เมื่อได้เห็นการแต่งกายของเฮเลนา อันดับแรกลูเครเซียก็ลังเล จากนั้นก็ขยี้ตาอยู่หลายรอบ เธอเอียงศีรษะอย่างฉงนเหมือนได้เห็นของแปลกประหลาด แล้วก็ค่อยจ้องมองดูเฮเลนาอีกครั้ง
จากนั้น ก็ฝืนยิ้มออกมา
“ก เกิดอะไรขึ้นหรือจ๊ะ หนูเฮเลนา……?”
“……ได้โปรดอย่ากล่าวอะไรมากไปกว่านั้นเลยค่ะ”
“ไม่หรอก ดูเหมาะมากเลยล่ะจ้ะ แต่ว่า……ปกติเธอไม่ได้แต่งตัวแบบนั้นใช่ไหมล่ะจ๊ะ? ก็เลยตกใจน่ะ”
เมื่อได้ฟังคำกล่าวของลูเครเซียดังนั้น เฮเลนาก็ได้แต่ก้มหน้าอย่างอดสู
แม้ทุกคนจะช่วยกันบอกว่าดูเหมาะดี แต่มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ถ้ามันเหมาะกับเฮเลนาจริงก็คงจะไม่มีใครทำท่าลังเลเหมือนอย่างลูเครเซียหรอก
แปลว่า ลูเครเซียก็แค่พูดด้วยความเห็นใจเท่านั้นเอง
ทำให้พระพันปีลูเครเซียผู้เป็นมารดาของแผ่นดินต้องมาแสดงความเห็นใจแบบนี้ มันเป็นบาปหนาขนาดไหนกันเนี่ย เฮเลนาชักอยากจะร้องไห้ขึ้นมา
“ชุดนี้นางกำนัลบังคับให้ข้าใส่……”
“อะ หนูเฮเลนาไม่ได้เป็นคนเลือกเองสินะจ๊ะ? ถึงว่า คิดอยู่เลยว่าดูต่างจากปกติมากทีเดียว”
“ไม่ค่ะ แต่ข้าเองก็รู้ตัวดีเลยล่ะ ว่าตนเองไม่เหมาะกับชุดแบบนี้”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะจ๊ะ ถึงจะตกใจนิดหน่อย แต่หนูเฮเลนาก็ดูน่ารักดี เหมือนตุ๊กตาเลยล่ะ”
“……”
ต่อหน้าลูเครเซียที่หัวเราะ ‘หุหุหุ’ เฮเลนาก็ไม่สามารถตอบอะไรออกไปได้
ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้ ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่เธอจะโดนชมว่าเหมือนตุ๊กตา ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแค่คำปลอบใจเท่านั้นเอง
ทว่า ปัญหาในตอนนี้
ก็คือทิฟฟานี ที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่ด้านหลังของลูเครเซียนั่นเอง
“……เป็นอะไรเล่า พูดอะไรบ้างสิ ทิฟฟานี”
ทิฟฟานีมองตรวจสอบการแต่งกายของเฮเลนาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ทำสายตาจริงจัง แล้วก็ถอนหายใจแรง
มันก็เป็นธรรมดาสินะ ปกติแล้วเฮเลนาได้รับความนับถือจากพวกเธอในฐานะนักรบ หากได้มาเห็นเฮเลนาแต่งกายเหมือนสาวน้อยแบบนี้ ก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลก ๆ
เคยมีช่วงที่เธอพูดเรื่องหูแมวเหมียวอะไรนั่นเหมือนกัน แต่เมื่อได้มาเห็นเฮเลนาแต่งกายแบบนี้เข้าจริงแล้ว เธอก็คงจะเปลี่ยนใจ—
“ดิอันนา!”
“ค่ะ ท่านประธาน!”
“จัดเตรียม!”
“เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ!”
ทันทีที่ทิฟฟานีกล่าว ดิอันนาก็ได้ยื่นของบางอย่างให้ทันที
มันคือแคนวาสกับขาตั้ง พร้อมด้วยถ่านไม้สำหรับวาดภาพ ที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากตรงไหน
บรรดาคนของกองอัศวันหมาป่าเงินต่างก็ขยับกาย ช่วยกันเซ็ตแคนวาส และจัดเตรียมเก้าอี้ที่เหมาะสม
จากนั้นทิฟฟานีก็นั่งลงบนเก้าอี้นั้น พร้อมกับจับถ่านไม้ขึ้นมา
“……อีกแล้วเรอะ”
ผู้ที่กำลังอึ้งกับพฤติกรรมอันกะทันหันของทิฟฟานีนั้นประกอบด้วย ลูเครเซีย และอีกสามคนคือฟรองซัวส์ คลาริสซา มาริเอล ส่วนสำหรับกองอัศวินหมาป่าเงินแล้วนี่เป็นเรื่องธรรมดา และสำหรับเฮเลนา แม้จะไม่ได้เห็นมานานแล้วแต่นี่ก็เป็นเรื่องที่เธอได้ประสบพบเจอมาหลายครั้ง
ไม่รู้มีที่มาที่ไปอย่างไร แต่ทิฟฟานีนั้นมีฝีมือในการวาดภาพ แล้วก็มักจะเริ่มวาดภาพเฮเลนาโดยกะทันหันแบบนี้อยู่เรื่อย ไม่รู้จะเรียกว่ามีความเป็นศิลปินดีไหม แต่หากมีอะไรไปโดนใจเธอเข้า เธอก็จะสั่งให้เตรียมอุปกรณ์สำหรับวาดภาพโดยทันที
และเมื่อทิฟฟานีเริ่มจดจ่อกับการวาดภาพแล้ว เธอก็จะไม่ฟังเสียงของคนรอบข้างใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้เธอยังไม่เคยออกคำสั่งอะไรกับเฮเลนาผู้เป็นนางแบบวาดภาพแม้แต่ครั้งเดียว ขอแค่มีร่างของเฮเลนาอยู่ในลานสายตาก็สามารถวาดออกมาได้ เป็นเทคนิคที่เรียกได้ว่าน่าฉงนเลยทีเดียว
“เอ่อ……ท่านลูเครเซียคะ”
“ห้ะ……เอ๋ อา ขอโทษนะจ๊ะ นี่ทิฟฟานีมีงานอดิเรกคือการวาดภาพสินะเนี่ย”
“ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้ละเอียดนัก แต่ก็เคยเห็นเธอวาดอยู่บ่อย ๆ ค่ะ”
แม้มันจะน่าพิศวงตรงที่ทุกภาพมีเฮเลนาเป็นนางแบบหมดเลยก็เถอะ
ไอ้รูปภาพที่ทิฟฟานีวาดพวกนี้ มันถูกเอาไปเก็บไว้ที่ไหนกันนะ
มีครั้งหนึ่งเฮเลนาเคยพูดว่าอยากจะขอดูรูปที่เคยวาดมาจนถึงตอนนี้หน่อย แต่ทิฟฟานีก็ตอบว่าเธอไม่ได้เก็บไว้กับตัวซะงั้น บางทีมันอาจถูกเก็บรักษาไว้ในสถานที่อื่นที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้
“เช่นนั้นแล้ว วันนี้มีธุระอะไรหรือคะ?”
“อ่า……ขอโทษทีนะ งานพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีกับงานราตรีเมื่อวานน่ะ ยากลำบากหน่อยนะจ๊ะ ฉันว่าจะมากล่าวขอบคุณสักคำน่ะ”
“งั้นหรือคะ เช่นนั้นก็ขอบพระคุณมากค่ะ”
‘หืม’ ตอนนั้นเอง เธอก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา
จะว่าไปแล้วในงานพิธีเมื่อวาน ทั้งที่เป็นงานระดับชาติแท้ ๆ แต่กลับไม่เห็นตัวลูเครเซียเลย
ผู้สืบสายเลือดของจักพรรดิที่มาออกงาน มีแค่ฟาร์มาสกับน้องสาวแองเจลิกาเท่านั้นเอง
อันที่จริงพระพันปีเองก็น่าจะต้องมาร่วมงานแบบนี้ด้วยไม่ใช่รึไงกันนะ
“เมื่อวานฉันไม่สามารถไปออกงานด้วยได้น่ะจ้ะ”
“ถ้าไม่เป็นการล่วงเกิน ขอถามเหตุผลได้ไหมคะ?”
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกจ้ะ งานไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีของจักรพรรดิองค์ก่อนน่ะพระพันปีไม่สามารถไปร่วมได้อยู่แล้ว หลังจักรพรรดิเสียชีวิตชายาเอกจะต้องไว้ทุกข์เป็นเวลาสามปีน่ะจ้ะ ดังนั้นก็เลยปรากฏตัวในสถานที่ทางการไม่ได้”
“……เช่นนั้นเองหรือคะ”
เป็นประเพณีที่น่ารำคาญไม่น้อย คือความคิดจากใจจริงของเธอ
ต้องไว้ทุกข์ถึงสามปี ก็แปลว่าไม่สามารถออกนอกราชสำนักได้เป็นเวลาถึงสามปีเลยนั่นเอง
แค่จินตนาการถึงวันเวลาที่ต้องหาอะไรทำแก้เบื่อไปวัน ๆ เป็นเวลาตั้งสามปี เธอก็รู้สึกขนลุกแล้ว
“แล้วก็ ได้ยินมาว่าแองเจลิกาไปสร้างความเดือดร้อนให้หนูเฮเลนาไว้มากทีเดียวด้วยจ้ะ”
“ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรเป็นพิเศษนะคะ”
“จู่ ๆ ก็เข้าไปตบหนูเฮเลนาเลยไม่ใช่หรือจ๊ะ”
“แต่ก็ไม่โดนนะคะ”
หากเป็นการตบระดับแค่นั้น ให้เธอหลบต่อเนื่องไปตลอดกาลก็ยังได้เลยมั้ง
แม้มันจะทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจไปไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เกิดความเดือดร้อนโดยตรงแต่อย่างใดเลย
ในทางกลับกัน ฝ่ายแองเจลิกาที่โจมตีอย่างไรก็ไม่โดนต่างหาก ที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นฝ่ายต้องอับอาย
“จู่ ๆ ก็โดนตบ แต่ก็จะยกโทษให้งั้นรึ?”
“ในเมื่อตบไม่โดน ก็ไม่มีอะไรให้ต้องยกโทษนี่คะ”
“งั้นหรือจ๊ะ……ใจกว้างจังเลยนะ”
“เช่นนั้นหรือคะ?”
เฮเลนาเอียงศีรษะอย่างฉงนใจ
การตบของแองเจลิกานั้น แม้จะมีเจตนาเป็นปรปักษ์แต่ก็ไม่ได้มีรังสีฆ่าฟัน และสำหรับนักรบและนักสู้อย่างเฮเลนาแล้ว การโจมตีที่ไร้เจตนาฆ่าฟันนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการฝึกฝน หากมีเจตนาฆ่าเธอก็จะโต้ตอบไปอย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่กับการโจมตีที่ไม่มีเจตนาฆ่าฟันแม้แต่เศษเสี้ยวนั้น เฮเลนาก็ไม่ได้ใจแคบขนาดที่จะเก็บมาคิดแค้นอันใด
แต่หากมองจากมุมของลูเครเซีย วิธีคิดแบบนี้ของเฮเลนามันก็คงดูแปลกประหลาด
“เอาเถอะ งั้นก็ดีแล้วล่ะจ้ะ ถึงฉันจะคิดว่าควรให้เด็กคนมาขอโทษหนูเฮเลนาก็เถอะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้ละเอียดนัก แต่ดูเหมือนท่านแองเจลิกาจะเคารพรักฝ่าบาทมากทีเดียว……จะรู้สึกเกลียดชังข้ามันก็ช่วยไม่ได้กระมังคะ”
“แต่ฉันก็อยากให้เด็กคนนั้นเลิกติดพี่ชายซะทีเหมือนกันนะ……”
‘เฮ้อ’ ลูเครเซียถอนหายใจเฮือกใหญ่
