หลายวันผ่านไป หลังจากที่งานพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีสำหรับดีลจักรพรรดิองค์ก่อนแห่งจักรวรรดิกันเกรฟพ่วงด้วยงานราตรีสิ้นสุดลง
ในตรอกด้านหลังที่อยู่ห่างออกมาจากถนนใหญ่สายหลักของนครหลวงเล็กน้อย หนึ่งในแปดยอดขุนศึกแห่งจักรวรรดิกันเกรฟ ‘ขุนศึกหมาป่าเงิน’ ทิฟฟานี รีด ได้มาเยือนยังโรงสุราหลังหนึ่งซึ่งอยู่ภายในตรอกนั้น
มันดูเป็นเพียงโรงสุราธรรมดาทั่วไป ไม่มีอะไรให้กล่าวถึงเป็นพิเศษ
อาจเป็นเพราะอยู่ออกมานอกถนนสายหลักเล็กน้อย จึงมีจำนวนลูกค้าเข้าออกน้อยจนน่าผิดหวัง ทั้งที่ตะวันลับฟ้าไปเป็นเวลาพอสมควรแล้ว แต่ลูกค้าก็ยังดูโหรงเหรง หากอธิบายว่าโต๊ะห้าตัวที่ตั้งไว้มีลูกค้านั่งอยู่เพียงหนึ่งโต๊ะ ส่วนเคานเตอร์ซึ่งมีที่นั่งอยู่เจ็ดที่ก็มีลูกค้านั่งอยู่เพียงสองที่เท่านั้น ก็คงจะเข้าใจสถานการณ์กันได้ชัดเจนขึ้น
มาสเตอร์ของร้านซึ่งไว้หนวดเคราเล็กน้อยได้เพียงชำเลืองมองทิฟฟานีแบบผ่าน ๆ แล้วก็เช็ดแก้วต่อไปโดยไม่ได้กล่าวอะไรเป็นพิเศษ
ปกติแล้วหากทิฟฟานีซึ่งดูเหมือนเด็กหญิงตัวน้อยก้าวเข้ามาในโรงสุราแบบนี้ ก็คงต้องโดนเจ้าของร้านว่ากล่าวตักเตือนบ้าง ทว่ามาสเตอร์ผู้นี้กลับไม่เอ่ยวาจาแม้แต่คำเดียว
ซึ่งมันก็แน่นอน
เพราะทิฟฟานานีนั้น—คือลูกค้าประจำที่จะมาเยือนโรงสุราแห่งนี้ตามรอบระยะเวลาที่ตายตัวไว้แล้วนั่นเอง
ทิฟฟานีเดินไปยังประตูที่เชื่อมต่อเข้าสู่ส่วนลึกสุดของโรงสุรา—หรือที่เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่าประตูห้อง VIP
เธอไปยืนเบื้องหน้านักรบร่างกายกำยำสวมชุดเกราะสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูบานนั้น
“ท่านเฮเลนาของพวกเรา”
“คือนิรันดร์”
“เชิญครับท่านประธาน ทุกคนรออยู่ด้านในแล้วครับ”
“อืม”
เธอแลกเปลี่ยนวาจาเช่นนั้นกับเหล่าบุรุษในชุดเกราะ จากนั้นก็ก้าวเข้าไปยังอีกฟากของประตูที่ถูกเปิดออก
ที่อยู่หลังประตูคือบันไดที่ดำเนินต่อไปยังชั้นใต้ดิน
ทิฟฟานีเดินลงบันไดไปอย่างไม่ลังเลรีรอ แล้วก็ไปต่อทั้งแบบนั้น มุ่งหน้าสู่ประตูที่ดูหรูหรา
และเมื่อเปิดประตูบานนั้นเข้าไป—
“ยากลำบากหน่อยนะครับท่านประธาน!”
“ยากลำบากหน่อยนะครับ!”
“กำลังรออยู่เลยครับ!”
