[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ – ตอนที่ 33 สานสัมพันธ์

ตอนที่ 33

สานสัมพันธ์

 

 

[“จะให้พาเจ้าหญิงอาลัวมาที่ดินแดนของเอลฟ์นี่หรือครับ?”]

“อือ”

 

  เมื่อได้ยินความต้องการของเซเลน บัตเลอร์ก็กอดอกด้วยขาหน้าและคิดเกี่ยวกับคำพูดของเธอ ทำไมเจ้านายที่ต้องการกลับไปยังสถานที่ของตัวเองมากที่สุดในตอนนี้ถึงต้องการพาพี่สาวมาที่หมู่บ้านของเอลฟ์ด้วยอีกคน

 

[“องค์หญิง ขออภัย กระผมไม่เข้าใจเจตนานั้น มีประโยชน์อันใดที่จะพาพี่สาวของท่านมาที่นี่?”]

“เอ๋ เอ่อ… แลกเปลี่ยน ข้ามประเทศ หลังจากนี้”

 

  ไม่ว่าเซเลนต้องการแต่งงานกับพี่สาวของเธอมากขนาดไหน แต่เรื่องที่จะตัดขาดจากฝั่งมนุษย์และย้ายมาอยู่ในดินแดนของเอลฟ์มันก็เป็นเรื่องที่พูดออกไปตรงๆได้ยาก ต้องหาโอกาสพูดเรื่องนี้ให้ได้ในภายหลัง ในตอนนี้เซเลนคิดว่าตนเองได้ใช้ความคิดอย่างถี่ถ้วน คิดถึงทุกขั้นตอนอย่างรอบคอบแล้ว แต่ก็ยังมีเรื่องที่ถึงจะเตรียมตัวมาดีแค่ไหนก็ไม่สามารถความคุมให้เป็นตามต้องการได้

 

[“จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสินะครับ… เข้าใจแล้ว ถ้าเป็นเรื่องนี้ พี่สาวร่วมสายเลือดของ ‘นักบวชมังกร’ จะเหมาะสมกว่าเจ้าชายมิลานจริงๆ”]

“…เอ๋? เดี๋ยว!”

 

   บัตเลอร์ตื้นตันกับการตัดสินใจอันน่าเจ็บปวดของเซเลน มิลานเป็นเจ้าชายของประเทศมหาอำนาจ แต่ก็เป็นเรื่องทางฝั่งมนุษย์เท่านั้น หากต้องการสานสัมพันธ์กับเผ่าพันธุ์เอลฟ์ พี่สาวของเธอ อาลัว จะเหมาะสมกว่า เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุดอย่างแน่นอน

 

[“แต่การพาตัวเจ้าหญิงอาลัวมาที่นี่คงเป็นเรื่องที่ยากมาก”]

“ทำไม!?”

[“เพราะมังกรแดงไม่เคยพบกับเจ้าหญิงอาลัวมาก่อนครับ และที่เฮลิฟาเต้มีหญิงสาวที่มีเส้นผมสีทองกับดวงตาสีฟ้าอยู่มากมายหลายคน แตกต่างกับกรณีขององค์หญิงเซเลน”]

“แต่ เหมือนนางฟ้า!”

 

  เซเลนยังพยายามพูดแย้งกับบัตเลอร์ เพราะในสายตาของเซเลน ไม่มีหญิงสาวคนไหนในโลกนี้ที่งดงามไปกว่าอาลัวอีกแล้ว แค่มองไปในหมู่ผู้คนก็ต้องบอกได้ในทันทีแน่ และการโต้เถียงนี้ก็จะจบลง เพราะคำพูดที่ไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ฝ่ายที่ไม่มีข้อโต้แย้งคือเซเลน

 

[“จริงอยู่ ท่านอาลัวมีจิตใจที่งดงามดุจนางฟ้า แต่ถ้ามองภายนอกจะเห็นเพียงสาวงามคนหนึ่งเท่านั้น ท่านคิดว่ามังกรแดงที่มองท่านผิดเป็นเอลฟ์จะสามารถแยกแยะท่านอาลัวด้วยสายตาได้อย่างนั้นหรือครับ?”]

“อุ…”

 

  เซเลนขยี้เท้าด้วยความหงุดหงิด ถ้าพูดกันตรงๆแล้ว มังกรแดงตัวนี้ก็โง่จริงๆ เซเลนเองก็ไม่สามารถอธิบายอย่างละเอียดได้ ถ้ายังดึงดันให้มันไปที่เฮลิฟาเต้แล้วได้ผู้หญิงคนอื่นที่ไม่รู้จักมาแทนก็คงเป็นเรื่องร้ายแรงแน่ หรืออย่างเลวร้ายที่สุด อาลัวตัวจริงอาจจะบาดเจ็บก็ได้

 

[“ไม่ว่ายังไง พวกเราก็ต้องกลับไปให้ได้ก่อนครับ กระผมทราบดีว่าองค์หญิงต้องการจะผูกมิตรกับเอลฟ์ แต่ลำพังแค่พวกเราคงทำอะไรไม่ได้มากหรอกครับ”]

“แย่จัง…”

 

   เซเลนฝันสลาย แผนการของเธอล่มไม่เป็นท่า ส่วนบัตเลอร์ก็ยกย่องในไหวพริบของเซเลนอยู่ในใจ น่าเสียดายที่แผนการนี้ต้องพับเก็บไปก่อนที่จะเริ่มต้นลงมือ

 

   ทีแรก เมื่อเขาได้ยินว่าเธอต้องการพาเจ้าหญิงอาลัวมาที่นี่ เขาคิดว่าอาจเป็นเพราะความเหงา แต่เซเลนไม่ใช้คนที่คิดอะไรตื้นๆอยู่แล้ว

 

  ป่าสีขาวเป็นพื้นที่ที่สัมผัสกับพลังเวทย์เข้มข้นอยู่ตลอดเวลา มีวัตถุดิบล้ำค้ามากมายที่ใช้เป็นอุปกรณ์เวทย์มนต์ได้ หากพวกเราสามารถผูกมิตรกับพวกเอลฟ์ได้สำเร็จ ก็จะเป็นการปรับเปลี่ยนยุคสมัยอย่างก้าวกระโดดสำหรับเฮลิฟาเต้ หรือสำหรับมวลมนุษยชาติก็ว่าได้ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส สร้างสันติภาพให้เอลฟ์กับมนุษย์สามารถไปมาหาสู่กัน ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้ โดยเฉพาะเด็กแปดขวบ

 

[“(กระผมยังต้องเรียนรู้อีกมาก…)”]

 

   เขาเคยคิดว่าตนเองได้ขัดเกลาความรู้และทักษะในฐานะผู้ติดตามได้ดีพอแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ใกล้เคียงกับความคิดอันลึกซึ้งของเจ้านายผู้นี้เลย ในเมื่อรับรู้ถึงความตั้งใจของเจ้านายแล้วในตอนนี้ มีแต่ต้องสนับสนุนอย่างสุดความสามารถเท่านั้น

 

[“ถ้าอย่างงั้น ตอนนี้มาทำเรื่องที่พอทำได้กันเถอะครับ เอาเป็นว่า เริ่มต้นจาก ลองไปเจรจากับท่านกีดูก่อน ดีไหมครับ?”]

“ทำไม เป็นกี?”

[“จะได้ถือโอกาสบอกไปว่าจะกลับมาเยี่ยมเยียนในภายภาคหน้ายังไงล่ะครับ อาจจะถึงขั้นนัดหมายเลยก็ได้ โชคร้ายที่กระผมไม่สามารถร่วมเจรจาด้วยได้ มันอาจจะยากไปสักหน่อยแต่ก็คุ้มค่าแน่นอนครับ”]

“เข้าใจแล้ว!”

 

   คำแนะนำนี้ทำให้เซเลนกลับมาร่าเริงอีกครั้ง ถ้าสร้างเส้นสายกับกีได้ก็จะเกิดความเป็นไปได้อีกหลายอย่าง ถึงจะริบหรี่ แต่ความหวังนี้ก็ยังไม่ดับสูญ

 

“เอาล่ะ ไปกัน!”

 

  เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยจริงๆ จะตีเหล็กต้องตีตอนที่ยังร้อน เซเลนลุกขึ้นยืนและคว้านกหวีดไม้ที่แขวนไว้บนผนังใกล้ๆมาเป่าในทันที มันเป็นของแบบเดียวกับที่พวกเอลฟ์ใช้ตอนลาดตระเวนที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ และเมื่อเสียงใสๆดังสะท้อนไปกับท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง เอลฟ์สาว ซานา ก็ปรากฏตัวให้เห็นอยู่เบื้องล่าง

 

“ซานา ซานา!”

“ค่า มาแล้วค่า”

 

  ซานาขานรับอย่างรวดเร็วและกระโดดขึ้นมาตามต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว ที่ที่เซเลนอยู่ในตอนนี้ ใกล้กับยอดไม้ของต้นไม่ยักษ์ หมายความว่าเป็นความสูงที่ค่อนข้างมาก แต่ซานาก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องทุ่นแรงใดๆในการปีนป่าย และยังไม่ทันครบหนึ่งนาที ซานาก็ขึ้นมาก้มหัวทำความเคารพอยู่ต่อหน้าเซเลนแล้ว

 

“ท่านเซเลน มีอะไรให้รับใช้?”

“เกือบไปแล้ว”

“เอ๋?”

 

   เซเลนที่เห็นเอลฟ์สาวแสนสวยเข้าทาทักทาย ก้มหัวรอรับคำสั่ง จึงเผลอทำหน้าแปลกๆออกไป เพราะถูกห้อมล้อมไปด้วยสาวสวย แล้วยังถูกเสียงเพราะๆเรียกว่าท่านอีก แต่ซานาก็ไม่ได้รับรู้ถึงการลวนลามด้วยสายตานั้น เธอจึงยิ้มให้กับเซเลนที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดี

 

“อยากเจอ กี”

“กับหัวหน้า? ก็ได้อยู่หรอก… แต่มีเรื่องอะไร?”

“หลายอย่าง”

 

  ตอนนี้ซานาเข้าใจแล้วว่าเซเลนไม่ถนัดการอธิบาย เธอจึงตอบรับคำขอนี้และไม่ถามอะไรอีก

 

“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปตามมาให้ รอเดี๋ยวนะ”

“เดี่ยว! อุ้มไป!”

“ได้สิ”

 

  เซเลนพูดขณะยืนยกแขนทั้งสองข้าง ซานาหัวเราะเบาๆและยกตัวเธอขึ้นมา ถึงจะเป็นตัวตนอันเป็นที่รักของมังกร แต่เซเลนก็ยังเด็กอยู่มาก และต้องมาอยู่ในที่ที่ไม่มีมนุษย์คนอื่นอีก จะทำตัวออดอ้อนให้สมวัยก็เป็นเรื่องธรรมดา ซานาคิดเช่นนั้น

 

“หุหุ”

 

  ขณะนี้คือช่วงเวลาแห่งความสุขของเซเลนที่ได้ใกล้ชิดแนบแน่นอยู่ในอ้อมแขนทั้งๆที่ข้างในไม่ใช่เด็กแล้ว ทั้งที่จริง ในห้องพักของเซเลนนี้ก็มีทางขึ้นลงเป็นบันไดเอาไว้ให้ เธอจะไปขอเข้าพบกีดัวยตนเองเลยก็ทำได้ แต่เซเลนก็ยังอยากจะเรียกซานามาให้พาไปหากีอยู่ดี

 

“อือ โตได้ สุขภาพดี”

“อะไรเหรอ?”

 

   เซเลนอยู่ในท่าอุ้มเจ้าหญิงโดยซานา กำลังหมดมุ่นอยู่กับความรู้สึกในสิ่งที่สัมผัสกับเธออยู่ตอนนี้ ขนาดไม่ถึงกับใหญ่ แต่ก็มีคุณภาพสูง อ่อนนุ่มและยืดหยุ่นกำลังดี 

 

“คำชม”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก… แต่ก็ขอบคุณนะ”

 

   ซานาเกือบหลุดหัวเราะออกมาเพราะคำชมชมแปลกๆเหมือนคนแก่ที่ไม่เข้ากับรูปลักษณ์ของเซเลน ซานาเป็นเอลฟ์ร่างเล็กผอมบาง แต่ก็มีความสามารถในการใช้เวทย์มนต์ได้ดี ไม่ใช้เฉพาะซานาเท่านั้น แต่เอลฟ์ทั้งหมดเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอทางด้านกายภาพ จึงมีการใช้เวทย์มนต์เข้ามาเสริมเพื่อชดเชยในเรื่องนั้น ทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้น การอุ้มเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเซเลนขึ้นมาได้ง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องที่ถึงกับต้องชื่นชม

 

   แต่ที่เซเลนหมายถึง ย่อมไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสามารถอะไรนั่นอยู่แล้ว แต่เป็นหน้าอกของซานาต่างหาก ผู้เชี่ยวชาญหน้าอกอย่างเซเลนได้คาดคะเนว่ายังสามารถโตได้อีก จึงตัดสินคะแนนที่ A+ 

 

   หลังจากปล่อยให้ตัณหาควบคุมการกระทำมาตลอดทาง เซเลนก็ถูกพามาถึงสถานที่ที่กีอยู่ ที่รากของต้นไม่ยักษ์ใกล้กับบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านที่เคยมาครั้งที่แล้ว กีกำลังถือแท่งไม้หวดอากาศอยู่คนเดียว

 

“ทำอะไร? เล่นฟันดาบ?”

“เล่นฟันดาบอะไรล่ะน่ะ? ฝึกอยู่ต่างหาก ฝึกอยู่”

 

  เมื่อสังเกตเห็นเซเลนและซานา กีก็หยุดนิ่งอยู่พักหนึ่ง และเขาก็ไปนั่งลงที่รากไม้ใกล้ๆ ดื่มน้ำจากกระบอกที่เตรียมมา และเอาหม้อเหล็กบุบๆที่เรียกว่ามงกุฎมาครอบไว้บนหัว ซานาให้เวลากีในการเตรียมตัวให้เรียบร้อย จากนั้นจึงวางเซเลนลงให้ยืนบนพื้นและเริ่มส่งเสียงทัก

 

“ท่านเซเลนมีเรื่องอยากจะพูดกับนาย”

“หืม? เซเลนมีอะไรจะพูดกับผมเหรอ?”

“ทำไมไม่เรียกว่าท่านด้วยล่ะ! นี่คือนักบวชมังกรเชียวนะ!?”

“เซเลนเองก็ว่าไม่ว่าอะไรนี่นา ใช่ไหมล่ะ?”

“อือ”

 

   กียิ้มเหมือนได้รับชัยชนะ เซเลนก็พยักหน้าโดยที่ไม่ได้คิดอะไร ตอนที่เผชิญหน้ากับมังกร กีเรียกเซเลนด้วยชื่อเฉยๆตั้งหลายครั้ง ตัวเซเลนเองก็ปล่อยผ่าน ไม่สนใจ แต่ซานาบ่นอยู่ทุกครั้งว่าเป็นการเสียมารยาท ทั้งๆที่เซเลนดูเหมือนไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยแท้ๆ

 

“(ช่วยรักษาภาพลักษณ์ของคนที่เป็นผู้นำสิให้นะ เป็นเด็กที่อ่อนโยนจริงๆ)”

 

   ซานาซาบซึ้งกับความเอาใจใส่ของเซเลน ด้วยตำแหน่งของนักบวชมังกรแล้ว เซเลนสามารถออกคำสั่งที่แม้แต่กีก็ยังต้องเชื่อฟังโดยไม่ขัดขืน แต่เซเลนก็ไม่เคยทำเช่นนั้น แม้จะต่างเผ่าพันธุ์ แต่เด็กสาวชาวมนุษย์ผู้นี้ก็ไม่เคยใช้อำนาจให้ใครต้องฝืนใจทำเลย และยังให้เกียรติ์เผ่าพันธุ์ของเอลฟ์ผ่านกีที่เป็นตัวแทนอีกด้วย

 

  แต่เซเลนก็ไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น ก็แค่ไม่อยากให้คนที่ตัวเองไม่ชอบมาทำเป็นพูดสุภาพด้วยการเรียกว่าท่าน จึงปล่อยเอาไว้แบบนั้น

 

“แล้วนักบวชมังกรมีธุระอะไรกับผมล่ะ? ถ้าเรื่องส่งกลับดินแดนมนุษย์ก็ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองว่าจะไม่ให้มีแม้แต่รอยยุงกัด”

“ผิดแล้ว มากระชับมิตร*”

“ ไม้ศักดิ์สิทธิ์?* มันทำไมเหรอ?”

 

   กีหยิบท่อนไม้ที่วางพิงอยู่กับรากต้นไม้ยักษ์ขึ้นมาให้เซเลนดูใกล้ๆ มันดูเหมือนแท่งไม้ธรรมดาที่ถูกตัดมา เนื้อไม้สีขาว และยาวประมาณหนึ่งเมตร กียิ้มกว้างจนเห็นฟัน โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นความสับสนบนใบหน้าของเซเลน

 

“สายตาเฉียบแหลมใช้ได้เลยนี่นา มองออกด้วยว่านี้คือ ไม้ศักดิ์สิทธิ์”

 

  กีกวัดแกว่งแท่งไม้นั้นอย่างภาคภูมิใจ และแท่งไม้สีขาวนั้นก็เรื่องแสงสีฟ้าออกมา ทำให้ดูเหมือนแท่งไฟคอนเสิร์ตสีฟ้าอันใหญ่

 

“ ไม่น่าเชื่อว่ามีมนุษย์ที่รู้จักไม้ศักดิ์สิทธิ์ด้วย เป็นเพราะท่านเซเลนพิเศษกว่าคนอื่น หรือมนุษย์จะรู้เรื่องนี้กันอยู่แล้ว ?”

“ไม่ใช่!”

 

  ทั้งๆที่จะมากระชับมิตรแต่ออกนอกเรื่องจนกลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ นี่คือข้อเสียอันใหญ่หลวงของความสามารถในการสื่อสารของเซเลน อย่างไรก็ตาม ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่มันก็ทำให้กีร่าเริงขึ้นมา ดูเหมือนเขาจะมีความสุขมากเมื่อมีการพูดถึงแท่งไม้ที่เขาถืออยู่

 

“นั่นสินะ มนุษย์ทั่วไปไม่น่าจะรู้เกี่ยวกับ ไม้ศักดิ์สิทธิ์ของทางเราได้ เอาล่ะ! ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผู้ใช้ไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เก่งกาจที่สุดในหมู่เอลฟ์ ท่านกีคนนี้ จะสอนเกี่ยวกับไม้ศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นกรณีพิเศษเอง”

“นายน่ะ… จริงๆก็แค่อยากจะอวดภูมิเท่านั้นไม่ใช่เหรอ”

“ม-ไม่ใช่นะ! นี่คือ… ใช่แล้ว! การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมยังไงล่ะ! ผมไม่เหมือนพวกตาแก่หัวแข็งอย่างผู้ใหญ่บ้านรุ่นก่อนๆหรอกนะ ถึงเวลาที่เอลฟ์จะต้องออกจากป่าสีขาวไปเปิดหูเปิดตากับโลกภายนอกแล้ว อือ เป็นแบบนี้แหละ”

“เอาเถอะ”

 

   ซานาแค่พูดแหย่กีเล่นๆ และคำตอบที่ได้มาก็ดูเหมือนเขาเพิ่งจะคิดออกมาเองเดี๋ยวนั้น

 

“เอ่อ คือว่า”

“ก่อนอื่น ต้องรู้วิธีใช้ ไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกต้องก่อน! อย่างแรก…”

 

  ไม่มีจังหวะให้เซเลนได้แก้ไขความเข้าใจผิดเลย จึงต้องจำยอม เป็นนักเรียนในชั่วโมงเรียนวิชา ‘ ไม้ศักดิ์สิทธิ์’ ของอาจารย์กีไปทั้งอย่างงั้น

 

____________________

*しんぼく(ชินโบขุ) เขียนด้วยคันจิได้ทั้ง 親睦 และ 神木

ออกเสียงเหมือนกัน แต่ความหมายต่างกัน

親睦 = กระชับมิตร, สานสัมพันธ์ , ส่งเสริมมิตรภาพ

神木 = ไม้ศักดิ์สิทธิ์, ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset