บทที่ 110 ฐาน
วันถัดมาหลังจากที่พวกอเลน 4 คนลงทะเบียนนักผจญภัยและปาร์ตี้ที่กิลด์นักผจญภัย ก็ไปที่กิลด์อสังหาริมทรัพย์
“ยินดีต้อนรับครับ วันนี้มีธุระอะไรให้รับใช้ครับ?”
(อืม ถึงจะเป็นเด็กอายุ 12 ปี 4 คน แต่ยังต้อนรับอย่างสุภาพ ทั้งเมืองมันให้ความรู้สึกประมาณนี้สินะ)
เป็นจิตใจบริการที่แทบจะไม่เจอในหมู่บ้านคุเรนะ
เจ้าหน้าที่กิลด์อสังหาริมทรัย์เข้ามาต้อนรับและพาไปยังเคาน์เตอร์เตี้ยแบบเดียวกับเมื่อวาน
“แล้วอยากได้ที่อยู่แบบไหนหรือครับ?”
“อยากได้สิ่งก่อสร้างที่อาศัยได้ 5-6 คนครับ แล้วขอให้อยู่ใกล้ดันเจี้ยนๆหลายๆแห่ง ติดกับสถานีรถไฟเวทมนตร์ เพื่อไปกลับโรงเรียนได้ง่ายด้วยครับ”
สิ่งก่อสร้างที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟมักสบายตรงมีร้านสะดวกซื้อ อเลนเลยขอออกไปอย่างนั้น
“อย่างนี้นี่เองๆ”
พนักงานจดบันทึกใส่กระดาษ พร้อมกับเปิดสมุดบันทึกเพื่อหาสิ่งก่อสร้างที่ตรงกับเงื่อนไข
(เข้าใจรถไฟเวทมนตร์สินะ กะแล้วเชียวว่าเรียกแบบเดียวกัน)
หลังกลับมาจากกิลด์นักผจญภัย ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องบ้านเช่า เลยถามย้ำอีกครั้งว่าไม่มีปัญหาใช่ไหมหากให้ชายหญิง 4 คนพักชายคาเดียวกัน ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีปัญหา อาศัยอยู่สิ่งก่อสร้างเดียวกับเซซิลมา 4 ปี กับคุเรนะก็เคยนอนห้องเดียวกัน
โดโกร่าพูดแค่ว่า “งั้นเหรอ” ดูเหมือนจะไม่คัดค้านกับวิธีการของอเลน
“ที่อยู่ใกล้ดันเจี้ยนเนี่ย เอาเป็นระดับ C ใช่หรือเปล่าครับ”
“ถ้าได้ระดับ C ก็ดีครับ แต่จะดีมากหากเป็นระดับ B หรือ A ครับ”
เจ้าหน้าตัดสินว่าเพิ่งเข้าเรียนปีนี้คงอยากไปดันเจี้ยนระดับ C อยู่ แต่คงนึกไม่ถึงที่บอกว่าอยากได้ดันเจี้ยนระดับ B และ A
พลิกสมุดเพื่อหาสิ่งที่ตรงกับเงื่อนไข
“อืม จากเงื่อนไขนั้น คงต้องเป็นสิ่งก่อสร้างที่อยู่ตรงถนนหลักซึ่งมีดันเจี้ยนเยอะครับ”
(อืมๆ อย่างนั้นก็ดีเลย)
“อย่างนั้นก็ดีนี่”
เซซิลเห็นด้วย
“แต่ สิ่งก่อสร้างนั้นค่อนข้างใหญ่นิดหน่อยครับ”
เจ้าหน้าที่อธิบายออกมาให้เข้าใจได้ง่าย ดันเจี้ยนความยากสูงส่วนมากต้องใช้ปาร์ตี้ระดับ 20 – 50 คน
(ดันเจี้ยนเข้าได้ถึง 50 คนเลยเหรอเนี่ย)
ดังนั้นสิ่งก่อสร้างที่อยู่ใกล้ดันเจี้ยนความยากสูงเลยมีขนาดใหญ่ ไม่ใช่สิ่งก่อสร้างที่จะอาศัยอยู่กันแค่ 5 – 6 คนเลย
“ขนาดเล็กหรือใหญ่ไม่ใช่ปัญหาครับ ช่วยหาให้ตรงกับเงื่อนไขอื่นด้วยครับ”
“ถ้าอย่างนั้น สิ่งก่อสร้างนี้ค่อยข้างเล็กขนาดประมาณ 20 คนครับ”
(อาจจะดีก็ได้ แต่ควรไปดู “ภายใน” เผื่อไว้ก่อน ถ้าเป็นสิ่งก่อสร้างโทรมๆเพราะนักผจญภัยเมาแล้วอาละวาดจะแย่เอา)
เนื่องจากตรวจสอบภายในได้ เลยบอกทั้ง 3 คนว่าจะไปตรวจสอบสิ่งก่อสร้างก่อน ก่อนจะบอกว่าขอไปตรวจและนั่งรถไฟเวทมนตร์ไปสิ่งก่อสร้างพร้อมกับเจ้าหน้าที่
“หลังนี้ครับ เป็นอย่างไรบ้างครับ?”
“ใกล้สถานีดีนะเนี่ย ดันเจี้ยนอยู่ทางไหนเหรอครับ?”
“ดันเจี้ยนอยู่ข้างหน้าตามแผนที่นี้เลยครับ เดินไปทางโน้นกับทางนี้ได้ครับ”
ทำการอธิบายถึงรูปลักษณ์ภายนอกและตำแหน่งของสิ่งก่อสร้าง อเลนฟังพร้อมกับให้สัตว์อัญเชิญนก E บินเพื่อตรวจสอบระยะห่างจากดันเจี้ยนจริงๆ
(ตึกสูงราวๆ 3 ชั้นโน้นมีนักผจญภัยเข้าไปมาก หรือว่าจะเป็นดันเจี้ยน? เยี่ยมเลยทั้งสถานีรถไฟและดันเจี้ยนไม่ต้องเดินไกลมาก แถมร้านอาหารค่อนข้างเยอะด้วย)
พวกอเลนทั้ง 4 คนไม่มีใครทำอาหารเป็นเลย ถึงตอนอยู่หมู่บ้านคุเรนะจะช่วยทำอาหาร แต่ก็อยู่ในระดับทำอาหารต้มและบดเท่านั้น
ตอนเป็นคนรับใช้ฝึกหัด ก็ได้รับการสอนเรื่องชำแหละมอนสเตอร์จากหัวหน้าพ่อครัวเท่านั้น
ถ้าเป็นไปได้คงกินอาหารข้างนอกตลอด ตรงเขตที่มีนักผจญภัยเยอะทำให้รอบๆสถานีมีร้านแผงลอยและร้านอาหารอยู่หลายแห่ง
(เอาเถอะ เกมเมอร์ที่ทำอาหารด้วยตัวเองไม่ใช่เกมเมอร์ด้วยสิ ไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น)
ในระหว่างที่คิดอย่างนั้นก็เดินผ่านประตู มันเป็นอาคารขนาดใหญ่สูง 3 ชั้น และมีสวนหย่อม
“อาคารนี้ ชั้น 2 กับ ชั้น 3 อยู่ได้ชั้นละ 10 คนครับ”
เจ้าหน้าที่อธิบายเกี่ยวกับอาคารต่อ
ตรงชั้นหนึ่งจะเป็นห้องอเนกประสงค์ที่ให้ทุกคนรับประทานอาหาร ห้องรับแขก แล้วก็ห้องน้ำ 2 ห้อง กับห้องอาบน้ำ 2 ห้อง เมืองนี้มีระบบระบายน้ำเสียที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ตรงห้องน้ำติดตั้งอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ใช้ปล่อยน้ำ ตรงห้องอาบน้ำเองก็มีอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ทำให้น้ำร้อนด้วย
ชั้นใต้ดินชั้น 1 เป็นคลังเก็บอาวุธ ไว้เก็บไอเทมที่ได้มาจากดันเจี้ยน
“ค่าเช่าเดือนละ 10 เหรียญทองเหรอครับ?”
“ใช่แล้วครับ”
(อืมๆ ไม่รู้ว่า 1 เหรียญทองถ้าเทียบกับโลกก่อนจะเท่ากับเท่าไร แต่ถ้าตี 1 เหรียญทองเท่ากับ 1 แสนเยนแล้วละก็ เท่ากับค่าเช่าเดือนละ 1 ล้านเยนเหรอ)
“ทุกคนว่าไงบ้าง? คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร”
ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลอะไรให้คัดค้าน ถึงโดโกร่าจะทำหน้าแบบว่าแพงไปหน่อยหรือเปล่าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เลยบอกไปว่าเอาที่นี่และกลับไปที่กิลด์อสังหาริมทรัพย์เพื่อทำสัญญาและได้กุญแจมาให้ไปพักในวันนั้นเลย ก่อนจะจ่ายค่าเช่า 1 ปี ในราคา 120 เหรียญทอง
พอมาถึงตอนเย็น เลยไปซื้ออาหารเย็นและของใช้ในชีวิตประจำวันขั้นต่ำ ส่วนที่เหลือไว้ค่อยซื้อต่อพรุ่งนี้
ใช้ห้องอเนกประสงค์ตรงชั้น 1 เป็นห้องรับประทานอาหาร และกินอาหารที่ทุกคนซื้อมา
“เท่านี้ก็ได้ฐานมาแล้ว คิดว่าจะพูดเรื่องที่จะทำหลังจากนี้”
อเลนพูดอย่างนั้น และมองเซซิล ทำให้เธอพนักหน้า
“เรื่องหลังจากนี้?”
“ใช่แล้ว หลังจากนี้ 3 ปีฉันกับเซซิลมีเป้าหมายอยู่ เลยจะมาแชร์ข้อมูลนี้ร่วมกัน อยากจะให้ฟังไปกินไปที”
อเลนพูดอย่างนั้นพร้อมกับเริ่มเล่าเรื่องที่ได้รับการสอนมาจากอาจารย์สอนเวทมนตร์ ถึงการต่อสู้กับจอมมารที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ และโรงเรียนถูกตั้งขึ้นมาด้วยจุดประสงค์อะไรโดยใช้เวลาเกือบๆ ชั่วโมง
“ท่านเซซิลมีหน้าที่ของขุนนางที่ต้องไปต่อสู้ในอีก 3 ปีให้หลัง รวมถึงคุเรนะด้วย”
“ฉันด้วยเหรอ?”
เกี่ยวกับประวัติศาสตร์จอมมาร ดูเหมือนจะได้เรียนหลังวันหยุดฤดูร้อนปีที่ 2 คงตั้งแนวทางการสอนให้กับนักเรียนปี 1 และปี 2 ที่ผ่านหัวข้อได้เท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องสอนให้กับนักเรียนทำหัวข้อไม่ผ่าน เพื่อเป็นการควบคุมข้อมูลให้กระจายไปน้อยที่สุด
โรงเรียนขุนนางในเมืองหลวงเองจะได้รับการสอนตอนปี 2 เช่นเดียวกัน ดูเหมือนโรงเรียนขุนนางจะไม่มีการสอบตก ทำให้ขุนนางทุกคนได้รู้เรื่องของจอมมารและหน้าที่ของขุนนาง
แล้วขุนนางที่สอบตกจากโรงเรียน จะไม่สามารถย้ายไปเรียนโรงเรียนขุนนางได้ ขุนนางที่มีพรสวรรค์ทุกคนหากสอบตก จะถูกตัดออกจากตระกูลและสูญเสียความเป็นขุนนางไป
“อเลนจะไปต่อสู้เพื่อปกป้องท่านเซซิลเหรอ?”
ดูเหมือนโดโกร่าจะเข้าใจแล้ว เลยถามสิ่งที่อเลนจะทำหลังจากนี้ เซซิลพยักหน้าราวกับจะบอกว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
“เปล่าหรอก ไม่ใช่อย่างนั้น”
“เอ๊ะ? อะไรกันเนี่ย!!!”
คงไม่นึกว่าอเลนจะบอกว่าไม่ใช่ ทำให้สีหน้าเปลี่ยนในทันที
“ฉันตั้งใจทำลายกองทัพจอมมารพร้อมกับท่านเซซิล และจะไปปราบจอมมารด้วย”
“““ปราบ?”””
“ใช่แล้ว ตั้งใจจะไปปราบ คุเรนะเองก็คิดว่าดีใช่ไหม? ไปสู้กับกองทัพจอมมารด้วยกันเถอะ”
“อือ!”
คุเรนะยิ้มเห็นด้วยออกมา คงคิดว่าความคิดสมกับเป็นอเลนอยู่
เซซิลคงประหลาดใจมากที่เอาตัวเองเข้าไปเป็นสมาชิกทำลายกองทัพจอมมาร แต่คงยอมรับว่าความคิดที่สมกับเป็นอเลน เลยไม่พูดอะไรไปมากกว่านั้น
“แล้วโดโกร่าว่ายังไงบ้าง?”
“อ๊ะ?”
“อยากจะต่อสู้กับกองทัพจอมมารพร้อมกับฉันแล้วเป็นวีรบุรุษไหม? หรือว่าต้องการไปเป็นอัศวินเพื่อรับใช้ขุนนางที่ไหนไง”
“วีรบุรุษหรืออัศวินเหรอ”
“ให้พูดตามตรง ถึงฉันจะพูดสบายๆอย่างนี้ แต่มันเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากอยู่ อยากให้ตัดสินใจด้วยตัวเอง”
และพูดเสริมว่าถึงจะเลือกไม่ไปสนามรบ แต่จะใช้ชีวิตในโรงเรียนด้วยกัน 3 ปีก็ได้
“อ้อ ฉันไปด้วย งั้นเหรอ อัศวินเป็นความฝันที่กระจ้อยร่อยสินะ”
โดโกร่าตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“แล้วหลังจากนี้จะทำอะไรเหรอ?”
“มีหลายอย่างที่ต้องทำ ให้ทุกคนผ่านดันเจี้ยนพร้อมกับก้าวข้ามบททดสอบ ไหนจะต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆอีก”
ทำการอธิบายกำหนดการณ์หลังจากนี้ 3 ปีให้กับคำถามของคุเรนะ
“จะว่าไปก็ใช่นะ”
“แล้วต้องหาพรรคพวกเพิ่ม ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่ที่ตามหาคือบาทหลวง”
““พรรคพวก? บาทหลวง?””
เสียงของคุเรนะกับเซซิลทับซ้อนกัน อเลนคิดว่าปาร์ตี้นี้จำเป็นต้องมีผู้รับหน้าที่รักษาโดยเฉพาะ
ถึงสัตว์อัญเชิญสายพืชของอเลนจะใช้ฟื้นฟูได้ แต่มันจะสูญเสียหินเวทเลยอยากได้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสักคน
อเลนบอกกับทุกคนว่า หลังจากนี้จะหาผู้มีพรสวรรค์บาทหลวงที่โรงเรียน
“แล้วทำไมถึงตามหาแหวนเหรอ ไหนจะคำขอหินเวทจำนวนมากอีก? ถึงจะเรียกหนังสือเล่มใหญ่ออกมาด้วยก็เถอะ”
“อ้อ เรื่องที่กิลด์นักผจญภัยสินะ ยังไงก็ต้องอธิบายสิ่งนี้ให้ฟังด้วยสิ ฉันเติบโตช้ากว่าทุกคนเพราะอย่างนั้นการสอบก่อนหน้านี้เลยตกไง”
(เอาละ คงได้เวลาพูดเรื่องนี้แล้ว)
“เติบโตช้า?”
อเลนพูดเรื่องที่ตัวเองมีบททดสอบสำหรับคน 100 คนรออยู่ เพื่อที่จะก้าวข้ามบททดสอบนั้น จำเป็นต้องใช้หินเวทจำนวนมาก และแหวนฟื้นพลังเวท
พร้อมกับอธิบายเรื่องของสมุดเวทมนตร์ที่โผล่ขึ้นมาตรงกิลด์นักผจญภัยไปพร้อมกัน สิ่งนี้มองเห็นได้จากพรสวรรค์ของอเลน
“หา! เอ๊ะ! มันเป็นไปไม่ได้หรอก สำหรับ 100 คนเนี่ย”
“งั้นเหรอ ดังนั้นอเลนเลยพยายามขนาดนั้นสินะ”
“เอ๊ะ?”
เซซิลบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ส่วนคุเรนะกลับยอมรับได้ อเลนประหลาดใจที่คุเรนะยอมรับได้ราวกับว่าเธอคอยมองเขามาตลอด
“เพราะอย่างนั้นอเลนเลยตรวจสอบกับกิลด์นักผจญภัยตั้งขนาดนั้นเหรอ?”
“ก็อย่างนั้นแหละ ดังนั้น ในช่วง 3 ปีนี้คงยุ่งน่าดูเลย”
ดูเหมือนทุกคนจะเข้าใจแล้วว่า ช่วงเวลา 3 ปีคงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้ พวกอเลนที่ได้ฐานมาแล้วเลยมีเป้าหมายเดียวกัน และเริ่มใช้ชีวิตในโรงเรียนกับดันเจี้ยน