มันเป็นห้องที่กว้างขวางกว่าโรงสุราบนชั้นหนึ่งเสียอีก
ณ โต๊ะกลมซึ่งจัดวางอยู่ในห้องนั้น มีบุคคลที่หลากหลาย แตกต่างกันไปทั้งรูปร่างหน้าตา อายุ หรือเพศ กำลังนั่งรอกันอยู่แล้ว
ทิฟฟานียกมือโบกให้ข้างหนึ่ง จากนั้นก็มุ่งไปยังที่นั่งซึ่งอยู่ไกลจากประตูที่สุด—ที่นั่งของประธานการประชุม แล้วก็นั่งลง
ใช่แล้ว
วันนี้คือการประชุมเสนาธิการตามรอบระยะเวลาของ ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ แฟนคลับอย่างเป็นทางการ (ที่ไม่ได้รับการยอมรับ) ของเฮเลนา เรลโนตนั่นเอง
“ขอบคุณที่มารวมตัวกันนะ ทุกคน”
“เพื่อท่านเฮเลนาของพวกเราแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย!”
“ความรู้สึกนั้นช่างน่ายินดีจริง ๆ จากนี้ไปก็จงถวายความภักดีแด่ท่านเฮเลนาเถิด”
“ถวายความภักดีแด่ท่านเฮเลนา!”
การประชุมเสนาธิการตามรอบระยะเวลาจะเริ่มต้นด้วยประโยคสำนวนเดิม ๆ เสมอ นั่นก็คือการที่ทุกคนสาบานความจงรักภักดีต่อเฮเลนาอีกครั้งโดยมีทิฟฟานีเป็นผู้กล่าวนำ
เกรงว่าหากจักรพรรดิฟาร์มาสได้มาเห็นว่าใครมารวมตัวกันอยู่ที่นี่บ้าง เขาคงจะตกใจจนเข่าอ่อนไปเลยทีเดียว
แปดยอดขุนศึกรวมทิฟฟานีแล้วก็มีอยู่สามคน
ผู้มีบรรดาศักดิ์ขุนนางชั้นดยุกซึ่งมีอำนาจอิทธิพลเป็นรองเพียงจักรพรรดิ หรือไม่ก็บุตรชายผู้สืบทอดของดยุก รวมแล้วทั้งหมดสามคน
เสนาธิการที่ปรึกษาของคณะรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของกองทัพ ผู้นำสาขาของกลุ่มพันธมิตรบริษัทการค้า หรือแม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรข้างเคียงก็ยังมี เป็นการรวมกลุ่มที่มั่วซั่วอิรุงตุงนังไปหมด
“เช่นนั้นก็จะขอเริ่มการประชุมเสนาธิการตามรอบระยะเวลาเลยแล้วกัน ก่อนอื่นก็ ซามิวเอล”
“ครับ ท่านประธาน”
ผู้ที่เอ่ยปากออกมาเป็นคนแรกก็คือ หัวหน้าสาขานครหลวงของกลุ่มพันธมิตรบริษัทการค้าจักรวรรดิกันเกรฟ ซามิวเอล เลซี
ทั้งที่ยังวัยหนุ่ม แต่ก็เป็นถึงตัวแทนของบริษัทการค้าเลซี ซึ่งใหญ่โตเป็นรองเพียงบริษัทการค้าแอน-มาโลว์ และยังเป็นชายผู้มีความสามารถถึงขั้นได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าสาขาของพันธมิตรบริษัทการค้า ถึงกระนั้น รูปร่างหน้าตาของเขาก็ประกอบไปด้วยเส้นผมสีทองยาวกับดวงตาที่หวานย้อย ทำให้มองดูเหมือนหนุ่มเพลย์บอยเสียมากว่า
“เมื่อวันก่อน ในที่สุดบริษัทการค้าคลัมก็ขอเข้าร่วมกับ ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ แล้วครับ เท่านี้บริษัทการค้าที่มีชื่อเสียงทั้งหมดในจักรวรรดิเว้นแต่แอน-มาโลว์ก็ได้เข้าร่วมเรียบร้อยแล้ว”
“ขอบใจมาก พวกเราขอยินดีต้อนรับสหายหน้าใหม่”
“จะให้ทำเช่นไรกับเงินสินน้ำใจที่บริษัทการค้าคลัมจ่ายมาดีครับ”
“ให้บริษัทการค้าเลซีจัดการดูแลไปก่อนแล้วกัน งบประมาณสำหรับกิจกรรมของสมาคมน่ะมีเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอก”
“รับทราบแล้วครับ”
ซามิวเอลโค้งคำนับตามคำสั่งของทิฟฟานี
อนึ่ง ซามิวเอลนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ด้านการเงินอย่างเป็นทางการของ ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ และคอยกำกับดูแลงบประมาณของสมาคมอยู่ ในขณะเดียวกันบริษัทการค้าเลซีที่ซามิวเอลเป็นตัวแทนก็รับหน้าที่ตีพิมพ์จดหมายข่าวสมาคมรวมถึงจัดจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีกด้วย
แต่อันที่จริง ในบรรดาบริษัทการค้าที่เข้าร่วมกับ ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ นั้น มีเพียงซามิวเอลกับสมาชิกรุ่นบุกเบิกไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยได้พบกับเฮเลนาจริง ๆ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทการค้าคลัมซึ่งเพิ่งจะเข้าร่วมเมื่อวันก่อนก็ไม่เคยพบกับเฮเลนามาก่อนเลย ที่ทางนั้นตัดสินใจเข้าร่วมก็เพราะว่าบริษัทการค้าที่มีชื่อเสียงทั้งหมดเว้นแต่แอน-มาโลว์ต่างก็สังกัดในสมาคมกันหมด ดังนั้นหากเข้าร่วมเอาไว้ก่อนก็น่าจะมีประโยชน์ เท่านั้นเอง
อย่างน้อยที่สุด หากต้องการจะรับสัญญาจ้างในการผลิตสินค้าส่วนประกอบหรืออะไรทำนองนั้นจากบริษัทการค้าเลซี การเข้าร่วมใน ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ ก็คือสิ่งที่ขาดไม่ได้
“เช่นนั้นต่อไปก็ตากระผมนะครับ”
“อืม ว่ามาเลย”
“กระผมได้เตรียมร่างจดหมายข่าวสมาคมฉบับต่อไปมาแล้ว ได้โปรดตรวจสอบด้วย คอลัมน์พิเศษของคราวนี้คือความสง่างามของท่านเฮเลนาที่เต้นรำในงานราตรีครับ”
ผู้ที่กำลังนำเสนอแผ่นกระดาษหนังแกะอยู่นั้น ก็คือคุณชายเร็กซ์ เลย์แลนด์ บุตรชายผู้สืบทอดของดยุกเลย์แลนด์ ซึ่งเป็นดยุกที่ได้รับบรรดาศักดิ์มาเพราะเป็นน้องชายของดีลจักรพรรดิองค์ก่อนแห่งจักรวรรดิกันเกรฟ
เร็กซ์เองก็ได้เข้าร่วมงานพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีและงานราตรีในฐานะบุตรชายผู้สืบทอดตระกูลขุนนางใหญ่ ดังนั้นเขาจึงเป็นชายผู้คอยสนับสนุน ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ ด้านการรวบรวมข้อมูลในสังคมของขุนนาง หรือในวิธีการต่าง ๆ ที่ต้องเป็นขุนนางเท่านั้นจึงจะทำได้ อนึ่ง สาเหตุที่เร็กซ์มาเข้าร่วมในฐานะสมาชิกรุ่นบุกเบิกนั้น เป็นเพราะตอนที่เขาบรรลุนิติภาวะได้ไม่นาน เขาต้องเข้าร่วมในกองทัพเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในฐานะบุตรชายของดยุก ซึ่งในตอนนั้นเขาก็ได้เฮเลนาเป็นคนช่วยฝึกฝนให้เองกับมือนั่นเอง หลังจากนั้นมาก็เลยกลายเป็นแฟนเดนตายผู้อุทิศตนให้เฮเลนาไป
“……อืม โดยรวมก็ดีแล้วนะ งั้นใช้แบบร่างอันนี้เป็นต้นแบบในการออกจดหมายข่าวสมาคมนะ ซามิวเอล”
“รับทราบแล้วครับ”
“เอาล่ะ ต่อไป”
“……ขออนุญาตครับ”
ผู้ที่กล่าวเสียงเบาพร้อมกับยกมือขึ้นเมื่อทิฟฟานีเชื้อเชิญ เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง
เขาเป็นบุรุษร่างเล็กที่มีเส้นผมสีเทาเหมือนขี้เถ้าที่ตกตะกอน ทรงปล่อยยาวไปด้านหลัง เบ้าตาจมลึกลงไป และใต้ตาก็มีรอยดำลึกที่ไม่รู้ว่ามาจากความเหนื่อยล้าหรืออดหลับอดนอนกันแน่
ทว่า—เมื่ออยู่ในที่แห่งนี้ เขาย่อมไม่ใช่ชายร่างเล็กที่ธรรมดาสามัญ
ชายผู้นี้ก็คือ อเลกซานเดอร์ รอยเอนธาล
หนึ่งในแปดยอดขุนศึกผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งยุทธของจักรวรรดิกันเกรฟ “ขุนศึกอสรพิษม่วง” นั่นเอง
“……ท่านประธาน ผมรู้สึกสงสัยมาตลอดเลยครับ”
“โฮ่ เรื่องอะไรรึ”
“……ทำไม ทุกคนถึงยอมรับเรื่องที่ท่านเฮเลนาเข้าวังหลังไปกันได้ง่ายจังล่ะ”
“อื้ม เรื่องนั้นข้าเองก็สงสัยเหมือนกันนะ”
ผู้ที่เห็นด้วยกับคำพูดของอเลกซานเดอร์ คือชายวัยกลางคนผู้มีเส้นผมสีน้ำตาลตั้งขึ้นเหมือนกับสิงโต
รูปร่างของเขานั้นนับว่าใหญ่โตที่สุดในบรรดาทุกคนที่อยู่ที่นี่ และในขณะเดียวกันก็มีกล้ามเนื้อที่อัดแน่นราวกับจะระเบิดออกมาจนมองเห็นได้ชัดเจน จุดเด่นที่จำได้ง่ายที่สุดคงจะเป็นดวงตาข้างขวาของเขาที่มีรอยแผลเป็นลึก ลากจากหน้าผากยาวมาจนถึงแก้มจนดวงตามันปิดอยู่กระมัง นอกจากนี้ตามร่างกายของเขายังมีร่องรอยแผลเป็นที่เกิดจากคมดาบอยู่ทั่วไปหมด
วังแดร์เลย์ ชแวร์ท
หนึ่งในแปดยอดขุนศึก “ขุนศึกแรดทองคำ” แม่ทัพผู้ชื่นชอบการต่อสู้ และว่ากันว่าหากเป็นการรบแบบบุกทะลวงเขานั้นจะทัดเทียมกับบาร์โตโลเมเลยทีเดียวนั่นเอง
“หากใช้พลังทั้งหมดของพวกเรา ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ แล้วล่ะก็ การจะช่วยท่านเฮเลนาออกมาจากวังหลังนั้นช่างง่ายดาย แม้หลังจากนั้นอาจถูกไล่ล่าในฐานะกบฏ แต่ด้วยพลังอำนาจของพวกเราต้องสามารถปกป้องท่านเฮเลนาให้ปลอดภัยได้แน่นอน ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับจักรวรรดิกันเกรฟเราก็น่าจะมีพลังรบเหลือเฟือเลยนี่นา”
“……พยัคฆ์แดง, อสรพิษม่วง, แรดทองคำ, วิหคดำ, หมาป่าเงินนั้นจะรับใช้ท่านเฮเลนา แปดยอดขุนศึกถึงห้าคนเป็นผู้อุทิศตนของท่านเฮเลนา”
“หึ……”
วังแดร์เลย์กับเลกซานเดอร์กล่าววาจาซักไซ้
ทว่าสิ่งที่ทิฟฟานีตอบให้ทั้งสองคนกลับเป็นเสียงยิ้มเยาะ
“อเลกซานเดอร์ ท่านได้ชื่อว่าเป็นขุนศึกผู้มีแผนการอันชาญฉลาด แต่กลับมีความคิดตื้นเขินเสียจริง”
“……มุ”
“วังแดร์เลย์ เพราะท่านคิดน้อยแบบนั้น ใครต่อใครถึงบอกว่า ‘ขุนศึกแรดทองคำ’ ดีแต่บุกโจมตียังไงล่ะ”
“มุมุ……”
“งั้นช่วยบอกได้ไหม ว่ามันคือยังไงกันแน่น่ะ?”
เสียงนั้นเปล่งออกมาจากอีกทิศทางหนึ่ง
บุคคลนี้คือตัวตนที่ความจริงแล้วไม่ได้อยู่ในจักรวรรดิกันเกรฟ แต่เป็นเพราะได้เข้าร่วมในงานพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีของจักรพรรดิองค์ก่อนเขาจึงมาอยู่ที่นี่ ปกติแล้วเขาไม่เคยเข้าร่วมการประชุมเสนาธิการตามรอบระยะเวลาของสมาคมมาก่อน
หากถามว่าทำไม ก็เป็นเพราะชายผมทองที่สวมผ้าโพกหัวผู้นี้ก็คือ
เจ้าชายอันดับที่หนึ่งและยังเป็นว่าที่ราชาองค์ต่อไปของประเทศข้างเคียง—ราชอาณาจักรดายน์สเลฟซึ่งถูกเรียกว่าเป็นดินแดนแห่งทราย—อาเธอร์ เอล ดายน์สเลฟนั่นเอง
“อืม ย่อมได้”
ทิฟฟานีพยักหน้าให้กับคำถามของอาเธอร์
จากนั้นก็กวาดตามองสมาชิกสมาคมทุกคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะกลม
“หากท่านเฮเลนากลายเป็นพระชายาเอก เธอก็จะเป็นหนึ่งในสมาชิกของราชวงศ์ที่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมรับ จากนั้นพระทายาทของฝ่าบาทฟาร์มาสกับท่านเฮเลนาก็จะเป็นผู้ปกครองประเทศแห่งนี้ต่อไปในอนาคตไงล่ะ—เป็นอย่างไรบ้างเล่าทุกท่าน ไม่รู้สึกเดือดพล่านกันขึ้นมาบ้างหรือ?”
“โอ้……!”
ทุกคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะกลมรู้สึกสั่นสะท้าน
เฮเลนาที่พวกตนเทิดทูนบูชายิ่งกว่าผู้ใด บุตรของเธอคนนั้นจะมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของจักรวรรดิแห่งนี้
ไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อนเลย
“พวกเรา ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ นั้นประกอบด้วยสมาชิกเกินหนึ่งหมื่นห้าพันคนไปแล้ว ทว่าท่านเฮเลนากลับมีแค่คนเดียว ต่อให้พวกเราทุกคนอยากจะเอ็นดูท่านเฮเลนากันไม่เว้นแม้แต่คนเดียว แต่ร่างกายของท่านเฮเลนาก็มีเพียงแค่หนึ่งร่างเท่านั้น เช่นนั้นแล้วทำไมเราไม่ทำให้ท่านเฮเลนากลายเป็นผู้สูงส่งอยู่เหนือหัวของทุกคนไปซะเลยล่ะ”
ทั้งทิฟฟานี ซามิวเอล เร็กซ์ อเลกซานเดอร์ วังแดร์เลย์ อาเธอร์
รวมทั้งบรรดาสมาชิกอีกหนึ่งหมื่นห้าพันคนที่ร่วมอุดมการณ์กับพวกเขา
หากเฮเลนาได้กลายเป็นชายาเอกในจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ขึ้นปกครองยังจุดสูงสุดของประเทศแห่งนี้
ก็ไม่มีสิ่งใดจะน่ายินดีไปกว่านั้นอีกแล้ว
“……เช่นนั้น ท่านประธานครับ”
“เชิญพูดมาได้ อเลกซานเดอร์”
“ถ้าเกิดจักรพรรดิฟาร์มาส ไม่ได้ให้ท่านเฮเลนาเป็นชายาเอกขึ้นมาล่ะ?”
“เรื่องแค่นั้น ก็ไม่เห็นจะต้องถามเลย”
‘หึหึ’ ทิฟฟานียิ้มมุมปากให้กับคำพูดของอเลกซานเดอร์
ราวกับกำลังตำหนิว่าช่างถามเรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ออกมาได้
“หากถึงเวลานั้น เราก็แค่ต้องใช้พลังอำนาจทั้งหมดของ ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ แต่งตั้งท่านขึ้นเป็นจักรพรรดินีผู้ปกครองประเทศนี้ก็พอแล้ว”
นั่นคือ
ความมั่นใจอันเหลือล้น ว่าต่อให้ต้องกลายเป็นศัตรูกับประเทศนี้ทั้งประเทศก็จะสามารถเอาชนะได้
ซึ่งนั่นมันก็แน่นอน
เพราะพวกเขาก็คือกลุ่มอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักวรรดิกันเกรฟ ราชันย์ในเงามืดผู้ดำรงอยู่ใต้ผิวน้ำ ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ ยังไงล่ะ—
ยังมีหัวข้อให้หารือและเรื่องที่ต้องตัดสินใจกันอีกมากมาย
การประชุมเสนาธิการตามรอบระยะเวลาของพวกเขา ‘สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา’ ยังคงต้องมีการถกเถียงกันต่อไปจนตลอดทั้งคืน—