เมื่องานราตรีเริ่มขึ้นก็มีขุนนางมากล่าวทักทายฟาร์มาสเป็นจำนวนมาก
งานราตรีนั้นคับคั่งล้นหลามไปด้วยผู้คนยิ่งกว่างานพิธีเมื่อช่วงกลางวัน เพราะมันต่างจากงานพิธีซึ่งจะมีเพียงหัวหน้าตระกูลขุนนางหรือตัวแทนและอาคันตุกะจากต่างชาติเท่านั้นที่มาเข้าร่วม แต่งานราตรีจะมีครอบครัวของขุนนางเช่นภรรรยาหรือบุตรีมาร่วมด้วย ดังนั้นจำนวนคนจึงมากกว่างานพิธีอย่างน้อยห้าเท่าทีเดียว
ซึ่งไอ้การมาเข้าร่วมมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก
ต่อให้มากันเยอะแค่ไหน แต่สำหรับเฮเลนาแล้วทหารข้าศึกที่เธอเจอในสมรภูมิก็ยังเยอะกว่า ไม่มีทางเลยที่เธอจะรู้สึกกดดันด้วยจำนวนคนแค่นี้
ทว่าปัญหามันก็คือ
หลังจากนี้เฮเลนาจะต้อง—เต้นรำกับฟาร์มาสท่ามกลางสายตาของคนเหล่านี้ทุกคน
“เรียนฝ่าบาท กระหม่อมขอแนะนำให้รู้จัก ญาติในตระกูลของกระหม่อม ชื่อว่าคาทรีนา ฟรันซ์พะยะค่ะ”
“……ยินดีที่ได้พบฝ่าบาท หม่อมฉันบุตรสาวคนรองของวิสเคานต์ฟรันซ์ นามว่าคาทรีนาเพคะ”
“ฮืม ดูเหมือนจะอายุมากกว่าเราอยู่พอสมควรนะ”
“คาทรีนานั้นรูปโฉมไม่เลวนัก ทว่าอายุยี่สิบหกปีแล้วก็ยังไม่มีสามีสักคน ใคร ๆ อาจเรียกว่าเป็นสตรีที่เลยวัยออกเรือน แต่ทั้งลักษณะนิสัยและหน้าตาก็ไม่ได้เลวร้ายพะยะค่ะ”
“งั้นรึ ในกองอัศวินก็มีผู้ที่อายุเกินสามสิบแต่ยังไม่มีภรรยาอยู่เหมือนกัน เราช่วยแนะนำให้เอาไหม?”
“อ เอ่อ……นั่นมันก็”
และ
ตั้งแต่เมื่อครู่ บรรดาขุนนางก็พากุลสตรีผู้เป็นญาติหรืออะไรสักอย่างของตนมาแนะนำให้กับฟาร์มาสกันไม่ขาดสาย
โดยพื้นฐานแล้วหากฟาร์มาสไม่ได้บอกให้พูด เฮเลนาก็จะอยู่เฉย ๆ ไม่พูดอะไร ดังนั้นเธอจึงเพียงฟังการสนทนาพวกนั้นอยู่เงียบ ๆ จากทางด้านหลังเท่านั้น
ทว่า การที่บรรดาบุตรีขุนนางที่ถูกพามาแนะนำตั้งแต่เมื่อครู่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีอายุใกล้เคียงกับเฮเลนาทั้งนั้นคงเป็นเพราะทุกคนได้รู้แล้วว่าฟาร์มาสชอบคนอายุมากกว่ากระมัง
ผู้ที่กำลังได้รับการแนะนำตัวอยู่ตอนนี้เป็นบุตรีขุนนางที่ตัวเตี้ยกว่าเฮเลนาและมีรูปร่างอวบเล็กน้อย
นั่นไม่ใช่รูปลักษณ์แบบที่เรียกกันว่ารูปโฉมงดงามอย่างแน่นอน อาจเป็นเพราะเฮเลนาอยู่แต่ในวังหลังซึ่งเต็มไปด้วยโฉมงามมารวมกันจึงรู้สึกเช่นนี้ แต่หากจะให้คะแนนว่า ‘ปานกลาง’ ก็คงจะไม่ผิดนัก ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้สีหน้าของสตรีผู้นั้นยังดูหม่นหมองและก้มหน้าหลบอยู่อีกด้วย
อย่างน้อยที่สุด ก็ดูไม่เหมาะที่จะพามาแนะนำให้กับจักรพรรดิในงานราตรีเลย
“แต่ว่าทำไมถึงยังไม่ได้แต่งงานจนอายุเท่านี้ล่ะ?”
“ร เรื่องนั้น……คือว่า ต้องบอกว่ามันมีความบังเอิญหลาย ๆ อย่าง”
“งั้นรึ เช่นนั้นก็ขอให้เจ้าได้พบเจอคนที่ดีก็แล้วกันนะ”
“พ เพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ดูเหมือนว่าบรรดาขุนนางคงตั้งใจจะแนะนำตัวญาติที่เลยวัยออกเรือนให้จักรพรรดิผู้ชอบสตรีอายุมากกว่าได้รู้จัก เผื่อว่าจะรู้สึกสนใจขึ้นมาบ้างกระมัง
ทว่าช่างน่าเสียดาย แต่คาทรีนาซึ่งกำลังได้รับการแนะนำตัวอยู่เช่นนี้กลับดูหดหู่อยู่มากทีเดียว
เฮเลนาเองก็ไม่ได้ล่วงรู้ไปถึงสาเหตุ แต่ตอนเดินเข้ามาเธอก็ยังดูท่าทางยินดีปรีดาอยู่เลย ทว่าพอได้สบตากับเฮเลนาปุ้บก็ดูหงอยลงไปทันที มันไม่มีเหตุผลที่บุตรีขุนนางที่ไม่รู้จักกันจะต้องมาหวาดกลัวเธอเลยแท้ ๆ
เกิดบทสนทนาทำนองนี้ซ้ำไปซ้ำมามาตลอดตั้งแต่เมื่อครู่
เหล่าขุนนางพาบุตรีที่อายุมากกว่าฟาร์มาสมาแนะนำให้รู้จัก แต่ตัวบุตรีเหล่านั้นกลับดูหดหู่ ไม่อาจพูดอะไรเป็นเรื่องเป็นราวได้ ดังนั้นการสนทนาจึงไม่มีรสชาติ และหลังจากพูดคุยกันแค่พอสมควรพวกเธอก็จะจากไปเอง
คาทรีนาที่เข้ามากล่าวทักทายในคราวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคนในนั้นเหมือนกัน
“……ข ขออภัยฝ่าบาท เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวเพียงเท่านี้พะยะค่ะ”
“อืม ขอให้สนุกกับงานราตรีล่ะ”
“พ พะยะค่ะ เอ้า คาทรีนา กล่าวอำลาฝ่าบาทสิ”
“……ขอตัวเพคะ ฝ่าบาท”
เฮเลนามองส่งทั้งสองที่ได้กล่าวเช่นนั้นพลางโค้งคำนับฟาร์มาสก่อนจะค่อย ๆ เดินจากไป
ซึ่งเฮเลนาก็ได้ยินคาทรีนาซึ่งดูหดหู่อยู่จนถึงเมื่อครู่ กลับพูดอะไรสักอย่างขึ้นในขณะที่หันหลังและกำลังเดินจากไปอยู่นั่นเอง
“คิดอะไรอยู่กันคะ ท่านลุง……”
“เจ้าเนี่ยนะ พูดให้มันมากกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง เป็นโอกาสดีที่จะทำให้ฝ่าบาทสนใจแท้ ๆ”
“คือว่านะ……ลองมาเป็นข้าแล้วโดนเปรียบเทียบกับคนสวยแบบนั้นดูบ้างสิคะ……”
“มุ……”
พวกเขาสนทนากันด้วยเสียงเบา ๆ ซึ่งคงคิดว่าฟาร์มาสน่าจะไม่ได้ยิน ทว่าเฮเลนากลับได้ยินคำกล่าวประเมินตัวเธอเช่นนั้น
เป็นคำประเมินที่ฟังแล้วก็รู้สึกเขิน ๆ แต่ก็คงต้องโทษหูผีของเฮเลนาที่ดันไปได้ยินเข้าเอง
ฝ่ายฟาร์มาสเองก็กำลังมองส่งแผ่นหลังของบรรดาขุนนางที่จากไปอยู่เช่นเดียวกันพลางถอนหายใจออกมาอย่างชัดเจน
“หน้าไหน ๆ ก็ใช้วิธีเดียวกันหมดเลยแฮะ คิดงั้นไหมเฮเลนา”
“……หมายความว่าอย่างไรหรือคะ?”
“พอเห็นเราพาเฮเลนามาด้วยก็คงจะเข้าใจผิดว่าเราชอบสตรีอายุมากกว่ากระมัง เลยพากันลากสตรีเลยวัยออกเรือนมาเหมือนกันหมดแบบนี้น่ะ”
“……อ่า”
“ทว่าเรากลับไม่รู้สึกถึงเสน่ห์อะไรเลยสักนิด ไม่มีใครที่อายุมากอย่างมีความหมายเลยสักคนเดียว”
ฟาร์มาสยักไหล่อย่างเอือมระอา
ไอ้เรื่องชอบคนอายุมากกว่าเนี่ย ลูเครเซียเองก็ประเมินแบบเดียวกัน ดังนั้นคงไม่ได้เข้าใจผิดหรอก
ทว่า ฟาร์มาสนั้นต้องการแค่ “สตรีที่โดดเด่นกว่าตนเอง” เท่านั้น กับบุตรีขุนนางที่สั่งสมอายุมาอย่างเฉื่อยชาแล้ว การที่เขาจะไม่รู้สึกเสน่หาอะไรมันก็คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
“เอ่อ……แล้วสตรีที่มีเสน่ห์เนี่ย ต้องเป็นคนแบบไหนงั้นหรือคะ?”
เธอรู้สึกสงสัยขึ้นมากะทันหันจึงถามออกไป
อย่างน้อยที่สุดเฮเลนาก็คิดว่าฟาร์มาสถูกใจเธออยู่ เรื่องชายาเอกอะไรนั่นช่างมันไปก่อน แต่ฟาร์มาสนั้นมาเยือนห้องของเฮเลนาในวังหลังบ่อย ๆ แล้วเธอก็ได้รับความโปรดปรานในระดับที่เขาเป็นฝ่ายเข้ามาจุมพิตก่อนด้วย
ถึงลูเครเซียจะบอกว่า “ขอแค่มีอะไรที่โดดเด่นเหนือกว่าฟาร์มาสสักอย่างหนึ่งเขาก็จะชอบแล้ว” แต่ในสภาวะปัจจุบันสิ่งเดียวที่เฮเลนามีเหนือกว่าฟาร์มาสก็มีแค่พลังต่อสู้เท่านั้นเอง
“ฮืม”
ฟาร์มาสได้ฟังก็เอามือจับคางอย่างใช้ความคิด
“ก็นะ เราเองก็ไม่ได้มีรสนิยมแปลกประหลาดอะไรหรอก เป็นผู้ชายก็ย่อมต้องชื่นชอบโฉมงามมากกว่าอัปลักษณ์เป็นธรรมดา”
“……อ่า นั่นสินะคะ”
เฮเลนาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความงามของสตรีโดยละเอียดนัก แต่อย่างน้อยที่สุดเธอก็รู้ว่าชาร์ลอตเตหรือมาริเอลนั้นจัดว่าเป็นโฉมงาม
ฟรองซัวส์หรือคลาริสซาเองแม้จะยังเยาว์วัยอยู่ แต่ในอนาคตก็คงจะงดงามขึ้นอีกแน่
ส่วนตัวของเฮเลนาเองเป็นอย่างไรนั้น มันก็ยากที่จะประเมินคุณค่าตัวเองอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยที่สุดเธอก็คิดว่าคงไม่เลวร้ายอะไรนัก
“แล้วก็ ไม่ใช่ว่าจะเป็นสตรีคนไหนก็ได้ แต่เธอต้องมีอะไรสักอย่างที่เราจะเคารพได้ด้วยน่ะ อย่างเช่นความแข็งแกร่งไงล่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง……”
สตรีที่มีฝีมือยุทธเหนือล้ำไปกว่าเฮเลนานั้น คิดว่าคงจะหาได้ไม่ง่ายนัก
เกรงว่าต่อให้เฟ้นหาทั่วทั้งประเทศ สตรีที่แข็งแกร่งรองจากเฮเลนาก็คงจะเป็นทิฟฟานีนั่นแหละ สำหรับนอกประเทศจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่สตรีทั้งหมดที่สังกัดในกองทัพนั้นเฮเลนาเคยฝึกซ้อมประลองมาด้วยหมดแล้ว และเฮเลนาก็ชนะได้หมดทุกคน
“นอกจากนั้นก็ หากเป็นสตรีที่มีไหวพริบชาญฉลาดก็ยิ่งดี สตรีที่เข้าใจสถานะของตนอย่างชัดเจนและวางตัวได้อย่างไร้ปัญหาก็คือสตรีที่ดียังไงล่ะ”
และแล้ว เฮเลนาก็ได้ตกรอบไปในจุดนี้เอง
เฮเลนารู้ตัวอยู่ว่าไหวพริบสติปัญญาของตนมันแย่กว่าคนอื่น เธอเกลียดการใช้หัวสมอง และบ่อยครั้งก็มักจะโยนความคิดทิ้งไปดื้อ ๆ
ถึงขั้นที่ว่าระหว่างที่มองดูบุตรีขุนนางที่เข้ามาทักทาย เธอยังมัวแต่คิดว่า ‘ปาร์ตี้หม้อไฟครั้งต่อไปจะจัดเมื่อไหร่ดีนะ’ อยู่เลย
แถมเพราะมัวแต่คิดเรื่องนั้นก็เลยเริ่มรู้สึกท้องหิวขึ้นมาซะแล้ว
“หรือถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือเจ้าไงล่ะ เฮเลนา”
“……คะ?”
“หือ?”
คำพูดที่ไม่คาดคิดของฟาร์มาสทำให้เธอรู้สึกฉงน
หากเป็นเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกกับความแข็งแกร่งก็ไม่มีปัญหา แต่ในเมื่อพ่วงเงื่อนไขฉลาดมีไหวพริบเข้าไปเฮเลนาก็ควรจะตกรอบไปแล้วนี่นา
หรือว่า เขาอาจไม่รู้ว่าเฮเลนาหัวไม่ดีรึเปล่านะ
“คือว่า ฝ่าบาทคะ……”
“เฮเลนา อย่าให้เราต้องพูดซ้ำสองสิ เรียกเราว่าฟาร์มาสซะ”
“ต แต่ว่า นี่มันสถานที่ทางการ……”
“ไม่เป็นไรหรอก ปัจจุบันนี้เจ้าเป็นเสมือนกึ่งชายาเอก การแสดงความสนิทสนมออกมาให้ต่างชาติเห็นก็นับว่าเป็นผลดี เรียกแบบนั้นเหมือนทุกทีก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย”
“อ่า……”
ถึงในใจจะคิดว่ามันจะดีหรือ แต่เธอขัดคำของฟาร์มาสไม่ได้อยู่แล้ว
แม้การเรียกแบบนั้นท่ามกลางผู้คนที่มารวมกันมากมายเช่นนี้มันจะชวนให้รู้สึกเขินชอบกลก็เถอะ
“……อ เอ่อ ท่านฟาร์มาส”
“อืม แบบนั้นแหละดีแล้ว เวลาที่เจ้าเขินก็น่ารักดีนะ”
“ย อย่าล้อเลียนกันสิคะ”
รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว
ตอนนี้ใบหน้าของเฮเลนาคงจะแดงแจ๋ไปแล้วแหง ๆ
“เอาล่ะ เฮเลนา”
“คะ?”
“ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ”
จะว่าไปแล้ว บรรดาขุนนางที่แวะเวียนมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็หยุดไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
ตอนแรกก็นึกว่าการกล่าวทักทายจบแล้วหรือไงนะ แต่ดูแล้วก็ยังมีขุนนางที่ยังไม่ได้เข้ามากล่าวทักทายอยู่อีกมากทีเดียว
ทั้งที่เป็นเช่นนั้นแต่กลับไม่มีใครเข้ามาเลยสักคนเดียว และเหตุผลนั้นก็คือ
ดนตรีที่ฟังดูโอ่อ่าน่าเกรงขามได้ถูกบรรเลงขึ้น—
“เอ้า เฮเลนา ยื่นมือมาสิ”
“ร รบกวนด้วยค่ะ……”
เธอยื่นมือออกไปอย่างเกร็ง ๆ และมือนั้นก็ได้ถูกฟาร์มาสดึงไป
สู่ใจกลางของงานราตรี—ทั้งสองเข้าไปยืนอยู่ ณ ที่แห่งนั้น
สิ่งที่รออยู่หลังจากนี้ ก็คือการเต้นรำของฟาร์มาสกับเฮเลนา
การเต้นรำต่อหน้าผู้คนทั้งหมด กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว—