ตอนพิเศษ 07
เซเลนแห่งโลกกระจก (ตอน3)
“อื่ม… แบบนี้ไม่ดีแน่”
ในห้องของเซเลนตอนนี้ มีมิลานที่ดูเคร่งเครียด มารียังสับสน และเซเลนสองคนนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้างกันบนเตียง
“นี่ เซเลน ที่เคยสัญญากันไว้ล่ะ? จำได้ไหม?”
“เพื่อนกัน ตลอดไป / เพื่อนกัน ตลอดไป”
คำตอบของเซเลนและริรินประสานเสียงกัน ทั้งมิลานและมารีได้แต่ถอนหายใจ คำถามมากมายที่มีแต่เซเลนเท่านั้นที่ตอบได้ก็ถูกถามไปจนหมดแล้ว แต่ทั้งสองก็ให้คำตอบเดียวกัน พูดออกมาพร้อมกันตลอด จึงยังตัดสินไม่ได้สักที
“(เฮ้อ เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้ว)”
เพราะเซเลนยังใจเย็นอยู่ได้ ริรินจึงยิ่งรู้สึกร้อนรนในใจ เธอเฝ้ารอให้เซเลนลุกขึ้นตะโกนว่า ‘ฉันนี่แหละ ตัวจริง!’ หากทางนั้นหมดความอดทนเมื่อไหร่ ก็จะหาช่องว่างโต้กลับได้ แต่ยิ่งรอก็ยิ่งดูเหมือนจะหมดหวัง
“(สมแล้วที่สร้างวีรกรรมระดับประเทศได้ตั้งแต่อายุแปดขวบ จิตใจของเด็กคนนี้เข้มแข็งเหลือเกิน)”
เพราะตัวจริงคือตัวจริง เพียงแค่ตระหนักไว้ว่าตนเองคือใคร ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล อาจฟังดูเป็นเรื่องง่าย แต่จะรักษาสติอารมณ์ในเวลาเช่นนี้ก็ทำได้ยาก เด็กน้อยคนนี้ แม้ตัวตนจะถูกขโมย แต่ก็ยังวางตัวเป็นเจ้าหญิงผู้สูงส่งได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
ในความจริงแล้ว เซเลนไม่ได้คิดอะไรเลย ความคิดของเซเลนยังอยู่ในตอนที่ริรินชวนเธอไปเที่ยวชมโลกกระจก และยังคิดด้วยว่า ริรินที่ดูเหมือนตนเองอย่างกับฝาแฝดนั้น ดูดูไปก็น่ารักดี
ดังนั้น เซเลนแค่นั่งตอบคำถามไปเรื่อยๆ โดยที่ริรินกำลังจะเป็นฝ่ายที่หมดความอดทนแทน
“(ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ คงต้องเอาจริงแล้ว…)”
ริรินที่คิดเองเออเองจนร้อนรนอยู่คนเดียว ตอนนี้เธอได้แต่ทำการขุดคุ้ยความทรงจำภายในจิตวิญญาณของเซเลนที่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อตอบคำถามให้ได้พร้อมกัน
การคัดลอกตัวตนของริรินนั้น จะทำได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนดั่งเงาสะท้อนในกระจก ซึ่งไม่เคยผิดพลาดเลยสักครั้ง อย่างไรก็ตาม หากถูกกดดันอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โอกาสจะเผยพิรุธออกมาเองก็มากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ริรินจึงต้องรีบเอาจริงในตอนนี้
ยอมใช้พลังเวทจำนวนมากที่เก็บสะสมมา คัดลอกจิตวิญญาณของเซเลนในส่วนที่ลึกที่สุด สมบูรณ์ที่สุด เพื่อนำมาสวมไว้ให้ตนเองกลายเป็นตัวจริงอีกคน หากทำถึงขั้นนั้น เธอมั่นใจว่าจะทำตัวให้เหนือกว่าเด็กสิบขวบได้แน่ และริรินก็ทำการสวมวิญญาณของเซเลนที่คัดลอกมาในทันที
――ทันใดนั้น เบื้องหน้าของทุกคน ปรากฏเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาไม่น่าไว้ใจ ไม่รู้ที่มาที่ไป นั่งอยู่ข้างๆเซเลน
“อะไรเนี่ย!?”
มารีตกใจเข้าไปเกาะมิลาน เพียงแค่พริบตา เด็กสาวสีขาวผู้งดงามปานเทพธิดา เปลี่ยนไปเป็นชายแก่ลงพุง ไม่หลงเหลือเค้าเดิม
“เหวอ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!?”
คนที่ตกใจมากที่สุดไม่ใช่มารี แต่เป็นตัวริรินเอง เธอไม่เข้าใจว่าตัวเธอกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร การสวมวิญญาณน่าจะทำให้เธอกลายเป็นเซเลนทั้งร่างกายและจิตใจ แต่กลับกลายเป็นบุคคลน่าสงสัยที่ไม่ว่าใครก็อยากจะถอยห่าง
ยิ่งไปกว่านั้น จิตใจหยาบกร้านกับอารมณ์แปรปรวนของชายแก่ปริศนาผู้นี้ยังฉุดดึงจิตใจของริรินจนไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้
“เธอ ‘สะท้อนคำสาป’ ได้ด้วยเหรอ!?”
“หืม?”
ริรินในร่างชายแก่หันมาหาเซเลน แต่เซเลนก็ได้แต่เอียงคอสงสัย ในโลกยังมีเวทมนตร์สำหรับต่อต้านคำสาป และการที่ทำให้คำสาปย้อนกลับหาตัวผู้ใช้ในรูปแบบที่รุนแรงกว่าได้ มันคือเวทมนตร์ที่มีระดับสูงมาก
อีกเช่นเคย ที่ความจริงเซเลนไม่สามารถทำเรื่องพวกนั้นได้ ชายวัยกลางคนขี้โวยวายตรงนั้นคือจิตวิญญาณที่แท้จริงของเซเลน หากคัดลอกวิญญาณของเธอ ก็จะได้วิญญาณของชายวัยกลางคน เมื่อนำไปสวมทับ ก็จะเป็นอย่างที่เห็น
“เจ้าปีศาจ! ตัวจริงของแกถูกเปิดเผยแล้ว! ถอยออกมาจากเซเลนซะ!”
บัดนี้ ชัดเจนแล้วว่าใครคือตัวปลอม มิลานข่มขู่เสียงดัง และดูเหมือริรินพยายามเข้าไปจับตัวเซเลน ซึ่งมิลานไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นแน่ และทางด้านของริริน มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดเกิดขึ้นกับเธออย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน เธอจึงไม่สามารถคิดอะไรได้อีก
“เปล่านะ ไม่ใช่! ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้น!”
“เงียบซะ! สิ่งชั่วร้ายที่คิดปลอมตัวเป็นเซเลน ผมจะไม่ปล่อยให้ก่อเรื่องอะไรได้อีก!”
ก่อนหน้านี้ที่เซเลนเสียชีวิตจากเหตุการณ์แมลงดับแสงสุริยา มิลานจะพกดาบติดตัวไว้เสมอ เพื่อปกป้องเซเลนและตัวเขาเอง และดาบเล่มนั้นกำลังจะได้ถูกใช้งานตามหน้าที่ของมันแล้ว
“อย่า!”
ก่อนที่มิลานจะเหวี่ยงดาบไปที่ริริน เซเลนก็ได้ลุกขึ้นมาขวางไว้ แม้แต่มิลานยังประหลาดใจที่เห็นเซเลนต่อต้านอย่างจริงจังได้ขนาดนี้
“เซเลนครับ ปีศาจตนนี้ปลอมตัวเป็นเซเลน จะออกไปทำเรื่องเลวร้ายอะไรบ้างก็ไม่รู้ ปล่อยเอาไว้ไม่ดีแน่ครับ”
“ไม่จริง! ริริน ไม่ผิด!”
เซเลนเถียงมิลานอย่างแข็งกร้าว เพราะเซเลนได้เห็นในโลกกระจก คนที่กำลังจะออกไปทำเรื่องเลวร้ายคือมิลานต่างหาก และที่สำคัญ เซเลนไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองตกเป็นเหยื่อและไม่รู้สึกว่าถูกขังแม้แต่น้อย เพราะในตอนนั้น ริรินทำการป้องกันโดยกำหนดเป้าหมายเป็นเด็กสาวอายุสิบขวบ ไม่ได้คำนวณถึงชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างในที่เคยข้ามโลกมาแล้ว เธอจึงผ่านกระจกกลับออกมาได้โดยมีการต่อต้านเบาบาง
เหนือสิ่งอื่นใด เซเลนก็เป็นอดีตชายวัยกลางคนคนหนึ่ง จึงเห็นใจคนประเภทเดียวกัน ย่อมไม่ทอดทิ้งริรินซึ่งตอนนี้เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาคุ้นๆและกำลังถูกกลั่นแกล้งต่อหน้า ต่อให้เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาไม่หน้าคบแต่ก็มีหัวใจเหมือนกัน
“ฉันไม่ใช่ปีศาจ! ฉันก็แค่ อยากเป็นเจ้าหญิงบ้างเท่านั้น!”
เมื่อเซเลนหันกลับมา ก็พบกับเด็กสาวตัวน้อย อายุราวๆห้าขวบ ดวงตากลมโตดูมีชีวิตชีวา นั่งอยู่แทนที่ชายวัยกลางคน อาจจะเป็นรูปร่างดั้งเดิมของริริน
“ท่านพี่ อย่าให้มันหลอกนะคะ! ก่อนหน้านี้มันก็ปลอมตัวเป็นเซเลนมาหลอกพวกเรา!”
เพื่อนสนิทของตน เซเลน ถูกคนอื่นสวมรอย มารีย่อมโกรธเป็นธรรมดา เซเลนอาจถูกคนแปลกหน้าแทนที่โดยสมบูรณ์ ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ
“เซเลน ถึงมันจะดูเหมือนมนุษย์ แต่ก็เป็นปีศาจอันตรายนะครับ”
“ไม่ใช่!”
ในสถานการณ์ตึงเครียด เซเลนเข้ากอดริรินในร่างของเด็กสาวตัวเล็กๆ ความตั้งใจของเซเลนในการปกป้องริรินมีมากขึ้น เปลี่ยนจากความเห็นใจคนประเภทเดียวกันถูกรังแก เป็นการช่วยเหลือโลลิน่ารัก
“เซเลน… ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้…”
ในตอนที่ถูกเจ้าหญิงเอนเต้กลั่นแกล้งก็ด้วย เด็กคนนี้ก็ไม่เคยคิดแค้นใครเลยสักครั้ง มิลานไม่สามารถจินตนาการถึงความอ่อนโยนอันไร้ของเขตของเซเลนได้
“…วังวนแห่งความแค้น จะต้องถูกหยุดเอาไว้ตรงนี้””
ในอดีต มิลานเคยตัดสินใจเรื่องสำคัญด้วยความคิดเช่นนี้ เป็นผลให้เจ้าหญิงเอนเต้ ตัวการที่ทำให้เซเลนต้องตาย ได้รับการละเว้นโทษประหารก็เพราะเขาขอเอาไว้
เซเลนเองก็เช่นกัน ในใจลึกๆอาจจะเกลียดกลัวสิ่งที่ริรินทำกับเธอ แต่ก็ยังให้อภัยและให้โอกาสกลับใจ เป็นการกระทำที่สมเป็นผู้ที่ถูกยกย่องว่านักบุญ
“ริริน…สินะ? เธอคืออะไร และทำไมต้องปลอมตัวเป็นเซเลน? กรุณาตอบมาตามจริงด้วยครับ”
มิลานเก็บดาบไปแล้ว แต่ความหวาดกลัวของริรินยังไม่จางหาย เธอเล่าทุกอย่างให้ฟัง ตั้งแต่เรื่องที่เธอเป็นภูติกระจก และเคยขโมยตัวตนมนุษย์คนอื่นออกมาใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานแล้วหลายครั้ง และคราวนี้ เธออยากเป็นหญิงผู้งดงาม เพียงชั่วคราวก็พอใจแล้ว
“หรือก็คือ เธอไม่คิดกำจัดเซเลนเพื่อแทนที่ใช่ไหมครับ?”
“ใช่แล้ว หลังจากได้เล่นจนพอใจก็จะคืนตัวจริงให้และกลับไปสู่สภาพเดิม จริงๆนะ”
ริรินประสานมืออ้อนวอนกับมิลาน พยายามพูดให้เข้าใจว่า เธอแค่อยากลองใช้ชีวิตเป็นเจ้าหญิงช่วงสั้นๆเท่านั้น ปรกติเธอก็เบื่อการเล่นสวมรอยแบบนี้ในเวลาไม่นานอยู่แล้ว
ในที่สุด มิลานถอนหายใจและพูดกับริรินที่ตอนนี้ทั้งรูปร่างและนิสัยไม่ต่างจากเด็กสาวคนหนึ่ง
“ครั้งนี้ เห็นแก่เซเลน เพราะฉะนั้นจะไม่จัดการขั้นเด็ดขาด แน่นอนว่าไม่มีครั้งที่สอง และต่อให้เธอมีลูกเล่นอีกมากแค่ไหน ผมก็มีคนรู้จักเป็นเผ่าเอลฟ์ที่เชี่ยวชาญเวทมนตร์ พวกเขาจะจัดการกับเธอได้แน่ เข้าใจแล้วนะครับ?”
“เอลฟ์!? มีคนแบบนั้นอยู่ด้วยหรือคะ!?”
“พวกเพื่อนๆของเซเลนน่ะ ไม่ว่าเธอจะเล่นละครอะไรอีก พวกเขาจะมองออกทันที”
ริรินลูบหน้าอกโล่งใจ ความคิดของมิลานนั้นถูกต้อง เวทมนตร์ของเธอมีไว้ตบตามนุษย์ แต่สำหรับเผ่าพันธุ์ที่มีความเข้ากันได้กับเวทมนตร์สูง อ่านกระแสของพลังเวทได้ ไม่สามารถถูกหลอกด้วยวิธีนี้
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไม่หลอกอะไรพวกคุณอีกแล้ว และจะกลับไปเป็นกระจกตามเดิม”
“เข้าใจก็ดีแล้วครับ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง… ผมไม่คิดจะขายกระจกออกสู่ตลาดอีกครั้ง และไม่อยากเก็บไว้ในห้องเก็บของทั่วไป เพราะฉะนั้น กระจกจะถูกเก็บไว้ในคลังสมบัติภายในปราสาทแห่งนี้ เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังดีกว่าถูกเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ การถูกปฏิบัติระดับเดียวกับสมบัติราชวงศ์ เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ”
ต้นกำเนิดของเธอคือกระจก การถูกใช้งานหรือดูแลรักษาอย่างดีในฐานะเครื่องเรือนก็ทำให้เธอมีความสุขได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ริรินจึงรู้สึกดีใจจนยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าเธอกำลังจะถูกรวมเข้ากับสมบัติระดับชาติอื่นๆในคลังสมบัติเฮลิฟลาเต้
“ถ้าอย่างนั้นก็คลีคลายแล้วสินะคะ ดีจังที่เรื่องนี้จบได้ด้วยดี”
“ยังไม่จบครับ”
มารีที่ลุ้นอยู่ตลอดก็ได้พูดออกมาบ้าง แต่มิลานก็ตอบกลับไปเช่นนั้น
“ตั้งแต่แรก ก็เพราะเธอเอาของแปลกๆไม่รู้ประวัติเข้ามาในปราสาท คงต้องอบรมเรื่องนี้สักหน่อย”
“ก็มัน… ดูสวยมากเลยนี่นา!”
“ใช่เป็นข้ออ้างไม่ได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ตามมาที่ห้องด้วยครับ”
“เอ่อ… สำนึกผิดแล้วค่ะ”
ไม่ว่าจะอ้างอย่างไรก็ไม่อาจรอดจากการถูกมิลานเทศนาไปได้ มารีไหล่ตกยอมรับชะตากรรม ระหว่างนี้ มิลานออกไปเรียกคนรับใช้เพื่อเคลื่อนย้ายกระจกของริรินไปเก็บไว้ที่คลังสมบัติ
ริรินยืนจับบานกระจก กำลังจะกลับเข้าไปตามที่ถูกสั่ง แต่ก่อนหน้านั้น เธอหันไปถามเซเลนอีกครั้ง
“นี่ ทำไมเซเลนถึงต้องทำเพื่อฉันขนาดนี้ด้วย?”
แค่ทำลายร่างริรินให้กลับไปเป็นกระจกตามเดิม เป็นเรื่องง่ายๆและยังแก้ปัญหาได้ดี แต่เด็กสาวคนนี้ถึงกับเอาตัวเข้าแลกเพื่อไม่ให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น
“เพราะน่ารัก”
คำตอบนั้นง่ายมาก ทีแรกก็คิดว่า คนประเภทเดียวกันต้องช่วยกันเป็นธรรมดา และไม่อยากปล่อยให้มิลานรังแกคนอื่นตามอำเภอใจ ส่วนตอนนี้ ก็เพราะการปกป้องสาวน้อยน่ารักคือหน้าที่ของเธออยู่แล้วยังไงล่ะ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
“ช่วยเพราะน่ารัก เหตุผลแค่นี่… อุหุหุ! เธอนี่แปลกคนจริงๆ!”
ริรินหัวเราะออกมา เพราะรู้อยู่แล้วว่าคำตอบ ‘เพราะน่ารัก’ เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เด็กคนนี้ช่วยเหลือทุกคนด้วยความปรารถนาดีอันบริสุทธิ์ที่ไม่ต้องการเหตุผล เธอถึงได้เป็นเจ้าหญิงแสงจันทร์ที่ทุกคนรัก
ทางด้านของเซเลน แค่เห็นว่า ‘น่ารัก’ ก็บอกเหตุผลไปตรงๆว่า ‘เพราะน่ารัก’ โดยไม่อ้อมค้อม
“เข้าใจแล้ว เธอนี่ก็ตลกดีนะ ถ้าเป็นไปได้ก็มาเยี่ยมฉันบ้างได้ไหม? จะมากับพวกเพื่อนๆของเธอด้วยก็ได้ ฉันจะไม่ทำอะไรแบบนี้แล้วล่ะ”
“ได้ จะไปหา แน่นอน”
ถูกภูติโลลิน่ารักชวน เซเลนไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ริรินที่พูดออกมาเองยังแปลกใจที่ยอมตกลงกันง่ายขนาดนี้ เธอจึงยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ขอโทษที่หลอกเธอ ถ้าได้เจอกันในสถานการณ์ที่ปรกติกว่านี้ก็อยากจะเป็นเพื่อนด้วย แล้วเจอกันนะ”
ริรินพูดขณะเคลื่อนตัวเข้าไปในบานกระจก และแล้ว ‘กระจกซึ่งมีภูติสถิตอยู่’ ริริน ก็ถูกเพิ่มเข้าไปในรายการสมบัติในคลังของเฮลิฟลาเต้
[“องค์หญิง ขออภัยที่มาช้า เหตุวุ่นวายเมื่อครู่นี้ เกิดอะไรขึ้นครับ?”]
ในตอนที่กระจกถูกย้ายออกไปพ้นประตูห้อง บัตเลอร์กลับมาหาเซเลนจากทางหน้าต่างหลังจากออกตรวจตราภายในปราสาท แต่เซเลนก็ได้แต่เหม่อลอยโดยไม่ตอบสนองเสียงเรียกของบัตเลอร์
“…หลอก?”
ขอโทษที่หลอก คำพูดสุดท้ายของริริน เซเลนเอียงคอสงสัยถึงความหมายของมัน ไม่รู้ว่าถูกหลอกเรื่องอะไรและตอนไหน เกิดเรื่องหลายอย่างจนตามไม่ทัน เธอจึงยอมแพ้และกลับไปนอนต่อโดยไม่คิดอะไรอีก