ลูเครเซียมีโทสะอยู่ในแววตาอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็มองเฮเลนาเหมือนไม่อยากเชื่อ
เฮเลนาไม่ได้โกหกนี่นา เป็นความจริงที่เมื่อคืนฟาร์มาสไม่ได้มาเยือนห้องของเฮเลนาแต่ไปที่ห้องของฟรองซัวส์แทน ถึงแม้ว่าหากฟังจากที่ฟรองซัวส์บอก เขาจะไปเพื่อแลกเปลี่ยนสัญญาเกี่ยวกับการสู่ขอบาร์โตโลเมแค่นั้น ไม่ได้มีความรักใคร่เสน่หาอะไรกันเลยแม้แต่เสี้ยวเดียวก็ตาม
“……จริงรึ?”
“ค่ะ ได้ยินว่าเมื่อคืนฝ่าบาทได้เสด็จเยือนห้องของสหายของข้าค่ะ”
“……แถมยัง เป็นสหาย?”
สีหน้าของลูเครเซียค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้นตามลำดับ
‘อาจต้องอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ล่ะมั้ง’ เฮเลนาคิด ทว่าตอนนั้นเองเธอก็ต้องขมวดคิ้ว
ลูเครเซียไม่รู้เรื่องที่ฟาร์มาสแสร้งทำเป็นจักรพรรดิผู้โง่เขลาอยู่ แม้เฮเลนาจะไม่เข้าใจเหตุผลที่เขาไม่ยอมบอกความจริงกับลูเครเซีย แต่ในตอนนี้คนที่รู้เรื่องนี้มีเพียงเฮเลนา
ต่อให้เฮเลนาอธิบายเกี่ยวกับแผนจัดการนางสนมหลังยุบวังหลังให้ฟังไป หากไม่ได้ล่วงรู้สถานการณ์จริงของฟาร์มาส ลูเครเซียก็คงไม่เข้าใจยอมรับแน่
“อ เอ่อ……ท่านลูเครเซียคะ”
“…….อะไรงั้นรึ”
“ข้าคิดว่าฝ่าบาทก็คงมีความคิดของฝ่าบาทอยู่ค่ะ เกี่ยวกับการเสด็จเยือนเมื่อคืน ฝ่าบาทน่าจะมีเหตุผล……”
“หยุดพูดซะ”
ลูเครเซียจดจ้องเฮเลนาอย่างแหลมคม
มันเป็นสายตาแหลมคมกับวาจาที่เข้มงวดเสียจนไม่นึกว่าจะออกมาจากลูเครเซียผู้ดูอ่อนโยนและยิ้มแย้มอยู่เสมอได้
ความแตกต่างอย่างมากมายนั้น ทำให้เฮเลนาต้องหมดคำพูด
“เมื่อคืน ฟาร์มาสได้ไปเยือนห้องสหายของหนูเฮเลนาสินะ”
“……ค ค่ะ”
“ต้องขอโทษหนูเฮเลนาด้วยนะ แต่ตอนนี้ฉันกำลังผิดหวังจากใจเลยล่ะ”
“……เอ๋”
ที่ฟาร์มาสทำไปมันทำให้ลูเครเซียต้องรู้สึกผิดหวังในตัวฟาร์มาสขนาดนั้นเชียวหรือ
มันไม่มีอะไรในกอไผ่นี่นา ฟาร์มาสก็ไม่ได้แตะต้องฟรองซัวส์เสียหน่อย ไม่ใช่เรื่องต้องไปกล่าวโทษหาความผิดอะไรเป็นพิเศษเลย อย่างไรเสียที่นี่ก็คือวังหลังและทุกคนก็เป็นเสมือนชายาของฟาร์มาสอยู่แล้ว ไม่มีใครไปสอดปากคำในตัวเลือกของเขาได้หรอก
ทว่า ลูเครเซียกลับส่ายหน้า
“รู้หรือไม่ว่าตอนนี้สภาวะทางการเมืองที่รายล้อมตัวเด็กคนนั้นอยู่มันเป็นอย่างไรน่ะ หนูเฮเลนา”
“ม ไม่ค่ะ……ไม่ได้ทราบละเอียดนัก”
“ตอนนี้ราชสำนักเป็นเหมือนรังของมารร้าย เป็นสภาวะที่อัครมหาเสนาบดีแอนตันกับมหาอำมาตย์โนลด์ลุนด์กำลังทำให้อำนาจอิทธิพลในราชสำนักแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ก่อนหน้านี้ไม่นานนักดูเหมือนฝ่ายมาร์ควิสโนลด์ลุนด์จะมีอิทธิพลแข็งแกร่งอยู่ แต่ปัจจุบันดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะสูสีสมดุลกันแล้ว”
“ค่ะ……”
ส่วนใหญ่แล้วก็ตรงกับที่เคยได้ยินจากฟาร์มาส
แรกเริ่มเดิมทีการที่ฟาร์มาสแสดงท่าทีว่ารักใคร่โปรดปรานเฮเลนาก็มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอำนาจปากเสียงของแอนตันนั่นเอง ซึ่งก็คงเป็นเพราะแผนของฟาร์มาสมันประสบผลสำเร็จแล้ว ตอนนี้จึงเกิดสภาวะสมดุลกันอยู่เช่นนี้
ถึงในมุมของเฮเลนาเธอจะไม่สามารถทำความเข้าใจได้สักนิดว่าแล้วอะไรมันเปลี่ยนไปยังไงก็เถอะ
“สาเหตุสำคัญที่สุดที่มันกลับมาสมดุลกันได้ ก็เป็นเพราะหนูเฮเลนานะ”
“ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้ละเอียดเท่าไหร่……แต่ได้ยินว่า ข่าวลือที่ว่าฝ่าบาทกำลังรักใคร่โปรดปรานข้าอยู่มันแพร่ไปในเบื้องหน้า สินะคะ”
“ใช่ ดังนั้นอำนาจปากเสียงของแอนตันถึงได้เพิ่มขึ้นไงล่ะ แต่ละฝ่ายก็สูสีสมดุลกันเกือบพอดีเลย ถึงฟาร์มาสจะไม่ได้ตั้งใจทำก็เถอะ แต่ตราบใดที่สถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไปประชาชนก็คงจะไม่ได้รับผลกระทบใหญ่หลวงมากนัก”
“……”
ก็เขาตั้งใจทำน่ะสิ ถึงอยากพูดออกไปดัง ๆ แบบนั้น แต่เธอก็ห้ามตัวเองไว้
แม้ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเขาถึงปิดบังเรื่องนี้แม้แต่กับลูเครเซียแต่เฮเลนาก็ไม่จำเป็นต้องไปแหวกหญ้าให้งูตื่น ถึงเธอจะไม่เข้าใจเจตนาของฟาร์มาส แต่ก็ไม่ควรไปทำอะไรให้ฟาร์มาสเสียเรื่องเสียประโยชน์
ดังนั้น แม้นั่นจะไม่ใช่เหตุผลเดียว แต่เฮเลนาก็ตัดสินใจหุบปาก
หากหลุดพูดอะไรไปเธออาจทำความลับของฟาร์มาสรั่วไหลได้ แถมถ้าเธอพูดอะไรแปลก ๆ ไปก็อาจความแตกด้วย ว่าอันที่จริงเฮเลนานั้นไม่ได้คิดอะไรในหัวเลย
“ในสถานการณ์เช่นนั้น หากมีข่าวลือแพร่ออกไปว่าเขาเริ่มรักใคร่โปรดปรานสนมคนอื่นนอกจากหนูเฮเลนา ก็สุดจะคาดเดาแล้วว่าข่าวลือนั้นมันจะถูกเอาไปใช้ประโยชน์ในทางการเมืองอย่างไรบ้าง ต่อให้เครือญาติของสนมคนนั้นอยู่ในพรรคของแอนตันก็มีค่าเท่ากัน เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนมีอำนาจเพิ่มขึ้นมันก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองทั้งนั้น สภาวะสมดุลปัจจุบันที่ต่างฝ่ายต่างสกัดกั้นกันเองอย่างพอเหมาะพอดีนี่แหละ ดีที่สุดแล้วล่ะจ้ะ”
“……”
“ถึงจะคิดว่ารอควรให้ฟาร์มาสเติบโตกว่านี้อีกหน่อยแล้วค่อยให้เขาทำอะไรสักอย่างเพื่อจัดการสภาพที่อำนาจแบ่งขั้วกันนี้ก็เถอะนะ ทั้งที่เป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบจักรวรรดิ แต่ฟาร์มาสในตอนนี้น่ะเป็นเพียงจักพรรดิหัวโขนที่ไม่มีอำนาจอะไรเลย”
