ราชวังนครหลวงกันเกรฟ—ห้องรับรองใหญ่
เฮเลนาได้รับการนำโดยฟาร์มาสและกำลังเดินผ่านด้านหนึ่งของห้องรับรองไป
เท่าที่ดูตอนนี้ของต่าง ๆ นานาที่จำเป็นต่องานพิธีกำลังถูกจัดเตรียมอยู่โดยเหล่านางกำนัลจำนวนมากมาย อีกทั้งดูเหมือนว่าจะมื้อเที่ยงจะเป็นงานเลี้ยงบุฟเฟต์แบบยืนรับประทาน ดังนั้นบรรดาคนครัวทุกคนจึงช่วยกันขนอาหารมาด้วย
อาหารหลากหลายชนิดทยอยถูกจัดเรียงลงบนโต๊ะที่คลุมไว้ด้วยผ้าคลุมโต๊ะอีกที
และมันก็คงเป็นอาหารที่ผ่านการทดสอบพิษมาจนเย็นชืดหมดแล้วเหมือนกันแหง ๆ แค่คิดขึ้นแบบนั้นความอยากอาหารก็ลดฮวบลงไปทันตา
แต่ที่สำคัญที่สุด ในบรรดามารยาทการวางตัวที่ลูเครเซียสอนมันมีข้อที่ว่า “ห้ามรับประทานอาหารเด็ดขาด” รวมอยู่ด้วย ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ เฮเลนาไม่เข้าใจเหตุผลนัก แต่อย่างไรก็ตามตราบใดที่วางตัวเป็นพระชายาอยู่ก็ไม่สามารถแตะต้องอาหารได้อยู่แล้ว
“ที่นี่แหละ เฮเลนา”
ที่นั่นซึ่งฟาร์มาสนำทางเธอมาก็คือสถานที่ซึ่งเป็นเหมือนห้องนั่งรอ
ถึงกระนั้น มันก็กว้างขวางกว่าห้องนั่งรอในความคิดของเฮเลนามาก เกรงว่าน่าจะกว้างกว่าห้องของเฮเลนาในวังหลังเสียอีก
ทว่าก็เป็นห้องที่มีการประดับตกแต่งค่อนข้างน้อย อย่างมากก็มีเพียงโซฟากับโต๊ะเท่านั้นเอง
“เรากับเฮเลนาต้องรออยู่ที่นี่จนกว่าพิธีจะเริ่มน่ะ”
“ไม่จำเป็นต้องออกไปในทันทีหรือคะ?”
“ใช่ พิธีกรผู้ดำเนินพิธีคือแอนตัน แอนตันจะส่งเสียงเรียกว่า ‘ฝ่าบาททั้งสองเสด็จแล้ว’ จนกว่าจะได้ยินเสียงนั้นพวกเราก็จะยังไม่ออกไป”
“เช่นนั้นเองหรือคะ”
“โดยพื้นฐานแล้วในพิธีการทำนองนี้สิ่งสำคัญก็คือลำดับการน่ะ มันต้องใช้เวลามากอยู่แล้ว จะนั่งก่อนก็ได้นะ”
เฮเลนาไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็พยักหน้าไปก่อน
แต่เดิมทีเฮเลนาก็ไม่เข้าใจพิธีการทำนองนี้อยู่แล้ว ดังนั้นเอาเป็นว่าเธอทำตามที่ฟาร์มาสบอกไว้ก่อนแล้วกัน
เธอถอนใจให้กับชุดทางการซึ่งชวนให้คิดว่าคืนนี้คงจะปวดไหล่มากทีเดียว พลางหย่อนก้นลงบนเก้าอี้
แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่พักผ่อนเอาไว้ก็ย่อมดีกว่า
แม้เฮเลนาจะได้นั่งลงแบบนั้น แต่ในทางกลับกันฟาร์มาสกลับต้องเคลื่อนไหวอยู่ไม่สุขจนแทบไม่มีเวลานั่งเลย
มีทั้งเหล่าบุรุษที่ดูเหมือนจะเป็นข้าราชการพลเรือนหลายราย ทั้งแอนตันผู้เป็นบิดาของเฮเลนา และยังมีชายอ้วนท้วมซึ่งดูมีตำแหน่งใหญ่โต ต่างพากันวนเวียนมาแจ้งข่าวบางอย่างกับฟาร์มาสอยู่ไม่ขาดสายและพูดคุยถามตอบกันอยู่ตลอดเวลา จะอย่างไรในงานพิธีนี้ตัวเอกก็คือฟาร์มาสดังนั้นคงมีเรื่องที่ต้องนำมาผ่านเขาก่อนอยู่มากมายเลยกระมัง
ตัวของเฮเลนาในสภาวะปัจจุบันอยู่ในจุดยืนที่หากไม่ได้รับอนุญาตจากฟาร์มาสก็ไม่สามารถสนทนาได้แม้แต่กับแอนตันพ่อแท้ ๆ ของตน ดังนั้นเธอจึงได้แต่นั่งมองเหตุการณ์ผ่านไปเฉย ๆ เท่านั้น
ส่วนแอนตันเองก็เหมือนจะรู้ตัวเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงทำแบบเดียวกับเฮเลนา เพียงส่งสายตามองแต่ก็ไม่คิดเข้ามาพูดคุยอะไร
“……เช่นนั้น ถ้อยคำถวายความอาลัยจะเป็นแบบนี้พะยะค่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่ายกให้เจ้าจัดการน่ะ ตระเตรียมอย่างที่แอนตันคิดว่าดีที่สุดเถอะ”
“พะยะค่ะ เช่นนั้นนี่ก็คือแบบร่างคร่าว ๆ พะยะค่ะ”
“อืม”
ฟาร์มาสรับกระดาษขนาดประมาณจดหมายจากแอนตันและมองดูเนื้อหาภายใน
ได้มามองดูภาพเขาทำงานแบบนี้แล้ว เฮเลนาก็ได้แต่คิดว่า ‘ดูยุ่งยากลำบากจังเลยน้า’
“เช่นนั้น เรียนฝ่าบาท อีกไม่ช้าเหล่าราชอาคันตุกะก็จะเข้ามาในงานกันแล้วพะยะค่ะ”
“เรื่องนั้นก็ฝากเจ้าด้วยล่ะ โนลด์ลุนด์”
“น้อมรับพระบัญชาพะยะค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของฟาร์มาส เฮเลนาก็เงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ
โนลด์ลุนด์—นั่นคือชื่อของศัตรูทางการเมืองของแอนตัน และยังเป็นกังฉินฉ้อฉลที่คอยกวนใจฟาร์มาสอยู่
จากคำบอกเล่าของลูเครเซีย เขาคือชายที่ได้ใช้วาจาซับซ้อนหลอกล่อให้ฟาร์มาสซึ่งเพิ่งจะขึ้นครองบัลลังก์ได้ไม่นานจัดตั้งตำแหน่งมหาอำมาตย์ขึ้นมา—มาร์ควิสอับราฮัม โนลด์ลุนด์
บุรุษซึ่งน่าจะถูกกวาดล้างเป็นอันดับแรกสุดในอีกหนึ่งปีหลังจากนี้
“โอ้……ท่านนั้นคือพระสนมฟ้าสุริยาที่เลื่องลือหรือพะยะค่ะ”
“อืม เจ้าหมดธุระแล้วนี่ โนลด์ลุนด์ รีบ ๆ ไปเตรียมการไป๊”
“ฝ่าบาท หากทรงกรุณาขอให้กระหม่อมได้กล่าวทักทายพระสนมฟ้าสุริยาผู้เลื่องลือว่าเป็นโฉมงามได้หรือไม่พะยะค่ะ”
“……ฮืม”
โนลด์ลุนด์โค้งคำนับฟาร์มาส จากนั้นก็ก้าวเข้ามาใกล้เฮเลนา
ในทางเบื้องหน้าแล้วฟาร์มาสนั้นเชื่อใจชายคนนี้อยู่มาก ข่าวลือหนาหูว่าเขาคือผู้ที่ฟาร์มาสซึ่งแสร้งเป็นจักรพรรดิโง่เขลากำลังไว้วางใจมากที่สุด
ต่อให้เป็นศัตรูการเมืองของแอนตันผู้เป็นบิดาแท้ ๆ เธอก็ไม่ควรจะปฏิบัติด้วยอย่างหยาบคายสินะ
“เพิ่งจะได้พบท่านเป็นครั้งแรก พระสนมฟ้าสุริยา กระผมคือผู้ได้รับพระราชทานตำแหน่งมหาอำมาตย์ ชื่อว่าอับราฮัม โนลด์ลุนด์ครับ”
“……”
ทว่า เฮเลนาก็ไม่สามารถตอบได้
หากพูดอะไรออกไปตอนนี้ ก็เท่ากับว่าเธอฝ่าฝืนคำสอนของลูเครเซียที่ว่า “ตราบใดที่ฝ่าบาทไม่ได้อนุญาตก็ห้ามสนทนากับชายอื่นเด็ดขาดต่อให้เป็นบิดาแท้ ๆ ก็ตาม” นั่นเอง
ดังนั้นเธอจึงแค่ก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วก็ชะงักไป
“ ‘สนมฟ้าจันทรา’ ชาร์ลอตเตผู้เป็นเครือญาติของกระผมสุขสบายดีหรือไม่ครับ? เธอยังเด็กอยู่มาก กระผมจึงเป็นห่วงอยู่ว่าเธอจะสร้างความเดือดร้อนอะไรให้พระสนมฟ้าสุริยาหรือไม่ครับ”
“……”
“ชาร์ลอตเตเองก็เป็นโฉมงามที่สุดในวงศาคณาญาติของพวกเรา เลยคิดว่าเธออาจได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฝ่าบาทก็ได้ แต่ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าพระสนมฟ้าสุริยาจะงดงามถึงปานนี้ แบบนี้ชาร์ลอตเตคงไม่อาจเอาชนะได้เสียแล้วสินะครับ”
“……”
จะให้ตอบว่าอะไรดีเนี่ย
เฮเลนาตีหน้านิ่ง และใช้ความเงียบงันตอบคำถามไปเรื่อย ๆ ทว่าโนลด์ลุนด์ก็ยังพูดจ้อต่อไปไม่หยุดราวกับว่าไฟติดแล้ว
เธออดไม่ได้ที่จะแอบส่งสายตาไปยังฟาร์มาสเพื่อขอความช่วยเหลือ
และดูเหมือนความรู้สึกนั้นจะส่งไปถึง
“โนลด์ลุนด์ พอแค่นั้นเถอะ”
“โอ๊ะ แย่ล่ะสิ……ต้องขออภัยด้วยพะยะค่ะฝ่าบาท”
“ดูเหมือนเฮเลนาจะเหนื่อยอยู่เล็กน้อยน่ะ งานพิธีก็จะเริ่มในอีกไม่ช้าแล้ว เจ้าไปต้อนรับอาคันตุกะที่ห้องรับรองทางนู้นเถอะ”
“รับทราบพะยะค่ะ”
โนลด์ลุนด์กล่าวพลางโค้งคำนับ ก่อนจะค่อย ๆ ออกไปจากห้องนั่งรอ
แม้ตอนที่ออกคำสั่งฟาร์มาสจะมีรอยยิ้มอยู่เล็กน้อย แต่ทันทีที่ในห้องนั่งรอเหลือเพียงเขากับเฮเลนาแค่สองคน สีหน้าของเขาก็กลายเป็นขุ่นมัวไม่สบอารมณ์ไปในทันที
“เฮ้อ……ให้ตายสิ เป็นชายที่ยุ่งยากน่ารำคาญจริง ๆ”
“คือว่า ไม่พูดคุยด้วยแบบนั้นดีแล้วหรือคะ?”
“เจ้านั่นก็แค่กำลังดูถูกเราอยู่นั่นแหละ โดยพื้นฐานแล้วหากเราพาผู้ที่ยังไม่ได้ทำพิธีเป็นชายาเอกอย่างเป็นทางการติดตามมาด้วย ผู้นั้นจะไม่ได้สามารถสนทนากับชายอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเรา เจ้านั่นก็แค่ลองทดสอบเจ้าดูโดยที่รู้เรื่องนั่นอยู่แล้วน่ะ”
“………………เช่นนั้นหรือคะ”
ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็พยักหน้าไว้ก่อน
เอาเป็นว่าได้รู้แล้วว่าที่เฮเลนาตอบสนองไปแบบนั้นไม่ใช่เรื่องผิด เท่านั้นก็พอแล้วล่ะมั้ง
จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ด้านนอกห้องนั่งรอก็เริ่มมีเสียงดังอื้ออึง
นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาเที่ยงตรงแล้ว บรรดาราชอาคันตุกะและเหล่าขุนนางคงจะเข้ามาในงานกันแล้วกระมัง
‘อย่างน้อยน่าจะถามไว้ก่อนว่างานพิธีมันจะดำเนินไปแบบไหนแฮะ’ เฮเลนารู้สึกเสียดายขึ้นมา หากพอเข้าใจขั้นตอนคร่าว ๆ เธอก็จะสามารถเตรียมใจได้แท้ ๆ
เมื่อถึงเวลาเที่ยงตรง เสียงอื้ออึงก็เงียบลงอย่างกะทันหัน
“ทุกท่าน ขออภัยที่ให้รอคอย ต่อจากนี้เราจะเริ่มงานพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีขององค์จักรพรรดิรุ่นก่อนฝ่าบาทดีลแล้วครับ”
นั่นคือเสียงที่กังวานฟังชัดของแอนตัน
การที่พิธีกรเป็นผู้ดำเนินงาน ก็แปลว่ามันไม่ได้คลาดเคลื่อนไปจากที่เฮเลนาคิดไว้นัก แม้สเกลจะผิดกันลิบลับแต่นี่มันคงจะคล้าย ๆ งานแต่งงานล่ะมั้ง
ต่อจากนี้ เมื่อแอนตันส่งเสียงบอกให้ฝ่าบาททั้งสองเข้างาน เธอก็จะต้องเข้าไปในงานพร้อมกับฟาร์มาสนั่นเอง
หลังจากนั้นก็ไม่รู้แล้ว ไม่เข้าใจสักนิดว่าต้องทำอะไรบ้าง
“ลำดับแรก ฝ่าบาททั้งสอง เสด็จแล้ว!”
“ไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
เธอจับมือกับฟาร์มาสและก้าวผ่านประตูห้องนั่งรอไปด้วยกัน
สู่ห้องรับรองซึ่งเมื่อสักครู่นี้เหล่านางกำนัลและคนครัวกำลังเตรียมการกันอยู่—
ในตอนนี้ มันกลับเต็มไปด้วยขุนนางที่มารวมตัวกันอยู่มากมายจนแทบจะมิดห้อง
“เจ้าตระกูลคนปัจจุบันของขุนนางในประเทศมาร่วมงานกันเกือบทั้งหมด บุคคลสำคัญจากประเทศข้างเคียงก็มีอยู่ไม่น้อย งานในสเกลใหญ่ระดับนี้แม้แต่ประเทศของเราก็ไม่ได้จัดกันบ่อย ๆ ล่ะนะ อย่าโดนกดดันเพราะจำนวนคนล่ะเฮเลนา”
“อ๊ะ ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ”
แม้จะไม่เคยพบขุนนางมากมายขนาดนี้มาก่อน แต่หากเป็นกำลังพลที่มากมายกว่านี้อีกล่ะก็เธอเคยรับมือมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว หากว่ากันตามตรง เพราะมารวมตัวอัดกันอยู่ในห้องรับรองแบบนี้มันเลยดูเหมือนเยอะ แต่อันที่จริงแล้วคงจะมีคนไม่ถึงหนึ่งกองพันด้วยซ้ำไป
ต่อให้ทุกคนที่นี่ถืออาวุธแล้วบุกเข้ามาเฮเลนาก็สามารถต่อกรได้ พอคิดแบบนั้นมันก็วางใจได้มากทีเดียว
“……งั้นรึ เราเป็นห่วงไม่เข้าเรื่องเองสินะ”
ฟาร์มาสเห็นเฮเลนากลับมีท่าทีใจเย็นลงได้แบบนั้นก็ยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
จากนั้น เมื่อได้เห็นฟาร์มาสกับเฮเลนาเดินคล้องแขนกันเข้างานมา
“โอ้……โฉมงามผู้นั้นน่ะรึ ที่ฝ่าบาทกำลังรักใคร่โปรดปราน……”
“งดงามเหลือเกิน……”
“ไม่นึกเลยว่าจะมีรูปโฉมถึงเพียงนี้…..”
เหล่าขุนนางที่เธอไม่รู้จักพากันกล่าวยกย่องเบา ๆ เช่นนั้น
เพราะไม่เคยได้รับการประเมินแบบนั้นมาก่อน เมื่อได้ยินอะไรแบบนั้นแว่ว ๆ มาจากทางนู้นทีทางนี้ทีเธอก็เริ่มจะรู้สึกเขิน ๆ ขึ้นมา
แม้เกือบจะเผลอก้มหน้าด้วยความเขินอายแต่เธอก็อดทนเอาไว้ จะฝ่าฝืนคำสอนของลูเครเซียที่ว่า “จงวางตัวสง่าผ่าเผยหลังตรงอยู่ตลอดเวลา” ไม่ได้เด็ดขาด
ทว่า
“ก กึ๋ย……นั่นมัน ‘เพชฌฆาตพันศพ’ เฮเลนา เรลโนต……!”
“ ‘แม้แต่เด็กร้องไห้ยังหยุดร้อง’ เฮเลนา……!”
“ช โชคดีจริง ๆ ว่าที่นี่ไม่ใช่สนามรบ……ไม่นึกเลยว่าจะเจอ ‘ปิศาจผมทอง’ ที่ปลิดชีพการิบัลดีในกระบวนท่าเดียวคนนั้น……”
“ทำไม ‘ธิดาล้างสังหาร’ ถึงไปอยู่ในตำแหน่งพระชายาได้……!”
“……”
มีความเห็นที่เสียมารยาทสุด ๆ อยู่เยอะทีเดียว
ดูเหมือนว่าในบรรดาอาคันตุกะจากต่างประเทศจะมีคนที่รู้จักเฮเลนาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
และเฮเลนาเองก็รู้สึกว่าการตอบสนองแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกสบายใจกว่ากันเยอะเลย