[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ – ตอนที่ 3 สวรรค์

เซเลเน่ที่ทำการแหกคุกประจำวันสำเร็จ ความรู้สึกก็ค่อยๆเย็นขึ้น ความคิดถูกชำระล้างในระหว่างที่เดินไปในป่าอันเงียบสงบ แล้วก็คิดขึ้นมาว่าโอกาสที่พี่สาวสุดที่รักจะเป็นเหยื่อขององค์ชายโรคจิตนั้นต่ำสุดๆ

หนังสือที่อัลเลเอามาให้เป็นบางครั้งนั้นส่วนมากเป็นหนังสือภาพกที่เขียนเรื่องประวัติศาสตร์แผนที่ง่ายๆเพื่อให้เซเลเน่ที่ไม่ได้รับการศึกษา ถึงจะรู้ว่าเป็นความรู้ที่ได้จากของสำหรับเด็ก แต่ถึงอย่างนั้นก็มีข้อมูลเกี่ยวกับทวีปนี้อยู่ในระดับหนึ่ง

สิ่งที่เซเลเน่ได้รู้จากหนังสือที่ได้รับมานั้นคือเรื่องที่เมื่อเทียบกับประเทศอันยิ่งใหญ่ขององค์ชายที่กินพื้นที่กว้างของทวีปแล้ว ราชอาณาจักรอาร์คุยล่าร์นั้นเป็นเพียงแค่ปลายสุดทางใต้ของทวีปเท่านั้น ถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือประเทศที่เธออาศัยอยู่นั้นก็คือบ้านนอกนั่นเอง

สำหรับเซเลเน่นั้น อัลเลก็เหมือนกับเทพธิดาแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่ แต่ว่ากับองค์ชายเสเพลที่ได้ลิ้มรสสิ่งสวยงามในประเทศต่างๆแล้วนั้นคงไม่มาเลือกอัลเลจากประเทศเล็กๆมาเป็นคู่ ท่านประธานหนุ่มจากเมืองใหญ่ที่มีรถซุปเปอร์คาร์อยู่หลายต่อหลายคันนั้น คงไม่มาซื้อแมงกะไซต์จากหมู่บ้านเล็กๆหรอก พอคิดแบบนั้นก็ร่าเริงขึ้นมาทันที เซเลเน่ก็เดินเบาๆไปยังที่หมายของตน

สาวน้อยตัวคนเดียวในป่ายามค่ำคืนผู้เดินโดยพึ่งแสงจันทร์แต่เพียงอย่างเดียวนั้นอาจจะถือว่าอันตรายมาก แต่ว่าเซเลเน่นั้นไม่กลัวสักนิดเดียว ก็เพราะว่ารอบๆตัวเธอนั้นมีพวกหนูจำนวนมากคอยติดตามอยู่

พวกเขาที่เป็นลูกน้องของบัตเลอร์ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญภายในป่าและก็เป็นผู้พิทักษ์ของเซเลเน่ พวกเขานั้นด้วยเครือข่ายขนาดใหญ่จากจำนวนมหาศาลแล้วเพื่อไม่ใช่เกิดอันตรายขึ้นกับเซเลเน่เมื่อเจอสัตว์อันตรายหรือพวกพืชที่ถ้าสัมผัสแล้วจะเป็นพิษแล้วจะแจ้งให้กับเซเลเน่ทันที ดังนั้นแล้วต่อให้เซเลเน่หลับตาเดินก็สามารถเดินอย่างๆสบายๆในป่าทึบแห่งนี้ได้

“ถึงแล้ว”

พอเดินมาขณะหนึ่งภายในป่าลึกที่ไม่ค่อยมีคนจากราชวังเข้ามาใกล้ เซเลเน่ก็หยุดเท้าลง

ภายในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้หนาแน่น มีที่นี่เท่านั้นที่เป็นทุ่งหญ้าสั้นๆเขียวชอุ่มกว้างออกไปและมีดอกไม้สีต่างๆเบ่งบานอยู่ ตรงใจกลางนั้นก็มีบ่อน้ำเล็กๆ ผิวน้ำที่สงบนั้นก็สะท้อนจันทร์เต็มดวงออกมา บรรยากาศของสวนขนาดเล็กแห่งนี้นั้นคือสถานที่ที่เซเลเน่เรียกว่า [สวรรค์]

“อืม เมล็ด เมล็ด”

เซเลเน่ล้วงมือลงในกระเป๋า แล้วหยิบเม็ดกลมๆเล็กๆ–เมล็ดพืชออกมา ในตอนที่กินอาหารเซเลเน่ก็เห็นเมล็ดของผักและผลไม้แล้วก็เก็บพวกมันไว้ แล้วเซเลเน่ก็ไปหาที่เหมาะๆแล้วใช้สองมือขุดดินนุ่มๆแล้วใส่เมล็ดเข้าไป

ตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว เซเลเน่นั้นชอบที่จะปลูกต้นไม้หรือว่าเลี้ยงสัตว์ แต่เพราะอาศัยอยู่ในห้องอพาร์ตเม้นต์ที่ไม่มีระเบียงเลยไม่สามารถทำได้ แต่ต้นไม้กระถางเล็กๆก็มีเรียงรายอยู่มากมายระดับที่ทำได้เลย แต่ว่าตอนนี้นั้นทำได้แค่ในตอนกลางคืนเท่านั้นแถมทำเพียงแค่ให้ชอนไชไปตามใจชอบในพื้นที่กว้างๆ ถึงจะเป็นแบบนั้นสภาพในตอนนี้สำหรับเซเลเน่แล้วถือได้ว่าเป็นสวรรค์

ด้วยสาวน้อยตัวคนเดียว เธอไม่ได้ทำการควบคุมมันทั้งหมด ที่ทำก็มีเพียงแค่ขุดหลุมใส่เมล็ดลงไปเท่านั้น ถึงจะเป็นการทำระดับเดียวกับกระรอก แต่ว่าด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์กับสภาพอากาศทางใต้แล้ว ก็ทำให้พืชพันธ์เจริญงอกงามขึ้นมา ตั้งแต่ที่ถูกขังมาหลายปีในโกดังนั้นเซเลเน่ก็สร้างสวนดอกไม้ลับๆขึ้นมา

“จบแล้ว เริ่ม การฝึก”

พอหว่านเมล็ดที่เตรียมไว้เสร็จ เซเลเน่ก็เริ่มงานประจำวันต่อไป ไปที่ริมบ่อน้ำหลับตาแล้วก็คุกเข่าภาวนา นี่คือการฝึกเวทด้วยตัวเองที่เซเลเน่คิดทึกทักเอาเอง เพราะว่ามีสิ่งที่เรียกว่าพลังเวทอยู่ก็เลยอยากจะลองใช้บ้าง แต่ว่าก็ไม่มีใครสอนวิธีใช้ให้เซเลเน่ก็เลยคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเองดู

“ราเมง โซเมง โคเปนเฮเกง…”

เซเลเน่ท่องคาถาพึมพำโดยการเอาคำง่ายๆมาเรียงกันตามใจชอบจนดูเหมือนเวทมนต์ที่รู้จัก
ถ้าเกิดลองตั้งสมาธิสวดภาวนาอะไรแบบนี้แล้วพลังแห่งพื้นดินกับพลังวิญญาณจะทำให้เมล็ดพันธุ์มีพลังตื่นขึ้นมาทันทีได้ ด้วยความหวังเล็กๆในใจนั้น วันนี้เซเลเน่ก็ยังคงพยายามทำอะไรที่เปล่าประโยชน์อย่างขยันขันแข็ง

แต่ว่าต่อให้ผ่านไปร้อยปีก็ไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น ระหว่างทางเธอก็รู้สึกรำคาญแล้วก็เลิกไปตอนราวๆ30นาทีทุกครั้ง วันนี้หลังจากจบการฝึกนั้น ก็ไปหาจับตั๊กแตนรูปร่างดีกลับไปให้บัตเลอร์เหมือนกับทุกครั้ง

“ภาวนาอะไรขนาดนั้นเหรอครับ? หรือว่านั่นมันเป็นบทเพลงอะไรสักอย่างกันน่ะครับ? คุณภูติแห่งจันทราผู้งดงาม”

อยู่ๆก็มีเสียงมาจากข้างหลังทำเอาเซเลเน่สะดุ้งแล้วก็ตัวสั่น พอรีบหันกลับไปดูก็ต้องตกใจ

ในตอนที่เซเลเน่ตั้งสมาธิกับการฝึกภาวนาด้วยตัวเองนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาใกล้ อยู่ในวัยที่เรียกได้ว่าชายหนุ่ม รูปร่างสูงเพรียว ผมสีพลาทิน่าบลอนด์สดใสภายใต้แสงจันทร์ แล้วก็รอยปักรูปนกอินทรีย์สีทองสีเดียวกันปักอยู่ กำลังสวมชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ที่เท่าที่เห็นก็รู้ว่าทำจากวัตถุดิบชั้นสูง

แต่ว่าเมื่อเทียบกับใบหน้าอันงดงามนั้น ก็ทำเอาเครื่องประดับทุกชนิดที่ติดอยู่หมอง เป็นความงดงามถึงขนาดนั้นทีเดียว เพื่อไม่ให้เซเลเน่กลัวชายหนุ่มก็ยิ้มอ่อนๆขึ้นมาแล้วก็เข้าไปใกล้เซเลเน่

“ขออภัยที่อยู่ๆก็พูดเข้ามาโดยเสียมารยาทนะ แต่ว่าไม่ว่ายังไงก็อยากจะดูเธอใกล้ๆน่ะครับ”

ขณะที่พูดราวกับนักกวีที่ขับขานบทเพลงชายหนุ่มก็ทำการยิ้มออกมาอย่างดงาม ถ้าเป็นผู้หญิงด้วยท่าทางอย่างเดียวนี้ก็คงเป็นรอยยิ้มสเน่ห์ที่ทำให้หัวใจละลายกันเลยทีเดียว

–ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะนะ

“เกลียด!”

เซเลเน่ร้องปฏิเสธออกมาเสียงดัง แล้วก็วิ่งหนีไปราวกับกระต่าย
ถึงแม้คำพูดของหญิงสาวจะนอกเหนือจากที่คาดไว้ ชายหนุ่มแสดงสีหน้าตกใจออกมาให้เห็น แต่พอเห็นสาวน้อยที่หันหลังวิ่งแล้วก็รีบยื่นมือเพื่อดึงกลับมา แต่ว่าเซเลเน่ที่เคลื่อนที่ก่อนพริบตาหนึ่ง ก่อนที่มือของชายหนุ่มจะเข้ามาถึงก็หันตัวกลับแล้วพุ่งเข้าไปในพุ่มไม้

“เดี๋ยวก่อนสิ!”

ได้ยินเสียงของชายหนุ่มขอร้องมาจากด้านหลังของเซเลเน่ ถึงจะเป็นห่วงว่าจะตาม แต่ว่าเซเลเน่ก็ไม่คิดจะหันกลับไป เธอหนีสุดใจเข้าไปในพุ่มไม้เพื่อที่จะหนีจากการไล่ล่าของชายหนุ่มแล้วก็คงต้องทำระดับนี้

ที่นี่เป็นที่ราบ ถ้าเป็นตอนกลางวัน สาวน้อยผู้ไร้พลังคงถูกไล่ตามได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าในสภาพที่การมองเห็นถูกความมืดบดบังอย่างนี้ เซเลเน่ที่ป่าแห่งนี้ก็เหมือนกับสวนหลังบ้านของเธอ ทำให้เซเลเน่สามารถหลบหนีจากชายหนุ่มสำเร็จอย่างไม่ลำบากอะไร ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หยุดเท้าลงวิ่งสุดแรงจนหัวใจแทบจะระเบิดออกมากลับมาที่โกดัง แล้วปีนไม้เถาราวกับกำลังถูกปีศาจไล่ตามอยู่

[โอ๊ องค์หญิง! กลับมาค่อนข้างเร็วนะขอ…]

บัตเลอร์ที่รอคอยการกลับมาของนายที่หน้าต่างมาตลอดตกใจ นายที่ปกติจะฮัมเพลงกลับมาพร้อมกับของฝากให้กับบัตเลอร์และพวกหนูที่คอยเฝ้าบ้านให้อย่างอ่อนโยน

แต่ว่า นายในวันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น หอบหายใจออกมาแฮ่กแฮ่ก เสื้อกับผมเองก็ยุ่งเหยิงไปหมด แล้วก็ล้มลงหมดแรงบนเตียงไปทั้งๆอย่างนั้น หนูที่เป็นตัวแทนให้เซเลเน่ก็รีบหนีออกมา

[องค์หญิง! เกิดอะไรขึ้นเหรอขอรับ!?]
“ทุกอย่าง จบสิ้น ไปแล้ว…”
[เรื่องอะไรขอรับ!? นี่พูดเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอขอรับ!?]

พวกหนูป่าตกใจจนออกหน้าต่างไป บัตเลอร์เองก็สับสนแล้วก็เข้าไปใกล้องค์หญิงที่ฟุบลงไปในหมอน ไม่เคยเห็นนายท่านตอนที่เสียสติขนาดนี้มาก่อนเลย บัตเลอร์นั้นเดินวนไปรอบๆด้วยความเป็นห่วงเซเลเน่ที่ฟุบอยู่บนเตียง

เซเลเน่นั้นหดหู่โดยไม่ได้สนใจบัตเลอร์ทีเป็นแบบนั้นเลย
ต้นเหตุก็มีอย่างเดียว ชายหนุ่มที่พบภายในป่านั่นเอง นั่นคือองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวถึงกันถึงเซเลเน่จะเคยได้ยินแค่จากคำล่ำลือแต่ก็รู้ได้ทันที ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมถึงไปอยู่ที่นั่น แต่เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง

“อู๊! พวกต้มตุ๋น! ขี้โกง! เห็นแก่ตัว!”

พอเอาหน้ามุดเข้าหมอนก็ร่ายคำสาปออกมา นั่นมันอะไรกัน นั่นมันราวกับว่าเป็นเจ้าชายเลยไม่ใช่เหรอไงกัน ไม่สิ จริงๆก็เป็นเจ้าชายจริงๆนี่นา แต่ว่าจะให้ยอมรับตัวตนบ้าๆที่ราวกับใช้กรรไกรตัดออกมาจากเกมจีบหนุ่มได้ยังไงกัน ไม่ ไม่ว่ายังไงก็ยอมรับไม่ได้

จากข่าวลือคือเรื่องที่ถูกขยายจากเรื่องจริงออกไป ข่าวลือเรื่ององค์ชายศักดิ์สิทธิ์นั้นสำหรับเซเลเน่มันออกจะดูเกินความจริงออกไปมาก แต่ว่าหมอนั่นที่ได้เห็นกับตาก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่เหมาะกับนามที่สองนั้น ถึงจะเชื่อว่าอัลเลที่เป็นพี่สาวนั้นเป็นเทพธิดาที่บริสุทธิ์ แต่ว่าถ้าถูกหนุ่มรูปงานแบบนั้นมาจีบล่ะก็ต่อให้เป็นรูปปั้นหินเทพธิดาก็อาจจะหลงได้เลยทีเดียว

 

[องค์หญิง ใจเย็นๆขอรับ บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าขอรับ? ถ้าไม่ว่ายังไงก็ปรึกษาบัตเลอร์ผู้นี้ได้นะขอรับ?]

เสียงของบัตเลอร์ที่เป็นห่วงนั้นไม่เข้าหูของเซเลเน่เลย ในหัวของเซเลเน่ตอนนี้นั้นมีภาพในอดีตลอยขึ้นมา มันคือเนื้อหาของเกมที่เซเลเน่ในอดีตนั้นชอบ

ใต้จันทร์เต็มดวงงดงาม อากาศเบาสบาย เจ้าชายและเจ้าหญิงวัยเหมาะสมกัน–ให้พูดก็คือสถานการณ์สุดสมบูรณ์แบบ แล้วทั้งคู่ก็จูบกัน แล้วทำอะไรที่ไม่เหมาะกับคนอายุน้อยกว่า18–

“อุว๊ากกกกกกกกกกกกกก!!”
[อะ องค์หญิง! ทำใจให้ดีๆไว้ขอรับ!]

เซเลเน่ดิ้นรนจากสถานการณ์สุดเลวร้ายที่จินตนาการขึ้นมา ขยี้ผมไปมาแล้วก็ร้องไห้ออกมา อา ทั้งๆที่คิดว่าถ้าตัวเองโตแล้วจะสร้างรักต้องห้ามกับท่านพี่แท้ๆ แต่กลับถูกนกบินมาฉกเต้าหู้ทอดไปซะแล้ว

“เซเลเน่! เกิดอะไรขึ้น!? เซเลเน่!”

พอได้ยินเสียงนั้นเซเลเน่ก็เงยหน้าขึ้น ลวดลายผนึกส่องแสงและประตูก็เปิดออก อัลเลผู้เป็นรักแรกของเซเลเน่ก็รีบพุ่งเข้ามาหา ทั้งๆที่อยู่ระหว่างงานเลี้ยงแท้ๆ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ เซเลเน่ก็เลยสับสนและบัตเลอร์ก็รีบเข้าไปซ่อนตัวที่ใต้เตียง

“ท่านพี่ ทำไม…?”
“คือว่า คือ… ยิ่งกว่านั้นนะ เซเลเน่ สภาพนั้น เกิดอะไรขึ้นกันคะ!?”
“…ไม่มีอะไร”
“ไม่มีทางไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอไงกันคะ!”

ผมยุ่งไปมา เสื้อกระรุ่งกระริ่ง สภาพของเซเลเน่นั้นผิดปกติ อัลเลที่เห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามาใกล้แล้วเอามือลูบไปที่หน้าของเซเลเน่แล้วก็เบิกตากว้าง ถ้าถามว่าทำไมก็เพราะที่แก้มของเซเลเน่นั้นมีน้ำตาไหลออกมา การได้เห็นน้ำตาของน้องสาวที่ไม่รู้สึกอะไรขนาดถูกแม่ทิ้ง นี่ถือเป็นครั้งแรกเลย

“ร้องไห้ สินะ…”
“…อืม”

เซเลเน่ยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะมีปัญหาถ้าตอบไปว่าร้องไห้เพราะจินตนาการเหลวไหลถึงเธออยู่ แต่ว่าก็ไม่สามารถบอกว่าไม่ได้ร้องได้ ก่อนที่จะถูกถามเหตุผลเซเลเน่เลยเริ่มพูดบางอย่างเพื่อเลี่ยงประเด็น

“คือว่า เกิดอะไรขึ้น กับท่านพี่?”

แค่ความเกลียดเจ้าชายก็เต็มหัวไปแล้วตอนนี้เซเลเน่เลยพูดออกไปได้เพียงแค่นี้  กับคำพูดที่ออกมาจากความสิ้นคิด อัลเลก็ตอบมาด้วยใบหน้าหม่นหมอง

“…ไม่ไหวค่ะ…องค์ชายไม่หันมามองฉันเลยค่ะ…”
“เอ๊ะ”
“ขอโทษนะคะ…ทั้งๆบอกว่าจะพยายามไปขนาดนั้นแท้ๆ พี่สาว ยั่วยวนไม่สำเร็จค่ะ…”

ราวกับเด็กน้อยที่โดนดุ อัลเลก้มหน้าแล้วพึมพำออกมา
ตอนเย็นนั้น ทั้งๆที่มั่นใจขนาดนั้น เตรียมใจที่จะมอบร่างกายให้กับองค์ชายแล้วแท้ๆ แต่อัลเลก็ทำเรื่องที่ไม่ควรทำหลายๆอย่างไปซะแล้ว ทำให้เส้นด้ายเส้นเดียวที่จะช่วยเซเลเน่นั้นขาดลงไปแล้ว ความจริงเรื่องนี้จะทำให้น้องสาวท้อแท้ลงขนาดไหนกัน

ที่เซเลเน่พูดออกมาว่าไม่ต้องขายตัวเองให้องค์ชายก็ได้ คำนั้นที่อัลเลคิดว่ามันก็คือความเข้มแข็งของเซเลเน่ หลักฐานก็คือในตอนนี้เซเลเน่นั้นกำลังร้องไห้ในห้องนี้อยู่ น้องสาวที่ปกติจะพูดคุยกับตัวเองอย่างสงบนิ่งแต่ทุกคืนนั้นต้องเผชิญกับความทุกทรมานแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นตัวเองก็ไม่สามารถทำอะได้ ในหัวใจของอัลเลนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าไม่มีคำแก้ตัวใดๆให้น้องสาวทั้งนั้น เต็มไปด้วยความคิดโทษตัวเอง

พี่สาวที่น่าสมเพชคนนี้น้องสาวจะคิดยังไงกัน ทั้งๆที่พูดออกไปขนาดนั้นแท้ๆแต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้จะถูกต่อว่ารุนแรงก็ถือว่าช่วยไม่ได้ อัลเลนั้นคิดแบบนั้น

แต่ว่า มันไม่เป็นแบบนั้น แทนที่เซเลเน่จะตำหนิพี่สาวผู้น่าสมเพชแต่กลับฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจออกมา แล้วเซเลเน่ก็ตั้งตัวขึ้นแล้วนั่งบนเตียง

“ท่านพี่ นั่งยองๆ”
“เอ๊ะ…? ยะ อย่างนี้เหรอคะ?”

อัลเลที่ทำนั่งยองตามที่เซเลเน่บอกนั้น ก็สบตากับเซเลเน่ที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นเซเลเน่ก็เอามือวนรอบคอของอัลเลแล้วก็กอดแน่นๆ

“จะ จะทำอะไรเหรอ? เซเลเน่?”
“ทนหน่อยนะ”

ด้วยน้ำเสียงไม่สนใจอะไร เซเลเน่ก็เข้าไปที่คอของอัลเล ร่างกายอุ่นๆของเซเลเน่มอบความรู้สึกดีให้กับร่างกายของอัลเลที่กำลังเครียดและรู้สึกแย่อยู่ พอผ่านชั่วขณะหนึ่งไปโดยที่ทั่วคู่ไม่ได้พูดอะไร อยู่ๆเซเลเน่ก็กระซิบเข้ามาที่หูของอัลเล

“เด็กดีเด็กดี”

พอได้ยินคำพูดนั้นความรู้สึกที่ปิดกลั้นในหัวใจของอัลเลก็ทะลักออกมา เซเลเน่นั้นกับพี่สาวผู้ไร้ประโยชน์คนนี้แล้วกลับส่งเสียงอ่อนโยนว่า”โอ๋โอ๋”ราวกับปลอบเด็กออกมา เซเลเน่นั้นไม่สามารถพูดได้ดีนัก เพราะฉะนั้นจึงใช้ท่าทางในการแสดงอารมณ์ค่อนข้างมาก กับตัวเองที่สมควรจะถูกว่าใส่แต่เซเลเน่นั้นกลับเข้ามากอดแล้วให้อภัย ช่างเป็นน้องสาวที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ดวงตาของอัลเลนั้นมีน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลออกมา

“เซเลเน่ อา เซเลเน่…! ฉัน ยังไม่ยอมแพ้ค่ะ…เพื่อเธอแล้วจะต้องพยายามให้ยิ่งกว่านี้ค่ะ!”
“อย่าพยายามเลย ขอร้องละ”
“ไม่ต้องกังวลก็ได้ค่ะ พวกเรา ไม่ใช่แค่สองพี่น้องธรรมดาค่ะ ตอนที่อยากร้องไห้ จะร้องก็ไม่เป็นไรค่ะ”

ต้องทำตัวสุภาพ กับผู้ชายที่ไม่คุ้นเคย สำหรับอัลเลที่เหนื่อยเต็มที่แล้วนั้น อ้อมกอดของน้องสาวผู้อ่อนโยนนั้นมอบความโล่งใจจำนวนมากให้กับอัลเล แบบนี้มันราวกับว่าตัวเองที่เป็นพี่สาวเป็นฝ่ายอายุน้อยกว่าเลย แต่ถึงจะคิดแบบนั้นแต่อัลเลนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าน้องสาวเท่านั้นถึงจะสามารถทำตัวแบบที่ไม่ใช่เจ้าหญิงได้ เรื่องนี้ที่ทำให้รู้สึกดีใจแบบถึงที่สุด

ในทางกลับกันเซเลเน่ก็รู้สึกโล่งใจในอีกความหมายหนึ่ง กับเซเลเน่ที่เป็นเด็กนั้นอัลเลพยายามเก็บเรื่องความรักของผู้ใหญ่ไว้เป็นความลับ เพื่อตรวจสอบเรื่องนั้นแล้วเซเลเน่เลยกอดไปที่คอของอัลเล ขณะที่พอใจกับผิวเนียนนุ่ม ก็ตรวจสอบที่คออย่างละเอียด รอยจูบ–รอยจากเจ้าชายพอตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่มี เซเลเน่ก็เลยกระซิบอย่างพึงพอใจ

ว่า”เด็กดีเด็กดี”

อัลเลกับเซเลเน่ในห้องที่ถูกแสงจันทร์สาดส่อง องค์หญิงพี่น้องสองคนที่สนิทกันกำลังกอดกันด้วยความรักของพี่น้องอันงดงาม ทำให้บัตเลอร์ที่มองขึ้นมาจากใต้เตียงยิ้มขึ้นมา

[อืมม แต่ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?]

บัตเลอร์เอาขาหน้าแตะคางแบบมนุษย์แล้วคิด เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้นั้นเกินที่เขาจะจินตนาการได้ แต่ว่าไม่ว่ายังไงก็ตามหัวใจของนายก็กลับมาสงบแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็คงถือว่าดีแล้ว พอคิดแบบนั้น บัตเลอร์ก็ยอมรับได้ การไม่สอดรู้สอดเห็นกับเรื่องในหัวใจของนายก็ถือว่าจำเป็นสำหรับตัวเองที่เป็นพ่อบ้าน

เอาล่ะ ทำไมองค์ชายที่ควรจะเข้าร่วมในปาร์ตี้แน่ๆถึงอยู่ในป่า กับทางอัลเลเกิดอะไรขึ้นนั้น ก็คงต้องย้อนความกันไปสักนิด–

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset