“เอาล่ะ พักได้”
“ฮ แฮ่ก! แฮ่ก! ข ขอบพระคุณ มากค่ะ!”
“พักผ่อนร่างกายให้ดีเถอะ การพักผ่อนเองก็สำคัญต่อการสร้างแรงกายเหมือนกัน”
ฟรองซัวส์นอนหงายกองแหมะอยู่บนดินของสวนระหว่างอาคาร
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเที่ยงวันดีนัก ยังพอเรียกว่าเป็นช่วงเช้าได้อยู่เลย แต่ฟรองซัวส์ที่ฝึกออกหมัดตรงมาตลอดจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนพลังกายของเธอจะถูกใช้จนถึงขีดจำกัดแล้ว
แม้มันจะเป็นการออกกำลังกายเบา ๆ ขนาดที่สำหรับเฮเลนาแล้วเธอไม่อาจเรียกได้ว่าออกกำลังกายด้วยซ้ำ แต่บางทีฟรองซัวส์คงจะไม่มีแรงกายถึงขนาดนั้น
อยู่ ๆ จะให้ออกกำลังกายแบบฝืนความเหนื่อยล้าเลยก็คงไม่ดีนัก วันนี้ให้พักก่อนก็แล้วกัน
“ค ค่ะ……! ขออภัยที่ ข้า ไม่มีแรง เอาซะเลย!”
“อะไรกัน ไม่มีใครที่ทำได้ตั้งแต่แรกเริ่มหรอก ดังนั้นจึงต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่องไงล่ะ หรือว่าเจ้าคิดจะเลิกแล้วรึ?”
“ม ไม่ค่ะ! หากท่าน เฮเลนา ยังกรุณาชี้แนะ! ฟรองก็จะ พยายามค่ะ!”
“ดีมาก งั้นก็พักผ่อนสักหน่อยก่อน แล้วคราวหน้าก็ฝึกเมนูเดิมอีก ค่อย ๆ เพิ่มช่วงเวลาที่สามารถเคลื่อนไหวได้ขึ้นไปทีละน้อยนะ”
“รับทราบ ค่ะ!”
แม้จะเหนื่อยจนหมดแรง แต่ฟรองซัวส์ก็ยังตอบเสียงดัง
ไอ้วิธีการพูดจาแบบนี้คงจะเป็นนิสัยของเธอกระมัง ทว่าการส่งเสียงออกมาเช่นนี้ก็มีส่วนช่วยในการสร้างพลังกายเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อร่างกายมาถึงขีดจำกัด สิ่งที่จะช่วยผลักดันคนเราต่อไปได้ก็คือเสียงนั่นเอง
วิธีที่ดีที่สุดในการใส่แรงก็คือการส่งเสียงตะโกนออกมา และเมื่ออยู่ต่อหน้ากำลังพลศัตรูที่ส่งเสียงกู่ก้องคำราม ก็มีหลายครั้งที่ทัพของตนอาจถูกกดดันได้
ดังนั้นในยามที่ต้องทุ่มเทต่อสู้อย่างสุดกำลัง จึงมีการสั่งให้ทหารส่งเสียงตะโกนปลุกใจนั่นเอง
“งั้นก่อนอื่นก็ลุกขึ้นมาซะ แล้วจะนั่งก็ได้ นอนกลิ้งแบบนั้นไปตลอดก็ไม่ดีหรอกนะ”
“รับทราบ ค่ะ!”
‘ฮึบ’ ฟรองซัวส์ออกแรงลุกขึ้นมา
ร่างกายของเธอมันคงจะหนักอึ้งไปหมดแล้วกระมัง น่าจะไปถึงขีดจำกัดของความอ่อนล้าแล้ว ซึ่งพักหลังมานี้เฮเลนาเองก็ไม่ค่อยได้สัมผัสเหมือนกัน
‘เราเองก็เคยมีช่วงเวลาแบบนั้นเหมือนกันนะ’ เฮเลนารู้สึกคิดถึงอดีตเล็กน้อย
“ฟรองซัวส์มีธุระอะไรช่วงบ่ายหรือเปล่า?”
