ถ้อยคำของฟาร์มาสทำให้เธอรู้สึกว่ามุมปากยกยิ้มขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ
คำว่า “อ้วน” ที่ถูกบอกเมื่อเช้าวันก่อนนั้นมันฝังใจเฮเลนาอยู่ไม่น้อย
มันคือหนึ่งในสาเหตุที่เธอทำให้ตัดสินใจไดเอ็ต จนเกิดการชี้แนะฝึกอบรมฟรองซัวส์ คลาริสซา และมาริเอลเป็นผลพลอยได้ตามมานั่นเอง
ทว่าฟาร์มาสก็ได้บอกแล้ว
ว่าเฮเลนา—ผอมเพรียว
“ผ ผอมเพรียวหรือคะ……?”
“ใช่ อ่า ก็ดูรู้อยู่หรอกว่าฝึกฝนมาอย่างดี แต่ร่างกายก็ไม่มีเนื้อที่เปล่าประโยชน์เลย บางทีคงจะเป็นร่างกายแบบเจ้านี่แหละที่เป็นตัวอย่างของคำว่าความงดงามของร่างกายน่ะ”
“อา……”
เป็นคำพูดที่ทำให้เธอดีใจจริง ๆ
เพิ่งจะเริ่มชี้แนะทั้งสามคนไปได้ไม่กี่วันเอง ไม่นึกเลยว่าคำประเมิน “อ้วน” มันจะกลายเป็น “ผอม” ที่ตรงกันข้ามกันไปแล้ว แปลว่าแม้จะเพิ่งเริ่มแต่มันก็ส่งผลในระดับหนึ่งแล้วสินะ
จากนี้ไปก็คงต้องชี้แนะทั้งสามต่อไปเรื่อย ๆ
“เอ้า เฮเลนาเอ๋ย เท้าเจ้ามันหยุดอยู่นะ”
คำพูดของฟาร์มาสทำให้เธอได้สติกลับคืนมา
จะว่าไปตอนนี้กำลังเป็นเวลาทดลองเต้นรำร่วมกับฟาร์มาสอยู่นี่นา ดันมัวแต่ยินดีที่โดนชมว่าผอมจนลืมเรื่องนั้นไปซะได้
ก่อนอื่นเธอก็ออกสเต็ปพื้นฐาน เคลื่อนเท้าไปโดยที่ยังแนบชิดกับฟาร์มาสอยู่
เธอออกเท้าไปอย่างตะกุกตะกักอยู่บ้าง
ฟาร์มาสเองก็ลงสเต็ปเข้าคู่กับการเคลื่อนไหวของเฮเลนา ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงที่เฮเลนาผิดพลาดเล็กน้อยเขาก็ยังปรับการเคลื่อนไหวให้เข้าคู่กัน ในระดับที่หากมองจากภายนอกก็จะดูเหมือนว่าพวกเขาเต้นได้อย่างไม่มีติดขัดแม้แต่น้อย
เรื่องนี้คงกล่าวได้แค่ว่าเป็นเพราะฝีมือการเต้นรำของฟาร์มาสนั้นสูงมาก
“อืม เก่งมาก”
“ข ขอบพระคุณค่ะ!”
“อย่าร้อนรนไป ปล่อยให้เรารับมือทั้งหมดเถอะ”
งานเต้นรำที่มีเพียงสองคนปราศจากซึ่งผู้ชม
งานราตรีส่วนตัวที่ไม่มีแม้กระทั่งดนตรี มีแต่เพียงความเงียบงันที่โอบล้อม
ถึงกระนั้น—มันก็รู้สึกดีเหลือเกิน
ร่างกายของฟาร์มาสที่แม้สัมผัสผ่านเสื้อผ้าก็รู้ว่าผ่านการขัดเกลามา และร่างของเฮเลนาที่สัมผัสอยู่กับร่างนั้น ได้ย่างก้าววาดเส้นโค้งอย่างลื่นไหล ราวกับว่าเธอและฟาร์มาสได้กลายเป็นหนึ่งเดียวไปแล้ว
หากจะมีจุดที่เป็นตำหนิในภาพนี้ ก็คงจะมีแค่การที่เฮเลนาตัวสูงกว่าเท่านั้น
ทว่าในห้วงบรรยากาศนี้—ทั้งสองก็เป็นหนึ่งเดียวกัน
เมื่อช่วงเวลาอันงดงามดำเนินมาถึงจุดจบ เท้าของทั้งสองก็หยุดลง
ในตอนนี้ก็บอกได้ว่าการเต้นรำจบลงแล้วกระมัง
แม้เธอจะแค่เต้นไปตามสเต็ปพื้นฐานแล้วปล่อยการเคลื่อนไหวร่างกายท่อนบนตามฟาร์มาสไปทั้งหมด แต่ดูเหมือนมันจะพอไปไหวแฮะ
“……ฮืม”
“ข ขอบพระคุณค่ะ ท่านฟาร์มาส”
“อา……เปล่าหรอก จะว่าไงดีนะ”
ฟาร์มาสแยกห่างออกไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็ขมวดคิ้ว
เขายักไหล่อย่างเสียดาย จากนั้นก็จ้องมองเฮเลนา
“เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเจ้าแบบนี้……ไม่นึกเลยว่าพอแยกห่างแล้วจะรู้สึกเสียดายขนาดนี้น่ะ”
“—!”
“มันก็แค่ความเอาแต่ใจของเราเองแหละ หากสัมผัสกันมากไปกว่านี้เกรงว่าจะยับยั้งชั่งใจไม่ไหวแล้วล่ะ”
“ล ล้อเล่นแล้วค่ะ……ท่านฟาร์มาส”
รู้สึกได้ว่าใบหน้ามันร้อนผ่าวขึ้นมาซะแล้ว
ถ้อยคำแต่ละคำของฟาร์มาสมันดังกังวานราวกับกำลังพยายามยิงทะลุใจของเฮเลนาอยู่ ทำไมถึงต้องขยันพูดจากลั้นแกล้งกันขนาดนี้ด้วยนะ
ทว่าในขณะเดียวกัน ส่วนหนึ่งในใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี มีความสุขขึ้นมา
“ร้อนนิดหน่อยแฮะ”
“น นั่นสินะคะ”
ความร้อนของกันและกันที่ยังหลงเหลือบนร่างกาย
เป็นความร้อนตกค้างที่ราวกับจะทำให้สมองชาและหลอมละลายไปได้
ฟาร์มาสหันหลังไป จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟา
เฮเลนาหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ตนเอง จากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามเช่นเดียวกัน
“เอาล่ะ……อืม ดูเหมือนการเต้นรำจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ ถ้าทำได้แบบนี้ก็คงเต้นในงานราตรีวันมะรืนได้อย่างไม่มีปัญหา”
“ข ขอบพระคุณค่ะ”
“สำหรับความผิดพลาดเล็กน้อยเราจะคอยช่วยเอง วางใจเถอะ”
ฟาร์มาสขยิบตาให้ข้างหนึ่ง
ที่ดูเหมาะกับอากัปกิริยาเช่นนี้คงเป็นเพราะฟาร์มาสรูปงามอยู่แล้วกระมัง หากบาร์โตโลเมมาทำอะไรแบบใส่เธอคงนึกได้แค่ว่ามันเป็นลางร้ายบอกเหตุอาเพศเท่านั้น
แม้จะแค่สเต็ปพื้นฐาน แต่ดูเหมือนเธอจะทำมันได้อย่างไม่มีปัญหา
และดูเหมือนแค่ใช้สเต็ปพื้นฐานก็พอจะเอาตัวรอดในงานราตรีได้แล้ว
“เอาเถอะ ที่เราต้องเต้นกับเฮเลนามันก็มีแค่ช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนั้นไม่มีเวลาว่างมาเต้นหรอก”
“งั้นหรือคะ?”
“ใช่ สำหรับภายนอกแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เราพาชายาเอกมาออกงาน จะมีทูตจากต่างชาติมาด้วยดังนั้นก็คงต้องวนไปทักทายน่ะ อ่า แล้วจากนั้นจะพูดคุยกับแอนตันพร้อมกับเราก็ได้นะ ทว่าเวลาที่เรามีธุระต้องแยกห่างไปห้ามมีการสนทนากับบุรุษอื่นเด็ดขาด”
“รับทราบแล้วค่ะ”
เฮเลนาไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็พยักหน้ารับไปก่อน
ตราบใดที่ได้รับการปฏิบัติเสมือนพระชายาเอก การสนทนากับบุรุษอื่นอาจเชื่อมโยงไปสู่ข้อครหาว่าคบชู้สู่ชายได้ ซึ่งก็สุดแต่จะคาดเดาว่าจะถูกศัตรูทางการเมืองเอาไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ดังนั้นเฮเลนาจึงจำเป็นต้องแสดงความสงวนตัวนั่นเอง เกี่ยวกับวิธีการวางตัวในเรื่องแบบนี้เธอควรจะถามลูเครเซียดูอีกครั้งดีไหมนะ
ว่าแต่ว่างานราตรีเนี่ยมันยุ่งยากน่ารำคาญขนาดนั้นเชียวหรือ
เฮเลนาไม่เคยออกงานราตรีมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว แม้อาจมีคนมองว่าแปลกในฐานะบุตรีมาร์ควิสทว่าที่จริงแล้วเธอไม่ได้แม้แต่จะเปิดตัวในสังคมชั้นสูงอย่างเป็นทางการเลยด้วยซ้ำ ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็มาจากการที่เดิมทีตระกูลเรลโนตไม่ค่อยนิยมมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลอื่นมากนักอยู่แล้ว
แม้จะมีการแลกเปลี่ยนไมตรีกับตระกูลเคานต์อาโรหรือตระกูลเคานต์เรเวินซึ่งมักคุ้นกันอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่เคยได้ออกงานราตรีที่มีเสกลใหญ่โตขนาดนี้มาก่อน
แต่ก็เอาเถอะ นั่งวิตกกังวลเรื่องนั้นเอาป่านนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาแหละนะ
เมื่อคิดไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ งั้นก็ไม่ต้องคิดมันซะเลย นั่นแหละคือวิถีชีวิตของเฮเลนา
“อา จะว่าไปเราได้พบกับบาร์โตโลเม เบอร์การ์ซาร์ดแล้วนะ”
“แม่ทัพบาร์โตโลเมน่ะหรือคะ?”
“มีธุระนิดหน่อยน่ะ ก็เลยเรียกให้มาที่นครหลวง แต่ว่า……”
‘อืมม’ ฟาร์มาสกอดอก
สีหน้าของเขาดูบอกบุญไม่รับอย่างไรชอบกล
“เราน่ะเพิ่งจะเคยเจอกับแม่ทัพบาร์โตโลเมเป็นครั้งแรก”
“อา……ครั้งแรกสินะคะ”
ตอนนั้นเองเฮเลนาก็พลอยยิ้มแห้งไปด้วย
ลองได้เผชิญหน้ากับชายที่ชื่อว่าบาร์โตโลเมเป็นครั้งแรกแล้วจะมีท่าทีตอบสนองแบบนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลย
“แต่เดิมทีก่อนพิธีราชาภิเษกเราก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือการทหารอยู่แล้ว ดังนั้นแปดยอดขุนศึกที่เคยได้เจอจริง ๆ จึงมีแค่ทิฟฟานี รีดเท่านั้นแหละ หลังพิธีราชาภิเษกแปดขุนศึกก็ไปอยู่ที่แนวหน้ากันหมดแล้ว หากไม่ลงทุนเรียกมาเหมือนอย่างคราวนี้ก็คงไม่ได้พบหรอก”
“เช่นนั้นคงจะตกใจสินะคะ”
“อา……ไม่นึกเลยว่าจะใบหน้าดุดันขนาดนั้นน่ะ”
‘เฮ้อ’ ฟาร์มาสถอนหายใจแรง
บาร์โตโลเมนั้นมีใบหน้าอัปมงคลที่หากได้เห็นครั้งหนึ่งแล้วก็คงลืมไม่ลง
ตอนที่เห็นครั้งแรกเฮเลนาเองก็ถึงกับสะดุ้ง ต้องพยายามอดกลั้นไม่แสดงความตกใจอยู่เหมือนกัน
“ทำไมถึงเรียกแม่ทัพบาร์โตโลเมมาหรือคะ?”
“บอกเรื่องหลังจากนี้ของฟรองซัวส์ เรเวินไปน่ะ อย่างไรก็ดูเป็นชายที่ไว้ใจได้และเกรเดียเองก็ประเมินค่าเขาเอาไว้สูงทีเดียว ดังนั้นจึงเกริ่นเรื่องว่าจะยุบวังหลัง แล้วก็บอกไปว่าจะให้วิวาห์กับฟรองซัวส์ เรเวิน……”
“เกรงว่าน่าจะถูกปฏิเสธนะคะ……”
“ก็ในตอนแรกล่ะนะ เขาบอกว่า ‘ไม่มีสตรีคนไหนที่ไม่กลัวใบหน้าของข้าหรอก’ ”
“ก็ขนาดนางคณิกาผู้เจนศึกในย่านเริงรมณ์ยังไม่กล้าทักเขาเลยนี่นะคะ……”
นี่เป็นเรื่องจริง
แม้ได้ฟังจากวิกเตอร์มาอีกทีเลยรู้ไม่ค่อยละเอียดนัก แต่เหมือนว่าตอนที่ไปย่านเริงรมณ์ด้วยกันกับพรรคพวก บรรดานางคณิกาที่เข้ามาทักทายเรียกแขกพอเห็นหน้าบาร์โตโลเมก็เผ่นแน่บกันไปหมด
หลังจากนั้นก็มีคนมาทักวิกเตอร์หรือคนอื่น ๆ จนตกลงซื้อขายกันไปได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครเข้ามาทักบาร์โตโลเมเลยแม้แต่คนเดียว
เทียบกันในหมู่แปดยอดขุนศึกแล้ว บุคลิกของเขาก็จัดว่าเป็นประเภทที่เอาจริงเอาจริง เป็นทหารที่ซื่อตรงน่านับถือ
ทว่าใบหน้าดันมีความเป็นสัตว์ประหลาดอย่างท่วมท้นนี่สิ
“ถามตามตรง……ทำไมฟรองซัวส์ เรเวินถึงได้ไปชอบพอชายคนนั้นได้น่ะ?”
“เรื่องนั้น ข้าเองก็อยากจะถามนะคะ……”
“ตอนที่เราไปเยือนเธอก็เอาแต่พูดถึงบาร์โตโลเมอย่างเดียวเลย ทั้งที่ตัวเธอเองก็เป็นบุตรีขุนนางที่น่ารักน่าเอ็นดูแท้ ๆ……”
‘จึ้ก’ เฮเลนารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาราวกับมีเข็มเล่มเล็กมาทิ่มในอก
ฟรองซัวส์เป็นเด็กสาวที่น่ารัก เรื่องนั้นเฮเลนาเองก็เห็นด้วยว่ามันคือความเป็นจริงอย่างแน่นอน
ทว่าเมื่อได้ยินความเป็นจริงนั้นออกมาจากปากของฟาร์มาสเช่นนี้……
มันกลับมีความรู้สึกชวนหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“……”
ดังนั้นเธอจึงไม่รู้จะเอ่ยคำใดและเงียบลงไป
และโดยทันใดนั้น ฟาร์มาสก็ยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
“อย่าทำหน้าเช่นนั้นสิ เฮเลนา”
“เปล่านะคะ……”
ฟาร์มาสลุกขึ้นยืน ก่อนจะค่อย ๆ เข้ามาใกล้เฮเลนา
จากนั้นก็ลูบเส้นผมของเธอ พร้อมกับยิ้ม ‘หึหึ’
“เราเคยคิดว่าสตรีที่โมโหเพราะความหึงหวงนั้นไม่น่ามอง……แต่ไม่นึกเลยว่าพอเป็นเจ้าแล้วมันจะน่ารักถึงเพียงนี้น่ะ”
สตรีที่โมโหเพราะความหึงหวง—
เมื่อเฮเลนาเงยหน้าขึ้นเพราะได้ฟังคำประเมินที่ไม่คาดคิดเช่นนั้น
‘จุ๊บ’ ฟาร์มาสก็ได้ประทับริมฝีปากอย่างกลั่นแกล้ง