แล้วมันทำไมเล่า
นั่นคือความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาของเฮเลนาที่มีต่อคำพูดของชาร์ลอตเต
แต่เดิมทีแล้ว ที่นี่ก็คือวังหลัง และทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นนางสนมของฟาร์มาสอยู่แล้ว ฟาร์มาสอยากจะไปหาใครในยามค่ำคืนมันก็เป็นอิสระของฟาร์มาส ไม่ใช่เรื่องต้องมายืดอกบอกกันอย่างภาคภูมิใจเสียหน่อย
ทว่าชาร์ลอตเตกลับยิ้ม ‘หึหึ’ ราวกับจองหองในชัยชนะ พลางกล่าวว่า
“อุ๊ยแหม ไม่รู้มาก่อนจริงด้วยสินะเจ้าคะ? การที่ฝ่าบาทไปเยือนที่ของคุณหนูเรเวินซึ่งเป็นพระสนมผู้ใกล้ชิดกับท่านที่สุดเนี่ย……มันก็คิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากการทรยศของคุณหนูเรเวินนะเจ้าคะ”
“อ่า……”
เกรงว่าที่ฟาร์มาสไปเยือนห้องของฟรองซัวส์ น่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่เฮเลนาได้บอกไปเมื่อหลายคืนก่อน เรื่องของบาร์โตโลเมล่ะมั้ง
โดยพื้นฐานแล้ว เมื่อการทาบทามสู่ขอบาร์โตโลเมเป็นหัวข้อที่ได้รับการตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว แม้จะอย่างลับ ๆ ก็ตาม เธอก็ไม่คิดว่าฟาร์มาสจะลงมือทำอะไรกับฟรองซัวส์หรอก อีกอย่างหนึ่งเฮเลนาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจละเอียดนัก แต่การแสดงท่าทีว่ารักใคร่โปรดปรานเฮเลนามันก็เป็นแผนสกัดกั้นอะไรสักอย่างอยู่ด้วยเหมือนกัน
ดังนั้น เขาคงจะไปเพื่อพูดคุยกับฟรองซัวส์เกี่ยวกับการทาบทามสู่ขอบาร์โตโลเมและอธิบายว่ามันจะเดินหน้าไปยังไงต่อเพื่อให้เธอสบายใจกระมัง
เฮเลนาเข้าใจเรื่องนั้น
ทว่า ชาร์ลอตเตผู้ไม่รู้อะไรเลย ทั้งเจตนาและเป้าหมายของฟาร์มาส ก็ย่อมไม่เข้าใจ
“หรือว่า แม้แต่การเข้ามาใกล้ชิดพระสนมฟ้าสุริยาก็เป็นแผนการของคุณหนูเรเวินหรือเปล่าเจ้าคะ? ก็เข้ามาตีสนิทโดยที่รู้ดีว่ามีแต่พระสนมฟ้าสุริยาที่ได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทนี่นา มันก็เป็นเรื่องธรรมดานะเจ้าคะ”
“ค คือว่า! ข้าไม่ได้”
“หุบปากไปซะคุณหนูเรเวิน เธอเป็นแค่ ‘ผู้มีความสามารถ’ ไม่มีสิทธิ์มาสอดปากในการสนทนาของพวกดิฉันที่เป็นสามสนมฟ้าหรอกนะเจ้าคะ”
‘อุ’ ฟรองซัวส์ถูกกดดันให้เงียบปาก
หากคิดตามตำแหน่งในวังหลังแล้วฟรองซัวส์ก็จะด้อยกว่าชาร์ลอตเต ดังนั้นการยอมเงียบในสถานการณ์นี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาก็คงเป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้ว
‘เฮ้อ’ เฮเลนาถอนใจ
“……พระสนมฟ้าจันทรา”
“แหม ในที่สุดก็เข้าใจแล้วหรือเจ้าคะ? ท่านน่ะไม่มีพวกพ้องอยู่หรอก”
“เปล่าค่ะ……คือว่ามาเพื่อพูดแค่นั้นหรือคะ?”
“หา?”
สำหรับเฮเลนาแล้วชาร์ลอตเตไม่ได้เป็นอะไรนอกจากคนน่ารำคาญ แม้ตอนนี้จะพักเหนื่อยกันอยู่แต่ปัจจุบันพวกเธอกำลังอยู่ระหว่างการฝึกฝนวิชา ชาร์ลอตเตที่นำพาลิ่วล้อมาที่นี่แถมยังมาพูดอะไรไม่รู้ไม่หยุดหย่อนจึงนับว่าเป็นตัวเกะกะอย่างแท้จริง
ฟาร์มาสได้ไปเยือนห้องของฟรองซัวส์
การที่ชาร์ลอตเตอุตส่าห์ถ่อมาถึงนี่เพื่อบอกเรื่องนั้นกับเฮเลนา มันไม่มีความหมายอะไรเลย
“ค แค่นั้น……ม ไม่ตกใจหรือไงกันเจ้าคะ!?”
“ก็ไม่นะคะ”
“หา!? ท่านไม่รู้มาก่อนมิใช่รึไง! งั้นปกติก็ควรจะตกใจกว่านี้สิเจ้าคะ!”
“เอ่อ—……”
จะคิดยังไงมันก็ไม่สามารถโยงไปหาเรื่องรักใคร่ได้เลยนี่นา
ฟาร์มาสเป็นพวกชอบคนอายุมากกว่าระดับฮาร์ดคอร์ ส่วนฟรองซัวส์ก็เที่ยวป่าวประกาศไปทั่วว่าชอบตาลุงสัตว์ประหลาดนั่น มันจะไปมีเรื่องรักใคร่กันได้ยังไง
ที่สำคัญ สำหรับเฮเลนาแล้วเธอก็ไม่เข้าใจสักนิดว่าชาร์ลอตเตคิดยังไงถึงถ่อมาที่นี่เพื่อพูดเรื่องนั้น
“ข้าอยากจะกล่าวอะไรสักหนึ่งอย่างนะคะ พระสนมฟ้าจันทรา”
“อ อะไรเจ้าคะ!”
“ข้าได้เข้าใจแล้วว่าฝ่าบาทได้เสด็จเยือนห้องของฟรองซัวส์ค่ะ แล้วมันยังไงหรือคะ?”
“แล้วมันยังไง……ท ทำไมถึงใจเย็นอยู่ได้ขนาดนั้นล่ะเจ้าคะ!?”
“เปล่าค่ะ……คือกำลังคิดว่า ใช่ว่าฝ่าบาทได้เสด็จไปที่ห้องของท่านเสียเมื่อไร ทำไมถึงได้มาเพื่อบอกเรื่องนั้นอย่างมั่นอกมั่นใจขนาดนั้นน่ะ”
“……!”
เมื่อได้ฟังคำของเฮเลนา ชาร์ลอตเตก็หน้าแดงแจ๋
ถ้าฝ่าบาทมาที่ห้องของตนเอง การจะมาบอกอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “ฝ่าบาทเสด็จมาเยือนเจ้าค่ะ!” ก็คงไม่เป็นไร แต่คนที่ฟาร์มาสไปเยือนมันคือฟรองซัวส์นี่นา
ไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวกับชาร์ลอตเตเลยสักอย่าง
“ท ทำไม ไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะเจ้าคะ!?”
“……เอ่อ เพราะไม่เข้าใจวัตถุประสงค์น่ะค่ะ”
“วัตถุประสงค์ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่คะ!?”
“……มาเพื่อบอกฟรองซัวส์ว่า ‘ยินดีด้วยที่ฝ่าบาทเสด็จมาเยือน’ งั้นหรือคะ?”
“จะเป็นงั้นไปได้ยังไงกันล่ะเจ้าคะ!”
ชาร์ลอตเตร้องตะโกนกรี๊ดกร๊าด
ดูท่าว่าหากไม่ให้คำอธิบายที่เธอยอมรับได้เธอก็คงไม่ยอมไปจากที่นี่สินะ พูดตามตรงแล้วมันเกะกะการฝึกฝน ดังนั้นจึงอยากให้ไปที่อื่นไว ๆ
ทว่าแม้อยากอธิบายแต่ก็อธิบายไม่ได้ ช่างน่าลำบากใจ
เจตนาที่แท้จริงของฟาร์มาสนั้น แม้แต่ลูเครเซียก็ยังไม่ทราบเลย จึงย่อมไม่มีทางให้ชาร์ลอตเตล่วงรู้ได้
ส่วนฟรองซัวส์ ในเมื่อฟาร์มาสอุตส่าห์ไปหาด้วยตนเอง ดังนั้นบางทีเธออาจรู้แล้วก็ได้ ทว่าจะให้มายืนถามกันตอนนี้ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ของแบบนี้มันต้องไล่คนอื่นออกไปก่อนแล้วค่อยถาม
ดังนั้นการให้คำอธิบายที่ชาร์ลอตเตยอมรับได้จึงเป็นเรื่องที่เธอมิสามารถ
ตอนนั้นเอง
เฮเลนาก็ตีมือดัง ‘ป้าบ’
“เอาล่ะ หมดเวลาพักแล้ว มาเริ่มการฝึกต่อไปกัน”
“ค่ะ ท่านพี่หญิง!”
“ค่า—”
มาริเอลที่นิ่งเงียบฟังคำพูดของชาร์ลอตเตเรื่อยมาจนถึงตอนนี้ได้ลุกขึ้นยืนอย่างขันแข็ง ดูเหมือนครั้งนี้เธอไม่คิดจะสอดปากคำเข้ามาสินะ
ตามด้วยคลาริสซาที่แม้จะทำหน้าเหนื่อยแต่ก็ลุกขึ้นยืน ที่เธอไม่ตกใจอะไรเป็นพิเศษก็คงเป็นเพราะได้ฟังจากปากของฟรองซัวส์มาก่อนแล้วกระมัง
และสุดท้าย ฟรองซัวส์ก็เช่นกัน
“ท ท่านเฮเลนาคะ! ข ข้าไม่ได้”
“อ่า—ไว้ค่อยถามรายละเอียดทีหลังแล้วกัน ก่อนอื่นตอนนี้มาฝึกฝนต่อกันเถอะ”
“รับทราบค่ะ!”
“จะเมินดิฉันงั้นหรือเจ้าคะ!?”
เมื่อฟรองซัวส์ยืนขึ้น เฮเลนาก็ไปยืนอยู่หน้าทั้งสามที่ยืนเรียงกัน แม้ด้านข้างจะมีคนโหวกเหวกโวยวายอะไรสักอย่างอยู่ แต่ตอนนี้ทำเป็นไม่เห็นไปก่อนแล้วกัน
หากไม่สามารถให้คำอธิบายที่ยอมรับได้ งั้นก็ไม่ต้องอธิบายมันซะเลย เพราะยังไงก็มีตัวเลือกอันง่ายดายที่ชื่อว่าการเมินเฉยอยู่
“เอาล่ะ การออกหมัดตรงโดยส่วนใหญ่ก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว ต่อไปจะเข้าสู่การฝึกก้าวเท้านะ”
“ฟังที่ดิฉันพูดสิเจ้าคะ!”
“ฟังนะ ก่อนอื่นต้องตั้งท่าแบบกึ่งหันข้างซะ บนเส้นกลางลำตัวน่ะมันมีทั้งจุดเหรินจงที่อยู่ระหว่างจมูกกับปาก มีลำคอ ลิ้นปี่ และหากเป็นบุรุษก็จะมีเป้าหว่างขาด้วย เป็นเส้นที่มีจุดตายอยู่เต็มไปหมด”
“ทำไมถึงเมินดิฉันหน้าตาเฉยขนาดนั้นล่ะเจ้าคะ!?”
เฮ้อ น่ารำคาญชะมัด
แม้จะคิดแบบนั้นไปพลาง แต่เฮเลนาก็ฝึกสามคนตรงหน้าต่อไป การยืนแบบกึ่งหันข้างก็มีความหมายตรงตามตัวอักษร คือการหันเพียงครึ่งตัวให้คู่ต่อสู้เห็น เป็นการตั้งท่าแบบเปิดสะโพกหันตัวออกด้านข้างนั่นเอง
ด้วยการตั้งท่าแบบนี้ แขนข้างที่อยู่ด้านหน้าจะสามารถออกหมัดสกัดกั้นได้อย่างรวดเร็ว ส่วนแขนข้างที่อยู่ด้านหลังจะสามารถใช้แรงบิดเอวเพื่อออกหมัดที่รุนแรงได้ เรียกได้ว่ามันคือการตั้งท่าที่เป็นพื้นฐานของการต่อสู้มือเปล่าเลยทีเดียว
“การหันไปทางเดียวกันกับคู่ต่อสู้จะเรียกว่าหันข้างทางเดียว การหันทางตรงข้ามกับคู่ต่อสู้จะเรียกว่าหันข้างสลับทาง แต่การหันข้างสลับทางนั้นมันมีความยากในหลาย ๆ เรื่อง ดังนั้นวันนี้เราจะฝึกโดยหันข้างทางเดียวแล้วกัน”
“ค่ะ!”
“ค่า—”
“ค่ะ! ท่านพี่หญิง!”
“ทำไมพวกเธอก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยล่ะเจ้าคะ!? แล้วไอ้ท่านพี่หญิงของ ‘สนมฟ้าดารา’ นั่นมันอะไรกัน!?”
“เอาล่ะ ทุกคนลองตั้งท่าดู”
“ฟังที่ดิฉันพูดสิเจ้าคะ—!!!”
‘อ๊า—’ ชาร์ลอตเตจิกผมของตนเอง และขมวดคิ้วเป็นปมจนเห็นได้ชัด
จากนั้นก็กัดฟันแน่น
“ฮึ่ยย……”
“อืม ฟรองซัวส์ ทำได้ดี แต่ควรย่อสะโพกลงต่ำกว่านี้เพื่อให้ร่างกายมั่นคงขึ้นนะ”
“โหดร้ายที่สุดเลยเจ้าค่ะ! วันนี้ดิฉันจะกลับแล้ว! จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ด้วยนะเจ้าคะ! คนที่เป็นพวกพ้องของท่านน่ะ ไม่มีอยู่สักคนในวังหลังแห่งนี้หรอก!”
“มาริเอลขยับส่วนบนมาข้างหน้าอีกหน่อย ยื่นมาข้างหน้าแบบนี้นะ”
“อั๊งฮ์……”
ชาร์ลอตเตที่โกรธจนตัวสั่นได้หันหลังและค่อย ๆ จากไป ซึ่งเฮเลนาเองก็มองส่งแบบไม่ได้หันไปมองตรง ๆ ในขณะที่สัมผัสร่างของมาริเอลเพื่อปรับปรุงท่าทางไปด้วย
ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่แตะตัวมาริเอลเธอถึงตอบสนองแบบแปลก ๆ ชอบกล คิดไปเองหรือเปล่านะ
‘เฮ้อ’ เฮเลนามองดูแผ่นหลังของชาร์ลอตเตที่จากไป แล้วก็คิด
เธอกล่าวว่า คนที่เป็นพวกพ้องของเฮเลนาไม่มีอยู่สักคนในวังหลัง
ทว่า มันกลับกันเลยต่างหาก
หัวหน้าใหญ่ของกองอัศวินหมาป่าเงินซึ่งเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยวังหลังก็คือทิฟฟานี รีด ซึ่งเป็นแฟนคลับที่เทิดทูนเฮเลนา บรรดาคนของหน่วยรักษาความปลอดภัยเองก็เป็นคนที่เฮเลนาเคยฝึกปรือมาครั้งหนึ่งทั้งนั้น
มาริเอลผู้เป็นสามสนมฟ้าอีกคนหนึ่งก็มาอยู่ที่นี่และเป็นศิษย์ของเฮเลนาอยู่ แม้ยังเชื่อใจได้ไม่เต็มร้อยแต่จะเรียกว่าเป็นพวกพ้องฝ่ายเดียวกันก็คงไม่ผิด
และที่สำคัญที่สุด ฟาร์มาสก็แสดงท่าทีว่ารักใคร่โปรดปรานเฮเลนาอยู่
ซึ่งก็หมายความว่า
“……คนที่ไม่มีพวกพ้องเลยสักคนน่ะ มันน่าจะเป็นท่านมากกว่านะคะ”
“สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเต เอียนส์เวิร์ธ
หากเธอตกอยู่ในอันตรายใด ๆ จะมีคนที่คอยปกป้องเธอหรือเปล่านะ