[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ – ตอนที่ 68

ตอนที่ 68

ดวงจันทร์

 

 

  หลังจากเหตุการณ์วุ่นวาย เซเลนก็กลับมาทำตัวตามปรกติ เธอกลับไปที่ห้องรับรองและนอนหลับอย่างรวดเร็ว แม้ว่าทุกคนจะยังไม่หายกังวลก็ตาม

 

“หลับทันทีเลยล่ะ สุดยอดจริงๆ… ไม่ธรรมดานะเนี่ย”

“ก็เพราะรู้ว่ามีเจ้าชายสุดที่รักอยู่เคียงข้างไงล่ะเจ้าคะ”

 

  เด็กสาวทั้งสอง มองเซเลนที่หลับสนิทอยู่บนเตียง แม้ว่าความจริงแล้ว อายุรวมของเธอจะมากกว่ามารีและฮิโนเอะ แต่ทั้งสองกลับดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กน้อยคนนี้

 

   มารีกับคนอื่นๆยังเชื่อว่า วันนี้เซเลนได้พบกับความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง และได้มิลานช่วยให้กำลังใจจนกลับมาเป็นปรกติ แต่ก็เหนื่อยล้าจนเข้านอนในทันที แต่ความจริงแล้ว ธรรมชาติของเซเลนเป็นคนขี้เกียจ นอนกลางวัน ตื่นกลางคืน และกำลังนอนอยู่ตอนนี้เพราะออกเคลื่อนไหวมากกว่าปรกติในตอนกลางวัน

 

“หน้าอก…”

“ละเมอถึงหน้าอกอีกแล้ว…”

“เป็นเช่นนี้บ่อยหรือเจ้าคะ?”

“อือ บางทีก็ละเมอออกมาแบบนี้ คงกำลังคิดถึงแม่อยู่ละมั้ง”

 

   แม้จะหลับใหลไม่ได้สติ แต่หน้าอกก็ยังเป็นชีวิตจิตใจของเซเลนไม่เคยเปลี่ยน แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงของแม่ แต่ก็ทำให้มารีและฮิโนเอะรู้สึกเห็นใจกับสถานการณ์ของเซเลน เช่นเดียวกับมิลานและคุมะฮาจิในตอนที่ได้พบกับเธอครั้งแรก

 

“ฉันเองก็น่าจะช่วยได้นิดหน่อย”

“เอ๋? ท่านมารี!?”

 

  หลังจากกอดอกครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง มารีถอดชุดที่ใส่อยู่ให้เหลือแต่ซับใน จากนั้นก็ขึ้นไปบนเตียงที่เซเลนนอนอยู่และเข้าไปใต้ผ้าห่ม

 

“นี่!? คิดจะทำอะไรเจ้าคะ!?”

“ก็วันนี้เจออะไรมาตั้งเยอะแยะ ฉันเองก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย อย่างน้อยก็ไม่อยากปล่อยให้นอนคนเดียว คิดว่าคงจะช่วยทำให้หายเหงาได้บ้าง”

“เป็นเช่นนั้นหรือ…”

 

  เมื่อมารีขยับตัวเข้าไปอยู่ข้างๆเซเลน เซเลนที่น่าจะยังหลับอยู่ก็หันมากอดมารีเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ หนึ่งในสัญชาตญาณติดตัวของเซเลน น่าเสียดายที่มันไม่ใช่สัญชาตญาณที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต

 

“หวา แบบนี้ก็น่ารักดีนะ เจ้าหญิงแสงจันทร์ในตอนนี้เป็นแค่เด็กน้อยธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง”

 

  สำหรับมารีที่อยากเป็นพี่สามมาตลอด เซเลนในตอนที่นอนหลับอยู่เงียบๆแบบนี้ก็ดูเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ สัมผัสอันนุ่มนวลและอบอุ่นของการถูกเซเลนเกาะติดเช่นนี้ ให้ความรู้สึกคล้ายกับได้สัตว์เลี้ยง

 

  แม้ภายนอกจะดูสวยงาม แต่ภายในมีพิษร้ายแรงดั่งเห็ดอันตราย ไม่สามารถแยกได้ด้วยตาหรือกระทั่งการสัมผัส ทำให้ยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีก

 

“ฮิโนเอะไม่เข้ามาเหรอ? มีที่พอสำหรับสามคนนะ”

“เอ๋? เอ๋!? ข้าน้อยด้วยหรือเจ้าคะ?”

“ก็ใช่น่ะสิ นอนด้วยกันสามคนก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีโอกาส”

“แต่ว่า… แค่พวกท่านทั้งสองก็ดูสนิทสนมกันดีอยู่แล้ว…”

“พูดมากอยู่ได้ พวกเราสามคนก็เป็นเพื่อนด้วยกันทั้งหมดแหละ”

 

  ถึงจะไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอหน้ากัน แต่มารีกับเซเลนก็เป็นเพื่อนกับฮิโนเอะตั้งนานแล้ว สาวน้อยทั้งสามเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตั้งแต่ครั้งนั้น แม้ว่าจะมีคนที่ไม่ใช่สาวน้อย แต่ทางกายภาพถือว่าผ่าน

 

“ขออภัยเจ้าค่ะ… ขอรบกวนด้วยเจ้าค่ะ…”

 

  ฮิโนเอะยังมีท่าทีเขินอาย แต่ก็ถอดกิโมโนที่สวมอยู่และขึ้นไปนอนบนเตียง เตียงขนาดใหญ่ในห้องรับรอง มีสาวน้อยสามคนนอนกอดกันภายใต้อากาศอันอบอุ่นของอาร์คุยล่า

 

“อ-อุ่นจัง…”

“นั่นสินะ เด็กคนนี้ผิวเนียนเรียบน่าอิจฉาจริงๆ”

 

  เซเลนอยู่ตรงกลาง มารีและฮิโนเอะประกบอยู่ทั้งสองข้าง

 

“อุหุหุหุ!”

 

  ใบหน้าของเซเลนผุดรอยยิ้มดูพิลึกกับเสียงหัวเราะแปลกๆโดยที่ยังหลับอยู่ เพราะรู้สึกได้ว่ามีสาวสวยอยู่ใกล้ๆถึงสองคน จิตใต้สำนึกของเธอยังทำงานอยู่ตลอดเวลา เหมือนคอมพิวเตอร์ที่เตรียมพร้อมอยู่ในสลีปโหมด

 

  เสียงหัวเราะของเซเลนทำให้มารีหลุดขำออกมา

 

“เป็นเด็กที่แปลกจริงๆด้วย ถ้าถูกเลี้ยงดูด้วยความรักตั้งแต่แรกก็คงมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้”

 

  ไม่ใช่อย่างแน่นอน ตรรกะของเจ้าหญิงมารีเบลไม่ผิด แต่ใช้ไม่ได้กับคนคนนี้

   รอยยิ้มในยามหลับของเซเลนทำให้มารีกับฮิโนเอะเห็นแล้วรู้สึกโล่งใจขึ้นมา

 

“ฮิโนเอะเห็นจิตใจของเซเลนในตอนที่หลับอยู่ได้ด้วยหรือเปล่า?”

“ไม่ชัดเจนเท่าตอนที่ตื่นอยู่เจ้าค่ะ แต่ว่า… เป็นสีชมพูที่ดูนุ่มนวล”

“งั้นก็ดีแล้วล่ะ”

 

  เซเลนกำลังล่องลอยอยู่ในความฝันที่มีแต่สาวงามเรียงรายอยู่ทุกๆที่ และเธอกำลังไถตัวไปตามร่างกายอันอวบอิ่มของสาวงามเหล่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นฝันดีสำหรับเธอ

 

  เมื่อได้เห็นเซเลนนอนหลับอย่างมีความสุข มารีกับฮิโนเอะก็พล็อยหลับตามไปอย่างง่ายๆ เดิมทีพวกเธอก็เป็นแค่เด็ก แต่ก็ต้องมีส่วนร่วมในหน้าที่สำคัญเช่นงานแต่งงานและการเจรจาทางการทูต

 

  ทุกคนต่างก็ต้องพยายามกันอย่างหนัก ยกเว้นเซเลนเพียงคนเดียว

 

“ลำพังท่านกับข้าน้อยคงทำถึงขนาดนี้ไม่ได้ ดีจริงๆที่เจ้าหญิงมารีเบลอยู่ที่นี่ด้วยขอรับ”

 

  ที่หน้าประตูห้อง มิลานกับคุมะฮาจิฝ้าดูเซเลนกับเด็กสาวทั้งสองนอนหลับพักผ่อนอย่างสงบเป็นตัวอักษรแม่น้ำ (川)

 

“นั่นสินะ ฮิโนเอะเองก็ใช้พลังได้อย่างมีประโยชน์ ส่วนมารีก็เป็นมารี พี่สาวที่ดีของเซเลน”

 

   มิลานเห็นด้วยกับคุมะฮาจิ เดิมทีเด็กสาวทั้งสองก็ไม่ถูกคาดหวังให้แสดงบทบาทของนักการทูตอยู่แล้ว แต่ก็เชื่อว่าพวกเธอจะสามารถปลอบประโลมเซเลนได้ ซึ่งทั้งมารีและฮิโนเอะก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถทำหน้าที่นั้นได้เป็นอย่างดี

 

“สุดท้ายแล้วก็ต้องตัดสินกันบนเวทีทางการทูตซึ่งเป็นการต่อสู้ขององค์ชายขอรับ ข้าน้อยเป็นเพียงองครักษ์ ไม่สามารถเอ่ยความเห็นใดๆได้ ยิ่งเป็นเรื่องความรักด้วยแล้ว”

“เข้าใจแล้ว ถึงอย่างนั้นก็อยากให้นายตามเข้าไปด้วยอยู่ดีนั่นแหละ”

“ถ้าเช่นนั้น ขอรางวัลเป็นสุราเลิศรสในคลังสมบัติเฮลิฟาลเต้ขอรับ”

“ถ้าเรื่องนี้จบได้ด้วยดีเมื่อไหร่ เดี๋ยวซื้อของที่แพงที่สุดให้เลยก็ได้”

 

  มิลานกับคุมะฮาจิคุยเล่นกันอยู่สักพัก แม้ว่าคุมะฮาจิจะมีหน้าที่แค่คอยคุ้มกัน แต่มิลานก็เห็นเขาเป็นเพื่อนที่สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง สหายคนสำคัญที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้

 

“จะว่าไป ท่านอาลัวล่ะขอรับ? หลังจากกลับมาก็ไม่เห็นอีกเลย”

“ออ เธอบอกว่าจะไปคุยกับราชินีไอโรเน่อีกครั้ง รอบนี้เป็นเวลาส่วนตัวระหว่างแม่ลูกน่ะ ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะเข้าไปแทรกได้”

“เข้าใจแล้วขอรับ ข้าน้อยไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ก็จริง… แต่ก็คิดว่าคงยากเกินไปถ้าหวังจะให้ราชินีไอโรเน่เปลี่ยนใจในชั่วข้ามคืน”

 

  คุมะฮาจิเดาเจตนาได้ ถึงอาลัวจะไปคุยด้วยเรื่องของแม่ลูก แต่ประเด็นหลักก็คงไม่พ้นเซเลนอยู่ดี และคนนอกอย่างพวกเขาไม่ควรไปก้าวก่าย ถึงอย่างไร ก็ยังไม่มีทางออกที่ชัดเจนสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน

 

“ถึงจะอยากให้ราชินีไอโรเน่ยอมรับในตัวเซเลนก็เถอะ แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่พวกเรายังไม่เข้าใจ แทนที่จะคิดมากกับเรื่องที่ไม่เข้าใจ พักผ่อนให้สบายเหมือนเด็กๆพวกนี้กันก่อนดีกว่า”