“ค ค่ะ! นัดกับสหายไว้ว่าจะมีงานเลี้ยงน้ำชากันค่ะ!”
“งั้นรึ เช่นนั้นก็ไปสนทนาให้สนุกแล้วก็พักผ่อนเถอะ”
“ถ้าพูดตามตรงก็ อยากนอนแล้วค่ะ!”
“อืม ก็สมควรนั่นแหละ ทว่า หากนอนในเวลาแปลก ๆ ตอนกลางคืนก็จะนอนไม่หลับเอา ต่อให้ง่วงแค่ไหนแต่ช่วงกลางวันก็ควรตื่นเอาไว้นะ”
“ค่ะ!”
เฮลนานั่งลงบนเก้าอี้พลางบอกเช่นนั้นกับฟรองซัวส์ที่กำลังพักเหนื่อยอยู่
พื้นฐานของการสร้างพลังกายก็คือการขยับร่างกายกับการพักผ่อนในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งการพักผ่อนนั้นก็ต้องพอดีไม่มากหรือน้อยไป หากขยับจนสมดุลของร่างกายพังแล้วนอนไม่หลับในตอนกลางคืนก็นับว่าผิดวัตถุประสงค์ไปแล้ว
หลังจากดื่มน้ำที่ได้รับมาจากอเลกเซีย ฟรองซัวส์ก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
“ท่านเฮเลนาคะ! ช่วงบ่ายมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ!”
“หืม? ไม่นะ ข้าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ”
“ง งั้น……ท่านเฮเลนา ได้โปรด! มาร่วมงานเลี้ยงน้ำชากับข้าและสหายของข้าได้ไหมคะ!”
“หืม……”
คำเชื้อเชิญของฟรองซัวส์ทำให้เฮเลนาขมวดคิ้ว
กับคำว่างานเลี้ยงน้ำชาแล้วเธอก็มีภาพจำที่ไม่ค่อยดีนัก พูดให้ละเอียดก็เป็นเพราะ “สนมฟ้าดารา” มาริเอลนั่นแหละ
จะว่าไปแล้ว มาริเอลที่จ้องมาด้วยสีหน้าโกรธเคืองอยู่เมื่อกี้ พอเฮเลนารู้สึกตัวเธอก็จากไปเหมือนกับรีบหนีเลย โกรธเรื่องอะไรของเค้าขนาดนั้นกันแน่นะ
ดูเหมือนคนที่เธอจ้องด้วยความโกรธอยู่น่าจะเป็นฟรองซัวส์ แต่ทำไมถึงต้องโมโหฟรองซัวส์ขนาดนั้นเฮเลนาเองก็จินตนาการไม่ออกเลยสักนิด
ความคิดมันชักจะออกทะเลแล้วสิ กลับมาเข้าเรื่องก่อน
ปัญหาหลักตอนนี้ก็คือ งานเลี้ยงน้ำชาของฟรองซัวส์ที่จะจัดขึ้นในบ่ายวันนี้
เมื่อเห็นท่าทางของเฮเลนาที่เงียบไปเพราะกำลังกลุ้มใจ ฟรองซัวส์ก็ร้อนรนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ข ขออภัยค่ะ! หากท่านเฮเลนาไม่สะดวก! ก็ไม่เป็นอะไรนะคะ!”
“เปล่าน่ะ……อืม ก็เชิงว่าไม่สะดวกหรอกนะ”
“คือว่า……สหายของข้าน่ะ เธอคิดว่าท่านเฮเลนาเป็นคนน่ากลัวค่ะ! ดังนั้น! ข้าเลยอยากให้เธอรู้ว่าท่านเฮเลนาเป็นคนที่ใจดีแล้วก็วิเศษมากค่ะ!”
“……อืม”
ดูจากท่าทางแล้ว คิดว่าฟรองซัวส์น่าจะไม่ใช่ฝ่าย “สนมฟ้าดารา” หรือฝ่าย “สนมฟ้าจันทรา” แต่เป็นฝ่ายกลางที่ไม่ได้อยู่ฝั่งไหนเลย
และหากเป็นสหายของฟรองซัวส์ก็มีความเป็นไปได้สูงที่สหายเหล่านั้นจะเป็นฝ่ายกลางด้วย
เฮเลนาไม่ควรจะไปข้องแวะกับพวกคนในฝ่ายต่าง ๆ โดยไม่ไตร่ตรองให้ดี แต่หากเป็นสหายของฟรองซัวส์ คิดว่าก็คงไม่เป็นไรมั้ง
“จะมากันกี่คนรึ?”
“มีแค่ข้า! กับสหายอีกหนึ่งคนค่ะ!”
“……น้อยผิดคาดนะ”
“ข ข้ามีสหายน้อยอยู่แล้วค่ะ!”
แม้ฟรองซัวส์จะเป็นเด็กดี แต่วังหลังคือสถานที่ซึ่งการเป็นเด็กดีก็ไม่ได้แปลว่าจะหาเพื่อนได้
และความคิดที่ว่าคนน้อย ๆ อาจสงบใจได้มากกว่า เฮเลนาเองก็พอจะเข้าใจ
พูดในทางกลับกันแล้ว ใจจริงเฮเลนาก็ลังเลว่าให้เธอไปเข้าร่วมในการสนทนากับสองต่อสองกับเพื่อนแบบนั้นมันจะดีหรือ
“อืม……แต่ว่าให้ข้าไปร่วมแบบนี้จะไม่เกะกะหรือ?”
“ไม่ค่ะ! ไม่เป็นแบบนั้นหรอก!”
“ฮืม……”
ฟรองซัวส์เป็นเด็กดี
ดังนั้นหากปฏิเสธคำเชิญชวนเช่นนี้ของเธออย่างไร้เยื่อใยเฮเลนาก็คงรู้สึกผิด
อีกอย่าง ฟรองซัวส์ก็อุตส่าห์ชื่นชมเธออยู่ด้วย เช่นนั้นแล้วการทำคำขอของเธอให้เป็นจริงสักเล็กน้อยมันก็เป็นหน้าที่ของผู้อาวุโสกว่าสินะ
“……งั้นก็เอาเถอะ หากจัดตอนบ่ายข้าก็ขอร่วมด้วยแล้วกัน”
“ขอบพระคุณค่ะ!”
“เช่นนั้น ให้ไปหาหลังจากทานอาหารกลางวันใช่ไหม?”
“ค่ะ! จะจัดที่ห้องของข้าค่ะ! ข้าจะเตรียมเก้าอี้ไว้ให้ท่านเฮเลนานะคะ!”
“เข้าใจแล้ว จะตั้งตารอนะ”
ยังไงก็ล้มเลิกเรื่องการฝึกฝนร่างกายในช่วงบ่ายวันนี้ไปก่อนแล้วกัน
การเสริมสร้างความสนิทสนมกับฟรองซัวส์มันก็ไม่เลวนัก อีกอย่าง หากเป็นงานเลี้ยงน้ำชาที่ฟรองซัวส์เป็นเจ้าภาพ บรรยากาศมันก็คงไม่เลวร้ายเหมือนตอนของมาริเอลหรอก
แม้เฮเลนาจะไม่รู้ว่าห้องของฟรองซัวส์มันอยู่ตรงไหน แต่เรื่องนั้นไว้ค่อยให้อเลกเซียผู้มากความสามารถเป็นคนชี้ทางให้ก็ได้
“แล้วเอายังไงต่อล่ะ? ยังมีเวลาก่อนถึงช่วงอาหารกลางวัน จะออกกำลังเบา ๆ หน่อยไหม?”
“ค ค่ะ! ได้พักไปแล้ว! ก็เลยยังขยับไหวอยู่ค่ะ!”
“ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ”
“ไม่ค่ะ! เป้าหมายของข้า! คือเส้นทางสู่การเป็นภรรยาที่เหมาะสมคู่ควรกับท่านบาร์โตโลเมค่ะ!”
“……งั้นรึ”
หากจะเป็นภรรยาที่คู่ควรกับสัตว์ประหลาดนั่น อย่างน้อยที่สุดคงต้องมีฝีมือระดับเฮเลนากระมัง อันที่จริงแค่เฮเลนาก็อาจไม่พอด้วยซ้ำ
ทว่าการมีความตั้งใจยิ่งใหญ่เช่นนั้นก็เป็นสิ่งยอดเยี่ยม
‘อืม’ เฮเลนาพยักหน้า
และในตอนนั้นเอง—เธอก็ได้เห็น ผู้รุกล้ำย่างกรายเข้ามาในสวน
“เอ๋……?”
นั่นคือ ร่างที่ได้เห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ทว่าก็เป็นร่างที่เคยนึกว่าคงจะไม่ได้เห็นในวังหลังอย่างแน่นอน
“ไม่พบกันเสียนานนะคะ ท่านเฮเลนา”
ร่างเล็ก ๆ กำลังก้าวเข้ามาใกล้อย่างแช่มช้า
หากดูแต่รูปลักษณ์ภายนอก ร่างนั้นก็ดูเหมือนเด็กหญิงที่เยาว์วัยกว่าฟรองซัวส์มาก ส่วนสูงเตี้ยกว่าฟรองซัวส์อยู่หนึ่งช่วงกำปั้น และมีสัดส่วนรูปร่างที่เหมาะสมกับส่วนสูงนั้น พร้อมใบหน้าอันอ่อนเยาว์ที่หากไม่รู้จักเจ้าตัวจริง ๆ ก็คงเห็นว่าเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา
ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้—เฮเลนาหยุดนึกสงสัยไม่ได้
“เห? อ เอ๊ะ? เอ่อ……ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ! เป็นคนที่อายุน้อยกว่าข้า……หรือคะ?”
“สวัสดี เธอคือศิษย์ของท่านเฮเลนารึ?”
“ค ค่ะ! ถึงจะเพิ่งเริ่มวันนี้ก็เถอะค่ะ!”
“งั้นหรือ การที่ท่านเฮเลนากรุณาสั่งสอนด้วยตนเองนับเป็นเกียรติยศอันสูงสุด จงตั้งใจปฏิบัติให้ดีล่ะ”
เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวเช่นนั้นกับฟรองซัวส์ จากนั้นก็
ค่อย ๆ หันมาทางเฮเลนา ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วโน้มศีรษะลง
“อยากพบเหลือเกินค่ะ ท่านเฮเลนา”
“……ทำไม ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“ฝ่าบาทไม่ได้บอกหรือคะ? ว่าตั้งแต่วันนี้ไปหนึ่งกองร้อยจากกองกำลังอัศวินหมาป่าเงินจะมาประจำการรักษาความปลอดภัยในวังหลังน่ะ”
“อ่า……เรื่องนั้นก็ได้ยินมาอยู่นะ แต่ว่า……”
“เช่นนั้นก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ข้าจะมานี่คะ ท่านเฮเลนา”
เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มชื่นบาน
จากนั้นก็กุมมือของเฮเลนาเอาไว้
“สมาชิกหมายเลข 00001 ของแฟนคลับอย่างเป็นทางการเพื่อท่านเฮเลนา ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ และหัวหน้าหน่วยองค์รักษ์พิทักษ์ท่านเฮเลนาซึ่งประกอบด้วยสมาชิกชั้นเสนาธิการของสมาคมเท่านั้น ‘หน่วยผู้ปกป้องแผ่นหลังท่านเฮเลนา’ ทิฟฟานี รีด มาอยู่ข้างกายท่านแล้วค่ะ”
นามของเธอคือ ทิฟฟานี รีด
สตรีเพียงหนึ่งเดียวในหมู่แปดยอดขุนศึกที่น่าภาคภูมิใจแห่งจักรวรรดิกันเกรฟ “ขุนศึกหมาป่าเงิน”
และยังเป็นแฟนเดนตายที่คลั่งไคล้เฮเลนาขั้นสุดอีกด้วย