บทที่ 104 ออกเดินทาง
ผ่านไปหลายเดือนหลังเกิดเรื่องที่ตระกูลแกรนเวล จนมาถึงเดือนมีนาคม อเลนแต่งชุดคนรับใช้ฝึกหัดกำลังช่วยงานคนสวนอยู่ตรงสวน
ปีที่แล้วเดือนพฤศจิกายน อเลนเปลี่ยนจากคนรับใช้ฝึกหัดของตระกูลแกรนเวลมาเป็นแขกแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องทำงานก็ได้ แต่คิดจะทำงานของคนรับใช้ฝึกหัดจนกว่าจะไปโรงเรียน
(หือ? มาแล้วเหรอ)
รถม้า 1 คันมาที่คฤหาสน์
อเลนหยุดขุดดิน และไปใกล้รถม้าที่หยุดตรงหน้าประตู
สาวน้อยผมสีชมพูลงมาจากรถม้า
“อเลน !!”
เด็กสาวไร้เดียงสาส่งรอยยิ้มออกมาตอนที่เห็นอเลน
“ยินดีต้อนรับ”
คุเรนะลงมามาจากรถม้า เธอออกจากหมู่บ้านมาที่เมืองแกรนเวล
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“โดโกร่าก็ด้วย”
ด้านหลังคือโดโกร่าที่เหมือนจะมีรอยกระเพิ่มขึ้น เมื่อก่อนเขาตัวโตกว่าอเลนอยู่แล้ว ตอนนี้ส่วนสูงเลยนำอเลนไปเกือบ 1 ช่วงศีรษะ
ถ้าถามเหตุผลว่าทำไมทั้งคู่ถึงมาที่นี่ เพราะหลังจากนี้ 3 วันจะไปสอบที่เมืองแห่งการศึกษา เนื่องจากยังพอมีเวลาเหลือให้เลยมาที่นี่ ไวเคานต์แกรนเวลเลยมาต้อนรับเพื่อให้พักที่คฤหาสน์
แน่นอนที่มาต้อนรับคือยอดนักดาบคุเรนะ ตัวแถมอย่างโดโกร่าเลยได้พักด้วย พวกเขาเงยหน้ามองดูคฤหาสน์สูง 3 ชั้นที่ไม่มีอยู่ในหมู่บ้านคุเรนะ
ทั้งสองคนแบกสัมภาระไว้กลางหลัง ดูเหมือนพอไปถึงเมืองแห่งการศึกษา จะตรงไปสถานที่สอบโดยไม่แวะที่พักเลยก็ได้ สัมภาระเลยมีแค่เสื้อผ้ากับดาบเก่าๆที่ใช้ในการฝึกซ้อม
(กะแล้วเชียวว่าเปโรมูสไม่อยู่ ถึงจะได้ยินมาแล้วก็เถอะ)
เปโรมูสไม่มาด้วยในวันนี้ เปโรมูสลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านที่มาฝึกซ้อมดาบด้วยกันไม่ไปเมืองแห่งการศึกษา เมืองแห่งการศึกษาที่ตั้งขึ้นมาตามเป้าหมายสัญญาของพันธมิตร 5 ทวีป ไม่ใช่สถานที่ที่ผู้มีพรสวรรค์ของพ่อค้าจะต้องไปเรียน
ได้ยินมาว่าเปโรมูสจะไปเรียนที่โรงเรียนการค้าซึ่งก่อตั้งโดยกิลด์พ่อค้า
นั่นก็เพราะว่าได้ยินจากเปโรมูสเองเลย
สองเดือนก่อน อเลนที่มีเวลาว่างได้กลับไปที่หมู่บ้านคุเรนะ และอธิบายถึงเรื่องที่เลิกเป็นคนรับใช้ฝึกหัด, กลายเป็นแขกของตระกูลไวเคานต์แกรนเวล, จะไปเมืองแห่งการศึกษาตอนเดือนเมษายน และเรื่องที่ครอบครัวของโรดันและเกลด้าได้รับการยกเว้นภาษีรายบุคคล
ถึงจะไม่ได้กลับมาบ้านนานถึง 4 ปี แต่ต่อจากนี้จะต้องไปที่เมืองแห่งการศึกษา เลยอยากจะมาบอกครอบครัวก่อนที่จะไป
ในขณะเดียวกัน ก็เอาหนังสือยกเว้นภาษีรายบุคคลของครอบครัวโรดันและเกลด้าที่ได้รับการรับรองจากไวเคานต์ไปให้หัวหน้าหมู่บ้าน
โรดันมองดาบเงินที่ได้รับมาจากไวเคานต์ พร้อมกับพูดว่า “ลูกทำอะไรลงไปเนี่ย?” แต่ก็ไม่ได้พูดเรื่องที่เลิกเป็นคนรับใช้ฝึกหัด
เทเรเซียก็เป็นห่วงพร้อมกับบอกว่าอย่าฝืนเกินไป คงคิดว่าการใช้ชีวิตของอเลนนั้นเสี่ยงที่จะตายไวอยู่ก็ได้
หลังจากนี้คงส่งเงินมาได้แล้ว เลยมอบเหรียญทอง 100 เหรียญไว้ โรดันกับเทเรเซียถึงกับหน้าซีดเผือก หลังจากเงียบไปสักระยะ โรดันก็พูดออกมาว่า “ได้รับมาขนาดนี้เลยเหรอ!” เลยบอกไปว่ายังเหลืออยู่อีก 600 เหรียญทอง โรดันที่ถือถุงใส่เหรียญทองถึงกับพึมพำออกมาว่า “ลูกไปทำอะไรกันแน่เนี่ย……”
มัชชูรบเร้าให้เล่าเรื่อง เลยพูดเกี่ยวกับการผจญภัยที่หมู่บ้านก็อบลิน, หมู่บ้านออร์ค และรังมดเกราะให้ฟัง แต่ไม่ได้เล่าเรื่องมาด้ากัลชูให้เขาที่กำลังฟังอย่างสนุก ไม่อยากสร้างแผลใจให้กับน้องชาย
“ขอรบกวนด้วยค่ะ!!!”
“มะ มากันแล้วสินะ”
คุเรนะเข้าไปในคฤหาสน์อย่างร่าเริง ทุกคนในตระกูลไวเคานต์มารออยู่แล้ว เพื่อคอยต้อนรับยอดนักดาบคุเรนะ
ไวเคานต์ต้องการจับมือซึ่งคุเรนะก็จับมือตอบในทันที ทำให้คิดว่าช่างไม่ถือตัวเลย ไวเคานต์กับคุเรนะเพิ่งจะเคยพบหน้ากันเป็นครั้งแรก ตอนที่ไปดูการล่าหมูป่า ก็กลับเมืองโดยที่ไม่ได้พบเธอ
(เอาเถอะ ยอดนักดาบอีกไม่นานอาจจะได้เป็นมาร์ควิสก็ได้)
ยอดนักดาบถือเป็นการคงอยู่ที่ล้ำค่าของอาณาจักร ยอดนักดาบโดเบิร์กที่เกิดจากทาสติดที่ดินตอนนี้ก็ยังวนเวียนอยู่ในสนามรบ และได้รับตำแหน่งมาร์ควิส มาร์ควิสถ้าเทียบกับขุนนางระดับล่างอย่างตระกูลไวเคานต์แล้วก็เป็นตำแหน่งที่อยู่สูงกว่า 2 – 3 ขั้น ราชวงค์ที่ไม่มีเงินค่าสงครามเลยมอบตำแหน่งให้เป็นการตอบแทน
ไวเคานต์แกรนเวลกล่าวไว้ว่า ตอนที่คุเรนะจบการศึกษาน่าจะได้ตำแหน่งบารอนเลย เพราะการไปสนามรบเป็นหน้าที่ของขุนนางเท่านั้น
ดูเหมือนไวเคานต์แกรนเวลจะไม่มีท่าทางโกรธหรือต่อต้านท่าทีของคุเรนะเลยสักนิด เขายิ้มต้อนรับ เพราะอธิบายนิสัยของคุเรนะไว้แล้ว
“เธอคือคุเรนะสินะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
เซซิลเองก็ทักทายคุเรนะ
“อ๊ะ ท่านเซซิล ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ!”
ดูเหมือนคุเรนะจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เลยทักทายเซซิลด้วยการจับมือทั้งสองข้าง
“……”
“เป็นอะไรไปเหรอ? ท่านเซซิล?”
(ใช่แล้ว ตอบกลับไปสิเซซิล)
“มะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
“งั้นเหรอ?”
เซซิลพยายามตอบกลับไป ตอนอยู่หมู่บ้านได้บอกคุเรนะไว้ว่าให้สนิทกับเซซิลเอาไว้ และบอกเซซิลเหมือนกันว่าให้สนิทกับคุเรนะ ดูเหมือนเซซิลจะผงะที่คุเรนะเข้าหาขุนนางอย่างไม่ลังเลย
(หือ? เหมือนโดนเซซิลจ้องเลย คิดไปเองหรือเปล่านะ)
ถึงช่วง 4 ปีมานี้ซึนของเซซิลกับอเลนจะลดไปแล้วก็ตาม แต่พอปีนี้ความซึนเริ่มกลับมาอีกครั้ง ถึงจะไม่เท่าเกิมก็ตามที
อเลนที่เลิกเป็นคนรับใช้ฝึกหัดและกลายเป็นแขกของตระกูลไวเคาต์แกรนเวล โดนเซซิลบีบคออย่างแรงพร้อมกับบอกว่า “ใครอนุญาตให้เลิกเป็นคนรับใช้ฝึกหัดกัน!” บอกเหตุผลออกไปว่าเพื่อให้โลกกลับมาอยู่ในแบบที่ถูกต้อง จนดูเหมือนช่วงนี้ความโกรธจะสงบลงแล้ว
การที่เชิญคุเรนะมาคฤหาสน์ในครั้งนี้มีเหตุผลอยู่
3 ปีให้หลังอเลนกับเซซิลจะไปต่อสู้กับกองทัพจอมมาร ซึ่งตอนนี้ยังเป็นแค่แผนการณ์
นักเวทกับนักอัญเชิญมีพลังป้องกันต่ำ ถึงอเลนจะเพิ่มพลังป้องกันจากพรคุ้มครองของสัตว์อัญเชิญได้ แต่ยิ่งเพิ่มมากเท่าไรยิ่งต้องมีสัตว์อัญเชิญสายหินในที่เก็บการ์ดมากขึ้นเท่านั้น ผลลัพธ์นั้นจะทำให้ทางเลือกของสัตว์อัญเชิญลดน้อยลงอย่างมาก และไม่สามารถวางแผนการรบได้
ดังนั้นเลยอยากให้ยอดนักดาบอย่างคุเรนะที่แข็งแกร่งด้านกายภาพมาต่อสู้กับกองทัพจอมมารด้วยกัน ยังไงคุเรนะก็ต้องไปสนามรบด้วยอยู่แล้ว เลยจะชวนไปทำลายกองทัพจอมมารให้สิ้นซากด้วยกัน วันนี้มีไว้เพื่อให้คุเรนะกับเซซิลได้พบหน้ากัน
อนึ่ง ถ้าจบการศึกษาแล้วจะเป็นอย่างไรต่อก็ยังไม่รู้ ถ้าไวเคานต์ไปเมืองหลวงค่อยให้ไปยืนยันถึงเรื่องของการส่งไปสนามรบก็แล้วกัน
ตามปกติการส่งไปสนามรบจะขึ้นอยู่กับความต้องการพันธมิตร 5 ทวีปกับผู้นำของของทวีปกลางอย่างจักรวรรดิ เพราะอย่างนั้นราชวงศ์เองไม่มีทางรู้ได้เลยว่ายอดนักดาบจะถูกส่งไปประจำการที่ไหน
ขนาดเกี่ยวกับยอดนักดาบโดเบิร์กที่รับใช้ราชวงศ์ พวกเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าต้องต่อสู้มากมายแค่ไหน
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมาตลอด แผนการต่อสู้เองใน 1 ปีก็เปลี่ยนไปมาเช่นกัน
ก่อนอื่น วางแผนให้คุเรนะใช้ชีวิตกับอเลนและเซซิลที่โรงเรียน รวมไปถึงการผ่านดันเจี้ยนด้วย
(ต้องเก็บเลเวลของคุเรนะกับเซซิลที่ดันเจี้ยน อยากจะให้สมุดเวทมนตร์ตรวจสอบสเตตัสของทั้งคู่ได้จัง)
ทุกคืนอเลนกุมสมุดเวทมนตร์พร้อมกับตั้งจิตส่งไปหาพระเจ้า ยอดนักดาบคุเรนะที่เป็นเพื่อนบ้านของอเลน กับการได้มาทำงานเป็นคนรับใช้ของขุนนางที่มีลูกสาวเป็นนักเวท มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ถ้าอยากจะให้กำจัดกองทัพจอมมารแล้วละก็ การตรวจสอบค่าสเตตัสของทั้ง 2 คนเป็นสิ่งจำเป็น
อนึ่ง เกี่ยวกับโดโกร่า ยังอยู่ระหว่างเป็นตัวสำรองว่าจะเอาเข้าเป็นพวกไปสู้กับกองทัพจอมมารด้วยกันหรือไม่ เพราะคาดเดาไว้ว่าน่าจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก ขนาดมิไฮที่อาชีพ 1 ดาวเหมือนกันยังเสียชีวิต คิดว่าคงยากไปสำหรับโดโกร่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าตัวด้วย
เกี่ยวกับเรื่องการต่อสู้กับจอมมารที่อาจารย์สอนเวทมนตร์ห้ามบอกคนอื่น ว่าจะแอบบอกกับคุเรนะกับโดโกร่า 2 คนอยู่ ถึงจะยังไม่รู้ว่าจะต้องไปสู้กับจอมมารในรูปแบบไหนกันแน่ แต่อยากให้ช่วงชีวิตในวัยเรียน 3 ปีมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
หลังจากนั้นไม่นานก็ถึงเวลารับประทานอาหารเย็น คุเรน่ากับโดโกร่าก็กินข้าวในห้องรับประทานอาหารพร้อมกับทุกคนในครอบครัวของไวเคานต์
(อืมๆ พอดูอย่างนี้แล้วโดโกร่าก็ค่อนข้างดูจริงจังนะเนี่ย)
ข้างๆโดโกร่าที่กินอย่างเกร็งๆด้วยความสุภาพ คือคุเรนะที่กินราวกับเจอศัตรูของครอบครัว ดูเหมือนไม่ได้กินแบบนี้มานาน มือหนึ่งถือส้อมจิ้มเนื้อ อีกมือถือขนมปัง โทมัสมองดูคุเรนะด้วยสีหน้าที่เหมือนสามัญสำนึกทุกอย่างพังทลายลงไป
“อเลนไม่กินเหรอ?”
“ไว้เสร็จนี่แล้วค่อยกินน่ะ”
“แล้วก็อเลนเอ๋ย ฝากทุกคนไปที่เมืองแห่งการศึกษาด้วยนะ”
“ครับ รับทราบแล้วครับ”
อเลน รับทราบด้วยการโค้งศีรษะลงราวกับยังอาลัยชีวิตการเป็นคนรับใช้ฝึกหัด 4 ปี
(เอาละ ยังไงต้องมี ‘สิ่งนั้น’ อยู่แน่ๆ ต้องหาให้เจอ ก่อนอื่นต้องไปรวบรวมข้อมูลที่กิลด์นักผจญภัย ไม่งั้นแค่ 3 ปีคงยากที่จะต่อกรกับกองทัพจอมมาร)
อเลนมีเป้าหมายสำคัญที่ยิ่งใหญ่กว่าการไปโรงเรียนที่เมืองแห่งการศึกษา
ด้วยเหตุนี้ 3 วันให้หลังอเลนเลยไปเมืองแห่งการศึกษาพร้อมกับคุเรนะ, เซซิลและโดโกร่า