 

  หลังจากผ่านเรื่องต่างๆมาจนถึงตอนนี้ มิลานมองดูสาวน้อยทั้งสามนอนหลับอย่างมีความสุขอยู่ในห้อง คุมะฮาจิก็คิดไม่ต่างกัน เขาพยักหน้าอยู่เงียบๆและกลับไปที่ห้องรับรองของพวกเขา

 

  วันแรกในอาร์คุยล่าสำหรับแขกจากเฮลิฟาลเต้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เหลือเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่ยังเดินอยู่ตามทางเดินในปราสาทภายใต้แสงจันทร์ เจ้าหญิงลำดับหนึ่งแห่งอาร์คุยล่า อาลัว อาร์คุยล่า

 

  อาลัวหยุดอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ แม้จะเทียบไม่ได้กับปราสาทเฮลิฟาลเต้ แต่ปราสาทอาร์คุยล่าก็มีโครงสร้างใหญ่โตน่าเกรงขามระดับหนึ่ง เธอหายใจเข้าลึกก่อนเคาะประตู

 

“เข้ามา”

“ขออภัยที่รบกวนเวลาดึก ท่านแม่”

 

  หลังจากได้รับคำอนุญาตจากไอโรเน่ อาลัวก็เปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอช้า เพื่อพบกับราชินีของประเทศนี้ ผู้เป็นแม่ของเธอและเซเลน ทั้งอาลัวกับไอโรเน่ได้เปลี่ยนจากชุดพิธีการมาเป็นชุดนอนแล้ว แต่บรรยากาศของพวกเธอยังดูจริงจัง

 

“ได้เห็นเจ้าใกล้ๆก็ยิ่งดูสมเป็นหญิงงามมากขึ้นจริงๆ หากบอกว่าเป็นเจ้าหญิงจากประเทศใหญ่โตก็คงมีคนเชื่อ แม่ภูมิใจในตัวเจ้าเหลือเกิน”

“ขอบคุณค่ะ”

 

  ไอโรเน่มองสำรวจลูกสาวสุดที่รักและเอ่ยชมอย่างมีความสุข ในช่วงที่ไปเรียนต่อที่เฮลิฟาลเต้ เธอเติบโตขึ้นมามาก ทั้งรูปร่างหน้าตา รวมถึงจิตใจ ตรงข้ามกับน้องสาวที่เอาแต่อยู่อย่างเรื่อยเปื่อยไปวันๆในความเป็นจริง

 

  คำชมของไอโรเน่ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด เธอจะเป็นผู้หญิงที่โดดเด่นจนเป็นที่จับตามองที่สุดในงานเต้นรำของประเทศใหญ่ๆอย่างแน่นอน ถ้าเธอแนะนำตัวว่ามาจากอาร์คุยล่า คนอื่นๆอาจคิดว่าเธอล้อเล่นด้วยซ้ำ

 

“ท่านแม่ หนูขอถามอีกครั้ง เพราะอะไรถึงรังเกียจเซเลนขนาดนี้? ทั้งที่มีสายเลือดเดียวกัน แต่หนูเติบใหญ่ได้จนถึงตอนนี้ก็ได้รับความรักความอบอุ่นจากท่านแม่มาโดยตลอดเพียงคนเดียว…”

“เรื่องนี้แม่เองก็ไม่รู้ว่าจะตอบเจ้าว่าอย่างไร เอาไว้เจ้าเป็นแม่คนเมื่อไหร่ก็จะรู้เอง เมื่อได้มองเข้าไปในดวงตาของทารกที่ให้กำเนิดมาก็จะเข้าใจ”

 

  น้ำเสียงของไอโรเน่ฟังดูเหนื่อย ในตอนนั้นเธอรู้ว่ามีสิ่งผิดปรกติที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ จะให้อธิบายเป็นคำพูดก็ทำไม่ได้ แม้แต่ไอโรเน่เองก็ยังรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องพูดถึง

 

“แม่ไม่ขัดขวางเซเลนไม่ให้แต่งงานกับเจ้าชายมิลานหรอก…”

“ไม่ใช่ค่ะ! สิ่งที่เซเลนกับเจ้าชายมิลานต้องการไม่ใช่เรื่องแต่งงาน! แต่เป็นการถูกยอมรับโดยท่านแม่!”

 

  อาลัวพูดเสียงดังทั้งน้ำตา อย่างน้อยก็เป็นความจริงที่เซเลนไม่ต้องการแต่งงานกับมิลาน แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ไม่สำคัญสำหรับไอโรเน่อยู่ดี

 

“…ขอโทษด้วย แม่ทำใจยอมรับว่าเด็กคนนั้นเป็นครอบครัวไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นลูกสาวคนสำคัญกับชายผู้นั้นก็ตาม”

“ชายผู้นั้น… ท่านพ่อหรือคะ”

 

  ในความทรงจำของอาลัวยังมีท่านพ่ออยู่ แต่เซเลนไม่มีโอกาสได้รู้จักพ่อ ราชาอาร์คุยล่าเสียชีวิตอย่างกะทันหันก่อนที่เซเลนจะลืมตาดูโลก ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ไอโรเน่ก็ทำหน้าที่เป็นราชินีเพียงลำพังโดยไม่คิดแต่งงานใหม่

 

“ตอนนี้แม่ก็ยังรู้ตัวดีว่าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งราชินี แค่อยากปกป้องประเทศอันเป็นที่รักของชายผู้นั้น และก็รู้ว่าคนอื่นเขาพูดถึงแม่อย่างไร ราชินีอาร์คุยล่ามีตาหามีแววไม่ หญิงโง่ที่ไม่เห็นคุณค่าของเจ้าหญิงแสงจันทร์เซเลนจนปล่อยให้หลุดมือ”

“แล้วท่านแม่เกลียดเซเลนที่ทำให้เกิดคำครหาเหล่านี้ด้วยหรือเปล่าคะ?”

“มันไม่เหมือนกัน ที่แน่ๆ เธอเป็นเด็กที่เกินมือแม่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไม่ต้องห่วง แม่คิดคำตอบที่จะทำให้เจ้าชายมิลาน เซเลน รวมถึงตัวเจ้าเองพอใจเอาไว้แล้ว”

“จริงหรือคะ!?”

 

  คำตอบที่ทุกคนพอใจ คำตอบที่เซเลนและมิลานจะแต่งงานกันได้อย่างหมดห่วง โดยที่ไอโรเน่จะร่วมยินดีกับการแต่งงานในครั้งนี้ เมื่อได้รู้เช่นนั้น อาลัวที่เคร่งเครียดมาตลอดก็เริ่มมีความหวัง แม้จะยังไม่เชื่อมั่นอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ไม่คิดว่าแม่ของเธอจะแค่หลอกให้ดีใจ

 

“เจ้าเองก็เดินทางมาตั้งไกล คงเหนื่อยมากแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ยังมีเวลาให้คุยในเรื่องนี้อีกมาก”

“ทราบแล้วค่ะ ขออภัยที่รบกวนเวลาพักผ่อน ท่านแม่เองก็อย่างหักโหมเกินไปนะคะ”

 

  การสนทนากับแม่ของเธอจบลงเพียงเท่านี้ อาลัวออกจากห้องด้วยสีหน้าแจ่มใส

 

  หลังจากอาลัวออกจากห้องไป ไอโรเน่หันไปทางหน้าต่างและเงยหน้ามองดวงจันทร์ ดวงจันทร์สีขาวส่องแสงสว่างในยามราตรี แต่ก็ดูเย็นชาต่างจากแสงแดดอันอบอุ่นของดวงอาทิตย์

 

“ดวงจันทร์เอ๋ย… หนทางที่ทำให้ทุกคนพอใจ ไม่มีทางไหนรวมตัวข้าเข้าไปด้วยเลย”

 

  ไอโรเน่พูดออกมาเช่นนั้นกับดวงจันทร์บนท้องฟ้า

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset