“แหม! ท่านเฮเลนาจะทำให้ด้วยตัวเองเลยหรือคะ! ขอบพระคุณค่ะ!”
“นาน ๆ ทีก็อยากกินของอุ่น ๆ เหมือนกันนะคะ ขอความกรุณาเช่นกันค่ะ”
แม้จะมีการออกนอกเรื่องแบบพิสดารไปเป็นการสอนวิชาเนตรจิต แต่เมื่อกลับเข้าหัวข้อหลักซึ่งก็คือการเชิญชวนไปกินหม้อไฟ ทั้งสองคนก็ยอมตอบตกลงเช่นนั้น
ไม่มีสายตาเคลือบแคลงสงสัยว่า ‘เธอทำเป็นจริง ๆ เรอะ’ เหมือนของอเลกเซีย ดูเหมือนสองคนนี้จะยอมเชื่อใจเฮเลนาในหลาย ๆ เรื่องแล้วล่ะ
“อา แล้วคุณหนูมาริเอลก็จะมาด้วยนะ……กำลังนึกอยู่ว่าสถานที่เอาเป็นทีไหนดีน่ะ”
“เช่นนั้น! ก็โปรดใช้ห้องนี้ได้เลยค่ะ!”
“ไม่เป็นไรงั้นรึ?”
“ค่ะ! ปกติก็ไม่มีใครมานอกจากคลาริสซาอยู่แล้วค่ะ!”
ความจริงจะจัดกันในห้องของเฮเลนาก็ได้ แต่ถ้าเกิดจังหวะผีทิฟฟานีมาเยือนพอดีก็คงกลายเป็นเรื่องลำบากใจ ดีไม่ดีทิฟฟานีอาจสั่งให้ทุกคนในกองอัศวินหมาป่าเงินมารวมตัวกันเลยก็ได้
เพื่อหลีกเลี่ยงอนาคตดังกล่าว หากเป็นไปได้เฮเลนาก็ไม่อยากจะให้จัดที่ห้องของตนเองเหมือนกัน
ดังนั้นข้อเสนอของฟรองซัวส์จึงเหมือนกับเรือที่มาในตอนที่อยากข้ามแม่น้ำพอดี
“งั้นก็ขอใช้แล้วกัน ฝากให้เตรียมเก้าอี้ด้วยได้ไหม?”
“ค่ะ! ท่านเฮเลนาเอาเก้าอี้แบบคราวก่อนใช่ไหมคะ!?”
“อา อันนั้นมันนั่งสบายดีนะ”
เฮเลนาหวนย้อนถึงเก้าอี้ที่ได้นั่งในงานเลี้ยงน้ำชาของฟรองซัวส์
สัมผัสราคาถูกนั้น สำหรับเฮเลนาแล้วมันรู้สึกนั่งสบายมาก ดีกว่าโซฟาที่นั่งแล้วจมลึกเกินไปแบบแปลก ๆ เยอะเลย
นึกอยากถามทีหลังอยู่เหมือนกัน ว่าฟรองซัวส์ไปยืมเก้าอี้นั่นมาจากที่ไหนกันแน่
“งั้นอเลกเซีย ช่วยไปแจ้งกับคุณหนูมาริเอลทีได้ไหม? ว่าสถานที่คือห้องของฟรองซัวส์น่ะ”
“รับทราบแล้วค่ะ”
อเลกเซียโค้งคำนับรับคำสั่งของเฮเลนา ก่อนจะออกไปจากห้อง
‘เอาล่ะ’ เฮเลนาตัดสินใจตรวจสอบห้องครัวที่มีติดมาในห้องของฟรองซัวส์ก่อนเป็นอันดับแรก
สภาพมันไม่ต่างจากห้องของเฮเลนาเท่าไร ดูเหมือนว่าห้องทั้งวังหลังคงจะถูกสร้างมาแบบเดียวกันหมด แม้ห้องของเฮเลนาจะกว้างขวางกว่าห้องนี้เล็กน้อย แต่นั่นคงเป็นเพราะมันคือที่อยู่ของสามสนมฟ้านั่นเอง
สำหรับหม้อ ฟรองซัวส์มีหม้อขนาดค่อนข้างใหญ่ที่นำติดมาด้วย ดังนั้นเฮเลนาจึงเลือกใช้หม้อนั้น
ขั้นตอนแรกที่ต้องทำก็คือการปรุงรสของหม้อไฟ
ทว่า หม้อไฟนั้นเปลี่ยนแปลงได้ร้อยพันรูปแบบขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาปรุง หากเป็นหม้อไฟซึ่งเติมผักและเนื้อลงไปในประมาณมาก เพียงแค่นั้นน้ำเนื้อและผักมันก็จะออกมาทำให้มีรสอร่อยแล้ว
ในทางกลับกัน หากมีการใช้วัตถุดิบที่มีกลิ่นคาว ก็จำเป็นต้องเติมเครื่องเทศลงไปเพื่อกลบกลิ่นด้วย
งั้นเอาไว้วัตถุดิบมาถึงก่อนค่อยตัดสินใจวิธีปรุงโดยละเอียดแล้วกัน
มีเตาสี่เหลี่ยมเปรอะขี้เถ้าวางอยู่บนแท่นซึ่งสูงประมาณเอว
เฮเลนาเรียงถ่านฟืนไว้บนนั้นเหมือนอย่างที่เคยทำ แม้จะมีข้อเสียที่มันใช้เวลาสักหน่อยกว่าถ่านจะติดไฟทั่ว แต่เธอก็รู้วิธีเฉลี่ยเวลาเพื่อการนั้นแล้ว เพราะตอนที่ฟาร์มาสมาเยือนเธอก็จุดไฟชงชาให้เขาแบบนี้ทุกเช้า
เมื่อรอไปสักพัก อเลกเซียก็กลับมา
“ท่านเฮเลนาคะ ก กลับมาแล้ว ค่ะ……!”
สองมือของเธอแบกลังไม้มาด้วย
‘ฮึบ’ อเลกเซียออกแรงหย่อนลังไม้ลง มันถูกวางลงกับพื้นพร้อมกับเสียงกระแทกดังตึงตัง ส่วนอเลกเซียก็หายใจหอบอยู่พอสมควร
“อ……อื้ม อเลกเซีย ลังไม้นั่นคือ……?”
“จากท่านมาริเอลค่ะ เธอบอกว่ามันคือของที่สัญญาไว้ ยังมีลังไม้แบบเดียวกันนี้อยู่อีกสองลังค่ะ”
“……”
นี่เตรียมวัตถุดิบได้เร็วถึงขนาดนี้เชียวรึ
เฮเลนาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านในอำนาจของตระกูลมาริเอลพลางเปิดกล่องออกดู
ภายในนั้นคือผักสดหลากหลายชนิด
“โอ้……”
“แคลร์ โปรดมาช่วยกันหน่อยค่ะ ยังมีอยู่อีกสองลัง”
“เอ๋……เอาจริงดิ”
แคลร์ไปพร้อมกับอเลกเซียเพื่อมุ่งไปเอาลังไม้ที่เหลือมา
แม้จะรู้สึกผิดกับทั้งสอง แต่วัตถุดิบที่มาริเอลช่วยจัดเตรียมมาให้มันก็เป็นของชั้นหนึ่งจริง ๆ และยังมีแต่ของสดใหม่ที่น่าจะเพิ่งมาวางขายในตลาดได้ไม่นานทั้งนั้น
หากมีผักมากขนาดนี้ก็คงจะทำเป็นน้ำซุปที่ดีได้แน่ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวเอกซึ่งก็คือเนื้อหรือปลามันจะเป็นยังไงล่ะนะ
“……ข ขออภัย ที่ให้รอ ค่ะ”
“น หนักกกก”
อเลกเซียกับแคลร์วางลังไม้ลงคนละใบ
เฮเลนารีบเข้าไปตรวจสอบดู จากนั้นก็ยิ้มกว้าง
ข้างหนึ่งคือเนื้อ แถมยังเป็นเนื้อชั้นดีเยี่ยมอีกด้วย มีตั้งแต่เนื้อลายหินอ่อนที่มีมันเต็มไปหมด ไปจนถึงเนื้อแดงซึ่งปราศจากไขมัน เรียกได้ว่ามีหลากหลายรูปแบบ เนื้อลายหินอ่อนนี่ดูท่าว่าแทนที่จะเอามาทำหม้อไฟ สู้เอาไปย่างโรยเกลือนิดหน่อยอาจจะอร่อยกว่ามั้ง
ส่วนอีกข้างหนึ่งคือของทะเล ในนครหลวงซึ่งห่างไกลจากทะเล ปกติคงไม่มีโอกาสได้เห็นปลากับกุ้งมารวมกันมากมายเช่นนี้ โดยเฉพาะกุ้งซึ่งน่ายินดีมากที่มีอยู่ แม้จะเสียเวลาแกะเปลือก แต่ในความเห็นของเฮเลนาความอร่อยของมันก็จัดว่าโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์จากบรรดาของทะเลทั้งหมด
“ฮืม……”
“จะทำเป็นหม้อไฟแบบไหนหรือคะ?”
“มีวัตถุดิบครบขนาดนี้ คงไม่ต้องปรุงรสอะไรให้วุ่นวายมากแล้วล่ะ ผสมเกลือกับไวน์ทำเป็นบุยยาเบสก็แล้วกัน”
“……”
แค่มีของทะเลก็เป็นน้ำซุปที่อร่อยได้แล้ว เฮเลนาไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งอะไรมากมายหรอก
การทำหม้อไฟนั้นควรจะเป็นแค่การดึงเอาความอร่อยของวัตถุดิบออกมา
ทว่า ไม่รู้ทำไมอเลกเซียจึงเบิกตากว้างกับคำพูดของเฮเลนา
“……เป็นอะไรไปรึ?”
“เปล่าค่ะ……ขออภัยด้วย คำตอบมันปกติกว่าที่คิดไว้ก็เลยตกใจน่ะค่ะ”
“……”
เฮเลนาบึนปาก
ดูเหมือนในเรื่องการทำอาหาร อเลกเซียจะไม่ได้เชื่อใจเธอโดยสมบูรณ์
อันดับแรก เฮเลนาก็เรียงวัตถุดิบบนเขียงและค่อย ๆ หั่นมัน ซึ่งเธอก็หั่นให้ชิ้นใหญ่เล็กน้อยสำหรับใส่หม้อไฟ โดยแล่เนื้อเป็นแผ่นบาง กุ้งเอาไว้ทั้งแบบนั้น และปลาก็สับเป็นท่อน ๆ
เติมวัตถุดิบทั้งหมดลงในซุปซึ่งปรุงรสด้วยไวน์ขาวกับเกลือ จากนั้นก็ต้มช้า ๆ บนเปลวไฟ อนึ่ง เธอยังไม่ได้ใส่เนื้อลงไป ในการเอาเนื้อลงหม้อนั้นจังหวะเวลามีความสำคัญมาก หากเอาลงเร็วเกินไปเนื้อมันจะแข็งตัวได้
อุตส่าห์ได้เนื้อชั้นเลิศขนาดนี้มาก็อยากจะกินแบบที่มันนุ่ม ๆ เพราะฉะนั้นเธอจึงวางมันแยกเอาไว้ก่อน
น้ำเริ่มเดือดปุด ดูเหมือนไฟจะผ่านทั่วทั้งหม้อแล้ว ดังนั้นเธอจึงทำไฟให้เล็กลงก่อน และต้มต่อไปอีกสักพักหนึ่งโดยใช้ไฟอ่อน ๆ
กลิ่นหอมอบอวลน่าอร่อยกระจายไปทั่วห้อง
“น น่าอร่อยจังเลยค่ะ!”
“หวา อยากรีบ ๆ รับประทานแล้วล่ะค่ะ”
“อเลกเซีย มันใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ช่วยไปเรียกคุณหนูมาริเอลมาที”
“รับทราบค่ะ”
จากนั้นเฮเลนาก็วางแผ่นไม้ลงบนโต๊ะซึ่งรายล้อมไปด้วยเก้าอี้สองตัวที่ฟรองซัวส์นำมากับโซฟาอีกสองตัว
เพราะก้นหม้อมันร้อนอยู่ ดังนั้นจึงต้องวางรองเพื่อไม่ให้โต๊ะไหม้
อนึ่ง ในแคมป์กลางสนามรบปกติจะใช้วิธีเอาหม้อแขวนห้อยไว้แล้วจุดไฟด้านล่าง จึงไม่จำเป็นต้องคำนึงอะไรแบบนี้ ทว่าที่นี่คือวังหลังมันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
สุดท้ายก็เอาเนื้อใส่ลงในหม้อ แล้วปิดฝารอสักครู่
เท่านี้ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว
“กลับมาแล้วค……”
“ท่านพี่หญิงคะ! มาริเอลกำลังตั้งหน้าตั้งตารออยู่เลยค่ะ! แหม! กลิ่นหอมน่าอร่อยอะไรอย่างนี้!”
“เชิญค่ะคุณมาริเอล! โปรดนั่งก่อนเลยค่ะ!”
“อ๊ะ ข้านั่งเก้าอี้ทางนี้เองก็แล้วกัน คุณมาริเอลนั่งโซฟาน่าจะดีกว่านะ”
“ขออนุญาตค่ะ วันนี้ดิฉันก็ตั้งตารอที่จะได้ร่วมรับประทานอาหารกับท่านทั้งสองอยู่เหมือนกันนะคะ”
ฟรองซัวส์ คลาริสซา มาริเอล ต่างคนก็ต่างนั่งลงล้อมรอบโต๊ะ
ส่วนเฮเลนาก็ใช้สองมือหิ้วหม้อที่กำลังเดือดปุด แล้วนำมันไปที่โต๊ะ
“เอ้า ได้แล้วล่ะ มากินกันเถอะ”
เฮเลนาวางหม้อลงบนโต๊ะแล้วตัวเธอเองก็นั่งลง ก่อนจะเปิดฝาหม้อออก
เพียงเท่านั้น กลิ่นหอมซึ่งแฝงด้วยความอร่อยของวัตถุดิบที่มาริเอลได้เตรียมมาก็อบอวลไปทั่ว
“น่าอร่อยจังเลย!”
“ว้าว สุดยอด……นี่ กินได้จริง ๆ หรือคะ?”
“อาหารทำมือของท่านพี่หญิง……อ๊าห์”
“อื้ม เอ้า มากินกันเถอะ”
และแล้ว
ปาร์ตี้หม้อไฟในวังหลังของทั้งสี่คนก็ได้เริ่มขึ้น