จะว่าไปแล้ว พักหลังมานี้ไม่ได้กินของร้อน ๆ เลยแฮะ
สมัยอยู่ในสนามรบ เธอมักจะล้อมวงกินหม้อไฟกับสหายร่วมรบเป็นประจำ ด้วยการใส่วัตถุดิบลงไปเยอะ ๆ น้ำผักกับน้ำจากเนื้อมันก็จะออกมาจนความอร่อยแผ่ซ่านไปทั่ว
หากทำกินแค่ส่วนของคนเดียวคงทำให้มันมีรสชาติเช่นนั้นไม่ได้แน่
“ยิ่งไปกว่านั้น แม้ตัวของแอนตันจะเป็นนักการเมืองที่ใสสะอาด แต่พรรคพวกในฝ่ายของเขาก็ใช่ว่าจะเป็นแบบนั้นกันทุกคน ในกลุ่มของเขาก็มีพวกที่ไม่คิดถึงอย่างอื่นนอกจากประโยชน์ของตนเองเหมือนโนลด์ลุนด์นั่นแหละ ให้ตายสิ……นึกว่าจะไม่มีงานให้ฉันต้องทำแล้วแท้ ๆ เชียว……เป็นลูกชายที่ทำให้ปวดหัวจริง ๆ เล้ย”
“……”
หม้อไฟเนี่ย ยังไงมันก็ต้องรวมหัวหลายคนล้อมวงกันกินถึงจะอร่อยจริงด้วยนั่นแหละ
ถ้างั้น สำหรับอเลกเซียยังไงเธอก็คงกลับไปทานอาหารที่โรงอาหารเฉพาะของนางกำนัลหลังเลิกงานอยู่แล้ว ดังนั้นเฮเลนาก็ไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากต้องเรียกนางสนมคนอื่นที่ได้ทานแต่อาหารอันเย็นชืดมาร่วมวงกัน
คนแรกที่นึกออกยังไงก็ไม่พ้นฟรองซัวส์ แล้วก็เรียกคลาริสซามาด้วยดีกว่า เท่านี้รวมเฮเลนาด้วยก็เป็นสามคนแล้ว
แม้จะคิดว่า ‘อย่างน้อยอยากได้อีกสักคนจังเลยน้า’ แต่คนที่เฮเลนาพอจะเชิญได้ก็เหลือแค่ “สนมฟ้าดารา” มาริเอลเท่านั้นเอง
จะเชิญคุณหนูร่ำรวยอย่างเธอให้มาทานหม้อไฟสูตรสนามรบของเฮเลนามันก็รู้สึกกริ่งเกรงนิดหน่อยแฮะ
“ขอบใจนะจ๊ะหนูเฮเลนา แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะลองไปโน้มน้าวฟาร์มาสดู ในกรณีเลวร้ายที่สุดอาจต้องใช้อำนาจในฐานะพระพันปีก็ได้……แต่ในสภาวะที่มีจักรพรรดิอยู่เช่นนี้ก็ไม่ค่อยอยากจะใช้มันเท่าไหร่นะ เพราะขืนทำแบบนั้น คราวนี้พวกข้าราชการใหญ่โตก็จะมาประจบฉันกันมากขึ้นแทน ยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีก……”
“……”
“งั้นวันนี้ฉันก็ขอตัวแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ เอาล่ะทิฟฟานี กลับกันเถอะ”
“ค่ะ ฝ่าบาทพระพันปี”
“……อ๊ะ จ จะกลับแล้วหรือคะ”
“ใช่จ้ะ ต้องไปตำหนิเจ้าลูกชายงี่เง่านั่นสักหน่อย ถึงจะไม่อยากทำเท่าไหร่ก็เถอะ”
ลูเครเซียกล่าวพลางยิ้มแย้ม ดูแล้วเหมือนเป็นลูเครเซียตามปกติดังเดิม
ให้ความรู้สึกราวกับว่าสีหน้าเดือดดาลที่ผุดขึ้นมาในตอนแรกนั้นมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย
สรุปสุดท้ายแล้ว เฮเลนาก็ไม่เข้าใจสักนิด ว่าเพราะเหตุอันใดลูเครเซียถึงเข้าใจยอมรับไปได้ และต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น
ทว่าก็มีอยู่หนึ่งสัจธรรมที่ได้ฝังรากลึกลงในใจของเฮเลนาอย่างแน่นอนแล้ว นั่นก็คือ
คืนนี้กินหม้อไฟกันดีกว่า