“ฮ่ะ!”
“ช้าไป”
กำปั้นของทหารชั้นเสนาธิการของกองอัศวินหมาป่าเงิน เมห์เลียนา ฟาร์เลนที่ปล่อยออกมาพร้อมกับการก้าวเท้าเข้าหา ได้ถูกเฮเลนาหลบหลีกอย่างง่ายดายโดยการขยับตัวไปด้านข้าง มันเป็นการจู่โจมอันแหลมคมชนิดที่หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงทำได้เพียงป้องกันหรือรับเข้าไปตรง ๆ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังสายตาอ่านการเคลื่อนไหวของเฮเลนามันก็อยู่ในระดับที่สามารถหลบได้อย่างง่ายดาย
เมห์เลียนามีความแข็งแกร่งขนาดที่น่าจะติดหนึ่งในห้าของกองอัศวินหมาป่าเงิน ซึ่งเหตุผลหลักมันก็เป็นเพราะความสามารถทางกายที่เมห์เลียนาครอบครองนั่นเอง เธอสูงกว่าเฮเลนาซึ่งเป็นสตรีที่ตัวสูงอยู่แล้วไปอีกสองช่วงกำปั้น หากไปยืนปะปนกับบุรุษก็ยังจัดว่าตัวสูง ดังนั้นระยะที่กำปั้นของเธอไปถึงจึงยาวไกล และมีขอบเขตในการโจมตีที่กว้างมาก
ดังนั้น หากคู่ต่อสู้เป็นอัศวินธรรมดาทั่วไป ก็ย่อมถูกกดดันด้วยความหลากหลายในรูปแบบและระยะที่ยาวไกลในการโจมตีของเธอ
ทว่าสำหรับเฮเลนาแล้ว สิ่งนั้นไม่ได้สร้างความยากลำบากอะไรเลย
แต่ไหนแต่ไร คู่ต่อสู้ที่เฮเลนาฝึกซ้อมด้วยมากที่สุดก็คือ “ขุนศึกพยัคฆ์แดง” วิกเตอร์ ครีก ซึ่งวิกเตอร์ที่ตัวสูงกว่าเฮเลนาอีกหนึ่งช่วงศีรษะนั้นก็ย่อมตัวใหญ่กว่าเมห์เลียนาเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความที่เป็นบุรุษจึงมีพละกำลังมากอีกด้วย
ดังนั้น สำหรับเฮเลนาแล้ว เมห์เลียนาก็เป็นเพียงเวอร์ชันที่ด้อยกว่าของวิกเตอร์เท่านั้นเอง
“ฮึ้ย! ย้า!”
“เอาแต่จู่โจมโดยพึ่งพาแต่พละกำลังก็ไม่มีความหมายหรอก ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้วนี่”
“อึ่ก!”
การจู่โจมของเมห์เลียนาที่ฟาดกวาดไปทั่ว เฮเลนาได้หลบหลีกมันโดยเฉียดเพียงเส้นผม และร่นระยะเข้าประชิดตัว
มันไม่ใช่ว่าเมห์เลียนาขาดฝีมือแต่อย่างใด เมห์เลียนานั้นเป็นอัศวินที่แข็งแกร่งขนาดที่สามารถเอาชนะแม้แต่คู่ต่อสู้ที่เป็นบุรุษได้อย่างหมดจด
ทว่า—เฮเลนาซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ของเธอนั้น เป็นยอดสตรีที่สามารถยืนในจุดสูงสุดแห่งยุทธของจักรวรรดิกันเกรฟได้เสียด้วยซ้ำไป
“มันจะโดนเล่นเข้าที่คางแบบนี้ได้นะ”
“……!”
การโจมตีที่เล็งเข้าใส่คางอย่างแม่นยำในระยะทางที่สั้นที่สุด ทว่าก็หยุดยั้งไว้ก่อนที่จะโดนตัวของเมห์เลียนา
หากนี่ไม่ใช่การฝึกซ้อมแต่เป็นการต่อสู้จริง การโจมตีครั้งนี้ก็คงจะตัดสินแพ้ชนะไปแล้ว ดังนั้นเมห์เลียนาจึงยอมหยุดการเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน
จากนั้นก็ก้มศีรษะลงต่ำ
“ทีแรกก็นึกว่าน่าจะไล่ตามท่านเฮเลนาได้สักนิดแล้วเชียวนะคะ……”
“เทียบกับก่อนหน้านี้เจ้าก็แข็งแกร่งขึ้นนะ เป็นผลจากการฝึกฝนอย่างไม่ย่อท้อไงล่ะ”
“ทว่า……ก็ยังโจมตีไม่โดนท่านเฮเลนาอยู่ดี”
“เมห์เลียนาน่ะ น่าจะต้องคิดการโจมตีที่ต่อเนื่องประสานกันมากกว่านี้อีกหน่อยนะ การจู่โจมแต่ละครั้งมันออกท่าใหญ่มากเกินไป ลองคิดถึงการจู่โจมที่สอดประสานต่อเนื่องหลังจากใช้ท่าใหญ่ในการเบี่ยงเบนความสนใจไปเพื่อจี้ช่องโหว่ของคู่ต่อสู้ดูน่าจะดี”
“ค่ะ ขอบพระคุณที่ชี้แนะค่ะ!”
การฝึกฝนของมือใหม่ทั้งสามนั้น ดูเหมือนความเหนื่อยล้าของทั้งสามคนจะถึงขีดจำกัดแล้วจึงให้หยุดพักไปก่อน แม้จะคิดว่าให้พักอย่างเพียงพอแล้ว แต่เทียบกับเฮเลนาที่ฝึกฝนอยู่เป็นประจำ การฟื้นฟูความเหนื่อยล้าของทั้งสามที่แทบไม่เคยฝึกเลยย่อมมีความเร็วแตกต่างกัน ดังนั้นไหน ๆ ก็จะให้พักค่อนข้างนานอยู่แล้ว เธอเลยฝึกจำลองการต่อสู้กับบรรดาคนของกองอัศวินหมาป่าเงินไปด้วยเช่นนี้
อนึ่ง เมห์เลียนาคือคนที่สิบ หมายความว่าเป็นคนสุดท้ายแล้วนั่นเอง
ความแข็งแกร่งของเฮเลนาที่รับมืออีกเก้าคนก่อนหน้านี้โดยที่ชี้แนะไปด้วยและไม่โดนโจมตีเลยแม้แต่ครั้งเดียวแถมยังไม่แสดงความเหนื่อยล้าออกมาแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าก้าวข้ามความเป็นมนุษย์ไปแล้ว
และสำหรับทั้งสามคนที่ได้ดูและศึกษาการต่อสู้ของเฮเลนาอยู่นั้น
“ย ยอดไปเลยค่ะ……! ต้องไปให้ถึงระดับนี้ ข้าจึงจะสามารถยืดอกพูดได้ว่าเป็นคู่ครองที่เหมาะสมกับท่านบาร์โตโลเมสินะคะ!”
“……เอ๋ ระดับนี้เหรอ? จะทำถึงระดับนี้เลยเหรอ? ไม่ใช่ฝึกเพื่อแก้ปัญหาออกกำลังกายไม่พอหรอกเหรอ?”
“เป้าหมายต้องสูงเข้าไว้สิคะ! คลาริสซา!”
“ไม่สิ มันก็สูงไปหน่อยมั้ย? นี่มันแกร่งระดับที่เลิกเป็นมนุษย์ไปแล้วนะ?”
“ข้าน่ะ! เพื่อท่านบาร์โตโลเมแล้วล่ะก็! จะเลิกเป็นมนุษย์ให้ดูค่ะ!”
“……จะทำยังไงล่ะนั่น”
ฟรองซัวส์ที่กล่าวความตั้งใจอันแน่วแน่ออกมา กับคลาริสซาที่กำลังรู้สึกแหยงนิด ๆ
ดูเหมือนคลาริสซาจะไม่ได้มีความตั้งใจมากขนาดนั้นและมองว่าการฝึกฝนนี้เป็นแค่ทางแก้ปัญหาการออกกำลังกายไม่เพียงพอ ถึงกระนั้นเฮเลนาก็ไม่คิดจะกล่าวโทษเธอในเรื่องนั้น อันดับแรกเริ่มต้นจากแค่การแก้ปัญหาออกกำลังกายไม่พอก่อนก็ได้ เพราะยิ่งเปิดประตูทางเข้าไว้กว้างเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ส่วนอีกคนหนึ่งซึ่งก็คือมาริเอลนั้น
“อ๊า……ท่านพี่หญิง……วิเศษไปเลยค่ะ……!”
“……”
เธอกำลังส่งสายตาร้อนแรงอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับที่อัศวินหญิงบางส่วนของกองอัศวินหมาป่าเงินชอบส่งมาให้กับเฮเลนาในบางครั้ง
เป็นสายตาที่ชวนให้คิดว่า ‘อีหรอบนี้เชื่อใจแบบเต็มร้อยเลยก็ได้มั้งเนี่ย’ ไม่รู้ว่าตั้งแต่งานเลี้ยงน้ำชาในวันนั้นมามันเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นในใจของมาริเอลกันแน่
สำหรับเรื่องนั้นเฮเลนาก็ไม่รู้สักนิดจึงตัดสินใจพักมันเอาไว้ก่อน แค่ไม่ถูกมองว่าเป็นศัตรูก็นับว่าดีกว่าชาร์ลอตเตมากแล้ว
“เอาล่ะ……ใกล้ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วสินะ”
“อ๊ะ! เวลาป่านนี้แล้วหรือคะเนี่ย!”
“ใช่ สำหรับช่วงบ่ายก็……”
“ท่านเฮเลนาคะ ช่วงบ่ายมีการนัดหมายว่าฝ่าบาทพระพันปีลูเครเซียจะเสด็จมาเยือนอยู่ค่ะ”
ตอนที่กำลังคิดว่า ‘ช่วงบ่ายก็มาฝึกกันเถอะ’ อยู่นั่นเอง อเลกเซียก็กล่าวแทรกขึ้นมาเช่นนั้น
ยังไงก็คงเพิกเฉยต่อการนัดหมายล่วงหน้าของพระพันปีไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ ไม่รู้ว่ามีธุระอะไรเหมือนกัน แต่บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อวานเอาแต่เสวนากัน วันนี้ก็เลยจะมาเพื่อสอนเกี่ยวกับ “มารยาทการวางตัวในฐานะชายาเอก” ซึ่งเป็นหัวข้อหลักกระมัง
แบบนี้คงได้แต่ยอมแพ้ทั้งหมดทุกสิ่งในช่วงบ่ายล่ะนะ
“……ตามนั้นแหละ ช่วงบ่ายก็พักผ่อนกันตามสบายเถอะ”
“ค่ะ! ท่านเฮเลนา!”
“ข้าเองก็ชอบแบบนั้นมากกว่านะคะ ร่างกายที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแบบนี้ให้เคลื่อนไหวตลอดทั้งวันก็ทรมานเหมือนกันค่ะ”
“แต่ถ้าเป็นไปได้ดิฉันก็อยากจะชื่นชมความสง่างามของท่านพี่หญิงในช่วงบ่ายด้วยนะคะ……”
“โทษทีนะคุณหนูมาริเอล เอาล่ะ วันนี้แยกย้ายแต่เพียงเท่านี้”
แม้ครึ่งแรกเธอจะรับบทผู้ชี้แนะฝึกสอน แต่ครึ่งหลังก็ได้เพลิดเพลินกับการฝึกซ้อมต่อสู้ไปพอสมควรแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นการฝึกที่เฮเลนาพึงพอใจเช่นเดียวกัน แม้จะมีชาร์ลอตเตเข้ามาแทรกอย่างน่าฉงน แต่โดยรวมแล้วก็กล่าวได้ว่าเป็นการฝึกฝนที่ราบรื่นไม่มีปัญหา
หลังจากนี้ในช่วงบ่ายเธอจะได้รับการฝึกสอนแบบไหนก็ไม่รู้ เรื่องนั้นต่างหากที่ทำให้รู้สึกหนักใจ
อันดับแรกเฮเลนาก็ออกจากสวนระหว่างอาคารและกลับไปที่ห้องพร้อมกับอเลกเซีย
ก่อนทานอาหารกลางวันที่เย็นชืด ควรจะฝึกฝนร่างกายส่วนของตัวเองไว้สักหน่อยดีกว่า—ระหว่างที่กำลังคิดเช่นนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก
“ข ขออภัยด้วยค่ะ! ท่านเฮเลนา!”
ไม่รู้ทำไมฟรองซัวส์ถึงได้ตามมาด้วย
อันที่จริงเธอก็ไม่ได้พยายามหลบซ่อนตัวตนอะไรเป็นพิเศษเฮเลนาก็เลยรู้อยู่แล้ว แต่ก็จงใจที่จะไม่ห้ามปราม เพราะนึกว่าฟรองซัวส์น่าจะมีธุระอะไรสักอย่างกับเฮเลนาล่ะมั้ง
“มีอะไรรึฟรองซัวส์”
“ค ค่ะ! คือว่า……ม มีเรื่องจะคุยค่ะ!”
“อืม……ได้สิ เข้ามาข้างในเถอะ”
เฮเลนาเชิญให้ฟรองซัวส์เข้ามาในห้อง
แม้ไม่รู้ว่าอยากคุยเรื่องอะไร แต่การที่เธอไม่พูดอะไรในสวนและอุตส่าห์รอจนสามารถอยู่สองคนกับเฮเลนาได้เช่นนี้ คงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถให้คนอื่นได้ยินได้กระมัง
ดูท่าว่าจะเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนสินะ—เฮเลนานึกเช่นนั้นและเชิญให้ฟรองซัวส์นั่งบนโซฟา
“แล้ว เรื่องอะไรรึ?”
“ค คือว่า……! ที่พระสนมฟ้าจันทรากล่าว ว่าฝ่าบาทได้เสด็จมาเยือนข้าเมื่อคืนน่ะ! เป็นความจริงค่ะ!”
“……อืม ก็คงงั้นล่ะนะ”
ก็นึกอยู่แล้วว่าน่าจะเรื่องจริง ไม่งั้นชาร์ลอตเตคงไม่มีทางมาบอกอย่างมั่นอกมั่นใจขนาดนั้นอยู่แล้วล่ะ
ทว่า แล้วมันยังไงกันล่ะ
“ต แต่ว่า! ข้าไม่ได้! ถูกฝ่าบาทชิงความบริสุทธิ์ไปอย่างแน่นอนค่ะ!”
“……อ่า ก็นึกอยู่แล้วล่ะว่าต้องเป็นแบบนั้น”
“แค่ท่านเฮเลนาเท่านั้น! ที่ข้าไม่อยากให้เข้าใจผิดค่ะ!”
“……ก็ไม่ได้เข้าใจผิดแต่แรกแล้วนะ”
แม้ฟรองซัวส์จะกล่าวออกมาพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่เฮเลนารู้ดีอยู่แล้ว
ในเมื่อทั้งฟาร์มาสทั้งฟรองซัวส์ไม่ได้ต้องการ มันก็ไม่มีทางเกิดความสัมพันธ์กันขึ้นมาได้อยู่แล้ว
“ค ความจริงแล้ว!”
“อืม”
“ข้าได้คุยเรื่อง! ที่เป็นความลับ! กับฝ่าบาทค่ะ!”
“……อืม”
บางทีอาจเป็นเรื่องเจตนาและเป้าหมายที่แท้จริงของฟาร์มาสก็เป็นได้
ในตอนนี้ คนที่เฮเลนาเชื่อใจได้มากที่สุดในวังหลังก็คืออเลกเซีย แต่รองลงมาจากนั้นก็คงจะเป็นฟรองซัวส์นี่แหละ ดังนั้นเขาคงตัดสินใจว่าถึงบอกเป้าหมายของตัวเองกับฟรองซัวส์ไปก็คงไม่เป็นไรกระมัง
ทว่าเรื่องที่แม้แต่กับลูเครเซียผู้เป็นมารดาก็ยังไม่ได้บอก มันสามารถบอกกันได้ง่าย ๆ แบบนั้นเชียวรึ
“ค คือว่า! อาจจะทำให้ท่านตกใจนะคะ!”
“อืม”
“ฝ ฝ่าบาท! ได้สัญญา! กับข้าค่ะ!”
“สัญญาอะไรรึ?”
เมื่อได้ยินคำถามของเฮเลนา ฟรองซัวส์ก็มีรอยยิ้มเบิกบานอย่างมีความสุขที่สุด
แล้วก็กล่าวด้วยความยินดีว่า
“ฝ่าบาทจะช่วยทำให้ข้ากับท่านบาร์โตโลเม! เป็นคู่หมั้นกันอย่างเป็นทางการค่ะ!”
“……”
“ข ข้าน่ะ มีความสุขมากเกินไปจนอาจตายได้เลยล่ะค่ะ! ไม่อยากเชื่อเลยว่าฝ่าบาทจะให้สัญญาด้วยตนเองแบบนั้น! ข้าน่ะ! อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองกำลังฝันอยู่รึเปล่า!”
“……”
ต่อหน้าฟรองซัวส์ที่กำลังดีใจอย่างสุดชีวิตอยู่นั้น เฮเลนาจึงไม่สามารถพูดออกไปได้
ว่ารู้อยู่แล้วล่ะน่า