“ข้าคิดว่าอยากกินหม้อไฟน่ะ”
“ไปคุยอะไรกับฝ่าบาทพระพันปีผลลัพธ์มันถึงออกมาเป็นเช่นนั้นคะท่านเฮเลนา”
เมื่ออเลกเซียกลับเข้าห้องมาเฮเลนาก็กล่าวขึ้นทันที และไม่รู้ทำไมอเลกเซียถึงตอบเช่นนั้นพลางกุมขมับ
เฮเลนาไม่คิดว่าตนเองพูดอะไรแปลก ๆ ไปซะหน่อยนะ
“เปล่าน่ะ คือพักหลังมานี้ไม่ได้กินของร้อน ๆ เลย”
“นั่นสินะคะ……อาหารที่ผ่านการทดสอบพิษมาแล้วมันก็เย็นชืดจริงนั่นแหละ”
“เดิมทีมันก็แปลกอยู่แล้วนะ มีความจำเป็นอะไรต้องมาทดสอบพิษในอาหารของคนอย่างข้าด้วยล่ะ”
“ท่านเฮเลนาคะ ได้โปรดเข้าใจถึงจุดยืนของตนเองซะทีเถอะค่ะ”
เมื่อได้ยินอเลกเซียกล่าวเหมือนเหนื่อยใจเต็มทน เฮเลนาก็เอียงศีรษะด้วยความฉงน
ก็จริงอยู่ว่าเฮเลนาเป็นนางสนมที่เป็นหนึ่งในสามสนมฟ้า “สนมฟ้าสุริยา” ทว่ามันมีประโยชน์อะไรที่จะมาวางยาพิษในอาหารของเธอกันล่ะ
เธอคิดอยู่เสมอเลย ว่าอยากให้เลิกเสิร์ฟอาหารเย็นชืดแบบนี้สักที
“วางยาพิษข้าไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
“คนที่เป็น ‘สนมฟ้าสุริยา’ ที่ใกล้เคียงชายาเอกที่สุด และยังเป็นนางสนมหนึ่งเดียวที่ฝ่าบาทรักใคร่โปรดปราน และยังเป็นบุตรีของที่ปรึกษาหลวงเรลโนตผู้เป็นอัครมหาเสนาบดี และยังเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทพระพันปี ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกหนึ่งในสามสนมฟ้า ‘สนมฟ้าดารา’ และหนึ่งในแปดยอดขุนศึก ‘ขุนศึกหมาป่าเงิน’ อยู่ใต้การควบคุม แถมฝีมือยุทธก็ด้อยกว่าเพียงแค่แปดยอดขุนศึกอีก คนที่นอกจากใช้พิษแล้วก็ดูไม่มีทางฆ่าให้ตายได้เลยแบบท่านเฮเลนาเนี่ย ยังจะพูดแบบนั้นอยู่อีกหรือคะ”
“……”
เมื่อได้ฟังคำชี้แจงของอเลกเซีย เฮเลนาก็กอดอกอย่างใช้ความคิด
ที่อเลกเซียว่ามามันก็จริง ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ
สมัยอยู่กองทัพชีวิตของเธอมันไม่ได้มีน้ำหนักอะไรขนาดนี้ซะหน่อย
“หื—ม……เอาเถอะ เรื่องนั้นช่างมันละกัน”
“ที่จริงก็ไม่ควรจะช่างมันนะคะ……แต่ว่า หม้อไฟสินะคะ”
“อืม นาน ๆ ทีมาล้อมวงกันกินหม้อไฟอุ่น ๆ ก็ไม่เลวนะ ว่าไหม”
“แล้วใครจะทำหรือคะ?”
“ข้าไง”
เมื่อได้ฟังคำของเฮเลนา อเลกเซียก็ขมวดคิ้ว
แม้เธอจะไม่ได้เอ่ยคำใด แต่บรรยากาศที่บอกว่า ‘ไอ้คนนี้มันพูดอะไรของมัน’ ก็รั่วไหลออกมาอย่างชัดแจ้ง ทำไมหมู่นี้รู้สึกว่าอเลกเซียตอบสนองแบบหยาบคายชอบกลก็ไม่รู้แฮะ
“……ท่านเฮเลนา น่ะหรือคะ?”
“ใช่ ถ้าข้าทำเองก็ไม่จำเป็นต้องทดสอบพิษใช่ไหมล่ะ เพราะข้าทำเองเสิร์ฟให้ตัวเอง ย่อมไม่มีโอกาสที่ใครจะผสมยาพิษลงไปอยู่แล้ว”
“……นั่นมันก็จริงนะคะ แต่ว่าท่านเฮเลนา ทำอาหารเป็นหรือคะ?”
