[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ – ตอนที่ 5 ของถวาย

หลังจากหลบการบุกแบบวัวคลั่งของเด็กสาวราวกับมาทาดอร์แล้ว มิราโนะสามารถผ่านพ้นงานเลี้ยงอาหารค่ำ ช่วงบ่ายวันถัดมา มิราโนะก็พาคุมะฮาจิมาคุยกับชายคนหนึ่ง ผู้ชายตัวผอมที่ดูขี้กังวลคนนี้ ดูเหมือนจะเป็นนายกรับมนตรีของประเทศนี้

“สนุกกับงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อคืนไหมครับ? เป็นการต้อนรับที่สุดยอดที่สุดของประเทศเราเลยนะครับ”
“ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ท่านนายกรัฐมนตรี”

ก็ไม่ได้ตอบไปว่า สนุกจังเลย หรอก แต่นายกรัฐมนตรีก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ ถึงจะทำเรื่องสุภาพแบบนี้มาหลายครั้งแรกแต่ความรู้สึกที่ตัวเองต้องโกหกออกไปเนี่ยตอนนี้เองมิราโนะก็ยังไม่สามารถชินได้สักที

“หาอะไรมิได้ครับ ต่อไปก็มีของที่จะขอถวายให้องค์ชาย”

ในใจของมิราโนะคิดว่า”อีกแล้วเหรอ”แต่ก็ไม่แสดงสีหน้าออกมา เพราะว่าสิ่งนี้ก็เป็นไปตามที่คิดไว้แล้ว ตอนที่ไปยังประเทศต่างๆมิราโนะนั้นปฏิเสธพวกเด็กสาวมาตลอด แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถรับมือได้อยู่ มันคือ”ของถวาย”แบบนี้ การยั่วยวนคือดาบแรก ของขวัญหรูหราที่มอบให้องค์ชายอันดับหนึ่งแห่งราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ก็เป็นดาบที่สอง เพื่อการประจบสอพลอ 

สิ่งนี้เป็นปัญหายิ่งกว่าพวกเด็กสาวเสียอีก ถ้าปฏิเสธไม่ดีก็จะกลายเป็นการหักหน้าพวกเขา แย่ที่สุด ก็กลายเป็นการสร้างความไม่ลงรอยกันของประเทศ ถ้าเป็นคนพ่อที่มีพลังอำนาจอาจจะทำเรื่องตรงอย่าง”ไม่ต้องการ!”ออกไปก็ได้ แต่มิราโนะที่ยังเป็นแค่องค์ชายเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องบาดหมางแล้วก็เกือบจะรับมาแทบซะทุกอย่าง

แต่ว่าสัมภาระที่จะเก็บในรถม้าเล็กๆนั้นมีจำกัด ทุกครั้งที่รถม้ามีสมบัติเต็มทีก็ต้องกลับไปที่ประเทศแม่ที เพราะเหตุนั้นทำให้ความเร็วในการเดินทางช้าไปมาก ถือเป็นปัญหาที่ทำให้มิราโนะปวดหัวทีเดียว

“อาร์คุยล่าเป็นประเทศเล็กแต่ว่าก็เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ครับ ม้าที่โตที่นี่จะใช้ในการเกษตรหรือการสงครามก็ยอดเยี่ยมครับ หรือว่าขนกวางระดับสูงที่ทำเป็น…”

มิราโนะที่เบื่อกับคำเยินยอประเทศตัวเองวกไปวนมาเรื่อยๆนั้น ถึงจะคิดว่าเสียมารยาทแต่ก็ตัดบทสนทนาลงกลางคัน 

“ขอบคุณสำหรับของที่จะให้นะ แต่ว่ามีสถานที่ๆอยากจะไปดูน่ะ ช่วยนำทางไปที่นั่นให้หน่อยได้ไหม?”
“แน่นอนครับ ถาองค์ชายปรารถนาล่ะก็ต่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบไหนก็จะเตรียมการพาไปให้ได้ทั้งนั้นครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเร็วๆเถอะ คุมะฮาจิ มาด้วยกันสิ”
“รับบัญชา”

