(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 72: งานเต้นรำที่มีเพียงสองคน

 

ถ้อยคำของฟาร์มาสทำให้เธอรู้สึกว่ามุมปากยกยิ้มขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ

คำว่า “อ้วน” ที่ถูกบอกเมื่อเช้าวันก่อนนั้นมันฝังใจเฮเลนาอยู่ไม่น้อย

มันคือหนึ่งในสาเหตุที่เธอทำให้ตัดสินใจไดเอ็ต จนเกิดการชี้แนะฝึกอบรมฟรองซัวส์ คลาริสซา และมาริเอลเป็นผลพลอยได้ตามมานั่นเอง

ทว่าฟาร์มาสก็ได้บอกแล้ว

 

ว่าเฮเลนา—ผอมเพรียว

 

“ผ ผอมเพรียวหรือคะ……?”

 

“ใช่ อ่า ก็ดูรู้อยู่หรอกว่าฝึกฝนมาอย่างดี แต่ร่างกายก็ไม่มีเนื้อที่เปล่าประโยชน์เลย บางทีคงจะเป็นร่างกายแบบเจ้านี่แหละที่เป็นตัวอย่างของคำว่าความงดงามของร่างกายน่ะ”

 

“อา……”

 

เป็นคำพูดที่ทำให้เธอดีใจจริง ๆ

เพิ่งจะเริ่มชี้แนะทั้งสามคนไปได้ไม่กี่วันเอง ไม่นึกเลยว่าคำประเมิน “อ้วน” มันจะกลายเป็น “ผอม” ที่ตรงกันข้ามกันไปแล้ว แปลว่าแม้จะเพิ่งเริ่มแต่มันก็ส่งผลในระดับหนึ่งแล้วสินะ

จากนี้ไปก็คงต้องชี้แนะทั้งสามต่อไปเรื่อย ๆ

 

“เอ้า เฮเลนาเอ๋ย เท้าเจ้ามันหยุดอยู่นะ”

 

คำพูดของฟาร์มาสทำให้เธอได้สติกลับคืนมา

จะว่าไปตอนนี้กำลังเป็นเวลาทดลองเต้นรำร่วมกับฟาร์มาสอยู่นี่นา ดันมัวแต่ยินดีที่โดนชมว่าผอมจนลืมเรื่องนั้นไปซะได้

ก่อนอื่นเธอก็ออกสเต็ปพื้นฐาน เคลื่อนเท้าไปโดยที่ยังแนบชิดกับฟาร์มาสอยู่

 

เธอออกเท้าไปอย่างตะกุกตะกักอยู่บ้าง

ฟาร์มาสเองก็ลงสเต็ปเข้าคู่กับการเคลื่อนไหวของเฮเลนา ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงที่เฮเลนาผิดพลาดเล็กน้อยเขาก็ยังปรับการเคลื่อนไหวให้เข้าคู่กัน ในระดับที่หากมองจากภายนอกก็จะดูเหมือนว่าพวกเขาเต้นได้อย่างไม่มีติดขัดแม้แต่น้อย

เรื่องนี้คงกล่าวได้แค่ว่าเป็นเพราะฝีมือการเต้นรำของฟาร์มาสนั้นสูงมาก

 

“อืม เก่งมาก”

 

“ข ขอบพระคุณค่ะ!”

 

“อย่าร้อนรนไป ปล่อยให้เรารับมือทั้งหมดเถอะ”

 

งานเต้นรำที่มีเพียงสองคนปราศจากซึ่งผู้ชม

งานราตรีส่วนตัวที่ไม่มีแม้กระทั่งดนตรี มีแต่เพียงความเงียบงันที่โอบล้อม

ถึงกระนั้น—มันก็รู้สึกดีเหลือเกิน

 

ร่างกายของฟาร์มาสที่แม้สัมผัสผ่านเสื้อผ้าก็รู้ว่าผ่านการขัดเกลามา และร่างของเฮเลนาที่สัมผัสอยู่กับร่างนั้น ได้ย่างก้าววาดเส้นโค้งอย่างลื่นไหล ราวกับว่าเธอและฟาร์มาสได้กลายเป็นหนึ่งเดียวไปแล้ว

หากจะมีจุดที่เป็นตำหนิในภาพนี้ ก็คงจะมีแค่การที่เฮเลนาตัวสูงกว่าเท่านั้น

ทว่าในห้วงบรรยากาศนี้—ทั้งสองก็เป็นหนึ่งเดียวกัน

 

เมื่อช่วงเวลาอันงดงามดำเนินมาถึงจุดจบ เท้าของทั้งสองก็หยุดลง

ในตอนนี้ก็บอกได้ว่าการเต้นรำจบลงแล้วกระมัง

แม้เธอจะแค่เต้นไปตามสเต็ปพื้นฐานแล้วปล่อยการเคลื่อนไหวร่างกายท่อนบนตามฟาร์มาสไปทั้งหมด แต่ดูเหมือนมันจะพอไปไหวแฮะ

 

“……ฮืม”

 

“ข ขอบพระคุณค่ะ ท่านฟาร์มาส”

 

“อา……เปล่าหรอก จะว่าไงดีนะ”

 

ฟาร์มาสแยกห่างออกไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็ขมวดคิ้ว

เขายักไหล่อย่างเสียดาย จากนั้นก็จ้องมองเฮเลนา

 

“เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเจ้าแบบนี้……ไม่นึกเลยว่าพอแยกห่างแล้วจะรู้สึกเสียดายขนาดนี้น่ะ”

 

“—!”

 

 

“มันก็แค่ความเอาแต่ใจของเราเองแหละ หากสัมผัสกันมากไปกว่านี้เกรงว่าจะยับยั้งชั่งใจไม่ไหวแล้วล่ะ”

 

“ล ล้อเล่นแล้วค่ะ……ท่านฟาร์มาส”

 

รู้สึกได้ว่าใบหน้ามันร้อนผ่าวขึ้นมาซะแล้ว

ถ้อยคำแต่ละคำของฟาร์มาสมันดังกังวานราวกับกำลังพยายามยิงทะลุใจของเฮเลนาอยู่ ทำไมถึงต้องขยันพูดจากลั้นแกล้งกันขนาดนี้ด้วยนะ

ทว่าในขณะเดียวกัน ส่วนหนึ่งในใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี มีความสุขขึ้นมา

 

“ร้อนนิดหน่อยแฮะ”

 

“น นั่นสินะคะ”

 

ความร้อนของกันและกันที่ยังหลงเหลือบนร่างกาย

เป็นความร้อนตกค้างที่ราวกับจะทำให้สมองชาและหลอมละลายไปได้

 

ฟาร์มาสหันหลังไป จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟา

เฮเลนาหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ตนเอง จากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามเช่นเดียวกัน

 

“เอาล่ะ……อืม ดูเหมือนการเต้นรำจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ ถ้าทำได้แบบนี้ก็คงเต้นในงานราตรีวันมะรืนได้อย่างไม่มีปัญหา”

 

“ข ขอบพระคุณค่ะ”

 

“สำหรับความผิดพลาดเล็กน้อยเราจะคอยช่วยเอง วางใจเถอะ”

 

ฟาร์มาสขยิบตาให้ข้างหนึ่ง

ที่ดูเหมาะกับอากัปกิริยาเช่นนี้คงเป็นเพราะฟาร์มาสรูปงามอยู่แล้วกระมัง หากบาร์โตโลเมมาทำอะไรแบบใส่เธอคงนึกได้แค่ว่ามันเป็นลางร้ายบอกเหตุอาเพศเท่านั้น

 

แม้จะแค่สเต็ปพื้นฐาน แต่ดูเหมือนเธอจะทำมันได้อย่างไม่มีปัญหา

และดูเหมือนแค่ใช้สเต็ปพื้นฐานก็พอจะเอาตัวรอดในงานราตรีได้แล้ว

 

“เอาเถอะ ที่เราต้องเต้นกับเฮเลนามันก็มีแค่ช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนั้นไม่มีเวลาว่างมาเต้นหรอก”

 

“งั้นหรือคะ?”

 

“ใช่ สำหรับภายนอกแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เราพาชายาเอกมาออกงาน จะมีทูตจากต่างชาติมาด้วยดังนั้นก็คงต้องวนไปทักทายน่ะ อ่า แล้วจากนั้นจะพูดคุยกับแอนตันพร้อมกับเราก็ได้นะ ทว่าเวลาที่เรามีธุระต้องแยกห่างไปห้ามมีการสนทนากับบุรุษอื่นเด็ดขาด”

 

“รับทราบแล้วค่ะ”

 

เฮเลนาไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็พยักหน้ารับไปก่อน

ตราบใดที่ได้รับการปฏิบัติเสมือนพระชายาเอก การสนทนากับบุรุษอื่นอาจเชื่อมโยงไปสู่ข้อครหาว่าคบชู้สู่ชายได้ ซึ่งก็สุดแต่จะคาดเดาว่าจะถูกศัตรูทางการเมืองเอาไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ดังนั้นเฮเลนาจึงจำเป็นต้องแสดงความสงวนตัวนั่นเอง เกี่ยวกับวิธีการวางตัวในเรื่องแบบนี้เธอควรจะถามลูเครเซียดูอีกครั้งดีไหมนะ

ว่าแต่ว่างานราตรีเนี่ยมันยุ่งยากน่ารำคาญขนาดนั้นเชียวหรือ

เฮเลนาไม่เคยออกงานราตรีมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว แม้อาจมีคนมองว่าแปลกในฐานะบุตรีมาร์ควิสทว่าที่จริงแล้วเธอไม่ได้แม้แต่จะเปิดตัวในสังคมชั้นสูงอย่างเป็นทางการเลยด้วยซ้ำ ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็มาจากการที่เดิมทีตระกูลเรลโนตไม่ค่อยนิยมมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลอื่นมากนักอยู่แล้ว

แม้จะมีการแลกเปลี่ยนไมตรีกับตระกูลเคานต์อาโรหรือตระกูลเคานต์เรเวินซึ่งมักคุ้นกันอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่เคยได้ออกงานราตรีที่มีเสกลใหญ่โตขนาดนี้มาก่อน

แต่ก็เอาเถอะ นั่งวิตกกังวลเรื่องนั้นเอาป่านนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาแหละนะ

เมื่อคิดไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ งั้นก็ไม่ต้องคิดมันซะเลย นั่นแหละคือวิถีชีวิตของเฮเลนา

 

“อา จะว่าไปเราได้พบกับบาร์โตโลเม เบอร์การ์ซาร์ดแล้วนะ”

 

“แม่ทัพบาร์โตโลเมน่ะหรือคะ?”

 

“มีธุระนิดหน่อยน่ะ ก็เลยเรียกให้มาที่นครหลวง แต่ว่า……”

 

‘อืมม’ ฟาร์มาสกอดอก

สีหน้าของเขาดูบอกบุญไม่รับอย่างไรชอบกล

 

“เราน่ะเพิ่งจะเคยเจอกับแม่ทัพบาร์โตโลเมเป็นครั้งแรก”

 

“อา……ครั้งแรกสินะคะ”

 

ตอนนั้นเองเฮเลนาก็พลอยยิ้มแห้งไปด้วย

ลองได้เผชิญหน้ากับชายที่ชื่อว่าบาร์โตโลเมเป็นครั้งแรกแล้วจะมีท่าทีตอบสนองแบบนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลย

 

“แต่เดิมทีก่อนพิธีราชาภิเษกเราก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือการทหารอยู่แล้ว ดังนั้นแปดยอดขุนศึกที่เคยได้เจอจริง ๆ จึงมีแค่ทิฟฟานี รีดเท่านั้นแหละ หลังพิธีราชาภิเษกแปดขุนศึกก็ไปอยู่ที่แนวหน้ากันหมดแล้ว หากไม่ลงทุนเรียกมาเหมือนอย่างคราวนี้ก็คงไม่ได้พบหรอก”

 

“เช่นนั้นคงจะตกใจสินะคะ”

 

“อา……ไม่นึกเลยว่าจะใบหน้าดุดันขนาดนั้นน่ะ”

 

‘เฮ้อ’ ฟาร์มาสถอนหายใจแรง

บาร์โตโลเมนั้นมีใบหน้าอัปมงคลที่หากได้เห็นครั้งหนึ่งแล้วก็คงลืมไม่ลง

ตอนที่เห็นครั้งแรกเฮเลนาเองก็ถึงกับสะดุ้ง ต้องพยายามอดกลั้นไม่แสดงความตกใจอยู่เหมือนกัน

 

“ทำไมถึงเรียกแม่ทัพบาร์โตโลเมมาหรือคะ?”

 

“บอกเรื่องหลังจากนี้ของฟรองซัวส์ เรเวินไปน่ะ อย่างไรก็ดูเป็นชายที่ไว้ใจได้และเกรเดียเองก็ประเมินค่าเขาเอาไว้สูงทีเดียว ดังนั้นจึงเกริ่นเรื่องว่าจะยุบวังหลัง แล้วก็บอกไปว่าจะให้วิวาห์กับฟรองซัวส์ เรเวิน……”

 

“เกรงว่าน่าจะถูกปฏิเสธนะคะ……”

 

“ก็ในตอนแรกล่ะนะ เขาบอกว่า ‘ไม่มีสตรีคนไหนที่ไม่กลัวใบหน้าของข้าหรอก’ ”

 

“ก็ขนาดนางคณิกาผู้เจนศึกในย่านเริงรมณ์ยังไม่กล้าทักเขาเลยนี่นะคะ……”

 

นี่เป็นเรื่องจริง

แม้ได้ฟังจากวิกเตอร์มาอีกทีเลยรู้ไม่ค่อยละเอียดนัก แต่เหมือนว่าตอนที่ไปย่านเริงรมณ์ด้วยกันกับพรรคพวก บรรดานางคณิกาที่เข้ามาทักทายเรียกแขกพอเห็นหน้าบาร์โตโลเมก็เผ่นแน่บกันไปหมด

หลังจากนั้นก็มีคนมาทักวิกเตอร์หรือคนอื่น ๆ จนตกลงซื้อขายกันไปได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครเข้ามาทักบาร์โตโลเมเลยแม้แต่คนเดียว

 

เทียบกันในหมู่แปดยอดขุนศึกแล้ว บุคลิกของเขาก็จัดว่าเป็นประเภทที่เอาจริงเอาจริง เป็นทหารที่ซื่อตรงน่านับถือ

ทว่าใบหน้าดันมีความเป็นสัตว์ประหลาดอย่างท่วมท้นนี่สิ

 

“ถามตามตรง……ทำไมฟรองซัวส์ เรเวินถึงได้ไปชอบพอชายคนนั้นได้น่ะ?”

 

“เรื่องนั้น ข้าเองก็อยากจะถามนะคะ……”

 

“ตอนที่เราไปเยือนเธอก็เอาแต่พูดถึงบาร์โตโลเมอย่างเดียวเลย ทั้งที่ตัวเธอเองก็เป็นบุตรีขุนนางที่น่ารักน่าเอ็นดูแท้ ๆ……”

 

‘จึ้ก’ เฮเลนารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาราวกับมีเข็มเล่มเล็กมาทิ่มในอก

ฟรองซัวส์เป็นเด็กสาวที่น่ารัก เรื่องนั้นเฮเลนาเองก็เห็นด้วยว่ามันคือความเป็นจริงอย่างแน่นอน

ทว่าเมื่อได้ยินความเป็นจริงนั้นออกมาจากปากของฟาร์มาสเช่นนี้……

มันกลับมีความรู้สึกชวนหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

 

“……”

 

ดังนั้นเธอจึงไม่รู้จะเอ่ยคำใดและเงียบลงไป

และโดยทันใดนั้น ฟาร์มาสก็ยิ้มแห้ง ๆ ออกมา

 

“อย่าทำหน้าเช่นนั้นสิ เฮเลนา”

 

“เปล่านะคะ……”

 

ฟาร์มาสลุกขึ้นยืน ก่อนจะค่อย ๆ เข้ามาใกล้เฮเลนา

จากนั้นก็ลูบเส้นผมของเธอ พร้อมกับยิ้ม ‘หึหึ’

 

“เราเคยคิดว่าสตรีที่โมโหเพราะความหึงหวงนั้นไม่น่ามอง……แต่ไม่นึกเลยว่าพอเป็นเจ้าแล้วมันจะน่ารักถึงเพียงนี้น่ะ”

 

สตรีที่โมโหเพราะความหึงหวง—

เมื่อเฮเลนาเงยหน้าขึ้นเพราะได้ฟังคำประเมินที่ไม่คาดคิดเช่นนั้น

 

‘จุ๊บ’ ฟาร์มาสก็ได้ประทับริมฝีปากอย่างกลั่นแกล้ง

 

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Comment

Options

not work with dark mode
Reset