“ในกองทัพก็ต้องผลัดเวรกันทำอาหารอยู่แล้วน่ะ ถ้าแค่การปรุงอาหารพื้น ๆ ก็ทำเป็นอยู่นะ”
“เป็นเช่นนั้นหรือคะ……”
ไม่รู้ว่าเธอยังเคลือบแคลงใจอยู่หรือเปล่า อเลกเซียจึงทำคิ้วขมวดพลางจ้องมองเฮเลนา
ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมเข้าใจสกิลของลูกผู้หญิงที่สูงเกินคาดของเฮเลนาเลย
“ก็ตามนั้นแหละ ข้าคิดว่าอยากจะชวนฟรองซัวส์กับคลาริสซามาน่ะ”
“หากเป็นสองท่านนั้นก็น่าจะมาได้อย่างไม่มีปัญหานะคะ”
“อืม แล้วก็คิดว่าจะชวนคุณหนูมาริเอลด้วย”
“พระสนมฟ้าดารา หรือคะ……”
“ส่วนข้ออ้าง ก็เอาเป็นว่าเพื่อสานความสัมพันธ์ของทั้งสามคนที่เพิ่งมาเป็นศิษย์ของข้าแล้วกัน หากพูดเช่นนั้นคุณหนูมาริเอลเองก็คงไม่ปฏิเสธง่าย ๆ หรอก”
“……มันจะเป็นแบบนั้นหรือคะ”
ดูเหมือนอเลกเซียจะไม่ค่อยเห็นด้วยแฮะ
ทว่า ไม่ว่าจะฟรองซัวส์ คลาริสซา หรือมาริเอล ต่างก็เป็นศิษย์ของเฮเลนาด้วยกันทั้งนั้น จะมาเลือกปฏิบัติกันไม่ได้หรอก
สมมุติว่าเชิญแต่ฟรองซัวส์กับคลาริสซาแล้วมาริเอลกลายเป็นผู้แปลกแยกไปคนเดียว เธอก็คงจะเสียใจแน่ อย่างน้อยที่สุดหากเฮเลนาอยู่ในจุดยืนของมาริเอล เธอก็คงจะอยากให้มาชวนเธอด้วย
“เอาเถอะ ถึงเธอจะปฏิเสธก็ไม่เป็นไรหรอก ยังไงซะถ้าไม่มีใครมาเลยข้าก็แค่ทำกินคนเดียวก็พอล่ะนะ”
“หากลงเอยแบบนั้น ถ้าไม่รังเกียจข้าก็จะทานด้วยนะคะ”
“นั่นสินะ ถ้าไม่มีใครมาเลยเราก็ทานหม้อไฟกันสองคนเถอะ”
แบบนั้นก็เลวเหมือนกันนะ เฮเลนาคิด
อย่างไรเสียอเลกเซียก็คือคนที่เธอสนิทด้วยที่สุดหลังจากเข้ามาในวังหลัง นอกจากจะเป็นนางกำนัลติดห้องแล้ว การที่เธอเคยพบกับอเลกเซียสมัยยังเด็กก็มีผลมาก ที่สำคัญกว่านั้นยังเป็นน้องสาวของแม่ทัพสัตว์ประหลาดบาร์โตโลเมคนนั้นอีกด้วย
ไม่ว่าอย่างไร หากเทียบกับนางกำนัลรับใช้คนอื่น อเลกเซียก็น่าจะเป็นคนที่ต่อต้านเรื่องเกี่ยวกับยุทธของเฮเลนาน้อยที่สุดแล้ว
“เช่นนั้นก็ไปชวนคุณหนูมาริเอลกันเถอะ”
“รับทราบค่ะ ข้าจะไปแจ้งนัดหมายล่วงหน้าให้นะคะ”
“……จะว่าไปแล้วก็ต้องทำอะไรแบบนั้นด้วยสินะ”
เฮเลนากำลังเตรียมลุกขึ้นจากโซฟา แต่ก็ต้องหย่อนก้นที่ยกขึ้นมาครั้งหนึ่งกลับลงโซฟาไปอีกครั้ง
นี่คือเรื่องที่เธอโดนตักเตือนตั้งแต่วันแรกที่เข้าวังหลัง ว่าการไปเยี่ยมเยือนโดยไม่นัดหมายล่วงหน้ามีค่าเท่ากับการดูถูกเหยียดหยามฝ่ายตรงข้าม สำหรับเฮเลนาที่ชอบคิดปุ๊บทำปั๊บ พอคิดอะไรได้ก็เป็นธรรมดาที่จะลงมือทำทันที
ต่อให้ไม่ต้องลงทุนนัดหมายล่วงหน้าอะไร ห้องของมาริเอลมันก็อยู่ข้าง ๆ นี่เอง ใจจริงแล้วเธออยากจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย
“โปรดวางใจเถอะค่ะท่านเฮเลนา ข้าจะบอกไปว่าท่านจะมุ่งไปในอีกไม่ช้าค่ะ”
“ช่วยทำแบบนั้นทีเถอะ”
หากตั้งใจกำหนดเวลาไว้ชัดเจนก็หมายความว่าจะต้องรอนานมากขึ้นเท่านั้น แต่หากแค่นัดหมายบอกว่าอีกเดี๋ยวจะมุ่งหน้าไปหา พออเลกเซียกลับมาเธอก็คงจะไปเยี่ยมเยือนได้ในทันที
ถ้าบังเอิญมาริเอลไม่อยู่ห้องขึ้นมา เฮเลนาก็แค่เปลี่ยนไปชวนฟรองซัวส์ก่อนก็พอ
อเลกเซียออกไปจากห้อง จากนั้นก็ค่อย ๆ มุ่งหน้าไปยังห้องที่อยู่ถัดไป
ระหว่างที่รออเลกเซียกลับมาปกติแล้วเธอจะวิดพื้นหรือไม่ก็ฝึกกล้ามท้อง ทว่าคงจะทำแบบนั้นไม่ได้ไปสักพัก
เฮเลนายืนขึ้น จากนั้นก็ฝึกสเต็ปการเต้นพลางเอ่ยปากนับ
“……หนึ่ง สอง สาม สี่ แล้วก็หมุนตัว”
อย่างน้อยเธอจะต้องจำสเต็ปพื้นฐานนี้ให้ได้ และเมื่อเสต็ปนี้มันขึ้นชื่อว่าพื้นฐานก็แปลว่าคงมีการเต้นแบบอื่นที่ประยุกต์ใช้จากสเต็ปนี้ด้วยกระมัง
แม้เธอจะไม่มีแผนไปออกงานราตรีอื่นอีกแล้วนอกจากพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีของจักรพรรดิองค์ก่อน แต่จำเอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร
เฮเลนาใช้ความอดกลั้นอย่างสุดชีวิตกับขาของตนเองที่ชอบพัวพันกันวุ่นวาย พลางฝึกเต้นไปเรื่อย ๆ
“กลับมาแล้วค่ะ ท่านเฮเลนา”
“เป็นไงบ้าง”
“เธออยู่ห้องค่ะ พอบอกว่าอีกไม่ช้าท่านจะมุ่งไปก็ตอบว่า เชิญมาได้ทุกเลยเมื่อค่ะ”
“ดีล่ะ งั้นไปกันเถอะ”
“รับทราบค่ะ”
ดูเหมือนถ้าแค่ไปเยือนห้องของมาริเอลเธอจะไม่โดนจับอาบน้ำแฮะ แต่ยังไงเสีย ก่อนลูเครเซียจะมาเฮเลนาก็ได้อาบไปแล้ว และหลังจากนั้นก็ยังไม่ได้ออกกำลังจนถึงกับเหงื่อออกเลย ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นอยู่แล้วล่ะนะ
เมื่อออกมาจากห้องแล้วหันไปทางซ้ายก็ถึง—ห้องของมาริเอล
“ขออนุญาตค่ะ”
“ยินดีต้อนรับค่ะพระสนมฟ้าสุริยา พระสนมฟ้าดารารออยู่ด้านในค่ะ”
“ขออนุญาตนะ”
เฮเลนาตามหลังอเลกเซียเข้าไปในห้อง
เธอไม่ได้มาที่นี่อีกเลยตั้งแต่วันแรก ทว่าภายในก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษ อย่างมากก็มีเครื่องเรือนเพิ่มมาสองสามอย่างเท่านั้น แต่เดิมมันก็ไม่ได้เป็นห้องที่เรียบง่ายเพราะแทบไม่มีอะไรเลยเหมือนของเฮเลนา แต่เป็นห้องที่มีเครื่องเรือนและของตกแต่งอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงชวนให้รู้สึกว่าเป็นห้องที่งดงามทีเดียว
ถึงสิ่งที่รู้สึกสงสัยที่สุดจะเป็นเรื่องราคาค่างวดก็เถอะ แต่มันไม่มีความจำเป็นต้องถามถึงขนาดนั้น
มาริเอลกำลังนั่งอยู่บนโซฟาแบบนั่งคนเดียวที่ตรงกลางของห้อง
“ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านพี่หญิง”
“โทษทีนะ มารบกวนกระทันหันแบบนี้”
“ไม่หรอกค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย หากท่านพี่หญิงบอกว่าจะมา ต่อให้ต้องโยนธุระและกำหนดการทุกอย่างทิ้งดิฉันก็จะต้อนรับให้ได้ค่ะ”
“……เอ่อ อย่างน้อยก็ให้ความสำคัญกับกำหนดการเถอะนะ”
จะมาเสียกำหนดการเพราะเฮเลนาก็ไม่ดีมั้ง
แต่ดูเหมือนมาริเอลจะยินดีต้อนรับเธออยู่ งั้นเข้าเรื่องหลักทันทีเลยก็น่าจะดีกว่า
“คุณหนูมาริเอล คืนนี้มีธุระอะไรไหม?”
“ไม่ค่ะ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะคะ”
“งั้นมากินอาหารด้วยกันกับข้าไหม? ข้าว่าจะชวนฟรองซัวส์กับคลาริสซามาด้วย คิดว่าอยากจะให้ทั้งสามคนที่เพิ่งจะมาเป็นศิษย์ของข้ามาเสริมสร้างความสนิทสนมกันน่ะ”
“อุ๊ยแหม!”
มาริเอลปรบมือและเผยรอยยิ้มออกมา
“ได้แบบนั้นก็ดีเลยนะคะ งั้นให้ดิฉันจัดเตรียมอะไรไหมคะ? หากเป็นร้านอาหารที่จัดหาให้ราชวงศ์ดิฉันก็พอจะมีช่องทางอยู่หลายทางนะคะ”
“……อ่า ก็ดีใจที่อุตส่าห์เสนอนะแต่ว่า”
‘อ๊ะ’ ตอนนั้นเองเฮเลนาก็นึกขึ้นมาได้
จะว่าไปแล้ว ไม่ต้องไปขอให้คนครัวของวังหลังเตรียมให้ แล้วให้มาริเอลช่วยจัดเตรียมวัตถุดิบแทนเลยก็ได้นี่นา
ขนาดแค่ในงานเลี้ยงน้ำชาเล็ก ๆ เธอยังเตรียมขนมจากร้านสำหรับราชวงศ์อะไรนั่นได้เลย กะอีแค่ให้ช่วยจัดหาวัตถุดิบทำอาหารนิดหน่อยไม่น่าจะผิดบาปอะไรนัก
“คืนนี้ ข้าคิดว่าจะทำเองน่ะ”
“……เอ๋”
“ข้าคิดว่าจะทำอาหารด้วยมือตนเองน่ะ แต่ยังไงมันก็แค่หม้อไฟล่ะนะ”
“ท ท ท่านพี่หญิง น่ะหรือ……?”
มาริเอลกำลังสั่นเทา
ทั้งอเลกเซียก็ดี มาริเอลก็ดี มีแต่คนทำท่าทีเสียมารยาทกันทั้งนั้นเลยแฮะ เฮเลนากับคำว่าการทำอาหารมันไปด้วยกันไม่ได้ขนาดนั้นเลยรึ
เอาเถอะ หากมาริเอลจะใช้เรื่องนั้นมาเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธก็ไม่เป็นไรหรอก
ทว่ามาริเอลนั้น
กลับมีรอยยิ้มแห่งความปิติยินดีผุดขึ้นมาบนใบหน้า
“ท ท่านพี่หญิงจะลงมือทำอาหารให้ดิฉันด้วยตนเองเนี่ย! มาริเอลคือผู้โชคดีที่สุดในจักรวรรดิเลยค่ะ!”
“……อ อื้อ เอ่อ ขนาดนั้นเลยรึ”
“เช่นนั้นจะให้เตรียมวัตถุดิบอะไรดีคะ!? จะสั่งให้เหมาซื้อทุกสิ่งทุกอย่างในตลาดเลยก็ได้นะคะ! ดิฉันจะใช้อำนาจทั้งหมดของตระกูลรีเวียร์จัดเตรียมมาให้ครบทั้งหมดเลยค่ะ!”
“เอ่อ แค่มีเนื้อกับปลากับกุ้งกับผัก ก็พอแล้วล่ะ”
“รับทราบแล้วค่ะ! จะรวมของชั้นหนึ่งมาไว้เลยนะคะ!”
ดูเหมือนที่ตัวสั่นเมื่อกี้จะไม่ได้เป็นเพราะสงสัยฝีมือของเฮเลนา แต่แค่กำลังดีใจเฉย ๆ แฮะ
ไม่รู้ว่าทำไมถึงดีใจขนาดนั้น แต่ขอแค่มาริเอลดีใจเฮเลนาเองก็รู้สึกยินดีเหมือนกัน
ทว่า
ทำไมเธอต้องตื่นเต้นจนหอบหายใจแรงขนาดนั้นด้วยหว่า