สถานที่ที่มิราโนะบอกนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นสถานที่ที่ไร้ความหมายอย่างชัดเจน เพราะมันคือโกดังที่ราวกับที่เก็บขยะที่มุมหนึ่งของพระราชวัง ทั้งๆที่ยังคงสงสัย แต่นายกรัฐมนตรีก็ได้แต่ต้องนำทางไป 

“คะ คือว่า องค์ชายมิราโนะ ที่นี่เป็นแค่โกดังธรรมดานะครับ?”
“โกดังธรรมดา เหรอ ไม่ใช่ว่า เก็บสมบัติที่ไม่น่าเชื่อเอาไว้ไม่ใช่หรือไง?”

พอพูดแบบนั้น หน้าของนายกรัฐมนตรีก็กระตุกอย่างแรง มิราโนะไม่ปล่อยมันผ่านไป  

“ไม่ครับไม่ครับ ตามที่เห็น เป็นสถานที่มืดๆสกปรกๆที่ไว้โยนของที่ไม่ต้องการน่ะครับ ไม่ใช่สถานที่ๆระดับองค์ชายมิราโนะจะเหยียบย่ำ…”
“บอกว่าที่ไหนก็ได้ไม่ใช่หรือ หรือว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องโกหกกันขอรับ?”
“ไม่ครับไม่ครับไม่ครับ! กับองค์ชายแห่งราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ผู้ทรงอำนาจแล้วมิอาจจะโกหกหรอกครับ!?”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาสินะ อยากให้ช่วยเปิดประตูเร็วๆหน่อยสิ”

นายกรัฐมนตรีที่โดนกดดันโดยลูกราชสีห์กับหมีหนุ่มก็ต้องสั่งชาวสวนอย่างเสียมิได้แล้วประตูทางเข้าก็ได้เปิดออก ข้างในนั้นมืดมิดไม่ผิดกับที่เห็นจากข้างนอก บรรยากาศเหม็นชื้อคละคลุ้งไปทั่ว มอราโนะกับคุมะฮาจิกระตุกคิ้วอย่างไม่พอใจ แล้วก็ขึ้นไปชั้นสองทั้งอย่างนั้น แล้วก็คาดเดาก้องจากตำแหน่งที่ค้นหาเมื่อคืน 

“(จริงๆด้วยสินะ…)”

มิราโนะพยักหน้า คุมะฮาจิก็พยักหน้าตอบเงียบๆ ส่วนลึกสุดของโกดังนั้นไม่ใช่ประตูไม้โกโรโกโสเหมือนห้องอื่นๆ เป็นประตูเหล็กที่ถูกสร้างอย่างแข็งแกร่ง 

“เป็นประตูที่ค่อนข่างทนทานเลยไม่ใช่เหรอ ประเทศนี้เพื่อที่เก็บขยะนี่ต้องใช้เงินขนาดนี้เลยเหรอ”
“เรื่องนั้น คือว่า ที่นี่เป็นห้องที่พิเศษน่ะครับ…”
“วิเศษยังไงล่ะ? อธิบายให้หน่อยได้ไหม”
“เรื่องนั้นผมไม่มีสิทธิหรอกครับ”
“เรื่องนั้นแปลกจังเลยนะขอรับบ ของระดับที่ท่านนายกรัฐมนตรีอธิบายไม่ได้ทำไมถึงถูกเก็บไว้ในกองขยะเหรอขอรับ?”