ถึงกระนั้น แองเจลิกาเองก็เพิ่งจะอายุสิบสองปี ในสภาพเช่นนั้นแต่กลับไม่มีทั้งบิดา แถมมารดาเองก็แทบไม่ได้ออกนอกราชสำนัก ก็คงไม่มีใครที่จะให้เธอเคารพรักได้อีกแล้วนอกจากพี่ชายนั่นแหละ พอมองว่าเป็นเพียงการกระทำของเด็ก ๆ เฮเลนาเองก็โกรธไม่ลงอยู่แล้ว
เพราะอย่างไรเสีย เฮเลนาเองก็มีพี่ชายที่อายุเกินเลขสามไปแล้วแต่ก็ยังไม่เลิกติดน้องสาวอยู่เหมือนกัน เทียบกับทางนั้นแล้วนี่ยังดีกว่ากันเยอะเลย
“เอาล่ะ ท่านลูเครเซียคะ ต้องขออภัยด้วยแต่จากนี้ข้าต้องไปนำการฝึกอบรมน่ะค่ะ”
“อุ๊ยแหม งั้นฉันขอร่วมด้วยหลังจากไม่ได้ร่วมมานานได้ไหมจ๊ะ? ทิฟฟานีเองก็ดูจะยุ่งอยู่ด้วยสิ”
“เช่นนั้นก็ โปรดยืนเรียงกับสามคนนั้นเลยค่ะ”
เมื่อมีลูเครเซียมาเข้าร่วมอย่างกะทันหัน ทั้งสามคนเองก็ซ่อนความลังเลเอาไว้ไม่มิด
แต่การที่ลูเครเซียมาร่วมฝึกแบบนี้ก็เป็นครั้งที่สองแล้ว เทียบกับครั้งแรกมันก็คงไม่ได้หนักหนาอะไรกระมัง
“เอาล่ะ เริ่มด้วยกายบริหารกันก่อน ทุกคนคลายกล้ามเนื้อกันซะ”
“ค่ะ!”
“ค่า”
“ค่ะ ท่านพี่หญิง”
“หุหุหุ”
แต่ละคนก็ต่างตอบคำ แล้วก็เริ่มคลายกล้ามเนื้อกันตามอัธยาศัย
ในเวลาเดียวกันเฮเลนาเองก็ทำกายบริหารไปด้วยเช่นกัน ทว่าเป็นเพราะสวมชุดที่ต่างไปจากทุกที ทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกนัก
‘เอาเถอะ เดี๋ยวก็ชินไปเองล่ะนะ’ เธอถอนใจพลางทำกายบริหารเบา ๆ
“ต่อไป เริ่มจากออกหมัดตรงเบา ๆ กัน ข้างซ้ายข้างขวาอย่างละร้อยครั้ง เริ่มได้!”
“หนึ่ง! สอง! สาม!”
‘ให้ฝึกออกหมัดตรงเพื่ออุ่นร่างกายกันก่อน จากนั้นค่อยฝึกวิชากระบองด้วยไม้กระบองที่พันผ้าฝ้ายซับแรงกระแทกแล้วกัน’ เฮเลนาวางแผนกำหนดการของวันนี้
สำหรับทั้งสี่คนรวมลูเครเซีย ให้ฝึกแค่ช่วงเช้าก็น่าจะเพียงพอ ดังนั้นควรจะใช้เวลาช่วงเช้าให้เกิดประโยชน์ แล้วก็ให้ทำการฝึกที่ใกล้เคียงกับการต่อสู้จริงมากที่สุดก็น่าจะดี
ระหว่างที่คอยแนะแนวปรับปรุงท่าทางของทุกคนที่กำลังออกหมัดตรงไปเรื่อย ๆ การออกหมัดขวาหนึ่งร้อยครั้งก็จบลงพอดี
ในขณะที่กำลังจะฝึกหมัดซ้ายต่ออีกร้อยครั้งนั่นเอง—
“……ฟู่ว สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาแล้วค่ะ”
“สมกับเป็นท่านประธาน! เป็นภาพที่วิเศษมากค่ะ!”
“ท่านเฮเลนา……อา ช่างงดงาม……”
ดูเหมือนระหว่างที่กำลังฝึกกันอยู่ ภาพวาดของทิฟฟานีก็เสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว
ทว่า เมื่อได้เห็นสีหน้าพร่ำเพ้อของบรรดากองอัศวินหมาป่าเงินที่มารุมกันเป็นฝูงอยู่รอบภาพวาดนั้นแล้ว
“……”
การที่เฮเลนาตัดสินใจว่า ‘ไม่ไปยุ่งจะดีกว่า’ นั้น ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว