“ฟู่ว เป็นช่วงเวลาที่วิเศษมากเลยค่ะ”
“……กระซิก ๆ”
อเลกเซียที่กำลังพึงพอใจกับเฮเลนาที่กำลังฟุบอยู่กับพื้น กำลังมีภาพแปลกประหลาดเช่นนั้นเกิดขึ้นอยู่
สำหรับเครื่องแต่งกายของเฮเลนานั้น สุดท้ายเธอก็ได้ถูกเปลี่ยนชุด จากชุดเดรสงานราตรีที่ใส่มาทั้งคืนแถมยังใส่ฝึกร่างกายตอนเช้าอีก กลายมาเป็นชุดที่อเลกเซียเป็นผู้เลือกให้
ซึ่งกว่าจะมาจบที่ชุดนี้ได้ เฮเลนาก็ได้แต่ต้องยอมกลายเป็นตุ๊กตาแต่งตัวอยู่นานทีเดียว
“แหม่ ท่านเฮเลนาเนี่ยก็เหมาะกับการแต่งกายแบบนี้จริง ๆ ด้วยนะคะ”
“เหมาะที่ไหนกันเล่า!”
เมื่อได้ฟังคำพูดของอเลกเซีย เฮเลนาก็เงยหน้าขึ้นมา
สำหรับเฮเลนาแล้ว นี่เป็นชุดแต่งกายที่เธออยากจะถอดเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลย ไม่อยากให้ใครเห็นทั้งนั้น เป็นชุดเธอลังเลที่จะใส่ออกไปข้างนอก
เพราะอะไรน่ะหรือ
“ข้าไม่เหมาะกับชุดแต่งกายแบบนี้หรอก!”
“ไม่เลยค่ะ ดูเหมาะมากทีเดียว”
“อย่ามาโกหกนะ—!”
‘แหมะ’ เธอเอาหน้าฟุบลงไปที่ผ้าห่มบนเตียง
ชุดอเลกเซียได้เลือกและจับให้เธอใส่ ซึ่งเฮเลนากำลังสวมอยู่ในตอนนี้ก็คือ
อันดับแรก เส้นผมสีทองเป็นประกายของเฮเลนาได้ถูกปล่อยและรวบไว้ด้วยที่คาดผมซึ่งมีจีบระบาย
ชุดของเธอเป็นชุดวันพีซสีน้ำเงินคลุมยาวลงมาจนต่ำกว่าเข่าและยังเป็นชุดแขนยาวแบบพัฟสลีปที่คลุมถึงข้อมือ ทั้งยังประดับไปด้วยจีบระบายและสวบทับด้วยผ้าคลุมที่สีเข้าคู่กันอย่างพอเหมาะพอดี สิ่งที่โผล่พ้นออกมาจากใต้กระโปรงก็คือประโปรงชั้นในเพทิโคดที่ประดับไปด้วยผ้าลูกไม้ แถมใต้นั้นยังสวมกางเกงดรอเวอรส์เอาไว้ เรียกได้ว่าเป็นการแต่งกายที่ดูเหมือนตุ๊กตาจริง ๆ
เพราะสวมชุดวันพีซที่แขนยาวถึงข้อมือและกระโปรงยาวเลยเข่า แถมยังสวมถุงน่องแบบนีซอกซ์ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นร่างกายที่ขัดเกลามาของเฮเลนาได้เลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เพราะใบหน้าของเธอดูเด็กกว่าอายุจริงและมีรูปร่างที่สมส่วนอยู่แล้ว จึงทำให้รู้สึกเหมือนกำลังมองดูเด็กสาวที่ยืนเขย่งจนตัวสูงเสียมากกว่า
ทว่า
ไม่ว่าจะคิดยังไง สำหรับเฮเลนาแล้ว ยังไงเธอก็ไม่เหมาะกับชุดแบบนี้แน่ ๆ
“ไม่เลยค่ะ เหมาะมากเลย จริง ๆ นะคะ บอกตามตรง ทีแรกข้าก็เลือกมาให้ใส่เพื่อจะหัวเราะเยาะนั่นแหละ”
“กะแล้วเชียว!?”
“แต่พอเอาเข้าจริง ก็ต้องตกใจเพราะไม่คิดว่ามันจะดูเหมาะขนาดนี้เหมือนกันค่ะ”
“โกหก—!”
เฮเลนาเป็นนักรบ
เธอไม่เคยใส่ชุดอะไรแบบนี้ ปกติแล้วก็แค่ใส่ชุดวันพีซสักตัวแบบส่ง ๆ ไป หรือถ้าอากาศหนาวสักหน่อยก็อาจจะใส่เสื้อแขนยาวคลุมอีกทีเท่านั้นเอง
ของอย่างเพทิโคด ตั้งแต่เกิดมาเธอก็เพิ่งจะเคยได้ใส่ครั้งนี้แหละ แน่นอนว่ามันไม่ใช่ของเฮเลนาเอง นอกจากชุดวันพีซแล้วทุกอย่างที่เฮเลนาใส่อยู่ในวันนี้เป็นของส่วนตัวของอเลกเซียทั้งหมด
ดังนั้น สำหรับเฮเลนาผู้ที่เคยแต่ใส่ชุดเคลื่อนไหวง่ายแล้วสวมชุดเกราะทับ หรือสวมเกราะหนักเวลาที่ต้องบุกโจมตีนั้น คำว่าแฟชันมันจึงเป็นอะไรที่ห่างไกลตัวเอามาก ๆ
ต่อให้อเลกเซียจะบอกว่ามันเหมาะขนาดไหน เธอก็ไม่สามารถคิดว่าการแต่งกายแบบนี้มันเหมาะกับเธอได้เลย
“เช่นนั้น ท่านเฮเลนาคะ คิดว่าถึงเวลาที่ทุกท่านจะมาที่สวนระหว่างอาคารกันแล้วล่ะค่ะ”
“ด เดี๋ยวก่อน! เช่นนั้นข้าจะเปลี่ยนชุด!”
“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ต้องชุดนั้นนะคะ”
คำพูดแม้จะฟังดูสุภาพ แต่ก็ราวกับมีแรงกดดันที่มองไม่เห็น
แปลว่า นี่คือการเอาคืนของอเลกเซียต่อเรื่องเมื่อคืนนั่นเอง
แม้เฮเลนาจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เป็นเธอเองที่กักขังหน่วงเหนี่ยวอเลกเซียไว้ตลอดหนึ่งคืน และเรื่องทั้งหมดนั้นก็เป็นความผิดของเฮเลนาล้วน ๆ
ดังนั้นถึงได้ขอโทษไปแล้วแท้ ๆ
“อุ……”
“เช่นนั้นจะให้แจ้งออกไปว่าวันนี้งดการฝึกอบรมดีไหมคะ?”
“มุ……”
“เพราะเมื่อวานมีงานพิธีไว้อาลัยก็เลยแจ้งไปตามนั้นเหมือนกัน แต่ทุกท่านทำหน้าเหมือนเสียดายกันมากเลยล่ะค่ะ พอบอกไปว่าวันพรุ่งนี้จะกลับมาจัดอีกครั้งทุกท่านก็ดูยินดีกันมาก”
“ขึ่ก……”
ต่อต้านไม่ได้
เฮเลนาเป็นนางสนมของจักรพรรดิฟาร์มาส และในความเป็นจริงแล้วยังมีตำแหน่งสูงสุดเป็นถึง ‘สนมฟ้าสุริยา’ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบุตรีของตระกูลเรลโนต บรรดาศักดิ์จึงสูงส่ง พละกำลังเองก็มากพอจะเอาชนะบุรุษทั่วไปได้อย่างง่ายดาย เป็นธิดาแห่งยุทธผู้ทำหน้าที่ในสนามรบได้ราวกับเป็นอสูรยักษ์มาร
ทว่า ทั้งที่เป็นเช่นนั้น
เธอกลับไม่รู้สึกว่าสามารถต่อต้านนางกำนัลติดห้องที่อยู่ตรงหน้าได้เลย—
ต้องทำอย่างไร ถึงจะหลีกเลี่ยงการแต่งชุดนี้ไปได้นะ
ต้องทำอย่างไร ถึงจะไม่ต้องแต่งชุดนี้ไปนำการฝึกอบรบได้นะ
ต้องทำอย่างไร ถึงจะเปลี่ยนออกจากชุดนี้ไปได้นะ
แม้จะคิด แต่คำตอบมันก็ไม่ออกมา
และเมื่อคิดไปก็ไม่ได้คำตอบ เฮเลนาก็เลยโยนการใช้ความคิดทิ้งแล้วก็ยอมแพ้ทุกอย่างอีกตามเคย
“……อุ เข้าใจแล้ว”
“ค่ะ เช่นนั้นก็ไปกันเถอะค่ะ”
อเลกเซียดูพึงพอใจมาก
ทั้งที่น่าจะเข้าใจความรู้สึกของเฮเลนาดีแท้ ๆ แต่คงจะรู้สึกว่าการให้ทุกคนได้เห็นชุดนี้มันน่าสนุกกว่าสินะ
เมื่อเห็นอนาคตอันชัดเจนว่าเธอจะต้องกลายเป็นจำอวดให้ทุกคนดูโดยสมบูรณ์ เฮเลนาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
จากนั้นเมื่อเดินลากขาไปยังสวนระหว่างอาคาร ก็พบว่ามีคนรวมตัวกันอยู่ที่นั่นแล้วสิบกว่าคน
อันดับแรกก็คือฟรองซัวส์ มาริเอล คลาริสซา ซึ่งเป็นสมาชิกการฝึกอบรมตามปกติ ส่วนข้าง ๆ นั้นคือบรรดาคนของกองอัศวินหมาป่าเงิน คนที่ยืนนำหน้าอยู่นั่นน่าจะเป็นดิอันนากระมัง
ดูเหมือนวันนี้ลูเครเซียจะไม่อยู่ แค่นั้นก็ทำให้เธอโล่งใจไปเปราะหนึ่ง หากให้พระพันปีคนโน้นเห็นการแต่งกายแบบนี้คงได้โดนขำใส่เป็นแน่
“อ อรุณสวัสดิ์ค่ะ! ท่าน……เฮเลนา……?”
“เอ๋……?”
“คะ……?”
ก่อนอื่น ก็เป็นฟรองซัวส์ที่เบิกตากว้าง
จากนั้น ไม่รู้ว่ารู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงฟรองซัวส์รึเปล่า แต่มาริเอลก็หมดคำพูดไปอีกคน สุดท้ายก็จบด้วยคลาริสซาที่กำลังเอียงศีรษะอย่างฉงนใจ
ไม่ว่าใคร ก็ไม่คิดซ่อนความรู้สึกว่า ‘เอ๋ ทำไม……’ กันสักคนเลย
ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาคนของกองอัศวินหมาป่าเงินยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
ไม่มีใครพูดอะไรกันออกมาสักคน พอเห็นเฮเลนาปุ้บ ทั้งหมดพร้อมใจกันยืนตัวแข็ง ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
‘งั้นรึ มันแปลกขนาดนั้นเลยสินะ’ เธอคิดอย่างกึ่งยอมแพ้พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
เพราะงั้นถึงได้บอกไงว่าไม่เหมาะกับชุดแบบนี้น่ะ เธอชักอยากจะบีบคอนางกำนัลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา
“……อรุณสวัสดิ์ ทุกคน”
“หวาว—!?”
คนแรกที่ส่งเสียงขึ้นมาแบบนั้นคือฟรองซัวส์
ซึ่งเธอก็มีรอยยิ้มราวกับมีดอกไม้ดอกใหญ่กำลังจะบานเลยทีเดียว เห็นเป็นเรื่องน่าตลกกันขนาดนั้นเลยรึไงนะ เฮเลนาเริ่มจะตกอยู่ในความรู้สึกเกลียดชังตัวเอง
“ท่านเฮเลนา! น่ารักมากเลยค่ะ!”
“……งั้นรึ”
ฟรองซัวส์คงจะช่วยพูดให้ตามมารยาทล่ะมั้ง
มันก็เป็นธรรมดา โดยพื้นฐานแล้วเฮเลนามีบรรดาศักดิ์สูงที่สุดในบรรดาทุกคนที่อยู่ที่นี่ แถมตำแหน่งในวังหลังเองก็สูงส่ง ต่อให้เห็นเฮเลนาแต่งตัวแบบนี้ก็คงไม่สามารถทำให้เป็นเรื่องตลกได้สินะ
และ ผู้ที่กลับมาพูดได้คนต่อมาก็คือคลาริสซา
“อ เอ่อ ท่านเฮเลนาคะ……มีเรื่องอะไรงั้นหรือคะ? แบบว่า ถึงจะดูเหมาะมากเลยก็เถอะ……”
“……ไม่ต้องปลอบใจกันก็ได้นะ คลาริสซา”
“ป เปล่านะคะ ไม่ได้โกหกเลยค่ะ!”
แม้คลาริสซาจะพูดแบบนั้น แต่จะคิดยังไงก็ไม่รู้สึกว่าเป็นอะไรนอกจากพูดเพื่อรักษามารยาทให้เฮเลนาเท่านั้นเอง
หากต้องลิ้มรสความอับอายแบบนี้ แม้จะผิดต่อทั้งสามคน แต่รู้งี้น่าจะยกเลิกการฝึกแล้วก็หมกตัวอยู่ในห้องไม่ออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียวซะยังจะดีกว่า เฮเลนาอดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนั้น
“ท ท่านพี่หญิงคะ……”
“อะไรรึ มาริเอล ถ้าจะหัวเราะก็หัวเราะซะสิ”
“อยากขอกอดแบบเต็มแรงเลยได้ไหมคะ”
“เดี๋ยวฟาดให้ร่วงเลยนะ”
เมื่อได้ยินคำกล่าวแบบนั้นของมาริเอล เธอก็ตอบกลับไปอย่างเอือม ๆ
ไม่เข้าใจความคิดเธอเลยจริง ๆ
“เอาเถอะ……วันนี้ก็มาฝึกกันดีกว่า ก่อนอื่นทุกคนทำกายบริหาร……”
“โว้ววววววววว—!?”
“……เป็นอะไรไปดิอันนา”
แม้เฮเลนาจะคิดยอมแพ้ทุกอย่างแล้วก็ตัดสินใจฝึกตามปกติไปแล้ว แต่ผู้ที่มาขัดก็คือดิอันนา
เธอจ้องเขม็งใส่เฮเลนาทั้งที่ตาเบิกกว้าง ลมหายใจรุนแรง และปากก็อ้าค้างอยู่อย่างนั้น
“ใครก็ได้! ไปแจ้งท่านประธาน!”
“ช้าก่อนดิอันนา”
ท่านประธานที่ดิอันนาพูดถึง
นั่นก็คือ ‘ขุนศึกหมาป่าเงิน’ ทิฟฟานี รีด
แค่นี้ก็อับอายจนยากจะทานทนอยู่แล้ว จะปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหลไปถึงทิฟฟานีด้วยไม่ได้ แถมหากมันรั่วไปถึงทิฟฟานีก็มีความเสี่ยงที่ลูเครเซียจะพลอยได้รับรู้ไปด้วย
เฮเลนาไม่ได้ใจกว้างขนาดที่จะปล่อยให้เกิดอะไรแบบนั้นขึ้น
พร้อมกับที่ดิอันนาออกคำสั่ง เฮเลนาก็เข้าไปข้าง ๆ คนที่พยายามจะวิ่งโดยทันที แล้วก็อัดฝ่ามือเข้าที่คางไปเบา ๆ
กระบวนท่าที่จู่โจมคางอย่างแม่นยำนั้น จะทำให้สมองสั่นสะเทือนและหมดสติ
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ลงแรงไปขนาดที่จะทิ้งอาการบาดเจ็บตกค้างได้ แค่ใช้แรงขั้นต่ำที่สุดที่จะทำให้อีกฝ่ายหมดสภาพเท่านั้น
“ขึ่ก……!”
“อย่าไปบอกทิฟฟานีนะ การแต่งกายของข้าในที่นี้ ก็รู้กันแค่ในที่นี้แหละ”
“ต แต่ว่า……!”
“หากไม่ว่ายังไงก็อยากจะไปบอกให้ได้ ก็ให้มันมีแต่คนที่มั่นใจว่าจะสามารถลอบผ่านข้าแล้วออกจากสวนแห่งนี้ไปได้เท่านั้นเถอะ ไม่ออมมือให้หรอกนะ”
ด้านหลังของเฮเลนาคือทางเข้าออกของสวนระหว่างอาคาร
แน่นอนว่ามีทางเลือกที่จะทะลุพุ่มไม้ด้านข้างออกไปอยู่ แต่กับเฮเลนาแล้ววิธีที่เสียเวลาแบบนั้นย่อมไม่ได้ผลแน่
ต่อให้ฝากความหวังไว้กับจำนวนคนที่มากกว่า แต่เฮเลนาก็ยังสามารถรับมือกับอัศวินทั่วไปได้ถึงหนึ่งกองพัน
เพราะอย่างนั้น ทั้งดิอันนาและเหล่าลูกน้องในกองอัศวินหมาป่าเงินจึงไม่อาจขยับตัวได้
“ถ้าเข้าใจแล้ว งั้นก็……”
“หนูเฮเลนาจ๊ะ เมื่อวานเหมือนแองเจลิกาจะไปสร้างความเดือดร้อนให้ ต้องขอโทษด้วยนะ……เอ๋?”
ทว่า
ความพยายามของเฮเลนานั้น ไม่มีความหมายอะไรเลย
เพราะผู้ที่เดินเข้ามาทางด้านหลังของเฮเลนาก็คือ—พระพันปีลูเครเซีย กับ ‘ขุนศึกหมาป่าเงิน’ ทิฟฟานี รีดนั่นเอง