ด้วยการรุกต่อเนื่องของมิราโนะกับคุมะฮาจิทำให้นายกรัฐมนตรีมีเหงื่อเย็นๆไหลออกมาและตอบอะไรไม่ถูก ด่านหน้าก็มีเสือ ด้านหลังก็มีหมาป่าล้อมเอาไว้ พูดได้ว่าตอนนี้เขากำลังเผชิญสถานการณ์อย่างนั้น  

“ขอดูข้างในสักนิดจะได้ไหม?”
“เอ๊ะ?”
“ก็ถามว่าขอดูข้างในสักนิดจะได้ไหม ฉันคนนี้ องค์ชายอันดับหนึ่งแห่งเฮริฟาลเต้ มิราโนะ เฮริฟาลเต้”

มิราโนะตอบไปอย่างอวดตัวราวกับกำลังข่มขู่  เขานั้นก็ไม่ได้ชอบจะใช้อำนาจของตัวเองหรอก แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่ไปไหนสักที ต่อหน้าความต้องการขององค์ชายที่ข่มขู่ออกมา นายกรัฐมนตรีก็ได้แต่ต้องพยักหน้าเท่านั้น แล้วมิราโนะก็เอื้อมแขนไปที่มือ เปรี๊ยะ ก็มีดอกไม้ไฟที่ฟ้าขาวแตกออกมาราวกับจะขู่ มิราโนะก็เอาแขนกลับมาที่ตัว

“หืม ผนึกเหรอ”
“ผนึกด้วยเวทสินะขอรับ เท่าที่ข้าพเจ้าดูเป็นของระดับสมบัติของประเทศอาร์คุยล่าขอรับ”
“ใช่แล้วครับ นี่คือผนึกลวดลายครับ ตามที่ได้เห็นถูกทำไว้ให้มีเพียงผู้คนส่วนหนึ่งของประเทศอาร์คุยล่าที่เปิดได้เท่านั้นครับ เพราะฉะนั้นแล้ว…”

ก็มันเปิดไม่ได้ พอได้แล้วหรือยัง คำพูดของนายกรัฐมนตรีไม่ต่อเนื่องกัน

“คุมะฮาจิ”
“รับทราบ”

มิราโนะกระตุ้นคุมะฮาจิสั้นๆ คุมะฮาจิก็ไปยืนอยู่หน้าประตูเหล็กแล้วก็จับไปที่ทาชิที่เอว การพกอาวุธขณะที่เดินอยู่ในสวนของประเทศอื่นการพกอาวุธนั้นเป็นการเสียมารยาท แต่ถึงสำหรับมิราโนะจะไร้อาวุธแต่คุมะฮาจิที่ทำหน้าที่คุ้มกันแล้วการพกดาบนั้นได้รับอนุญาต 

“คะ คือว่า ท่านคุมะฮาจิ จะทำอะไร…”
“ถ้าไม่อยากหัวหลุดจากบ่าล่ะก็ ถอยห่างออกไปดีกว่านะ”

นายกรัฐมนตรีที่เข้าใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รีบกลิ้งออกจากประตู คุมะฮาจิก้มเอวลงไป แล้วปล่อยคาตานะที่ยังคงอยู่ในฟักฟาดออกมา

“คิเอออออออออ!!”

พร้อมกับเสียงตะโกนที่ราวกับเสียงร้องของนกยักษ์ดาบสีขาวเปล่งประกายก็ถูกปล่อยออกมา ความแข็งแกร่งของดาบนั้นสุดยอด เพียงแค่ลมที่เกิดจากการฟาดดาบกับจิตวิญญาณของคุมะฮาจิ ก็ทำเอานายกรัฐมนตรีหางจุกตูด

กิ๊ง หลังจากเสียงโลหะกระแทกกัน คุมะฮาจิก็กลับมาท่าเดิมอย่างสงบ 

“เป็นไงบ้าง?”
“เป็นผนึกที่บอบบางจริงนะขอรับ”

คุมะฮาจิยิ้มออกมาอย่างไร้เทียมทาน แล้วเก็บดาบเข้าฝัก แล้วราวกับนั่นเป็นการเหนี่ยวไกผนึกที่ประตูก็ปล่อยแสงจำนวนมากออกมา แสงกระพริบราวกับดอกไม้ไฟ  หมุนวนบิดเบี้ยว ค่อยดูดกลืนแสงเข้าไป แล้วก็เงียบลงโดยสมบูรณ์ 

“ตะ ตัดขาด!? กับประตูผนึก!?”
“ให้ถูกคือตัดลวดลายขอรับ”

นายกรัฐมนตรีที่ยังคงหางจุกตูดตะโกนออกมา คุมะฮาจิก็ตอบราวกับเป็นเรื่องธรรมดาๆ วิธีที่จะทำให้ศาสตร์เวทไร้ผลนั้นมีวิธีที่เป็นการตัดวงเวทที่เป็นลวดลายหรือผนึกที่ถูกสลักอยู่ทิ้ง ถ้าทำลายไปสักส่วนหนึ่งแล้วพลังเวทก็จะไหลออกมาราวกับกระติกน้ำที่เกิดรูรั่วจนกลายเป็นสิ่งของที่ใช้งานไม่ได้อีก

ถ้าให้พูดตามทฤษฎีก็คงไม่ง่ายนักการกระทำในตอนนี้ไม่ใช่การทำแบบห่ามๆ สสารที่มีพลังเวทอยู่นั้นรวมถึงผนึกนี่ความแข็งแรงจะถูกเพิ่มขึ้นไปหลายระดับ แถมไม่ใช่ไม้หรือกระดาษ แต่เป็นประตูเหล็ก ถ้าเป็นคนธรรมดาต่อให้ฟาดดาบลงไปก็ไม่สามารถทำได้แม่แต่รอยขีดข่วน กลับกันตัวดาบก็คงแตกเป็นแทน 

ดาบอันคมกริบจากต่างแดน พลังแขนของหมีที่ปล่อยออกมาจากกล้ามแขนได้รูป ยิ่งกว่านั้น ด้วยกระบวนท่าที่เรียกว่าอิไอเพราะเป็นคุมะฮาจิที่ผสมผสานทั้งหมดนั้นเข้าไว้ด้วยกันจึงสามารถทำได้ในทางกายภาพ ต่อให้มีของที่แข็งจนคนธรรมดาเคี้ยวไม่เข้าแค่ไหนเขาก็สามารถตัดได้ง่ายๆด้วยท่วงท่าแบบเดิม

“เอาล่ะ กุญแจก็ปลดแล้ว เข้าไปสำรวจข้างในกันเถอะ”

โดยเมินนายกรัฐมนตรีที่ยังก้นจ้ำเบ้า มิราโนะก็เปิดประตูที่กลายเป็นประตูเหล็กธรรมดาเบาๆ แล้วก็หดหู่กับภาพที่เห็นตรงหน้า 

“ตามที่คาด ล่ะนะ”

ภายในสถานที่ที่เหมือนคุกที่ดันถูกเรียกว่าห้อง เด็กสาวที่ขาวบริสุทธิ์ไม่เหมาะกับที่แห่งนี้ก็กำลังนอนส่งเสียงหายใจออกมา พอหายใจไปเฮือกหนึ่ง คุมะฮาจิกับนายกรัฐในตรีก็เข้ามาในห้อง

“เอาล่ะ ท่านายกรัฐมนตรี นี่มันเรื่องอะไรกัน? เด็กคนนี้คือใครกันแน่?”
“คือว่า เด็กคนนั้นเป็นเด็กของขุนนางครับ แล้วก็ไปแกล้งอะไรนิดหน่อย…”
“ถึงจะไปแกล้งใครเข้าก็เถอะแต่คิดว่าการทำแบบนี้มันเกินไปนิดหน่อยนะ แบบนี้มันเหมือนกับนักโทษเลยไม่ใช่เหรอ”
“มะ ไม่ใช่แค่แกล้งเฉยๆหรอกครับ เด็กคนนั้นร่างกายอ่อนแอนิดหน่อย เลยต้องรักษาแบบนี้…”
“ร่างกายอ่อนแอ เหรอ”

มิราโนะนึกถึงการวิ่งไล่ตามเมื่อคืน การที่จะมีคนไข้ที่แข็งแรงขนาดนั้นอยู่ ก็ทำเอารู้สึกขุ่นเคืองในคำแก้ตัวของนายกรัฐมนตรี

“รักษาในสถานที่แบบนี้เหรอขอรับ เป็นห้องรักษาที่ค่อนข้างเหม็นอับแถมลมผ่านไม่ค่อยดีเลยนะขอรับ”

คุมะฮาจิก็คิดแบบเดียวกันสินะ เลยพูดจาออกไปด้วยน้ำเสียงเสียดสี แล้วก็ส่งเสียงออกมาจากกำบังดาบดังกิ๊ง  เพียงเท่านี้ก็ทำเอานายกรัฐมนตรีขี้ขลาดสับสนขึ้นมา แล้วพูดเรื่องทั้งหมดออกมา สำหรับนายกรัฐมนตรีของประเทศหนึ่งแล้วคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร แต่ว่าก่อนหน้านี้เขาที่เจอกับพลังการรบอันล้นหลามรวมกับความต้องการขององค์ชายจากมหาอำนาจแล้ว สำหรับนายกรัฐมนตรีพวกเขานั้นน่ากลัวยิ่งกว่าการทำให้องค์ราชินีของประเทศนี้โกรธมาก  

แล้วก็เรื่องราวการเลี้ยงดูเซเลเน่จนถึงกลายเป็นสถานการณ์อย่างนี้ก็จบลง มิราโนะก็รู้สึกโกรธขึ้นมาจนทนไม่ได้

“เจ้าหญิงเซเลเน่ องค์หญิงลำดับที่สองแห่งราชอาณาจักรอาร์คุยล่างั้นเหรอ…”
“เด็กสาวคนนี้ก็เหมือนกับภูติหิมะจริงๆขอรับ เรื่องที่ภายในมีอะไรแปลกๆก็เข้าใจดีอยู่ เพียงแต่ว่าแค่ปัดสิ่งผิดปกติทิ้งไปมันแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือไงกัน”

คุมะฮาจิก็รู้สึกแบบเดียวกับมิราโนะ ใบหน้าบูดบึ้ง พูดสบถออกมา หลักธรรมของเฮริฟาลเต้นั้นมีข้อที่บอกว่า”จงรับสิ่งที่ผิดปกติให้ถึงที่สุด”อยู่ การที่ประเทศมหาอำนาจจะเป็นมหาอำนาจอยู่ได้ ไม่ใช่แค่มีพื้นที่กว้างขวาง หรือของง่ายๆอย่างมีกำลังทหารอยู่ก็พอ  

เพื่อที่จะขับเคลื่อนสิ่งใหญ่ๆได้ ทั้งฟันเฟืองใหญ่และฟันเฟืองเล็กจำเป็นต้องทำงานเข้ากันอย่างแน่นหนา เรื่องนั้นพ่อของมิราโนะนั้นเข้าใจดี ความเป็นจริง ถ้าไม่อาจจะเข้าถึงความคิดนั้นได้ล่ะก็มิราโนะก็คงจะมาเป็นเพื่อนกับคุมะฮาจิที่เป็นคนต่างประเทศได้หรอก  

“เรื่องจะปล่อยเด็กคนนี้ทำไม่ได้เหรอ?”
“เรื่องนั้นไม่ได้หรอกครับ!”

มิราโนะจ้องมองอย่างอารมณ์เสีย นายกรัฐมนตรีก็ตอบกลับไปทั้งๆที่ตัวสั่นอยู่ มิราโนะก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเป็นพิเศษก็เลยไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ถึงเขาจะกดดันให้ปล่อยองค์หญิงออกไปก็คิดว่ามีความเป็นไปได้ต่ำที่สาวน้อยคนนี้จะมีความสุขได้ ภายในสายตาดูถูกราวกับน้ำแข็งนั้น  สำหรับจิตใจของสาวน้อยบอบบางแบบนี้ที่ต้องใช้ชีวิตโดยพึ่งพาแค่องค์หญิงอัลเลเท่านั้นมันโหดร้ายเกินไป 

แต่อีกทางหนึ่ง ศูนย์กลางของบทสนทนา เซเรเน่ผู้ที่จิตใจบอบบางนั้นก็นอนหลับปุ๋ยโดยไม่ได้รู้สึกถึงพวกเขาเลย

เมื่อวาน เพราะมัวแต่คิดเรื่องพี่สาวก็เลยไม่ได้กินข้าวแถมยังต้องวิ่งหนีเลยทำให้แรงหมด หลังจากนั้น ก็ไม่สามารถลืมความรู้สึกนุ่มนิ่มของอัลเลที่ได้สัมผัสจนพอใจที่ไม่ได้ทำมานานก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับถึงเช้ามืด หลังจากอีเว้นท์แบบนั้นจบลงเซเลเน่ที่กำลังรู้สึกสบายใจ เธอก็ได้ขออาหารเช้าจำนวนมากแล้วก็กินเข้าไปรวดเดียว 

สรุปย่อๆก็คือเพราะเมื่อวานไม่ได้กินข้าวแถมตอนกลางคืนก็ยังไม่ได้นอน วันนี้ก็เลยกินส่วนของเมื่อวานเข้าไปเต็มอิ่ม พอท้องอิ่มแล้วก็เลยนอนกลางวัน

จนเซเลเน่นอนหายใจอย่างอ่อนโยนนั้น พ่อบ้านหนูก็ทำการเฝ้าที่หมอนโดยไม่ได้นอน พอหน้าที่ของตัวเองจบลงเพื่อคลายความเหนื่อยก็ลงไปที่รังผ้าใต้เตียงแล้วก็ขดตัวนอน 

มิราโนะที่เห็นเซเลเน่ที่หลับลึกอย่างหมดแรงก็คิดว่าเธอคงจะเหนื่อยมาก ไม่แปลกเลย ถ้าถูกกักขังในสถานที่แบบนี้ถ้าเป็นเด็กสาวปกติจิตใจคงรับไม่ได้แน่

“น่าสงสาร…”

มิราโนะลูบไปที่แก้มของเซเลเน่เบาๆราวกับจับแก้วที่ละเอียดอ่อน ที่มือของมิราโนะก็มีอุณหภูมิร่างกายอุ่นๆและมีชีวิตชีวาของเด็กๆแพร่ออกมา ภูติแห่งดวงจันทร์ที่ไม่สามารถสัมผัสได้เมื่อคืนก็กลายมาเป็นรูปร่างที่เข้าใจได้แล้วในใจของมิราโนะ ในเวลาเดียวกัน ในหัวของมิราโนะก็นึกถึงรูปร่างของเซเลเน่ที่ภาวนาอย่างจริงจังท่ามกลางแสงจันทร์ขึ้นมา 

――สาวน้อยคนนี้ กำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่ไม่ใช่เหรอ 

ในสภาพน่าสงสารอย่างนี้สาวน้อยไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย เพราะฉะนั้นตอนกลางคืนจึงต้องออกไปจากห้องไปสถานที่ที่ตัวเองสบายใจแล้วก็ภาวนาให้กับพระเจ้าไม่ใช่หรือ ความปรารถนาอันขมขื่นที่ส่งไปไม่ถึงใคร ตอนที่เห็นคราบน้ำตาแห้งๆบนหมอนของเซเลเน่มิราโนะก็คิดว่าความคิดของตัวเองนั้นไม่ได้ผิดพลาดเลยสินะ

มิราโนะหลับตาลง ตัวแข็งทื่อด้วยความลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วอยู่ๆก็หันไปหานายกรัฐมนตรี

“ท่านนายกรัฐมนตรี ของในโกดังนี้เป็น[ของที่ไม่ต้องการ]สินะ?”
“เอะ อะ ครับ…ก็ใช่อยู่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นขอรับเด็กคนนี้ไปในฐานะของถวายนะ”
“…ห๊ะ?”

นายกรัฐมนตรีไม่เข้าใจเรื่องที่พูดไปครู่หนึ่ง แต่พอทำความเข้าใจได้แล้ว ก็ทำสีหน้าราวกับเห็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อออกมา 

“[ของที่ไม่ต้องการ]มันก็ไม่มีผลอะไรกับการคลังของประเทศของคุณสักหน่อยนี่ แล้วฉันต้องการเด็กคนนี้ ก็ได้กำไรกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอไง มีปัญหาอะไรไหม?”

เสียงที่แฝงคำว่า”ถ้าไม่ฟังเรื่องที่ขอคงรู้สินะว่าจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ” มิราโนะเดินเข้าไปใกล้นายกรัฐมนตรีหนึ่งก้าว นายกรัฐมนตรีเหงื่อไหลทั่วตัวราวกับกบที่กำลังโดนงูจ้อง 

ที่นี่คือราชอาณาจักรอาร์คุยล่าไม่ใช่ราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้แต่อย่างใด ถึงจะบอกว่าเป็นองค์ชายแต่กับประเทศอื่นก็ไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำการเผด็จการ แต่ว่านั่นก็แค่เรื่องที่ควรจะเป็นเท่านั้น ถ้าเกิดทำให้ลูกราชสีห์ของมหาอำนาจโกรธล่ะก็จะโดนทำอะไรก็ไม่อาจจะจินตนาการได้  

“เรื่องการเจรจาฉันจะไปคุยเอง ก่อนอื่นอยากจะขอคุยโดยตรงกับองค์หญิงอัลเลหน่อย อาจจะเร็วไปหน่อย แต่อยากจะขอติดต่อกับองค์หญิงหน่อย จะได้ไหมนะ? ท่านนายกรัฐมนตรี”
“……..ครับ”

นายรัฐมนตรีตอบกลับมาด้วยเสียงขาดๆหายๆ แล้วก็ค่อยๆออกไปจากห้องของเซเลเน่ด้วยความอับอาย 

“องค์ชายเองก็ค่อนข้างพูดคุยไปแบบเอาแต่ใจนะขอรับ”
“ถ้าอย่างนั้นนายเองถ้ารู้เรื่องนี้เข้าแล้วจะบอกให้เงียบแล้วมองข้ามไปเหรอ?”
“นี่มันเป็นการกระทำของปีศาจเลยนะขอรับ ต่อให้พูดเหตุผลแบบไหนสาวน้อยก็ไม่สมควรที่จะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ทั้งนั้น ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ในประเทศของข้าพเจ้าล่ะก็คงถูกฆ่าล้างตระกูลไปแล้วขอรับ”

ตอนที่นายกรัฐมนตรีอยู่เลยต้องอดทนมันเอาไว้ คุมะฮาจินั้นกำลังรู้สึกโกรธเกรี้ยว เขาเลยพูดออกมาแบบนั้น

“หน้าอก…”

เซเลเน่พึมพำแบบนั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งสองจึงจ้องมองไปยังใบหน้าของสาวน้อยที่ยังคงนอนอยู่ 

“…ละเมอสินะขอรับ คงกำลังคิดถึงแม่อยู่กระมั้ง”
“แต่ว่าแม่คนนั้นกลับบอกว่าไม่ตองการเด็กคนนี้ล่ะนะ ตามจริงก็ควรจะปล่อยให้กลับไปอยู่กับแม่มากกว่าแต่ว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรอยู่แน่ ให้ตายสิ เป็นเรื่องที่จะทานทนจริงๆ”

องค์ชายไม่มีที่ๆจะให้ระบายความโกรธ จึงแหงนหน้าถอนหายใจใส่เพดานเตี้ยๆออกไป

ในความฝันของเซเลเน่นั้นกำลังเมาไปกับสัมผัสหน้าอกของพี่สาว เรื่องที่ความจริงที่เหมือนฝันซะยิ่งกว่าฝันนั้นมาถึง เรื่องนั้นแม้แต่ฝันยังไม่คิดเลย 

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset