[นิยายแปล] Hell mode – ตอนที่ 102 ประวัติศาสตร์จอมมาร 2

บทที่ 102 ประวัติศาสตร์จอมมาร 2

            เรื่องราวประวัติศาสตร์จอมมารของอาจารย์สอนเวทมนตร์ยังดำเนินต่อไป

            “กองทัพจอมมารที่ทำลายราชอาณาจักรลาสตูรีเข้าปะทะชายแดนของจักรวรรดิเกียมูทเมื่อ 57 ปีก่อน”

            ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำของทวีปกลาง ประเทศมหาอำนาจที่ปกครองทวีปถึง 2 ใน 3 เริ่มต่อสู้กับกองทัพจอมมาร จักรวรรดิที่รู้ถึงสภาพของราชอาณาจักรลาสตูรีเลยตอบโต้สุดกำลัง

            “จักรวรรดิหยุดยั้งการรุกรานของกองทัพจอมมารได้สินะครับ”

            แผนที่ปัจจุบันตรงชายแดนส่วนบนของจักรวรรดิได้จัดวางกองกำลังเอาไว้อยู่ แล้วเท่าที่ดูแผนที่จักรวรรดิยังคงปกป้องชายแดนของตัวเอง ทำให้อเลนคิดว่าถ้ายังมีจักรวรรดิอยู่ ประเทศที่อเลนอยู่ก็จะปลอดภัย

            “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก จักรวรรดิแพ้แล้วแพ้อีก ถึงจะไม่เท่ากับ 4 ประเทศที่ล่มสลายไป แต่ถือเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากและสูญเสียป้อมปราการไป แค่ทำให้การรุกรานของกองทัพจอมมารช้าลงได้ก็เต็มกลืนแล้ว สิ่งนั้นก่อให้เกิด ‘พันธมิตร 5 ทวีป’ ขึ้นมาไง”

            “พันธมิตร 5 ทวีป?”

            เนื่องจากลงความเห็นว่าอำนาจของกองทัพจอมมารนั้นยิ่งใหญ่มาก จักรพรรดิของจักรวรรดิเกียมูทเลยตัดสินใจอย่างรวดเร็ว รอบทวีปกลางหากไม่นับทวีปที่จอมมารถือกำเนิดแล้วก็มีทั้งหมด 4 ทวีป โดยขอให้ผู้นำของ 4 ทวีปนั้นมาร่วมต่อสู้

            พันธมิตรนั้นยังคงส่งผลอยู่ซึ่งถูกเรียกว่า “พันธมิตร 5 ทวีป” 

            “จอมมารอาจจะคิดตื้นเขินเกินไป  ทำให้ก่อความผิดพลาดใหญ่หลวง 1 อย่าง นั่นคือไม่ได้รุกรานทวีปกลางอย่างเดียว แต่ไปรุกรานจักรวรรดิบาวกีส กับโรเซนเฮมพร้อมกันด้วย”

            ได้รับการสอนเรื่องของแต่ละทวีป ทวีปที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือมีขนาดใหญ่เป็นครึ่งหนึ่งของทวีปกลาง ส่วนทวีปที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือใหญ่เป็น 1 ใน 3 ของทวีปกลาง

            จักรวรรดิบาวกีสอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปกลางเป็นประเทศที่ปกครองโดนคนแคระ ว่ากันว่ากองกำลังทหารเหนือกว่าของจักรวรรดิเกียมูท มีทหารโกเลมที่ขนาดใหญ่กว่าเรือเหาะเวทมนตร์อยู่หลายหมื่นตัว เรือเหาะเวทมนตร์ทั้งหมดผลิตที่จักรวรรดิเกียมูท อุปกรณ์เวทมนตร์ที่ราชอาณาจักรใช้  60%  ถูกผลิตที่จักรวรรดิบาวกีส

            ส่วนโรเซนเฮมที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปกลางเป็นประเทศที่ปกครองโดยเอลฟ์ ราชินีเอลฟ์ทำสัญญากับราชาภูตโรเซน เหล่าเอลฟ์ที่ยืมพลังของราชาภูตใช้เวทแห่งภูตอันทรงพลังต่อสู้กับกองทัพจอมมาร

            ราชาภูตโรเซนเป็นภูติแห่งทุกสรรพสิ่ง เป็นกึ่งเทพที่ก้าวข้ามเขตแดนของภูตไปแล้ว การคงอยู่นั้นจะบอกว่าเป็นหลักเหตุผลของพระเจ้าก็ว่าได้

            จอมมารโจมตี 3 ทวีปซึ่งรวมทวีปกลางพร้อมกัน เพราะอย่างนั้น ทำให้ทั้งผู้นำของทั้ง 3 ทวีปรู้ถึงอันตราย ทำให้การคุยเรื่องพันธมิตรคืบหน้าในทันที

            แล้วจึงเกิดเป็นสัญญาพันธมิตร 5 ทวีป ที่ให้ความร่วมมือกันเรื่องทหารและเสบียง

            “ถึงจะดีขึ้นมาหน่อย แต่ยังแพ้ต่อมาเรื่อยน่ะ”

            กองกำลังของทวีปกลางเพิ่มมากขึ้นจากพันธมิตร 5 ทวีป ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถหยุดยั้งการรุกรานของกองทัพจอมมารได้

            กองทัพจอมมารไม่ได้เป็นแค่สัตว์ธรรมดา มันโจมตีตรงจุดอ่อนของพันธมิตร หรือป้อมปราการที่อ่อนแอ ทะลวงตรงการประสานงานที่เป็นจุดอ่อนพันธมิตร 5 ทวีป

            “เป็นแผนการรบที่เลวร้ายสุดๆ”

            จากการพ่ายแพ้ต่อเนื่อง จักรวรรดิที่เป็นผู้นำของทวีปกลางได้สั่งให้ราชอาณาจักรราตาชูส่งทหารมา แน่นอนว่าราชอาณาจักรราตาชูเองก็อยู่ในประเทศที่สังกัดพันธมิตร 5 ทวีป ดังนั้นเลยขอให้ส่งอัศวินมาประจำการมากกว่าที่เคยเป็น

            ราชอาณาจักรราตาชูต้องทำตามสัญญา ราชวงศ์และขุนนางได้ส่งทหารไปจำนวนมากโดยไม่สนใจว่าจะมีพรสวรรค์หรือไม่

            จนถึงตอนนี้พื้นฐานของกองทัพเป็นการรวมตัวกันของผู้มีและไม่มีพรสวรรค์ ช่วงเวลานั้นต้องการใช้จำนวนในการต่อต้านกับกองทัพจอมมารที่มีจำนวนมาก เลยส่งทหารไปโดยไม่เกี่ยงว่าจะมีพรสวรรค์หรือไม่

            “กองทัพจอมมาร ประกอบไปด้วยมอนสเตอร์ตั้งแต่ระดับ B ขึ้นไป เพราะการร้องขอที่ไม่ไตร่ตรองของจักรวรรดิทำให้ราชวงศ์และขุนนางจำนวนมากต้องตาย”

            (มีระดับเดียวกับมาด้ากัลชูหลายล้านตัวเหรอ)

            กองทัพจอมมารหลายล้านตัว อย่างน้อยต้องเป็นมอนสเตอร์ระดับ B ส่วนมอนสเตอร์ระดับ A มีอยู่มากมาย แถมยังมีมอนสเตอร์ที่ทรงพลังยิ่งกว่านั้นอยู่ด้วย

            เหล่าขุนนางที่ไม่มีพรสวรรค์ส่วนใหญ่โดนกองทัพจอมมารกินและไม่ได้กลับมา แทบทุกคนที่ถูกส่งไปประจำการได้เสียชีวิตในสนามรบ

            (พ่อของบารอนเองน่าจะเสียชีวิตตอนนั้นสินะ)

            อเลนนึกถึงคำพูดของบารอนขึ้นมา บารอนบอกว่าเสียพ่อไปช่วงที่อายุเท่ากับตัวเอง ทำให้คิดตอบรับคำขอและไปต่อสู้กับกองทัพจอมมารจนเสียชีวิตลง

            “เพราะอย่างนั้น ทำให้เริ่มระบบ 1 ประเทศ 1 โรงเรียนไง”

            โลกที่มีเลเวล พลังส่วนตัวของเด็กที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ ถ้าชุบเลี้ยงอย่างเต็มที่จะเพิ่มขึ้นได้เป็นหลายเท่าหรือหลายสิบเท่า แล้วค่อยส่งไปสนามรบ เพราะมีจุดมุ่งหมายอย่างนั้น ทุกประเทศใน 5 ทวีปจำเป็นต้องก่อตั้งเมืองแห่งการศึกษาอย่างน้อย 1 แห่ง

            ราชอาณาจักรราตาชูมีดันเจี้ยนอยู่มากเหมาะแก่การฝึกฝนทำให้ถูกเลือกเป็นเมืองแห่งการศึกษา

            แล้วจากข้อตกลงพันธมิตร ทำให้อำนาจการปกครองเมืองแห่งการศึกษาของราชอาณาจักรราตาชูถูกยึด การมอบอำนาจการปกครองให้กับประเทศจะถือเป็นผลประโยชน์ของประเทศนั้นๆ ส่วนผู้ที่ทำหน้าคอยดูแลจะต้องทำตามความตั้งใจของพันธมิตร 5 ทวีป

            ผู้อำนวยการของเมืองแห่งการศึกษาจะเป็นไฮเอลฟ์ที่สืบเชื้อสายจากราชวงศ์ของราชินีเอลฟ์แห่งโรเซนเฮม ผู้อำนวยการคนปัจจุบันอายุมากกว่า 1000 ปี โดยเขาทำการดูแลควบคุมด้วยความคิดที่ไม่เหมือนใคร

            “แล้วเป็นยังไงบ้างครับ?”

            (ฟังมาถึงขนาดนี้แล้ว คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไรหรอก)

            อาจารย์สอนเวทมนตร์รู้ได้จากสีหน้าของอเลน เลยพยักหน้าและพูดต่อ

            “ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดการรุกรานของกองทัพจอมมารที่ทรงพลานุภาพไง”

            กองทัพจอมมารมีจำนวนถึงหลายล้าน ป้อมปราการและฐานที่มั่นจำนวนมากมายของจักรวรรดิเกียมูทโดนโจมตี และค่อยๆล่มสลายไป

            แล้วอาณาเขตของจักรวรรดิก็หายไปถึง 1 ใน 4 สถานที่ผู้คนจะใช้ชีวิตได้ค่อยๆลดลง

            การปกรากฏตัวของจอมมาร แบะหลังจากที่กองทัพจอมมารเริ่มเคลื่อนทัพก็ผ่านไปหลาย 10 ปี

            ตอนที่คิดว่าโลกนี้ไม่มีความหวัง มีแต่ความสิ้นหวังที่โลกจะล่มสลายเพราะจอมมาร

            “แต่ท่านเทพแห่งผู้สร้างเอลเมียร์ ไม่ได้ทอดทิ้งผู้คน แล้วผู้กล้าก็ถือกำเนิดขึ้นที่จักรวรรดิ”

            (คนแคระ, เอลฟ์, ต่อมาก็ผู้กล้าเหรอ?)

            เมื่อ 22 ปีที่แล้ว ประชาชนของจักรวรรดิได้ให้กำเนิดมีเด็กที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ของผู้กล้า

            ชื่อของเขาคือเฮลมิออส

            ผู้กล้าเฮลมิออส พออายุ 12 ปี ได้เข้ารับการศึกษาที่เมืองหลวงแห่งการศึกษาของจักรวรรดิ พออายุ 15 ก็ถูกส่งไปแนวหน้า

            “แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เขาได้รับชัยชนะมาโดยตลอด”

            ผู้กล้าที่ถูกเลี้ยงด้วยความคาดหวัง เข้ารับการศึกษาจากโรงเรียน แล้วถูกส่งไปแนวหน้า และได้ผลการต่อสู้ที่เหนือความคาดหวังมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าผู้กล้าออกศึกพื้นดินจะย้อมไปด้วยเลือดของมอนสเตอร์

            จัดการปราบกองทัพจอมมารอย่างรุนแรง ใช้เวลาเพียงแค่ 5 ปีก็สามารถยึดชายแดนของจักรวรรดิเกียมูทกลับมาได้ แถมตอนนี้ยังสู้อย่างต่อเนื่องเพื่อยึดอดีตราชอาณาจักรลาสตูรีกลับคืนมา

            “อาณาจักรของพวกเราเอง ก็ออกคำสั่ง ‘คำสั่งบุกเบิกดินแดน’ เพื่อที่จะเพิ่มจำนวนเสบียงให้มากขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้”

            ราชอาณาจักรราตาชูเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของพันธมิตร ดูเหมือนการออก “คำสั่งบุกเบิกดินแดน” เป็นแผนเพื่อที่จะเพิ่มจำนวนผลผลิตภายในพื้นที่ให้มากขึ้น

            ทั้งหมดเพื่อเพิ่มเสบียงให้กับเหล่านักรบที่ต่อสู้กับกองทัพจอมมารตรงแนวหน้า

            (หมู่บ้านบุกเบิกที่ฉันเกิดมามีไว้อย่างนี้นี่เอง ที่ต้องการเนื้อหมูป่าเพราะอย่างนี้สินะ)

            อเลนรู้แล้วว่าตัวเองเกิดมาในประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ การบุกเบิกหมู่บ้านไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพื่อจะปกป้องโลกจากกองทัพจอมมาร ราชอาณาจักรเลยออกคำส่งบุกเบิกดินแดน

            แล้วจะไม่พูดถึงการล่าหมูป่าที่หมู่บ้านคุเรนะก็ไม่ได้ นั่นเพราะว่าบารอนต้องการเนื้อหมูป่ามากถึงขนาดออกมาด้วยตัวเอง ถึงจะผ่านมาแล้ว 4 ปี จนถึงตอนนี้เนื้อหมูป่าที่ล่าได้ไม่ได้ถูกใช้ที่เมืองแกรนเวล ตระกูลของบารอนแกรนเวลแทบจะไม่ได้จัดงานเลี้ยงกลางคืนเลยด้วยซ้ำ

            ทั้งหมดเพื่อเป็นเสบียงให้กับเหล่านักรบที่ต่อสู้อยู่แนวหน้า การทำเนื้อตากแห้งเพื่อยืดอายุการรักษา ในสนามรบถือเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างมากอยู่

            “แล้วหน้าที่ของตระกูลแกรนเวลสินะ ถึงคิดว่าน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดจากสิ่งที่ฟังมาแล้วก็ตาม แต่นี่ไม่ใช่หน้าที่ของตระกูลแกรนเวลอย่างเดียว แน่นอนว่าราชวงศ์ก็ต้องทำหน้าที่นี้ด้วย”

            ราชวงศ์และขุนนางที่เกิดในราชอาณาจักร ตามสัญญามีหน้าที่ต้องไปรับราชการทหารให้กับพันธมิตร 5 ทวีป เป็นเวลา 3 ปี 

            สิ่งนี้ต่อให้เป็นราชวงศ์ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ ยังไงก็ต้องไปต่อสู้ที่ป้อมปราการกับกองทัพจอมมารเป็นเวลา 3 ปี หากปฏิเสธหรือไม่จบการศึกษาที่โรงเรียน นอกจากจะโดนยุบตระกูลแล้วจะมีโทษหนักด้วย ถ้าราชวงศ์ปฏิเสธจะสูญเสียความน่าเชื่อถือในการออกความคิดเห็นกับพันธมิตร 5 ทวีป เท่ากับสูญเสียการทูตและการค้าขายไป

            แน่นอนว่า ไม่ได้มีแค่การลงโทษแต่มีข้อดีอยู่ด้วย ถ้าหากรับราชกรทหารได้ครบ 3 แล้วละก็ จะได้รับการลดหย่อนภาษีภายในอาณาจักรช่วงระยะเวลาหนึ่ง และสามารถหางานภายในราชสำนักได้ง่ายขึ้น ตอนนี้องค์กรที่เรียกว่าฝ่ายโรงเรียนกุมอำนาจภายในราชสำนักอยู่ ทุกคนเป็นขุนนางที่ผ่านการรับราชการทหารมาแล้ว

            ส่วนรองหัวหน้ากลุ่มอัศวินจะเป็นได้ต้องรับราชการทหารมากกว่า 3 ปี หัวหน้ากลุ่มอัศวินกับราชองค์รักษ์ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดของราชอาณาจักร ต้องรับราชการทหารมากกว่า 5 ปี

            อาจารย์สอนประวัตศาสตร์จอมมาร ต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์ผู้ใช้เวทมนตร์ที่รับราชการทหาร 3 ปี ดูเหมือนหลังจากออกราชการแล้วจะได้รับมอบหมายให้วิจัยเวทมนตร์ภายในพระราชวัง หรือไม่ก็ชีวิตที่สุขสงบยามแก่ ถึงบอกว่าเป็นข้อดี แต่สถานการณ์ของสนามรบมันค่อนข้างโหดร้ายมาก

            ช่วงเวลานั้น คนที่รับราชการทหาร 3 ปี ต่อให้เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ก็มีอัตราเสียชีวิตเกิน 70% ตอนนี้ถึงมีผู้กล้าทำให้สถานการณ์ในสนามรบดีขึ้น แต่ช่วงระยะเวลา 3 ปียังมีผู้ที่เสียชีวิตถึง 50%

            อเลนมองไปที่เซซิล

            เซซิลไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องชายแดนที่จักรวรรดิกับกองทัพจอมมารอยู่ด้วยดวงตาสีแดงเข้ม บางทีคงคิดถึงพี่ชายอย่างมิไฮอยู่ก็ได้

            แล้วอเลนก็หวนนึกถึงตัวเอง

            (งั้นเหรอ ถ้าไม่ใช่เฮลโหมดก็ไม่ได้ ถ้าไม่ได้มาเกิดใหม่ก็ไม่ได้สินะ)

            อเลนตระหนักถึงเหตุผลที่แท้จริง ว่าทำไมพอตัวเองเลือกเฮลโหมดแล้วต้องกลับมาเกิดใหม่

[นิยายแปล] Hell mode

[นิยายแปล] Hell mode

Artist: ,
อ่านนิยาย Hell modeยามาดะ เคนอิจิ พนักงานกินเงินเดือน อายุ 35 ปี ผู้ชื่นชอบเกมที่ต้องฟาร์มหนักๆ ตอนนี้กำลังสิ้นหวังกับยุคที่เกมเล่นผ่านง่ายๆกำลังเป็นที่แพร่หลาย ระหว่างนั้นเองที่เขาโดนเว็บไซต์หนึ่งที่เขียนว่า "สำหรับผู้ชื่นชอบการฟาร์มอย่างคุณ" ทำให้ไปเกิดใหม่ในต่างระดับเฮลโหมด ป.ล. 1 แปลจากเว็บโนเวล ถ้าไม่เหมือนฉบับรุปเล่มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ป.ล. 2 การอัพขึ้นอยู่กับเวลาว่างจากการทำงาน อย่าคาดหวังมาก(แต่จะพยายามอัพเรื่อยๆถ้าแปลเสร็จ

Options

not work with dark mode
Reset