สุดท้ายแล้วหลังจากฟาร์มาสดื่มชาเสร็จ เขาก็ออกไปทำงานทั้งที่ยังขยี้ตาแบบง่วง ๆ
แม้จะมีจุมพิตตอนจากไปเหมือนทุกครั้ง แต่มันก็แค่นั้น เรื่องเสน่หาระหว่างเฮเลนากับฟาร์มาส นอกจากการจุมพิตในบางเวลาเช่นนี้แล้วก็ไม่มีอื่นใดอีกเลย
คราวนี้เธอยอมรับมันโดยไม่หลบหลีกแล้วก็มองส่งเขาจากไป
จากนั้นเธอก็ฆ่าเวลาด้วยการฝึกฝนร่างกายเล็กน้อยจนกระทั่งอเลกเซียมาถึง
เฮเลนาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ได้อย่างเหลือเฟือด้วยการฝึกฝนร่างกายเช่นนี้ แต่สำหรับบุตรีขุนนางคนอื่น ๆ พวกนางทำอะไรกันนะ เธอรู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างกะทันหัน
โดยพื้นฐานแล้วเฮเลนาไม่มีงานอดิเรกอะไร แต่จะบอกว่าการฝึกฝนร่างกายคืองานอดิเรกของเธอก็ได้
ทว่าหากเป็นบุตรีขุนนางที่ไม่สนใจการฝึกฝนร่างกายเลยพวกนางจะทำอะไรเพื่อฆ่าเวลากันแน่ วันหนึ่งวันมันยาวนานกว่าที่คิด การใช้เวลาโดยไม่ได้ทำอะไรเลยมันคงทรมานน่าดู
เธอก็แค่สงสัยขึ้นมากะทันหัน แต่พอสงสัยขึ้นมาแล้วก็อยากจะไปถามใครสักคนดู
ทีแรกคิดว่าจะลองถามฟรองซัวส์หรือคลาริสซา แต่มานึกดูแล้วสองคนนั้นก็รับการฝึกอบรมจากเฮเลนาในช่วงเช้าอยู่
และเมื่อช่วงเช้าใช้แรงกายไปจนหมดแล้ว ช่วงบ่ายพวกเธอก็คงจะพักผ่อนร่างกายกันนั่นแหละ มาริเอลเองก็น่าจะเหมือนกัน
งั้นเฮเลนาคงต้องไปถามคนรู้จักที่ไม่ได้ร่วมฝึกฝนด้วยน่าจะดีที่สุด
“ท่านเฮเลนา ใกล้จะถึงเวลาฝึกอบรมยามเช้าแล้วค่ะ”
“อา……งั้นรึ”
เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยมื้ออาหารเลยไม่กระเตื้องเท่าที่ควร อาหารเช้าจึงยังหลงเหลืออยู่เล็กน้อย
เฮเลนารีบเอาอาหารที่เหลือนั้นเข้าปากจากนั้นก็กลืนน้ำล้างมันลงคอไป แล้วก็ลุกขึ้นยืน
“งั้นก็ไปกันเถอะ”
“ค่ะ ข้าขอเก็บจานชามจากนั้นค่อยมุ่งไปที่สวนระหว่างอาคารนะคะ”
อเลกเซียคำนับหนึ่งทีและเก็บกวาดจานชามที่เฮเลนารับประทานเสร็จแล้วใส่ถาดรอง
ปกติแล้วเธอจะรับประทานทานอาหารเสร็จเร็วกว่านี้ แต่ดูเหมือนวันนี้จะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยมากไปหน่อยซะแล้ว
ก่อนอื่นเฮเลนาก็ออกจากห้องแล้วมุ่งไปที่สวนระหว่างอาคาร
และที่อยู่ที่นั่นก็คือหน้าเดิม ๆ—คือฟรองซัวส์ คลาริสซา และมาริเอล แค่สามคนนี้เท่านั้น ดูเหมือนวันนี้ทั้งบรรดาคนของกองอัศวินหมาป่าเงินและลูเครเซียจะไม่อยู่
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ! ท่านเฮเลนา!”
“อ อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านพี่หญิง”
“อืม อรุณสวัสดิ์”
เวลามีพวกคนของกองอัศวินหมาป่าเงินอยู่ด้วยลานว่างตรงนี้มันจะดูแคบไปทันตา แต่พอมีแค่สี่คนแล้วก็รู้สึกกว้างพอสมควรทีเดียว
เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่านะ
แต่จะว่าไปบรรดาคนของกองอัศวินหมาป่าเงินก็อยู่ใต้การควบคุมดูแลของทิฟฟานี บางทีอาจกำลังติดตามไปทำภารกิจหน้าที่อะไรที่เฮเลนาไม่รู้ก็เป็นได้ เดิมทีพวกเธอก็เป็นบุคลากรซึ่งมาเพื่อรักษาความปลอดภัยในวังหลังอยู่แล้ว ไม่ได้มีความจำเป็นต้องมาเข้าร่วมการฝึกที่นี่เลยสักนิด
งั้นวันนี้ควรฝึกร่างกายโดยคิดว่าสามารถใช้ที่ว่างตรงนี้ได้อย่างเต็มที่สินะ
“เอาล่ะ มาเริ่มฝึกวันนี้กัน อันดับแรกทุกคนทำกายบริหารยืดกล้ามเนื้อซะ”
“ค่ะ!”
ทุกคนส่งเสียงตอบ จากนั้นก็ยืดกล้ามเนื้อกันอย่างตามใจแต่ละคน
อันที่จริงควรจะให้ทำพร้อมเพรียงกัน แต่เฮเลนาเองก็ออกกำลังเบา ๆ ตอนเช้าเพื่ออุ่นร่างกายไปแล้ว เลยคิดว่าให้แต่ละคนเน้นยืดตรงจุดที่ตัวเองรู้สึกว่าแข็ง ๆ น่าจะดีกว่า แล้วก็ปล่อยให้ทำกันโดยอิสระ
แต่เดิมที่นี่มันก็คือวังหลังไม่ใช่กองทัพ เธอจึงตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องผูกมัดกันด้วยระเบียบถึงขนาดนั้น
หลังจากยืนยันว่าทุกคนได้ทำการบริหารยืดกล้ามเนื้อกันเสร็จแล้ว ก็เข้าสู่การออกกำลังกายเบา ๆ
“เอาล่ะ ก่อนอื่นก็แทงหมัดตรงซ้ายขวาข้างละร้อยครั้ง ปฏิบัติ!”
“ค่ะ!”
‘หนึ่ง สอง สาม’ ทั้งสามนับพลางออกหมัดตรง
ไม่ใช่แค่ให้ทำไปอย่างเฉื่อยชาแต่ทุกการแทงหมัดจะต้องมีการก้าวขาแล้วก็ถอนขาและสะโพกกลับอีกครั้งด้วย ด้วยการทำเช่นนี้อากัปกิริยาก็จะถูกแก้ไขให้ถูกต้องอย่างเป็นธรรมชาติไปเอง
และในระหว่างที่จำนวนครั้งเพิ่มไปเรื่อย ๆ ปลายกำปั้นของคนที่เหนื่อยจะเริ่มลดต่ำลง เฮเลนาดูอยู่ข้าง ๆ คอยให้ความสนใจคนที่กำปั้นตกลงเช่นนั้น และในบางครั้งก็ช่วยชี้แนะปรับปรุงท่าทางให้
ทว่าแม้จะเพิ่งเริ่มกันได้ไม่นาน แต่ทั้งสามคนก็ดูจะคุ้นชินกับการฝึกขึ้นมากแล้ว
“……ฮืม”
แต่ว่าสีหน้าของทั้งสามคนก็ดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวากันมากนัก
แม้จะสั่งว่าไม่ให้ทำอย่างเฉื่อยชา แต่การฝึกฝนซ้ำ ๆ เดิมอย่างไรมันก็ต้องมีความรู้สึกเฉื่อยชาเกิดขึ้นมาอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการฝึกวิชาซึ่งไม่ใช่อะไรที่ทำแล้วจบในวันเดียวคืนเดียวแต่เป็นสิ่งที่ต้องทำซ้ำต่อเนื่องเป็นประจำทุกวันด้วยแล้ว
ฟรองซัวส์ดูจะทำอย่างสนุกสนานอยู่ แต่นั่นก็มาจากนิสัยของฟรองซัวส์ที่มองโลกในแง่ดีอย่างสุดขั้วอยู่แล้ว
ฝ่ายคลาริสซากำลังทำหน้าเหมือนไม่ชอบ ส่วนมาริเอลก็มีสีหน้าที่กำลังบอกว่าเบื่อแล้ว
“อเลกเซีย”
“ค่ะ ท่านเฮเลนา”
“ช่วยไปเอาไม้ขนาดเหมาะมือมาสี่แท่งทีสิ ความยาวประมานส่วนสูงของข้าก็ได้”
“อะ…..ค่ะ”
อเลกเซียมีท่าทีฉงนเล็กน้อยในขณะที่ออกไปจากสวนตามคำสั่งของเฮเลนา
หากเป็นในกองทัพเฮเลนาคงพูดว่า “ถ้าไม่มีกะจิตกะใจจะฝึกก็ไปตายในสมรภูมิซะ” แต่ที่นี่มันคือวังหลัง ปกติก็ไม่ต้องเผชิญอันตรายถึงชีวิตกันอยู่แล้ว การฝึกไปเรื่อย ๆ อยู่แบบนี้มันจึงแสดงผลลัพธ์ได้ยาก
ในหมู่ทหารใหม่ก็มีตัวอย่างของผู้ที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ดีทำให้เกือบถึงแก่ความตายเมื่อต้องไปออกศึกครั้งแรก หลังจากนั้นมาก็เลยตั้งใจฝึกตลอด
การได้รับประสบการณ์ต่อสู้จริงไม่มากก็น้อยคือสิ่งจำเป็นสำหรับทหาร ถึงอันที่จริงพวกเธอจะไม่ใช่ทหารก็เถอะ
อเลกเซียกลับมาและส่งมอบไม้สี่แท่งให้กับเฮเลนา
น้ำหนักก็เหมาะมือพอดีเลย ดูแล้วน่าจะเป็นไม้ราวตากผ้าที่ถูกเอามาตัด แต่ตรงรอยตัดได้ถูกขัดมาจนเรียบดีแล้ว
แบบนี้คงไม่มีอันตรายอะไร
“……หนึ่งร้อย!”
“เอาล่ะ พอได้แล้ว”
เมื่อหมัดซ้ายแทงออกมาครบครั้งที่หนึ่งร้อยพอดี เฮเลนาจึงบอกให้หยุด
ปกติแล้วจะให้พักสักเล็กน้อยจากนั้นก็ทำการฝึกสร้างแรงกายซ้ำไปเรื่อย ๆ แต่เพราะแบบนั้นคลาริสซากับมาริเอลถึงได้เริ่มจะเบื่อแล้วสินะ
บางครั้งการได้ฝึกภาคปฏิบัติบ้างก็ไม่เลวเหมือนกัน
“พักเหนื่อยสักหน่อย แล้วเดี๋ยวเราจะเข้าสู่การฝึกต่อไปกัน”
“ค่ะ!”
“เอ๋……อ อะไรหรือคะ แท่งไม้นั่น?”
ตอนนั้นเองคลาริสซาก็ได้ชี้มาที่แท่งไม้ในมือของเฮเลนา
หากมีเวลาก็อยากจะติดวัสดุลดแรงกระแทกไว้ตรงปลายก่อน ทว่าโชคไม่ดีที่ไม่มีเวลาทำแบบนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นแท่งไม้ประมาณนี้เฮเลนาก็สามารถควบคุมได้อย่างอิสระตามใจชอบอยู่แล้ว
“อา……การฝึกต่อไปเราจะฝึกในรูปแบบการต่อสู้จริงกัน”
“ส สู้จริงหรือคะ ท่านพี่หญิง!?”
“ใช่ ทว่าวันนี้เป็นการสู้จริงแบบสมมุติเท่านั้นล่ะมั้ง เพราะแท่งไม้พวกนี้ยังไม่ได้ติดวัสดุกันกระแทก ดังนั้น—”
เฮเลนาวางแท่งไม้สามแท่งลงตรงหน้าสามคนที่นั่งพักอยู่
ส่วนอีกแท่งหนึ่งเฮเลนาถือมันไว้
จากนั้นก็ชี้ปลายออกไป—ตั้งท่าเตรียมต่อสู้
“ทั้งหมดทุกคน บุกเข้ามาได้เลย”
“—!”
การฝึกภาคปฏิบัติ—วิชากระบอง
ที่ผ่านมาเฮเลนาให้ฝึกแต่แทงหมัด แต่การฝึกนั้นก็น่าจะทำให้พวกเธอมีแรงแขนเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อยแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นกระบองเป็นหนึ่งในอาวุธที่หาได้ง่ายที่สุด และยังเป็นอาวุธที่มีความสมบูรณ์แบบอีกด้วย
มันใช้การเคลื่อนไหวพื้นฐานได้สามรูปแบบคือแทง ฟาด กวาด และยังสามารถใช้พื้นผิวได้ทุกด้านในการจู่โจม
หากให้ยกตัวอย่าง มันก็เหมือนกับการใช้หอกที่มีปลายแหลมติดอยู่สองด้านนั่นเอง
และยังกล่าวได้อีกว่ากระบองคือสัญลักษณ์ของการไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ต่อให้เอามาต่อสู้จริงมันก็ไม่กลายเป็นการฆ่าฟันกัน
ก่อนอื่นก็ให้เรียนรู้วิชากระบอง จากนั้นก็ให้ทั้งสามได้ประมือกันเป็นพัก ๆ น่าจะดี
“ง งั้น! เอาแล้วนะคะ! ท่านเฮเลนา!”
“อืม เข้ามาเต็มที่ได้เลย”
“ค่ะ!”
ผู้ที่ขยับก่อนคือฟรองซัวส์
ในขณะที่อีกสองคนกำลังลังเลรีรอที่จะเคลื่อนไหวอยู่ ฟรองซัวส์ก็ได้แทงโจมตีเข้ามาก่อน แทงใส่เรี่ยวแรงออกมาได้ดีทีเดียว เหนือสิ่งอื่นใดที่ควรได้รับคำชมก็คงจะเป็นความกล้าที่ได้จับอาวุธเป็นครั้งแรกแล้วสามารถเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีอาวุธเหมือนกันได้นี่แหละ
ทว่า—มันก็เท่านั้น
“ฮึ่ม”
“หวา!?”
กระบองที่ฟรองซัวส์แทงออกมา ได้ถูกเฮเลนาฟาดตกลงไป
แน่นอนว่าในการฝึกนี้เธอไม่มีความคิดจะทำร้ายทั้งสามคนเลยแม้แต่น้อย ทว่าในการต่อสู้ที่ใช้อาวุธปะทะอาวุธมันย่อมเกิดแรงกระแทกขึ้นมาไม่มากก็น้อย
แม้แรงกระแทกนั้นจะทำให้รู้สึกมือชากันไปบ้าง แต่นั่นมันก็ไม่นับว่าเป็น “การทำร้าย” ได้หรอก
“ข้าบอกไปแล้วนะ ว่าให้บุกเข้ามาทั้งหมดทุกคนน่ะ”
“อุ……”
“ขอชื่นชมความกล้าหาญของฟรองซัวส์ ทว่าแทนที่จะบุกเดี่ยวคนเดียว การเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มอย่างมีแบบแผนต่างหากที่จะเป็นภัยคุกคามศัตรูได้มากกว่า”
เฮเลนาชี้ปลายกระบองไปทางคลาริสซากับมาริเอล
เพียงแค่นั้นก็เห็นแล้วว่าทั้งสองกำลังตัวสั่น
“วางใจเถอะ ข้าจะไม่จู่โจมก่อนแม้แต่น้อย การสวนกลับก็จะไม่ให้โดนตัว สัญญาได้เลย”
“จ จริงหรือคะ ท่านพี่หญิง……”
“แน่นอน ข้าไม่ได้มีรสนิยมทำให้ลูกศิษย์เจ็บปวดแล้วดีใจหรอกนะ”
“ช เช่นนั้นก็……”
“แต่ว่า”
‘ฮืม’ เฮเลนาเอามือแตะคางใช้ความคิด
จากนั้นก็ประกาศอย่างมั่นใจกับทั้งสามคนว่า
“ถ้าสามารถทำให้ข้าเสียกระบองไปได้ล่ะก็ หากไม่เหนือบ่ากว่าแรงไม่ว่าอะไรข้าก็จะทำให้ทุกอย่าง คงต้องมีรางวัลประมาณนั้นสินะ”
“ท ทุกอย่าง……?”
‘เอื๊อก’ ไม่รู้ทำไมมาริเอลกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ทว่าก็ดูเหมือนจะมีไฟขึ้นมาไม่มากก็น้อยแล้ว ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งต่างก็เป็นสิ่งจำเป็นสินะ
ถึงกระนั้น หากสู้กับทั้งสามคนนี้เฮเลนาก็นึกภาพตัวเองเสียกระบองไปไม่ออกอยู่แล้วล่ะนะ
แต่ทว่า—
“อย่างนี้นี่เอง ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้วค่ะ”
ผู้ที่กล่าวเช่นนั้นก่อนจะแย่งกระบองไปจากฟรองซัวส์ก็คือทิฟฟานี
“สมกับเป็นท่านเฮเลนา เท่านี้พวกเราก็จะสามารถเขียนหน้าใหม่อีกหน้าลงไปในจดหมายข่าวของ ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ ได้แล้ว”
ผู้ที่กล่าวเช่นนั้นก่อนจะแย่งกระบองไปจากคลาริสซาก็คือดีอันนา
“โอกาสเพียงหนึ่งครั้งในชีวิตเช่นนี้ คงปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้แล้วค่ะ”
และผู้ที่กล่าวเช่นนั้นก่อนจะแย่งกระบองไปจากมาริเอลก็คือเมห์เลียนา
“……เอ๋”
เมื่อเห็นเสนาธิการของกองอัศวินหมาป่าเงินสามคนที่โผล่มาแย่งกระบองแล้วก็ตั้งท่าต่อสู้อย่างกะทันหันราวกับว่าแอบซ่อนอยู่ตรงไหนก่อนแล้วไม่รู้
เฮเลนาจึงได้แต่อุทานออกมาสั้น ๆ เพียงคำเดียวแบบนั้น