ทุกคนใช้ทัพพีเพื่อตักอาหารจากในหม้อที่วางอยู่กลางโต๊ะใส่ถ้วยของตนเอง
มันเต็มไปด้วยวัตถุดิบชั้นยอด โดยเฉพาะกุ้งที่เฮเลนาอดคิดไม่ได้ว่านี่มันอาจตัวใหญ่กว่าที่เธอเคยเห็นมาทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ
เฮเลนาตักผักที่ผ่านไฟมาจนเปื่อยนุ่มเข้าปากพร้อมกับน้ำซุป
“ฮืม อร่อย”
นับว่าหม้อไฟที่ปรุงให้เป็นบุยยาเบสนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว
น้ำซุปจากอาหารทะเลได้ออกมาอย่างเหลือเฟือ ทำให้มันมีรสชาติที่ลึกซึ้ง ทว่าความอร่อยจากตัววัตถุดิบเองก็คงสำคัญเหมือนกัน เพราะเทียบกับที่เคยกินสมัยอยู่กองทัพแล้วนี่มันอร่อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“อร่อยจังค่ะ ท่านเฮเลนา!”
“ว้าว……เนื้อนุ่มสุด ๆ……”
ฟรองซัวส์กินอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้งจนถ้วยว่างเปล่าแทบจะในทันที ส่วนทางคลาริสซาก็กำลังกินเนื้อลายหินอ่อนชั้นเลิศที่ย่างไว้ต่างหากโดยเคี้ยวกัดทีละคำทีละคำอย่างตั้งใจ เพราะเฮเลนาคิดว่าเนื้อลายหินอ่อนคงไม่ค่อยเข้ากับหม้อไฟนักและนำไปย่างน่าจะอร่อยกว่า เธอจึงได้โรยเกลือย่างมันแยกเอาไว้
เนื้อชั้นดีขนาดนี้เฮเลนาเองก็ไม่เคยได้กินมาก่อน คงเป็นเนื้อระดับสูงมากเลยทีเดียว
แค่กัดลงไปความอร่อยก็ล้นปรี่ จนอดไม่ได้ที่จะปล่อยเสียงร้องครางออกมา
“นี่มัน……เป็นเนื้อที่ค่อนข้างแพงเลยไม่ใช่รึ?”
“ไม่ใช่ของยิ่งใหญ่อะไรหรอกค่ะ อย่างน้อยหากบอกล่วงหน้าสักหนึ่งวันดิฉันคงสามารถเตรียมเนื้อที่ดีกว่านี้สักหน่อยได้……”
“เรื่องนั้น……ขอโทษทีนะ”
มาริเอลบอกว่าไม่ใช่ของยิ่งใหญ่อะไร แต่นั่นมันเป็นการตัดสินจากมาตรฐานของเธอเองล่ะมั้ง
อย่างน้อยที่สุด คนที่ต่อให้เป็นบุตรีขุนนางแต่ก็ไม่มีอำนาจทางการเงินเหมือนตระกูลริเวียร์อย่างเฮเลนา ฟรองซัวส์ หรือคลาริสซาก็คงไม่สามารถหามากินได้บ่อย ๆ แน่
“หากมีโอกาสหน้า อย่างน้อยโปรดบอกก่อนล่วงหน้าสักหนึ่งวันนะคะ”
“อา จะทำแบบนั้นแล้วกัน แต่ว่า……ครั้งหน้าก็ไหว้วานเรื่องวัตถุดิบได้อีกงั้นรึ?”
“ได้แน่นอนค่ะ!”
หากขอให้มาริเอลเตรียมให้หลาย ๆ ครั้งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดเหมือนกัน แต่มาริเอลกลับยืดอกตอบมาแบบนั้น
ทีแรกคิดไว้ว่าหากมีโอกาสหน้าจะไปไหว้วานต้นเครื่องของวังหลังบ้าง แต่เมื่อมาริเอลกล่าวเช่นนั้นก็ขอรบกวนหน่อยแล้วกัน
“ท่านเฮเลนาคะ! ในกองทัพเขากินของอร่อยแบบนี้กันประจำเลยหรือคะ!?”
“เอ่อ ก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ……”
“แต่ว่า การที่ทุกคนกินหม้อไฟจากหม้อเดียวกันแบบนี้ข้าก็เพิ่งจะเคยเป็นครั้งแรกนะคะ ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันเฉพาะในกองทัพหรือคะ?”
คลาริสซากล่าวพลางเอียงศีรษะอย่างฉงน
จะว่าไป ก่อนเข้ากองทัพเฮเลนาก็ไม่เคยมีโอกาสทานหม้อไฟแบบนี้เหมือนกัน คงเป็นเพราะขุนนางจำนวนไม่น้อยมีมุมมองว่าการกินอาหารหม้อใหญ่มันเป็นการกินของไพร่สามัญชนกระมัง
ทว่า—
“ในกองทัพก็ไม่ได้กินของอร่อยขนาดนี้หรอกนะ”
“เอ๋ เป็นเช่นนั้นหรือคะ?”
“ใช่ โดยพื้นฐานแล้ววัตถุดิบอาหารจะมีแต่ของที่ถูกแบ่งสรรปันส่วนมาเป็นเสบียง แถมยังมีแต่ของราคาถูกซะส่วนใหญ่ ตอนที่ได้รับเสบียงก็ยังนับว่าดีอยู่ แต่ก็มีหลายครั้งที่ต้องตั้งแคมป์กันกลางป่ากลางเขาโดยไม่ได้รับการจัดสรรวัตถุดิบด้วยซ้ำ”
เฮเลนาหวนนึกถึงวิถีชีวิตอันโหดร้ายในกองทัพ
หากทำการสู้รบในที่ราบก็นับว่าสบายอยู่ ทว่าเมื่อเป็นการสู้รบแบบกองโจรในป่าหรืออะไรเทือกนั้นแล้ว การส่งเสบียงจะทำได้ยากลำบากมาก โดยเฉพาะในเวลาที่ต้องเคลื่อนตัวเป็นการลับการไม่ได้รับประทานอาหารอย่างเต็มอิ่มก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
หากเป็นเวลาไม่กี่วันก็ยังพออดทนด้วยเสบียงกรังได้ แต่ถ้านานกว่านั้นยังไงก็คงต้องจัดหาอาหารเองจากในพื้นที่
“ถ้าไม่ได้รับการจัดสรรวัตถุดิบก็ทำหม้อไฟไม่ได้ไม่ใช่หรือคะ……”
“ไม่หรอก ปกติแล้วก็พอแก้ขัดด้วยการจัดหาจากในพื้นที่ได้ พวกเห็ดมันแยกยากว่ามีพิษหรือไม่มี แต่พวกต้นหญ้าวัชพืชน่ะมีที่กินได้เยอะอยู่นะ”
“แต่ว่ากินแค่ต้นหญ้าจะไม่เป็นไรหรือคะ……?”
มาริเอลเอียงศีรษะถามเช่นนั้น
มาริเอลซึ่งเป็นลูกสาวของบริษัทการค้าใหญ่อย่างแอน-มาโลว์คงไม่เคยลำบากเรื่องอาหารการกินมาก่อน โดยเฉพาะเรื่องการเอาตัวรอดในป่ายิ่งแล้วใหญ่
เฮเลนาส่ายหน้าตอบคำถามของมาริเอล
“ต่อให้เป็นข้าเองก็ไม่อยากทานหม้อไฟที่มีแต่หญ้าป่าหรอกนะ”
“ทว่า แล้วเนื้อ……”
“ในป่าน่ะมีงูอยู่ค่อนข้างมาก อร่อยดีทีเดียวล่ะ”
“……”
แหล่งโปรตีนที่สำคัญในป่า ก็คืองูนั่นเอง
เนื้อของมันเป็นเนื้อขาวค่อนข้างอร่อย และตัวยังยาวจึงมีปริมาณเนื้อพอสมควร แม้บางชนิดมีพิษ แต่เฮเลนานั้นเชี่ยวชาญเรื่องการกำจัดต่อมน้ำพิษออกจากตัวงูเป็นพิเศษ และเมื่อกำจัดต่อมน้ำพิษออกไปแล้วมันก็สามารถกินได้อย่างเหลือเฟือ
ยิ่งไปกว่านั้นงูยังมีฤทธิ์บำรุงกำลังวังชา เรียกได้ว่าสำหรับนักรบแล้วมันเป็นวัตถุดิบอาหารที่ยอดเยี่ยมมาก
ทว่า—เมื่อได้ฟังคำของเฮเลนา มาริเอลกับคลาริสซาก็มีสีหน้าซีดเซียวกันทั้งสองคน
“……เป็นอะไรไปรึ?”
“อ เอ่อ……ท่านพี่หญิงคะ เมื่อครู่……กล่าวว่า งู……?”
“อ เอ๋ งูเนี่ยมัน……”
“……มันน่าแปลกใจขนาดนั้นเชียวรึ?”
งูมีลักษณะนิสัยที่ทำให้จับได้ง่าย และหากตัวโตหน่อยก็สามารถนำมากินจนอิ่มท้องได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นรสชาติก็ไม่ได้เลวร้าย
งูเนี่ยแหละดีที่สุดแล้ว
“งูน่ะอร่อยนะ รสชาติมันเบา ๆ พอเอาไปใส่หม้อไฟก็ซึมซับรสชาติน้ำซุปเข้าไปได้ดีเลยล่ะ”
“ไม่เคยคิดจะกินงูกันเลยด้วยซ้ำค่ะ……”
“อืม จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นใครขายในเมืองเหมือนกันแฮะ”
ไม่เคยเห็นร้านค้าที่ขายเนื้องูจริง ๆ ด้วย
เมื่อได้ยินเฮเลนาพูด มาริเอลก็พยักหน้า
“บริษัทแอน-มาโลว์เองก็ไม่มีเนื้องูขายค่ะ……หากเป็นหนังยังพอมีขายในฐานะงานฝีมือบ้าง”
“งั้นรึ……มันอร่อยออกแท้ ๆ นะ”
‘น่าเสียดาย’ เฮเลนาบึนปาก
หากมีโอกาส ก็อยากให้สามคนนี้ได้กินหม้อไฟเนื้องูด้วย การเลือกกินมันไม่ดีนะ
ไว้คราวหน้า ลองขอให้ฟาร์มาสพาไปท่องเที่ยวทางไกล แล้วก็ไปเอางูแถว ๆ นั้นมาดีกว่า ยังไงเธอก็รู้นิสัยงูดีอยู่แล้ว หากมีเวลาสักหน่อยก็คงสามารถจับได้หลายตัวอยู่
หากเอามาย่างสดทั้งตัวเลยอาจเป็นการทำร้ายความอยากอาหารกันเกินไป ดังนั้นตอนแรกเอาให้กินโดยไม่บอกว่าเป็นเนื้ออะไรก่อนดีกว่า
‘อื้ม’ เฮเลนาพยักหน้า
“อ๊ะ!”
ตอนนั้นเองฟรองซัวส์ก็ส่งเสียงขึ้นมา
ฟรองซัวส์เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากินไม่สนอย่างอื่นเลย ขนาดตอนที่คุยเรื่องงูกันเธอก็ยังกินได้โดยไม่สูญเสียความอยากอาหารสักนิด เป็นเด็กวัยกำลังโตเลยเจริญอาหารถึงขนาดนั้นสินะ พอมองแบบนั้นแล้วก็น่าเอ็นดูอยู่เหมือนกัน
‘เฮือก’ ฟรองซัวส์ทำหน้าซีด
“ข ขออภัยค่ะ ท่านเฮเลนา! มันอร่อยมากจนข้าเผลอกินจนหมดซะแล้ว!”
“เดี๋ยวสิ ฟรอง!?”
“อ่า……หม้อมันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรนี่นะ”
เมื่อได้ฟังคำของฟรองซัวส์ เฮเลนาก็ยิ้มแห้ง ๆ
หม้อที่เล็กไปหน่อยสำหรับสี่คน หากตัดน้ำซุปออกไปกลายเป็นว่างเปล่าไปซะแล้ว เฮเลนาเองก็เพิ่งจะได้กินแค่คำสองคำเท่านั้นเอง ส่วนคลาริสซาก็มัวแต่ตั้งใจเคี้ยวเนื้ออยู่ดังนั้นคงแทบไม่ได้กินเหมือนกัน แต่สำหรับมาริเอล ดูเหมือนเธอจะได้กินไปเรื่อย ๆ ตามความเร็วของเธอเองอยู่
“เอาล่ะ งั้นทำเพิ่มก็แล้วกัน”
“ช เช่นนั้นแล้ว! ท่านเฮเลนาคะ! ได้โปรดให้ข้าทำเถอะค่ะ!”
“……หืม”
ฟรองซัวส์ก้มศีรษะอย่างรู้สึกผิด
มันไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไรขนาดนั้นสักหน่อย เฮเลนาเองก็รู้แต่แรกแล้วว่ามันน่าจะไม่มากพอ
แต่วัตถุดิบก็ยังเหลืออยู่ งั้นให้ฟรองซัวส์ทำบ้างก็น่าจะไม่เลวเหมือนกัน
“งั้นฝากให้ฟรองซัวส์จัดการแล้วกัน ข้าขออยู่ฝั่งคนกินบ้าง”
“ค่ะ! เชื่อมือได้เลยค่ะ!”
“ผักมันยังไม่ได้ล้างนะ ล้างก่อนด้วยล่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ!”
สมัยอยู่กองทัพเฮเลนาจะเป็นคนทำอาหารตลอด
เวลาที่ทำอาหารกินกันในหน่วยเล็ก ๆ เมื่อเฮเลนารับประทานอาหารร่วมกันกับคนอื่นเธอจะได้รับมอบหมายให้เป็นเวรทำอาหารตลอด ในกองอัศวินพยัคฆ์แดงที่เป็นสังคมของบุรุษนั้น ส่วนใหญ่มักจะร้องขอว่าอย่างน้อยก็อยากรับประทานอาหารฝีมือสตรีบ้าง และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฝีมือทำอาหารของเฮเลนาพัฒนาขึ้นนั่นเอง
‘การได้มาอยู่ในจุดที่มีคนทำอาหารให้เช่นนี้ก็น่าดีใจเหมือนกันนะ’ เฮเลนายิ้มออกมา
ทว่า คลาริสซากลับทำสีหน้าเรียบเฉยพลางลุกขึ้นยืน
“เอ่อ……ข้าจะไปช่วยนะคะ”
“หืม อา……ได้สิ”
“คือว่า……ขออภัยด้วยนะคะท่านเฮเลนา”
“หืม?”
“เปล่าหรอกค่ะ คือว่าต้องขอขมาไว้ล่วงหน้าก่อน……”
คลาริสซากล่าวขอโทษอย่างไม่มีที่มาที่ไป จากนั้นก็มุ่งไปทางฟรองซัวส์
เพราะอะไรเธอถึงได้ขอขมาออกมาแบบนั้นกันนะ
“ฟรอง—!”
“ค ค่ะ! อะไรหรือคะคลาริสซา!”
“ก่อนอื่นหยุดล้างผักด้วยสบู่ซักผ้าเดี๋ยวนี้นะ—!”
……
รู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างมากแล้วสิ
เฮเลนาสบตากับมาริเอลแล้วก็ยิ้มแห้ง ๆ
ต่อให้มันออกมาเป็นอย่างไร เฮเลนาก็มั่นใจว่าเธอคงกินได้ หม้อไฟที่ทำกินในระหว่างใช้ชีวิตเซอร์ไววัลมันไม่ได้มีแต่ของอร่อยอยู่แล้ว ต่อให้รสชาติแย่ไปเล็กน้อยก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับประทานให้หมด
ทว่าบุตรีขุนนางที่ไม่เคยลำบากเรื่องอาหารการกินอย่างมาริเอลคงยากที่จะทำแบบนั้นกระมัง หากถึงคราวจวนตัวจริง ๆ คงต้องรับประทานให้หมดด้วยตัวคนเดียว เฮเลนาเตรียมใจเอาไว้แบบนั้นก่อน
“อ๊ะ จริงสิ! จะว่าไปแล้วท่านพี่หญิงคะ!”
“หืม?”
ในตอนนั้นเอง มาริเอลก็ส่งเสียงขึ้นมาราวกับอยากปัดเป่าบรรยากาศแบบนี้ออกไป
จากนั้นก็นำของบางอย่างออกมาด้วยท่าทางราวกับจะมีเสียงเอฟเฟค ‘แต่นแต๊น’
“วันนี้ดิฉันเอาของเช่นนี้มาด้วยนะคะ!”
มันคือ ขวด
แล้วก็ช่างน่าอัศจรรย์
เพราะมันคือสุราชั้นเลิศแบบเดียวกับที่มีเก็บไว้ในบ้านเรลโนต ซึ่งเคยทำให้เฮเลนาต้องเผยสภาพน่าอับอายต่อหน้าฟาร์มาสในวันนั้นนั่นเอง