[นิยายแปล] Hell mode – ตอนที่ 124 งานเลี้ยงต้อนรับ

บทที่ 124 งานเลี้ยงต้อนรับ

            ‘มีแขกหรือฆ่า?’

            “เหวอ!!”

            สัตว์อัญเชิญวิญญาณ C ลอยทะลุกำแพงเข้ามา จะว่าไปลืมบอกให้อยู่นิ่งๆที่ชั้น 2

            “อ๊ะ น่ารัก!”

            ‘ฮุๆ ขอบคุณฆ่า’

            สัตว์อัญเชิญวิญญาณ C บอกอย่างนั้นพร้อมให้นีน่าอุ้ม พอเห็น 1 คนกับ 1 ตัวอย่างนี้แล้วทุกคนก็อมยิ้มพร้อมกับคิดว่าเด็กผู้หญิงช่างเข้ากับตุ๊กตาฝรั่งมาก

            เด็กเล็กหลายคนพอเห็นอาหารก็ดูตื่นเต้น

            “ถ้าอย่างนั้น มาเริ่มงานเลี้ยงต้อนรับคุณคีลกับครอบครัวกันเถอะ”

            เพราะทุกคนคงอยากกินกันแล้ว เลยกล่าวทักทายพร้อมกับเริ่มรับประทานอาหาร

            “อืม! กินกันเถอะ!!!”

            คุเรนะยังบอกให้รีบกิน

            คีลกับนีน่านั่งลงแล้ว แต่ที่เหลืออีก 6 คนไม่ยอมนั่ง

            “เอ๊ะ?”

            (โอ๊ะ ทำไมไม่นั่งกัน?)

            “อ้า ทุกคน บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่เป็นไร มากินข้าวด้วยกันเถอะ”

            “คะ ครับ ท่านคีล”

            “นะ นี่ อย่าเรียกอย่างนั้นสิ”

            “……ขอโทษครับ”

            ชายที่อายุ 15 ปีกล่าวขอโทษตอนที่คีลตักเตือนเบาๆ เท่าที่ดูแล้วหน้าตาไม่เหมือนพี่น้องกันเลย ใน 8 คนนี้ที่ผมบลอนด์มีแค่คีลกับนีน่าเท่านั้น

            (กะแล้วเชียว ครอบครัวที่ว่าคือความครอบครัวในความหมายนั้นสินะ?)

            อเลนนึกออกถึงแนวคิดเกี่ยวกับครอบครัวที่ได้ยินมาจากหัวหน้าคนรับใช้ฝึกหัดริกเกล

            ดูเหมือนเซซิลเองคงรู้สึกตัวจากสถานการณ์นี้เช่นกัน

            “เอาละ กินกันได้เลยอาหารมีเยอะ ถ้าไม่พอเดี๋ยวไปซื้อมาเพิ่มได้”

            แต่ละคนตอบและเริ่มหยิบขนมปังก้อนใหญ่กับเนื้อที่หั่นไว้แล้วตรงที่นั่งของตัวเองมากิน ดูเหมือนคงหิวกันมาก ทำให้มีเด็กหลายคนที่กินไม่หยุด คุเรนะกับโดโกร่าก็เริ่มกินแล้วด้วย ทำให้อาหารที่ซื้อมาจากร้านเริ่มลดน้อยลง

            อเลนคิดถูกที่ซื้ออาหารมาเยอะ เยอะขนาดแทบจะวางบนโต๊ะนี้ไม่พอ ถึงจะยังเกร็งๆจากการมาสิ่งก่อสร้างที่ไม่รู้จัก แต่ความเกร็งของทุกคนก็ผ่อนคลายขึ้นเพราะอาหาร

            (น่าจะประมาณนี้สินะ เพราะยังมีแต่เด็กคนทำงานเลยไม่เพียงพอ พอจะรู้แล้วว่าทำไมคีลถึงผอมอย่างนี้)

            ・ นีน่าอายุประมาณ 9 ขวบ

            ・ผู้ชาย 3 คน อายุ 8 – 15 ปี

            ・ผู้หญิง 3 คนอายุ 8 – 15 ปี

            คิดเกี่ยวกับทั้ง 7 คนที่คีลพามาอย่างใจเย็น

            “อเลน แบบว่า ขอบคุณนะ เรื่องเกี่ยวกับฐานในครั้งนี้ให้พูดตามตรงถือว่าช่วยได้มากเลย”

            คงจะใช้ชีวิตกันอย่างยากจนมากเลยนะเนี่ย

            “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณคีล”

            “แล้วช่วยกันซะขนาดนี้ อยากให้เลิกเรียกว่า ‘คุณคีล’ สักที ถ้าเป็นไปได้พูดคุยเหมือนกับคนอื่นอีก 3 คนได้ไหม”

            (โอ้! เยี่ยมเลย!! ให้ความรู้สึกเหมือนเปลี่ยนจากตี้จรมาเป็นปาร์ตี้จริงเลย!)

            ในระหว่างที่ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน คีลบอกว่าอยากให้พูดเป็นกันเองมากขึ้น

            “เอาอย่างนั้นก็ได้นะคีล”

            “อือ”

            “แต่ไม่นึกเลยนะว่าคีลจะเป็นขุนนางเนี่ย”

            ดูเหมือนเซซิลจะรู้ได้จากการที่คีลคุยกับคนที่เหมือนคนรับใช้

            “อือ……โทษทีนะที่ไม่ได้บอก เคยเป็นขุนนางน่ะ”

            “เคยเป็น? หมายความว่ายังไงเหรอ?”

            คีลพูดเรื่องเกี่ยวกับที่เคยเป็นขุนนาง ช่วงนี้เกิดความวุ่นวายทำให้ตระกูลโดนยุบ ถึงจะไม่มีบ้านแล้วแต่ตัวเองยังมีน้องสาวแล้วยังเหล่าคนรับใช้ที่ไร้ญาติ เลยพาทุกคนมาที่นี่

            “อ้า ต้องขอโทษด้วยที่ถามเรื่องที่ไม่ควรถามน่ะ”

            “ไม่ต้องใส่ใจหรอก ฉันแทบจะไม่เคยถูกเลี้ยงดูมาให้สมกับขุนนางเลย ดังนั้นการพูดจาเลยเป็นแบบนี้ จะว่าไปเซซิลก็เหมือนขุนนางนะ”

            “อ้าว? ฉันเป็นขุนนางไง?”

            แล้วเซซิลเหมือนจะนึกออกว่ายังไม่ได้พูดแนะนำตัว 1 เดือนก่อนอเลนแนะนำทุกคนแบบคร่าวๆ ไป แต่ยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

            แล้วยังไม่มีเวลาว่างพอจะคุยกับคีลด้วย

            1“““เอ๊ะ?”””

            คนรับใช้ของคีลส่งเสียงประหลาดใจออกมาพร้อมกันตอนที่ได้ยินคีลคุยกับเซซิล มีคนที่พยายามจะลุกขึ้นอยู่ด้วย

            “อ้อ ไม่เป็นไรหรอก โรงเรียนไม่มีทั้งขุนนางหรืออะไรทั้งนั้น”

            เซซิลรีบร้อนบอกไปว่าไม่มีปัญหา เหล่าเด็กที่นั่งอยู่ตรงนี้ได้รับการอบรมเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวต่อขุนนางอยู่ เหล่าคนรับใช้บอกว่า อย่างนั้นหรือครับ ต่อคำพูดของเซซิลก่อนจะนั่งลง

            (ตระกูลขุนนางที่เพิ่งจะโดนยุบ หรือว่า……)

            อเลนนึกเกี่ยวกับตระกูลขุนนางที่โดนยุบในช่วงที่ผ่านมา

            “จะว่าไป ท่านพี่คีล ไม่เป็ไรแน่หรือคะที่จะให้อาศัยอยู่ในบ้านที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้?”

            อเลนที่กำลังคิดเรื่องของคีล นีน่าที่กอดสัตว์อัญเชิญวิญญาณ C ไว้ตรงท้องก็พูดขึ้นมา ฟังดูแล้วเหมือนอยากจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเลย

            “อ้อ ใช่แล้ว ถ้าทุกคนอาศัยอยู่ที่บ้านนี้ เขาบอกว่าจะให้เงินเดือนด้วย ตั้งใจทำงานกันด้วยนะ”

            “““ครับ/ค่ะ”””

            ขนาดเด็กเล็กยังส่งเสียงตอบออกมาอย่างดัง

            (เดี๋ยวสิ ไม่นึกเลยว่าจะเด็กกันขนาดนี้ แต่จะว่าไปฉันเองก็เป็นคนรับใช้ฝึกหัดตอนอายุ 8 ขวบด้วยนี่สิ คงเป็นเรื่องปกติสำหรับโลกนี้หรือเปล่านะ)

            “อืมๆ เอาเถอะ อย่าฝืนกันเกินไป มีไม่อยู่บ้านด้วยยังไงก็ฝากด้วยนะ”

            “““ครับ/ค่ะ!”””

            เหล่าคนรับใช้ของคีลตอบกลับมา

            “ท่านพี่ ไม่อยู่บ้านเนี่ยจะไปดันเจี้ยนหรือคะ?”

            ดูทรงแล้วนีน่าคงเป็นห่วงมาก บางที 1 เดือนมานี้คีลได้เงินกลับมาเยอะ เลยเป็นห่วงความปลอดภัยของคีลอยู่ก็ได้

            บทสนทนานี้ทำให้เซซิลแสดงสีหน้าเศร้าออกมา อาจจะเห็นภาพที่นีน่าเป็นห่วงพี่ชายซ้อนทับกับภาพของตัวเองกับมิไฮ

            “ใช่แล้ว นีน่า แต่เบาใจได้เลย ทุกคนแข็งแกร่งมากไง”

            “อย่างนั้นหรือคะ?”

            เขาพูดอย่างนั้น พร้อมกับมองคุเรนะที่กัดขนมปังก้อนโตอย่างไม่หยุดหย่อน

            “แล้ว จะทำอะไรต่อเหรอ?”

            โดโกร่าถามว่าจะทำอะไรต่อทั้งที่ยังถือเนื้ออยู่

            โดโกร่าเห็นว่าอเลนทำอะไรบ้างที่หมู่บ้านคุเรนะอย่างใกล้ชิด เลยไม่ค่อยพูดแทรกเกี่ยวกับแผนการ แค่ถามตอนอยู่ที่ฐ่นว่าจะเอายังไงหรือทำอะไรต่อแค่นั้น

            ตอนที่ได้คีลเป็นพวกยังไม่ได้บอกอะไรเป็นพิเศษ ดูเหมือนจะไม่ใช่พวกที่มีนิสัยบอกว่าพวกคนนี้ดี หรือไม่ดีอะไร ทำให้อเลนคิดว่าโดโกร่านี่เหมือนกับนักรบอยู่

            “คิดว่าพรุ่งนี้จะไปช่วยทุกคนขนของกับซื้อพวกเครื่องเรือนที่ไม่พอน่ะ อาจจะต้องขอรวมเงินจากทุกคนเล็กน้อยด้วยก็ได้”

            “อ้อ เข้าใจแล้ว”

            ทุกคนรวมไปถึงอเลน มีเงินมากกว่า 10 เหรียญทองอยู่จากการที่แบ่งเงินรางวัลกันมาเกือบ 2 เดือน เลยบอกไปว่าจะขอรวบรวมนิดหน่อยเพื่อซื้อของใช้ที่จำเป็น

            “ทุกคนสนิทกันมากเลยนะคะเนี่ย?”

            นีน่ามองสภาพของอเลนและโดร่าพร้อมกับถามออกมา

            “ใช่แล้ว ฉันกับโดโกร่า แล้วก็คุเรนะที่อยู่ตรงนั้นเกิดที่หมู่บ้านเดียวกันน่ะ”

            “อ้อ จะว่าไปก็เคยบอกอย่างนั้นอยู่ด้วย”

            คีลเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย อเลนเคยบอกคีลไปแล้วว่าทั้ง 4 คนเกิดที่แคว้นเดียวกัน

            “เอาเถอะ ฉันกับคุเรนะเป็นทาสติดที่ดินด้วย มันมีอะไรหลายอย่างทำให้ได้เป็นประชาชนน่ะ”

            ถือโอกาสพูดเรื่องของตัวเองออกไปด้วยเลย

            “เอ๊ะ อย่างนั้นเหรอ? ถ้าพูดออกไปแล้วรู้สึกไม่ดีก็ขอโทษด้วยนะ แต่ดูแล้วไม่เหมือนเลย”

            เนื่องจากคีลพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนของเขา อเลนเลยถือโอกาสพูดออกไปบ้าง

            “อเลนเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ที่หมู่บ้านก็พูดไม่ค่อยเหมือนกับทาสติดที่ดินเลย”

            “อืมๆ อเลนไม่เปลี่ยนไปเลยไง”

            โดโกร่ากับคุเรนะเห็นพ้องกัน

            (เดี๋ยวสิ ฉันเองก็โตแล้วนะ คุเรนะจำเอาไว้เลย)

            “หือ? เซซิลเป็นขุนนางขอแคว้นนั้นเหรอ? หมายความว่าเป็นเจ้าเมืองงั้นเหรอ?”

            แล้วคีลก็รู้สึกถึงเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ของเซซิลที่ไปไหนมาไหนพร้อมกัน 4 คนตลอด

            “อ้อ อเลนเป็นคนรับใช้ฝึกหัดของเจ้าเมืองตั้งแต่ตอนอายุ 8 ขวบน่ะ”

            “ใช่แล้วๆ ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาโรงเรียนด้วยกันเนี่ย!”

            “น่าอิจฉาจังเลยนะ ฉันไม่มีเพื่อนมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว แล้วมาจากที่ไหนเหรอ?”

            “เอ๊ะ? มาจากแกรนเวลน่ะ อ้าว? ยังไม่ได้บอกเหรอ?”

            “แกรนเวล? เมื่อกี้บอกว่าแกรนเวลสินะ? เอ๊ะ? ถ้างั้นเซซิลก็?”

            คีลหยุดกินอาหาร และส่งสายตาไปหาเซซิล

            “อืมๆ มาจากแกรนเวล เซซิลก็เป็นลูกสาวของท่านเจ้าเมืองไง”

            แกร๊ง

            “““เอ๊ะ?”””

            คีลและเหล่าคนรับใช้ยืนขึ้นต่อคำตอบของคุเรนะ เธอกับโดโกร่าประหลาดใจกับสภาพนั้น หรือว่าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า

            “ทะ ท่านนีน่า กะ กรุณาถอยไปด้วยครับ!!”

            แล้วคนรับใช้ที่อายุเยอะที่สุด บอกให้นีน่าถอยไป ราวกับอยากจะให้ซ่อนตัวจากพวกอเลน นีน่าสับสนตามเรื่องพูดไม่ทัน ซึ่งคนรับใช้ที่ยังเด็กอยู่ก็มีสภาพเดียวกัน

            “เอ๊ะ กะ ก็หมายความว่า อะไรกัน กะ โกหกน่า!”

            คีลมองเซซิลพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อ

            “พูดเรื่องอะไรเหรอ? ฉันเซซิล แกรนเวลแห่งตระกูลแกรนเวล”

            สีหน้าของคีลเปลี่ยนจากประหลาดใจมาเป็นชิงชัง ดวงตานั้นแฝงไว้ด้วยความเกลียดชังราวกับจ้องมองศัตรูของพ่อแม่

            “งะ งั้นเหรอ……ปะ เป็นเธอเองสินะ ที่มาทำกับครอบครัวของฉัน! ที่ทำลายตระกูลคาร์เนลเนี่ย!!”

            คีลตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจใส่เซซิล

[นิยายแปล] Hell mode

[นิยายแปล] Hell mode

Artist: ,
อ่านนิยาย Hell modeยามาดะ เคนอิจิ พนักงานกินเงินเดือน อายุ 35 ปี ผู้ชื่นชอบเกมที่ต้องฟาร์มหนักๆ ตอนนี้กำลังสิ้นหวังกับยุคที่เกมเล่นผ่านง่ายๆกำลังเป็นที่แพร่หลาย ระหว่างนั้นเองที่เขาโดนเว็บไซต์หนึ่งที่เขียนว่า "สำหรับผู้ชื่นชอบการฟาร์มอย่างคุณ" ทำให้ไปเกิดใหม่ในต่างระดับเฮลโหมด ป.ล. 1 แปลจากเว็บโนเวล ถ้าไม่เหมือนฉบับรุปเล่มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ป.ล. 2 การอัพขึ้นอยู่กับเวลาว่างจากการทำงาน อย่าคาดหวังมาก(แต่จะพยายามอัพเรื่อยๆถ้าแปลเสร็จ

Options

not work with dark mode
Reset