[นิยายแปล] Hell mode – ตอนที่ 12 พิธีประเมิน 1

บทที่ 12 พิธีประเมิน 1

                ผ่านมา 5 ปีครึ่งหลังจากที่อเลนมาต่างโลก ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิช่วงกลางเดือนเมษายน เทเรเซียกับโรดันกำลังกระวนกระวาย

                วันนี้โรดันไปตักน้ำอย่างเดียว ไม่ทำงานสวน

                “ห้ามพูดเสียมารยาทกับท่านนักบวชนะ”

                “ครับมาม้า”

                พูดคำตอบที่ตอบไปมากกว่า 10 ครั้งตั้งแต่เมื่อวานอีกรอบ และได้รับการตบชุดเพื่อปัดฝุ่นออก

                “เทเรเซีย อเลนเป็นเด็กฉลาด ไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอก ไปกันเถอะ”

                โรดันพาออกไปยังใจกลางหมู่บ้านบุกเบิก เทเรเซียต้องคอยดูแลมัชชูทำให้ออกไปแค่โรดับกับอเลนเท่านั้น

                วันนี้เป็นวันที่อเลนจะเข้าพิธีประเมิน

                (ดูเหมือนครอบครัวจะตื่นเต้นเอาเรื่องอยู่)

                แล้วก็นึกถึงเรื่องที่ได้ยินมาเมื่อไม่กี่วันก่อน

                พิธีประเมิน เป็นการประเมินพรสวรรค์ที่อยู่ข้างในตัว โดยทุกคนไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์หรือทาสติดที่ดิน ถ้าอายุ 5 ขวบจะต้องมาเข้าร่วม ได้ยินมาว่าเป็นกฎที่เมืองหลวงตั้งขึ้นมา ถ้าหากประเมินแล้วค้นพบพรสวรรค์ ลือกันว่าการจะได้เป็นทหารก็ไม่ใช่ความฝัน

                (ดูเหมือนจะเป็นวิธีการอันน้อยนิดที่จะหลุดพ้นจากการเป็นทาสติดที่ดิน)

                พอเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็เริ่มการปลูกข้าวสาลี สวนที่ทำการตัดหญ้าออกไปจนสวยงาม สวนที่มีการปลูกผักเอาไว้และมีบางสวนที่ไม่ได้ใช้จนต้นหญ้าขึ้นสูงพอๆกับอเลน พอเดินผ่านสวนมากมายหลากหลายชนิดก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

                “อเลน!!”

                สาวน้อยตาสีฟ้า กับผมสีชมพูที่ผูกรวบไว้ คุเรนะเหมือนจะสังเกตุเห็นอเลน เลยโบกมือไปมา ถึงจะพบกันเกือบทุกวัน แต่ก็คิดขึ้นมาว่าไม่ได้เห็นคุเระนะที่ไม่ได้ถือดาบไม้มานานมาก

                “ไงคุเรนะ ไปพิธีประเมินเหมือนกันสินะ”

                “อืม ฉันโดนบอกว่ามาถ้าไปประเมินจะได้เป็นนักดาบด้วย! แล้วจะไปเป็นอัศวิน!!”

                ข้างๆ คุเรนะที่ตอบออกมาพร้อมรอยยิ้มคือเกลด้าร่างบึ้ก สำหรับเกลด้าและคุเรนะก็เป็นวันไปพิธีประเมินเหมือนกัน ดูเหมือนพิธีประเมินจะจัดขึ้นทุกๆ 4 เดือน ไม่จำเป็นต้องไปตอนที่อายุ 5 ขวบก็ได้

                ในระหว่างที่ฟังความฝันของคุเรนะที่บอกอยู่ทุกวัน พอผ่านสวนไปก็เห็นบ้านที่เรียงรายอยู่ หมู่บ้านบุกเบิก หลังจากที่อเลนเกิดจำนวนคนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนรูปร่างค่อยๆเป็นหมู่บ้านขึ้นมา ถึงจะมาเขตที่อยู่อาศัยไม่กี่ครั้งอย่างตอน 1 ขวบมาดูการชำแหละ แต่ก็รู้ได้เลยว่ามีการเปลี่ยนแปลง

                เวลาก่อน 9 โมงเช้า ถึงจะยังไม่ถึงเวลาที่กำหนด แต่ตรงสิ่งก่อสร้างที่คิดว่าน่าจะเป็นโบสถ์ มีคนจำนวนมากรออยู่

                (อืม กะแล้วเชียวว่าประชาชนกับทาสติดที่ดินนั้นต่างกัน หมายความว่าประชาชนจะเข้าพิธีประเมินด้วยเหรอ)

                จำนวนคนเกือบ 100 คน ซึ่งระหว่างนั้นอเลนก็สังเกตุเห็นถึงความสกปรกของเสื้อผ้า ถึงจะสวมเสื้อผ้าป่านเหมือนกัน แต่ของทาสจะมีรอยสกปรกสีน้ำตาลสะดุดตา เนื่องจากทำงานสวนและซักผ้าด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียวไม่ได้ใช้สบู่ ทาสติดที่ดินซึ่งสกปรกเป็นวงสีน้ำตาลกับประชาชนที่ไม่เป็นเช่นนั้น ประชาชนที่ทำงานสวนก็มีอยู่หรอก ความแตกต่างนี้อาจจะเพราะว่ามีการใช้สิ่งที่ใกล้เคียงกับสบู่ก็ได้

                เสียงระฆังบอกเวลา 9 โมงดังขึ้น ประตูเปิดออกและคนที่ชวนให้คิดว่าเป็นนักบวชก็ออกมาจากข้างใน แต่งตัวแตกต่างจากประชาชน เสื้อผ้าที่เย็บเป็นชิ้นเดียวโดยไร้รอยตะเข็บ ก่อนจะนำทางเข้าไปข้างในโบสถ์

                (เพิ่งจะเคยเข้ามาในโบสถ์เป็นครั้งแรกนะเนี่ย)

                เข้าไปในโบสถ์พร้อมกับโรดัน ดูภายนอกเหมือนสิ่งก่อสร้าง 2 ชั้น แต่จริงๆแล้วเป็นสิ่งก่อสร้างชั้นเดียวที่มีเพดานสูงมาก ปลายทางที่เข้าไปเป็นห้องโถงซึ่งไม่มีที่นั่ง โดยตรงด้านในสุดของห้องโถงมีรูปปั้นเทพเจ้าชายสีขาวที่ชวนให้นึกถึงเทพในตำนานกรีกอยู่ ซึ่งเสาอื่นๆก็มีรุปปั้นเทพเจ้าชายและหญิงองค์อื่นๆอยู่

                (โน้นเป็นเทพของต่างโลกเหรอ ที่เหมือนกำรวงข้าวอยู่หรือจะเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ที่ถืออาวุธอยู่เหมือนจะเป็นเทพสงครามเลย)

                ที่สถิตอยู่ด้านในสุด เท่าที่ดูแล้วน่าจะอายุ 20 ปลายๆ มีผมยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าดูเคร่งขรึมหลับตาทั้งสองข้าง ข้างบนไม่สวมเสื้อผ้าและไม่มีสิ่งที่เหมือนปีก

                แล้วก็นึกถึงประกาศที่ได้รับจากพระเจ้าต่างโลกผ่านสมุดเวทมนตร์ตอนที่อายุ 1 ขวบ หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่ออะไรมากอีกเลย

                นักบวชที่อยู่ภายในสิ่งก่อสร้างมีจำนวนหลายคน และบอกให้นั่งลงตรงพื้นแข็งๆด้านหลัง  พอทุกคนนั่งลง นักบวชที่ดูสูงวัยที่สุดยืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้นเทพสีขาวก่อนจะพูดออกมา

                “วันนี้จะทำพิธีประเมินทุกคนที่มารวมตัวกัน”

                ประชาชนก้มศีรษะลง เพราะมีธรรมเนียมเช่นนั้นทำให้ทาสติดที่ดินก้มศีรษะลงไปด้วย ดูเหมือนประชาชนจะมาโบสถ์เป็นช่วงๆอยู่ อเลนเลยก้มศีรษะตามไปด้วย และนักบวชสูงวัยก็พูดออกมาต่อ

                “เทพแห่งผู้สร้างเอลเมียได้ประทานโอกาสให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน บางทีผู้ที่เกิดมาเป็นทาสติดที่ดินอาจจะไม่รู้ก็เป็นได้ แต่ก็มีเหมือนกันที่วีรบุรุษของประเทศมาจากทาสติดที่ดิน”

                ภายในโบสถ์เกิดเสียงจอแจ มันหมายความว่าอย่างไรที่วีรบุรุษมาจากทาสติดที่ดิน ภายในห้องโถงแห่งนี้มีหลายครอบครัวที่ลูกคนแรกเพิ่งจะ 5 ขวบและมาเข้าพิธีประเมินครั้งแรกอยู่เยอะ ดูเหมือนครอบครัวเหล่านั้นเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก เรื่องที่วีรบุรุษมาจากทาสติดที่ดิน

                หมู่บ้านบุกเบิกถูกก่อตั้งมาเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนบุกเบิกแรกๆ ต้องถอนรากไม้และเอาหินออกอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อสร้างบ้านและทำสวนขึ้นมา ในช่วง 2-3 ปีแรกผลผลิตยังไม่ดีเลยอยู่ในสภาพที่ยังมีเด็กไม่ได้ แต่พอเข้าสู่ปีที่ 4 และ 5 ก็สบายขึ้นและผลผลิตเองก็มั่นคงขึ้นแล้ว

                จากสิ่งนั้นทำให้มีลูกมากขึ้น โรดันกับเทเรเซียเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น อเลนเกิดในช่วงเบบี้บูมของหมู่บ้านบุกเบิก ที่นี่มีเด็กเกิดประมาณ 30 คนในช่วงเบบี้บูม

                “นักบุญกราซิสมาจากประชาชน แล้วยอดนักดาบโดเบิร์กที่กำลังรับใช้เมืองหลวง ก็มีต้นกำเนิดมาจากทาสติดที่ดิน”

                เสียงเซ็งแซ่ว่า เรื่องนั้นจริงหรือเปล่า ดังไปทั่วห้องโถง 

                (อ้อ อย่างนี้นี่เอง)

                ในนั้นมีอเลนแค่คนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ สิ่งที่นึกออกคือเรื่องเมื่อ 5 ปีก่อนที่จะมาเกิดใหม่ จะว่าไปโลกนี้ผู้กล้ากับยอดนักดาบถูกกำหนดให้เกิดในชนชั้นที่ต่ำ ไม่สามารถเป็นชนชั้นสูงอย่างขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์ได้ อาชีพที่ยาก หรืออนาคตจะแข็งแกร่งจะเกิดในชนชั้นที่ต่ำ ซึ่งนั่นก็คือประชาชนหรือไม่ก็ทาสติดที่ดิน

                (ต่างโลกคงมีการตั้งค่าไว้อย่างนั้นตั้งแต่แรกแล้ว เลยต้องมาทำการประเมินพรสวรรค์ เหล่าทาสติดที่ดินซึ่งอาจจะมีความสามารถอย่างเหลือล้นหลับใหลอยู่ด้วย)

                หลังจากนั้นก็อธิบายพิธีประเมินแบบง่ายๆ ข้างหน้าของนักบวชสูงวัยมีคริสตัลสำหรับใช้ในการประเมินตั้งไว้อยู่ ถ้าเอามือแตะแผ่นโลหะสีดำขนาดใหญ่เท่าคนที่อยู่ข้างนักบวชจะแสดงผลการประเมินออกมา

                “ถ้าสัมผัสคริสตัลนี้ จะแสดงพรสวรรค์และความสามารถ”

                (อึมๆ ไม่ใช่ดูสีที่เปลี่ยนไปของคริสตัลแต่แสดงการประเมินออกมาเป็นตัวอักษรเหรอ เปิดเผยต่อสาธารณชนเลยสินะ เอาเถอะ คนมากขนาดนี้คงซ่อนไม่ได้หรอก)

                พิธีประเมินก็ดำเนินต่อไป ในขณะที่อเลนพิจารณาสิ่งนั้น 

                “เริ่มจากลูกของเดโบจิ เปโรมูส กรุณามาแตะคริสตัลด้วย”

                นักบวชสูงวัยมองดูที่สิ่งที่คล้ายกระดาษหนังแกะแล้วชี้แนะออกมา เหมือนเป็นสมุดรายชื่อของเด็กประมาณ 30 คน หัวหน้าหมู่บ้านพาเปโรมูสไปยังด้านหน้าของคริสตัลที่อยู่หน้าห้องโถง

                เปโรมูสยื่นมือทั้งสองข้างไปที่คริสตัลตามคำแนะนำของหัวหน้าหมู่บ้าน คริสตัลที่สัมผัสส่องแสงจางๆออกมา แล้วแสงนั้นก็เคลื่อนที่ไปยังแผ่นโลหะสีดำสนิทที่อยู่ข้างๆ แล้วตัวอักษรสีเงินก็ปรากฎขึ้นบนแผ่นโลหะ

                (หือ! เหมือนสมุดเวทมนตร์เลยนี่!! หรือว่าสมุดเวทมนตร์จะมีการติดตั้งระบบแบบเดียวกับพิธีประเมินเอาไว้เหรอ?)

                “โอ้! มีพรสวรรค์ของพ่อค้าด้วย ยินดีด้วยนะ”

 

                [ชื่อ]        เปโรมูส

                [พลังกาย]              C

                [พลังเวท]               D

                [พลังโจมตี]            D

                [ความทนทาน]      C

                [ความว่องไว]        D

                [ความฉลาด]         B

                [โชค]       B

                [พรสวรรค์]             พ่อค้า

 

                ผลการประเมินมีช่องแสดงพรสวรรค์อยู่ เพราะแสดงออกมาว่าพ่อค้าเลยส่งเสียงดีใจออกมา หัวหน้าหมู่บ้านเดโบจิเข้าไปกอดเปโรมูส เขาเองก็ดีใจทั้งที่อึดอัด

                (โอ๊ะ? ไม่ว่ามีพรสวรรค์อะไรก็ดีใจสินะ แถมแสดงระดับของความสามารถด้วย)

                อเลนเปิดสมุดเวทมนตร์ พร้อมกับเริ่มบันทึกผลการประเมินของเปโรมูส ต่อไปที่ถูกเรียกเป็นลูกชายของประชาชน พอโดนเรียกชื่อก็ออกไปพร้อมกับครอบครัวที่หน้าคริสตัล แล้วเขาก็เอามือไปแตะคริสตัล

                ผลการประเมินแสดงขึ้นบนแผ่นโลหะสีดำสนิท

                เขากับครอบครัวรู้สึกผิดหวัง ตรงช่องพรสววรค์แสดงว่า ‘ไม่มี’ แต่การประเมินของโบสถ์ถือเป็นสิ้นสุด เลยไม่พูดอะไร และลงไปเพื่อให้ทำการประเมินต่อ

                (โอ้ๆ พรสวรรค์ไม่ได้มีกันทุกคนงั้นเหรอ?)

                การประเมินคืบหน้าไปเรื่อยๆ สเตตัสหลังจากเปโรมูส ส่วนใหญ่มีแค่ C ถึง E และแสดงพรสววรค์ว่า ‘ไม่มี’ น่าจะเรียกประชาชนก่อนหรือเปล่านะ เพราะทาสติดที่ดินยังไม่โดนเรียกเลย ถ้าการประเมินของตัวเองเสร็จแล้วจะกลับก็ได้ ซึ่งมีทั้งผู้ที่กลับเลยกับรอดูผลการประเมินของเด็กคนอื่นที่เหลือ

                “สะ สำเร็จ ป๊ะป๋ะ ผู้ใช้ขวานละ ผู้ใช้ขวาน!!”

                เด็กรูปร่างดีคนที่ 7 ได้รับการประเมินจากนักบวชว่ามีพรสวรรค์ของผู้ใช้ขวาน พ่อลูกกอดกันพร้อมกับดีใจต่อผลการประเมิน

                

                [ชื่อ]        โดโกร่า

                [พลังกาย]              B

                [พลังเวท]               D

                [พลังโจมตี]            A

                [ความทนทาน]      B

                [ความว่องไว]        C

                [ความฉลาด]         D

                [โชค]       C

                [พรสวรรค์]             ผู้ใช้ขวาน

 

                (โอ้ว! สเตตัสระดับ A คนแรก หมายความว่าถ้าไม่มีพรสวรรค์จะได้ระดับ B ยากงั้นเหรอ?)

                จดทุกอย่างลงในสมุดเวทมนตร์ พร้อมกับวิเคราะห์ความสามารถของผู้ใช้ขวาน

                เท่านี้ประชาชนก็หมดแล้ว และเริ่มเรียกเหล่าเด็กที่คิดว่าน่าจะเป็นทาสติดที่ดิน ทาสติดที่ดินเองก็มีเยอะพอๆกับประชาชนที่ไม่มีพรสวรรค์

                ในทาสติดที่ดินมีเด็กหนึ่งคนที่มีพรสวรรค์ของบาทหลวง นักบวชบอกกับเด็กว่าหลังจากนี้ให้ไปรับคำอธิบายจากหลวงพ่อ

                (ยังไม่โดนเรียกสักที เอาเถอะ ถ้าทำให้วิเคราะห์พรสวรรค์ได้ก็ถือว่าช่วยได้เยอะอยู่)

                เหลือแค่อเลนกับคุเรนะ

                “ถ้าอย่างนั้นลูกของเกลด้า คุเรนะ กรุณามาแตะคริสตัลด้วย”

                “ค่ะ!!”

                คุเรนะถูกพาไปคริสตัลโดยเกลด้า เธอยิ้มพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างแตะคริสตัล เพราะว่าเกือบสุดท้ายด้วย ทำให้คนลดลงไปเยอะ แต่ยังมีครอบครัวหลายกลุ่มที่ยังคอยดูอยู่

                ตอนที่คุเรนะยื่นมือออกไป คริสตัลก็ฉายแสงที่เหลือเชื่อออกมา พอแสงของคริสตัลจบลง ผลการประเมินก็แสดงออกมาที่แผ่นโลหะสีดำสนิท

                “““อะ อะไรเนี่ย!!!”””

                เหล่าผู้ปกครองที่เหลือกับนักบวชประหลาดใจกับแสงที่รุนแรง เกลด้าเองก็แสดงความประหลาดใจออกมาเหมือนกัน

                “หา!? ระ เรื่องนั้น อะ ออกมาแล้ว”

                บาทหลวงสูงวัยถึงกับสั่น

                “หา!? เอ๊ะ? ท่านนักบวช ผลการประเมิน!?”

                เกลด้าอ่านตัวอักษรที่แสดงบนแผ่นโลหะไม่ออก ทาสติดที่ดินที่อ่านตัวอักษรอื่นนอกจากชื่อของตัวเองและครอบครัวออกแทบจะไม่มีเลย นอกจากชื่อของลูกสาวคุเรนะแล้วก็ไม่รู้เลยว่ามีอะไรเขียนไว้บ้าง

                “ยะ ยอดนักดาบ พรสวรรค์ของคุเรนะคือยอดนักดาบ!”

 

                [ชื่อ]        คุเรนะ

                [พลังกาย]              S

                [พลังเวท]               C

                [พลังโจมตี]            S

                [ความทนทาน]      A

                [ความว่องไว]        A

                [ความฉลาด]         C

                [โชค]       B

                [พรสวรรค์]             ยอดนักดาบ

                

                “ทะ ยอดนักดาบที่ว่าเนี่ย!!”

                “ยอดนักดาบถือกำเนิดแล้ว!”

                เสียงเซ็งแซ่ดดังไปทั่วห้องโถงโบสถ์ ทุกคนจ้องมองแผ่นโลหะสีดำสนิทสลับกับคุเรนะ

                “เอ๊ะ? ไม่ใช่นักดาบเหรอ?”

                คุเรนะทำท่าคอตกด้วยความเสียดาย ดูเหมือนจะไม่เข้าใจสถานการณ์สินะ

                แผ่นโลหะสีดำ แสดงค่าความสามารถของยอดนักดาบที่เทียบกับ 30 คนก่อนหน้าไม่ติดอยู่

[นิยายแปล] Hell mode

[นิยายแปล] Hell mode

Artist: ,
อ่านนิยาย Hell modeยามาดะ เคนอิจิ พนักงานกินเงินเดือน อายุ 35 ปี ผู้ชื่นชอบเกมที่ต้องฟาร์มหนักๆ ตอนนี้กำลังสิ้นหวังกับยุคที่เกมเล่นผ่านง่ายๆกำลังเป็นที่แพร่หลาย ระหว่างนั้นเองที่เขาโดนเว็บไซต์หนึ่งที่เขียนว่า "สำหรับผู้ชื่นชอบการฟาร์มอย่างคุณ" ทำให้ไปเกิดใหม่ในต่างระดับเฮลโหมด ป.ล. 1 แปลจากเว็บโนเวล ถ้าไม่เหมือนฉบับรุปเล่มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ป.ล. 2 การอัพขึ้นอยู่กับเวลาว่างจากการทำงาน อย่าคาดหวังมาก(แต่จะพยายามอัพเรื่อยๆถ้าแปลเสร็จ

Options

not work with dark mode
Reset