทำอย่างไรดีล่ะ”

 

“หยุดฝึกฝนร่างกายไปสักพักเป็นไงคะ?“

 

“อย่าพูดบ้า ๆ น่าการฝึกฝนร่างกายมันต้องสั่งสมไปทุกวันจึงจะสร้างร่างกายที่แข็งแกร่งทรหดได้นะ”

 

“แล้วใครหน้าไหนกันคะ ที่โดนบอกว่าร่างกายที่แข็งแกร่งทรหดนั้นมันอ้วนหนาจนต้องมากลุ้มใจอยู่แบบนี้น่ะ”

 

“อุ……”

 

ก็จริงที่ว่าข้ออ้างของเฮเลนามันลักลั่นย้อนแย้งกันอยู่

ไม่อยากเลิกฝึกฝนร่างกาย แต่ว่าก็อยากผอมบางด้วย

การทำให้ร่างกายที่ขัดเกลาขึ้นมานี้ผอมบางลง วิธีที่ได้ผลที่สุดก็คือหยุดฝึกฝนมันซะ

ทว่าเธอก็ไม่อยากให้ตัวเองต้องอ่อนแอลงเพราะแบบนั้น

 

“……เทียบกับก่อนเข้าวังหลังแล้วรู้สึกว่าแขนมันใหญ่ขึ้นด้วยนะ”

 

“เรื่องนั้น……คิดว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นะคะ”

 

“ทำไมล่ะ? การฝึกฝนของข้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนขนาดนั้นนะ”

 

“ข้าคิดว่าเป็นเพราะความแตกต่างในวิธีการออกกำลังกายค่ะ ท่านเฮเลนาออกกำลังกายวิดพื้น เล่นกล้ามท้อง และสควอตในช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายก็แกว่งดาบใหญ่ที่ต้องใช้นางกำนัลห้าคนยกไปมา การกระทำเหล่านี้มันคือการฝึกฝนที่สร้างร่างกายอันแข็งแกร่งทรหดโดยสมบูรณ์เลยค่ะ”

 

“……ก็ใช่นะ”

 

“โปรดลองนึกดูให้ดีสิคะ เทียบจากก่อนเข้าวังหลัง กับหลังจากเข้ามาแล้ว ข้าคิดว่ามันมีการฝึกที่ท่านไม่ได้ทำอยู่ค่ะ”

 

“ฮืม……”

 

ลองนึกย้อนดู

ในสมรภูมิเธอก็วิ่งวนไปทั่วเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ทว่าในวันที่ไม่ต้องออกไปในรบในสมรภูมิเธอเคยฝึกฝนร่างกายแบบไหนอยู่กันนะ

 

“นั่นสินะ……พอตื่นเช้ามาอันดับแรกก็ฝึกวิ่ง หลังจากกินอาหารเช้าก็ฝึกฝนทั้งร่างกาย ทำแบบนั้นไปจนถึงช่วงอาหารกลางวัน จากนั้นก็ฝึกฟันดาบ บางครั้งก็ซ้อมประลองกับวิกเตอร์บ้าง หลังกินอาหารเย็นก็ฝึกวิ่งเบา ๆ แล้วหลังจากนั้นก็ไปดื่มสุรากับวิกเตอร์และคนอื่น ๆ”

 

หนึ่งวันของเฮเลนาส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่แค่นี้

สิ่งที่ขาดไปในปัจจุบันก็คือ—

 

“อย่างนี้นี่เอง”

 

“เข้าใจแล้วใช่ไหมคะ?“

 

“ไม่ได้ดื่มสุราเลยแฮะ”

 

“ไม่ใช่อันนั้นค่ะ”

 

แต่เดิมทีเฮเลนาก็ได้สัญญาว่าจะงดเว้นสุราแล้ว

จู่ ๆ ก็คิดจะเปลี่ยนเป็นดื่มสุราทุกวันเช่นนี้เนี่ย การควบคุมตัวเองมันจะอ่อนแอไปแล้ว

 

“ฮืม……พอลองนึกดูแล้วก็ไม่ได้วิ่งเลยแฮะ”

 

“ใช่แล้วค่ะ ข้าเองก็แค่ได้ยินมาจากพี่ชายอีกทีจึงไม่รู้ละเอียดนัก……แต่เขาเคยบอกว่าหากอยากให้กล้ามเนื้อหนาขึ้นก็ไม่ควรฝึกวิ่งค่ะ”

 

“งั้นรึ?”

 

“ค่ะ แล้วก็บอกว่าในทางกลับกัน หากอยากให้กล้ามเนื้อบาง ทั่วร่างผอมเพรียว ก็ต้องฝึกวิ่งกับฝึกฝนร่างกายไปพร้อมกันค่ะ”

 

“ฮืม……”

 

ก่อนเข้าวังหลังแขนเธอมันไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้แน่ ๆ

ซึ่งก็แปลว่าสาเหตุมาจากการฝึกร่างกายมากเกินไป กับการที่ไม่ได้ฝึกวิ่งเลยสินะ

หมายความว่าเฮเลนาแค่ต้องไปวิ่งก็พอ

 

“ดีล่ะงั้นไปวิ่งกันเถอะ”

 

“แล้วจะไปวิ่งที่ไหนกันคะ”

 

“……”

 

ที่นี่คือวังหลัง

โดยทั่วไปแล้วพื้นที่มันคับแคบไปหมด แม้แต่สวนระหว่างอาคารที่โล่งกว้างที่สุดก็ยังไม่ได้กว้างอะไรมากมายขนาดนั้น ถ้าแค่รำดาบก็ยังพอเหมาะพอดีอยู่ แต่จะให้ฝึกวิ่งในสวนที่มีขนาดเท่าแมวดิ้นตายเช่นนั้นมันก็ยาก

การฝึกวิ่งนั้นจำเป็นต้องใช้พื้นที่กว้างขวาง

 

“……แย่ล่ะสิไม่พบทางแก้เลยอ่ะ”

 

“เช่นนั้นอเลกเซียผู้นี้จะช่วยบอกให้สักเรื่องหนึ่งก็แล้วกันค่ะ”

 

“มีวิธีอะไรงั้นรึ?“

 

“เรื่องง่าย ๆ ค่ะ แค่ออกไปจากวังหลังซะก็สิ้นเรื่อง”

 

เมื่อได้ฟังคำของอเลกเซียเฮเลนาก็ขมวดคิ้ว

นางสนมที่เข้ามาในวังหลังย่อมไม่มีสิทธิ์ออกไปข้างนอก ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปิดตายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นั่นคือชีวิตของนางสนม

จะให้ออกไปข้างนอกเนี่ยไม่มีทางทำได้อยู่แล้วนี่นา

 

“……อเลกเซีย”

 

“แน่นอนว่าไม่ได้ออกไปตามใจชอบค่ะ นับว่าโชคดีที่ท่านเฮเลนากำลังได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฝ่าบาทอยู่ ดังนั้นเวลาที่ฝ่าบาทมีเวลาว่าง ท่านก็แค่บอกว่าอยากให้พาไปท่องเที่ยวทางไกลหน่อยก็พอแล้วค่ะ”

 

“—!”

 

นางสนมที่เข้ามาในวังหลังไม่สามารถออกไปข้างนอกได้

ทว่ามันก็มีข้อยกเว้นอยู่

หากองค์จักรพรรดิเป็นผู้พาออกไปด้วยพระองค์เองก็จะสามารถออกไปได้

 

“อย่างนี้นี่เอง……แต่ว่าทุกวันก็คงไม่ไหวล่ะมั้ง อีกอย่างหากไปท่องเที่ยวทางไกลก็คงฝึกวิ่งไม่ได้ด้วย”

 

“เป็นเพียงวิธีหนึ่งเท่านั้นค่ะ แต่ข้าคิดว่าเป็นวิธีที่ไม่เลวเลยนะคะ”

 

“นั่นสินะ คืนนี้ลองขอร้องฝ่าบาทดูดีกว่า”

 

ยังไงเขาก็เคยถามมาอยู่แล้วว่ามีอะไรที่อยากได้ไหม หากเธอขอว่าอยากจะไปท่องเที่ยวทางไกลหน่อย คิดว่าเขาก็น่าจะช่วยทำให้เป็นจริงอยู่นะ

จากนั้นเธอก็ลองนึกดูว่ามีวิธีอื่นที่ดี ๆ อีกบ้างไหม แต่ก็นึกวิธีดี ๆ ไม่ออกเลย

‘เฮ้อ’ เฮเลนาถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางดื่มน้ำชาที่เริ่มจะเย็นแล้วให้ชื่นคอ

ไม่อยากหยุดฝึกฝนร่างกาย แต่ว่าก็อยากให้กล้ามเนื้อบางลงด้วย หากมีวิธีที่ทำให้ความต้องการที่ขัดแย้งกันนั้นเป็นจริงได้ทั้งสองอย่างก็ดีสิ

 

คิดได้ถึงตรงนั้นก็มีเสียงเคาะประตู ‘ก๊อกก๊อก’

 

“ไม่ทราบว่าใครหรือคะ”

 

แน่นอนว่าผู้ที่ตอบรับคืออเลกเซีย

เฮเลนายังนั่งอยู่ที่โซฟาตามเดิม แม้ตอนแรกจะรู้สึกกังวลว่าแบบนี้ตัวเองจะดูหยิ่งไปหรือเปล่า แต่พักหลังมานี้ก็เริ่มเคยชินขึ้นมากแล้วล่ะ

 

“ขออนุญาตค่ะ! ฟรองซัวส์ เรเวินเองค่ะ! อรุณสวัสดิ์ค่ะ!”

 

“……ให้เข้ามาเถอะ”

 

“ค่ะ เชิญเข้ามาได้เลยค่ะท่านฟรองซัวส์”

 

ผู้ที่ผ่านเข้าประตูมาก็คือฟรองซัวส์

การที่อเลกเซียมีสีหน้าที่ซับซ้อนชอบกลนั้นคงเป็นเพราะนี่อาจเป็นพี่สะใภ้ในอนาคตกระมัง และในเมื่อเรื่องมันผ่านไปถึงฟาร์มาสแล้วแบบนี้ อนาคตดังกล่าวก็คงไม่สั่นคลอนอย่างแน่นอน

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ! ท่านเฮเลนา!”

 

“อ่า อรุณสวัสดิ์คุณหนูฟรองซัวส์ มีธุระอะไรรึ?”

 

“ข้าเองก็คิดว่ามันเสียมารยาทที่มาเยือนห้องโดยไม่นัดหมายล่วงหน้าแต่เช้าตรู่เช่นนี้ค่ะ! ขออภัยด้วยนะคะ!”

 

“ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือสาหรอก อย่างไรเสียก็กำลังว่างอยู่พอดี”

 

ไม่ได้โกหกเลย แม้จะกำลังกลุ้มใจวนเวียนไปมาอยู่ แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องให้ทำเป็นพิเศษ

จากนั้นฟรองซัวส์ก็ยืดหลังตรงขึ้นเหมือนได้ตัดสินใจอะไรบางอย่าง

แล้วก็ตามด้วยคุกเข่าทั้งสองข้างลง ก่อนจะโค้งศีรษะลงอย่างสุดแรงเกิด

 

“วันนี้ข้ามาเพื่อ! ขอร้องในสิ่งที่มิบังควรกับท่านเฮเลนาค่ะ!”

 

“หมายความว่าอย่างไรรึ?”

 

“ข ข้าน่ะ! คิดว่าอยากจะเป็นสตรีที่เหมาะสมคู่ควรกับท่านบาร์โตโลเมค่ะ!”

 

“หืม?”

 

“เพื่อการนั้นแล้ว! ข้าคิดว่าข้าจำเป็นจะต้อง! แข็งแกร่งขึ้นค่ะ!”

 

“อืมเป็นความตั้งใจที่ดีนี่”

 

เฮเลนาชื่นชอบคนที่อยากจะไขว่คว้าหาความแข็งแกร่งด้วยตนเอง

สมัยอยู่กองทัพก็เห็นทหารใหม่ที่มีความตั้งใจเช่นนี้แหละที่จะพัฒนาฝีมือได้ง่าย ยังไงซะคนที่มีความตั้งใจสูงก็ย่อมมีความมุมานะมากขึ้นตามตัวอยู่แล้ว

 

“ทว่า!”

 

“หืม”

 

“ข้าเป็นสตรีที่ทั้งตัวเล็กและอ่อนแอค่ะ! ดังนั้น! ได้โปรด! อยากจะให้ท่านเฮเลนาช่วยชี้แนะด้วยค่ะ!”

 

“ได้สิ”

 

“ตอบโดยไม่คิดเลยหรือคะท่านเฮเลนา!?”

 

เมื่อเฮเลนาตอบตกลงไปอย่างง่ายดาย อเลกเซียจึงเผลอโพล่งออกมาเช่นนั้น

มันมีอะไรแปลกขนาดนั้นหว่า เฮเลนาเอียงศีรษะใส่อเลกเซียด้วยความฉงน

 

“ข ขอบพระคุณมากค่ะ!”

 

“ทว่าการฝึกฝนของข้านั้นเข้มงวดนะ เจ้าจะตามทันหรือไม่”

 

“จะพยายามอย่างสุดชีวิตเลยค่ะ! ได้โปรดชี้แนะด้วยค่ะ!”

 

“อืม มีความตั้งใจเช่นนั้นแหละดี”

 

อาจารย์ที่ยอมรับศิษย์อย่างพึงพอใจ กับศิษย์ผู้มีความตั้งใจอันร้อนแรง

นี่คงจะเป็นภาพที่วิเศษมากเลยทีเดียว หากที่นี่มันไม่ใช่วังหลังล่ะก็นะ

 

“……”

 

อเลกเซียได้ยอมแพ้ต่อทุกเรื่องแล้ว

คงจะไม่มีใครสามารถหยุดเฮเลนาได้อีกแล้วกระมัง อีกอย่างหนึ่ง หลังจากนี้สมมุติว่าฟรองซัวส์มีฝีมือพัฒนาขึ้น เธออาจสามารถช่วยเป็นคู่มือให้กับเฮเลนาได้ก็เป็นได้

เรื่องการไดเอ็ตที่เฮเลนากังวลอยู่ หากได้ฝึกฝนประมือกับฟรองซัวส์ มันอาจมีผลในการกระชับร่างกายคล้าย ๆ กับการฝึกวิ่งก็ได้มั้ง

พอลองคิดแบบนั้นดูแล้ว ข้อเสนอของฟรองซัวส์ก็นับว่าดีมากเลยทีเดียว

 

“เอาล่ะ เงยหน้าขึ้นเถิดคุณหนูฟรองซัวส์……ไม่สิ ศิษย์ข้าเอ๋ย”

 

“ค่ะ! ท่านเฮเลนา! ไม่สิ ท่านอาจารย์เฮเลนา!”

 

“เป้าหมายของพวกเรานั้น คือยอดเขาแห่งยุทธที่ห่างไกล เจ้าจะตามมาได้หรือไม่?”

 

“ค่ะ! แม้ว่ามันจะเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามเพียงไรก็ตาม!”

 

“อืม เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด”

 

ดังนั้นแล้ว

อเลกเซียจึงได้แต่มองดูสองศิษย์อาจารย์ด้วยแววตาอันเย็นชาเหมือนปลาตาย

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset