แอนตัน เรลโนต มีฐานะเป็นมหาเสนาบดี ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในฐานะข้าหลวงในจักรวรรดิกันเกรฟ จักรวรรดิอันทรงอำนาจที่สุดในผืนทวีปแห่งนี้
แต่เดิมทีนั้นตระกูลเรลโนตจะครองตำแหน่งพิเศษที่เรียกว่า ‘มาร์ควิสประจำวัง’ โดยทั่วไปแล้วตระกูลที่มีบรรดาศักดิ์ขุนนางเช่นมาร์ควิสหรือเคานต์นั้นจะปกครองควบคุมอาณาเขตที่ดินของตนเอง คอยเก็บรวบรวมภาษี และจ่ายต่อส่วนหนึ่งเข้าประเทศ ซึ่งในจักรวรรดิเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น มันเป็นการปกครองในรูปแบบของระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีจักรพรรดิอยู่เหนือขุนนางนั่นเอง
ทว่าตำแหน่งของแอนตันซึ่งเรียกว่ามาร์ควิสประจำวังนั้น แตกต่างไปจากขุนนางเหล่านั้นอย่างมาก
แต่เดิมทีตำแหน่งของรัฐมนตรีนั้น มันยังเป็นตำแหน่งที่ชื่อว่า ‘เคาตน์ประจำวัง’ อีกด้วย ปกติแล้วขุนนางที่มีตำแหน่งนี้จะทำหน้าที่เป็นเลขาธิการของรัฐ โดยจะมีอยู่ประมาณสิบคนแบ่งออกเป็นฝ่ายต่าง ๆ และทำหน้าที่สนับสนุนจักรพรรดิเป็นหลัก พวกเขาจะไม่มีอาณาเขตที่ดินในปกครองเป็นของตนเอง แต่จะได้รับการจ่ายเงินค่าแรงจำนวนหนึ่งจากคลังของประเทศแทน
และมาร์ควิสประจำวังนั้น ก็คือตำแหน่งของผู้ที่คอยกำกับดูแลเคาตน์ประจำวังอีกทอดหนึ่ง
โดยพื้นฐานแล้วตำแหน่งรัฐมนตรีจะมีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หรือแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ได้ หน้าที่หลักของมาร์ควิสประจำวังก็คือการตรวจสอบหาการคอรัปชันหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ มอบบทลงโทษให้กับผู้ที่กระทำความผิดนั้น รวมทั้งแต่งตั้งรัฐมนตรีขึ้นมาใหม่ หรือหากจะสรุปให้เข้าใจง่ายที่สุดก็คงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ตรวจการที่คอยตรวจสอบทุกฝ่ายในราชสำนักนั่นเอง
ดังนั้นแอนตันจึงเป็นตัวตนที่อยู่สูงสุดเหนือบรรดาเคานต์ประจำวังทั้งหมด
ด้วยตำแหน่งนี้เหล่าเคานต์ประจำวังซึ่งอยู่ในราชสำนักไม่สามารถแข็งข้อกับแอนตันได้เด็ดขาด
หากเขาต้องการที่จะทำ แอนตันก็ย่อมสามารถทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งต่อการคอรัปชันหรือใช้อำนาจในทางที่ผิด และหาเงินเข้ากระเป๋าตนเองได้อย่างมากมายมหาศาลเป็นแน่ เขามีอำนาจอิทธิพลมากเพียงพอที่จะทำเช่นนั้น และแอนตันในฐานะผู้ตรวจการก็ยังมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธคำสั่งของจักรพรรดิได้อีกด้วย
ทว่า ชายที่ชื่อว่าแอนตัน เรลโนตนั้น
หรือพูดให้ชัดเจนขึ้นอีกก็คือ ตระกูลเรลโนต ซึ่งครองตำแหน่งมาร์ควิสประจำวังนั้น
มีแต่พวกเอาจริงเอาจังจนเข้าขั้นผิดปกติกันทั้งสิ้น
แต่เดิมทีแล้วมาร์ควิสประจำวังซึ่งเป็นผู้ตรวจการนั้นจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองในทางปฏิบัติ
หากมองจากมุมของพวกเขาแล้ว พวกเขาควรจะอยู่ในจุดที่สามารถเฝ้าสังเกตการบริหารบ้านเมืองจากมุมมองภายนอก เพื่อที่เมื่อใดตรวจพบความไม่ถูกต้องก็จะสามารถเคลื่อนไหวได้ทันที
ทว่าด้วยนิสัยซื่อตรงของแอนตันเอง รวมทั้งความสามารถในการบริหารที่เป็นเลิศ ทำให้ดีลจักรพรรดิองค์ก่อนรู้สึกเสียดายฝีมือ
ดังนั้นดีลจึงรับสั่งเป็นกรณีพิเศษ ให้แอนตันมีตำแหน่งเป็นทั้งมาร์ควิสประจำวังและมหาเสนาบดีจนได้ หรือต้องบอกว่ามัดมือชกให้เป็นจนได้
แม้จะเป็นการแต่งตั้งที่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าตัวสุด ๆ แต่มันก็เป็นเพราะดีลเชื่อใจแอนตันมากถึงขนาดนั้น แล้วก็ไม่เชื่อใจขุนนางอื่น ๆ มากถึงขนาดนั้นเช่นกัน
“……ฟู่ว”
แอนตันอ่านเอกสารรายงานที่ได้รับมอบมาแบบผ่านตา พลางถอนลมหายใจเฮือกใหญ่
ดูเหมือนว่าในสถานการณ์ปัจจุบันจะไม่มีกระทรวงไหนที่กระทำความผิดจนเห็นได้ชัดเป็นพิเศษ แอนตันที่ตอนกลางวันทำงานเป็นมหาเสนาบดีแล้วพอตะวันคล้อยก็มาทำงานของผู้ตรวจการนั้น ใช้ชีวิตแต่ละวันวุ่นวายหัวปั่นไปกับงาน
เขาคอยสร้างขวัญกำลังใจให้ตนเองว่า ‘ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างรากฐานอันมั่นคงของจักรวรรดิในวันพรุ่งนี้’ ทว่าก็ยังต้องเอามือขยี้ตา เพราะไม่อาจเอาชนะสังขารที่เริ่มแก่ตัวลงได้
พักหลังมานี้รู้สึกว่ายุ่งทุกวันจริง ๆ
ถึงขนาดที่ทำเอาเขานึกสงสัยว่านับตั้งแต่ที่ฟาร์มาสจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว ครั้งสุดท้ายที่เขาได้พักผ่อนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมันคือเมื่อไหร่กันหนอ
แล้วที่ยุ่งมันก็ไม่ใช่เป็นเพราะว่างานของมหาเสนาบดีหรืองานของผู้ตรวจการด้วย
แต่เป็นเพราะการต่อสู้ในฉากหลังกับบรรดาคนที่คิดจะใช้ประโยชน์จากจักรพรรดิที่ยังเยาว์วัยต่างหาก
มหาอำมาตย์—อับราฮัม โนลด์ลุนด์
ชายที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นสู่ตำแหน่งใหม่ที่ชื่อว่ามหาอำมาตย์ หลังจากฟาร์มาสขึ้นครองบัลลังก์
เขาไม่มีความจงรักภักดีต่อจักรพรรดิแม้แต่น้อย หมายปองเพียงแต่จะใช้ประโยชน์จากฟาร์มาสเพื่อเติมเต็มกระเป๋าเงินของตนเองเท่านั้น ทั้งที่เรื่องนั้นมันชัดเจนเห็น ๆ กันอยู่ทุกคน แต่กลับไม่มีผู้ใดเลยที่สามารถหยุดยั้งเขาได้
นั่นก็เพราะเขามีตำแหน่งอันสูงสุดเทียบเท่ากับแอนตันผู้เป็นมหาเสนาบดีนั่นเอง
“แต่ว่า……”
ฟาร์มาสนั้น เป็นเหมือนจักรพรรดิผู้โง่เขลาตามตำราไม่ผิดเพี้ยน
เป็นที่โจษจันกันทั่วไปว่าเขาไม่ยอมรับฟังคำติเตียนของข้าราชบริพาร ให้คุณค่าแต่กับกังฉินที่คอยป้อนคำหวาน ไม่มีความสนใจในการบริหารบ้านเมือง ไม่เข้าร่วมการประชุม แล้วก็เอาแต่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ อย่างเฉื่อยชา ซึ่งการที่เขาไม่ชอบแอนตันที่คอยแต่จะตำหนิพฤติกรรม แล้วก็ให้คุณค่ากับโนลด์ลุนด์ผู้ยอมรับทุกการกระทำของเขา นั้นก็เป็นหลักฐานชิ้นใหญ่แล้ว
โนลด์ลุนด์สามารถทำตามอำเภอใจในราชสำนัก เสียจนอดนึกไม่ได้ว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปประเทศชาติก็คงถึงคราวล่มสลาย—
ทว่า
แอนตันกำลังรู้สึกว่ามีบางอย่างขัดแย้งไม่กลมกลืน
“……แปลก”
ปกติแล้ว ประเทศมีจักรพรรดิผู้โง่เขลาแบบนั้นอยู่บนจุดสูงสุด จนเหล่ากังฉินสามารถฉกฉวยได้ตามอำเภอใจเช่นนี้ ย่อมไม่อาจคงอยู่ได้นาน
ประเทศที่ไม่รับฟังเสียงก่นด่าเจ็บแค้นของประชาชน แล้วเอาแต่จดจ่อหาความสุขใส่ตัว ไม่มีทางดำเนินต่อไปได้นานอยู่แล้ว
ทว่า
หลังจากฟาร์มาสจักรพรรดิโง่เขลาผู้นั้นได้ขึ้นครองบัลลังก์ จนตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งปี
มันกลับไม่มีเสียงแห่งความเจ็บแค้นของประชาชนมาถึงหูของแอนตันเลย
จนถึงปัจจุบันนี้ประเทศก็ยังไม่มีปัญหาอะไร วันนี้ถนนใหญ่สายหลักในนครหลวงก็ยังครึกครื้นเช่นเคย
แม้จะกำลังดำเนินศึกกับสามประเทศคือจักรวรรดิอัลเมดา พันธมิตรสามอาณาจักร และราชอาณาจักรริฟาลอยู่ แต่แนวป้องกันของประเทศก็ยังไม่มีจุดใดที่ถูกทำลายลงได้
สถานการณ์เช่นนี้ เรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์ก็ยังได้เลยด้วยซ้ำ
“นี่มันยังไงกันแน่นะ……”
และที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด พักหลังมานี้ความสัมพันธ์เชิงอำนาจในราชสำนักกำลังเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
แต่เดิมทีโนลด์ลุนด์คงจะลงมือวางแผนอะไรต่อมิอะไรไปมากทีเดียว ทันทีกับที่ฟาร์มาสขึ้นครองบัลลังก์ ขุนนางที่ทำงานในราชสำนักแปดส่วนก็ได้ไปสวามิภักดิ์กับเขา โนลด์ลุนด์ได้สร้างฐานอำนาจเอาไว้อย่างแข็งแกร่ง เสียจนอดไม่ได้ที่จะคิดว่าในวังนี้คงจะไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเขาได้อีกแล้ว—
ทั้งที่เป็นเช่นนั้น แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันอำนาจของโนลด์ลุนด์กับแอนตันก็ได้กลับมาสูสีกัน
ตราบใดที่แอนตันยังมีสิทธิ์มีเสียงอยู่ แผนหาเงินเข้ากระเป๋าตนเองของโนลด์ลุนด์ก็ไม่มีทางผ่านไปได้ แต่ในทางกลับกัน แม้แอนตันจะพยายามทำให้โนลด์ลุนด์ต้องหลุดจากตำแหน่ง แต่ตราบใดที่โนลด์ลุนด์ยังมีอำนาจอยู่ความพยายามนั้นก็ไม่อาจสำเร็จได้
สมดุลอันละเอียดอ่อนเช่นนั้น กำลังถูกรักษาเอาไว้
โดยมีสาเหตุที่สำคัญที่สุดก็คือ—เฮเลนา ลูกสาวของแอนตันนั่นเอง
“นี่ข้ากำลังเข้าใจอะไรผิดไปอยู่รึเปล่า……?”
งานพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีของจักรพรรดิองค์ก่อนดีลกับงานราตรีกระชับมิตรที่จัดขึ้นเมื่อวันก่อน
คนที่มาปรากฏตัวในฐานะผู้เป็นเสมือนชายาเอกในงานนั้น ก็คือเฮเลนา
แรกเริ่มเดิมทีที่แอนตันส่งเฮเลนาเข้าวังหลังไปก็ไม่ใช่ว่ามีแผนการอะไร
ความสัมพันธ์ทางอำนาจในวังหลังนั้นสามารถส่งผลกับราชสำนักเบื้องหน้าได้ไม่น้อย ดังนั้นเพื่อเป็นตัวช่วยในการยับยั้งการทำตามอำเภอใจของโนลด์ลุนด์ แอนตันจึงส่งเฮเลนาเข้าไปยังวังหลัง อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายของมหาอำมาตย์ขยายใหญ่มากไปกว่านี้ เขาตั้งใจไว้แค่นั้นเอง
ทว่าเฮเลนากลับก้าวข้ามความคาดหมายของแอนตันไปไกล กลายเป็นพระสนมเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฟาร์มาส
เรื่องนี้มันคือความบังเอิญจริง ๆ น่ะหรือ
ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นความแปลกประหลาดเต็มไปหมด
ทั้งที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่สมัยของจักรพรรดิองค์ใหม่ แต่ก็ “บังเอิญ” ไม่เกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงใด ๆ
ทั้งที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ผิดปกติอย่างการรบศึกสามด้าน แต่ก็ “บังเอิญ” ไม่เกิดปัญหาใด ๆ ในการป้องกันประเทศ
ทั้งที่กังฉินกำลังยักยอกทรัพย์สินอยู่ในราชสำนัก แต่ก็ “บังเอิญ” ไม่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองที่ใหญ่โต
เพราะฟาร์มาสรักใคร่โปรดปรานเฮเลนา จึง “บังเอิญ” ทำให้อำนาจในราชสำนักรักษาสมดุลเอาไว้ได้พอดี
ทั้งที่โนลด์ลุนด์ผลักดันแต่ญัตติที่มีไว้เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง แต่ก็ “บังเอิญ” ไม่เกิดผลกระทบอะไรแก่ประชาชนเลย
ลองมันมาทับซ้อนกันซะขนาดนี้ แค่คำว่าบังเอิญคงใช้อธิบายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
คิดว่าเฮเลนาอาจจะรู้อะไรบ้างเลยลองถามดู แต่ก็กลับถูกปฏิเสธอย่างแข็งขัน
ทว่าในทางกลับกัน ท่าทีแบบนั้นของเฮเลนาก็ได้ทำให้แอนตันมั่นใจแล้ว
เฮเลนานั้นหัวไม่ดี
มันไม่เชิงว่าเธอโง่ แต่พอเป็นเรื่องยากเมื่อไหร่เธอจะหยุดใช้ความคิดทันที ซึ่งนิสัยนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะเฮเลนา แต่ทั้งริกฮาร์ดลูกชายคนโต อัลเบราลูกสาวคนรอง และลิลิธลูกสาวคนที่สาม ก็เป็นเหมือนกันหมด
เกรงว่าต้นเหตุของความเลวร้ายนี้มันจะมาจากเรย์ลาภรรยาของแอนตันนั่นเอง
เฮเลนาคนนั้นได้ปฏิเสธคำถามของแอนตันที่ถามถึงความคิดอ่านของจักรพรรดิ
หากเธอไม่รู้ ก็คงจะตอบมาง่าย ๆ แล้วว่าไม่รู้
ทว่าการที่เธอเลือกที่จะหุบปาก ก็แปลว่ามันเป็นสถานการณ์ที่เฮเลนาอธิบายได้ยาก
นิสัยเสียที่ปฏิเสธการใช้ความคิดมันช่วยบอกให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเธอกำลังตกอยู่ใน “สถานการณ์ที่ต้องใช้ความคิด” นั่นเอง
“เฮ้อ……”
เขาไม่เข้าใจความคิดของฟาร์มาสเลย แอนตันก็เคยนึกว่าฟาร์มาสอาจตั้งใจแสร้งทำเป็นจักรพรรดิโง่เขลาอยู่ แต่การทำแบบนั้นมันมีประโยชน์อะไรกัน หากแค่แสร้งเป็นจักรพรรดิโง่เขลาอย่างเดียว อย่างเลวร้ายที่สุดมันก็ได้แค่สร้างความวุ่นวายทางการเมืองแล้วก็จบแต่เพียงเท่านั้น
ทว่า หากความคิดของแอนตันถูกต้องล่ะก็
บุรุษที่ชื่อว่าฟาร์มาสนั้น
ต้องเข้าใจถึงความสัมพันธ์เชิงอำนาจทั้งหมดในราชสำนักเป็นอย่างดี และกำลังดำเนินการโดยที่ไม่ให้เกิดผลเสียต่อประชาชนหรือผลกระทบต่อการป้องกันประเทศ—
ใครมันจะไปสามารถทำอะไรแบบนั้นได้กัน
แม้แต่คนที่ทำงานในราชสำนักมายาวนานอย่างแอนตันก็ยังเห็นว่าความสัมพันธ์เชิงอำนาจในราชสำนักนั้นเป็นเหมือนรังของมารร้าย แม้เขาจะดำเนินการต่าง ๆ เพื่อยับยั้งการใช้อำนาจตามอำเภอใจของโนลด์ลุนด์อยู่ แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมความสัมพันธ์เชิงอำนาจจากจุดยืนภายนอกเช่นนั้นได้
หากมีความสามารถที่จะทำเช่นนั้น—คนคนนั้นจะต้องเป็นอัจฉริยะขนาดไหนกันนะ
“……ข้าเองก็อยากเลิกใช้ความคิดบ้างจังแฮะ”
เรย์ลาภรรยาของแอนตันเองก็เป็นสตรีที่มักจะเลิกใช้ความคิดในทันทีเหมือนกัน
แอนตันก็เคยท้วงติงอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็โดนบอกมาว่า “เรื่องยาก ๆ น่ะเอาไว้ขออัดมันสักเปรี้ยงก่อนแล้วค่อยคิด เพราะงั้นรอเดี๋ยวนะ” ซะงั้นเลยด้วยซ้ำ
ตอนที่แอนตันต้องไปตรวจสอบโรงคณิกาด้วยเรื่องงานนั้นก็เลวร้ายมากทีเดียว
แม้จะอธิบายเหตุผลต่าง ๆ นานาว่าด้วยหน้าที่ในฐานะผู้ตรวจการจึงช่วยไม่ได้ที่จะต้องไป และขอให้เธอเข้าใจหน่อย ทว่าสุดท้ายเรื่องมันก็มาลงเอยที่ “ยังไงก็ช่าง ขออัดสักเปรี้ยงก่อนแล้วกัน” จนได้อยู่ดี
เมื่อนึกถึงบรรดาลูก ๆ ที่เหมือนเรย์ลาคนนั้นมากทีเดียว แอนตันก็เผลอยิ้มออกมาเบา ๆ
“ไม่ได้การ ๆ”
แอนตันดึงความคิดที่เริ่มจะเถลไถลนอกเรื่องให้กลับมาทางเดิม
ยังมีงานค้างคาอีกมาก หากมัวแต่เหม่อลอยคงได้ทำไปจนถึงกลางดึกเป็นแน่
เขาเกาศีรษะ จากนั้นก็มองเห็นเส้นผมของตนที่หลุดติดมือมาพลางถอนหายใจ
พักหลังมานี้มีเรื่องให้เหนื่อยใจเยอะแยะมากมาย ดังนั้นเส้นผมจึงหลุดร่วงมากขึ้นอย่างรู้สึกได้
แม้จะซื้อเครื่องหอมที่ช่วยบำรุงเส้นผมมาแต่ก็ไม่รู้สึกว่ามันได้ผลเลยสักนิด
สาเหตุที่เขาต้องเครียดเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเพราะ
“…….มีลูกตั้งสี่คน แต่ทำไมไม่มีใครที่จะรับช่วงต่องานของข้าได้บ้างเลยนะ”
แอนตันกำลังคิดอย่างจริงจังว่าเขาควรจะรับบุตรบุญธรรมดีไหม
ลูกชายคนโตเป็นพวกบ้าการรบ ลูกสาวคนโตเป็นพวกบ้าฝึกฝน ลูกสาวคนรองเป็นพวกบ้าดาบ ส่วนลูกสาวคนที่สามก็บ้าหมัดมวย
ริกฮาร์ดลูกชายคนโตแทบไม่เคยกลับบ้าน พอรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็น “ขุนศึกวิหคดำ” หนึ่งในแปดยอดขุนศึกผู้อยู่จนจุดสูงสุดของยุทธในจักรวรรดิกันเกรฟไปซะแล้ว
ลูกสาวคนโตเฮเลนาแม้จะยี่สิบแปดแล้วก็ยังไม่ได้แต่งงาน แต่พอเอาเข้าวังหลังก็ดันได้รับความรักใคร่โปรดปรานของจักรพรรดิอย่างน่าฉงนซะงั้น
ลูกสาวคนรองอัลเบราก็เป็นภรรยาของบุตรชายผู้สืบทอดตระกูลเคานต์อาโรที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการป้องกันประเทศทางทิศตะวันออกของจักรวรรดิกันเกรฟ
ลูกสาวคนที่สามลิลิธก็เป็นภรรยาของเจ้าชายองค์ที่สองแห่งราชอาณาจักรการ์แลนด์ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของจักรวรรดิกันเกรฟ
ไม่มีคนไหนเลยที่จะมาเป็นผู้สืบทอดของแอนตันได้
“……เฮ้อ”
แอนตันถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางมองดูเส้นผมที่หลุดร่วงของตนเอง
เขาตั้งมั่นในใจว่าอันดับแรกจะลองไปขอซื้อยาปลูกผมยี่ห้ออื่นจากพ่อค้าขาประจำดู ก่อนที่จะหันกลับไปเผชิญกับงานอีกครั้ง