[นิยายแปล] Hell mode – ตอนที่ 13 พิธีประเมิน 2

บทที่ 13 พิธีประเมิน 2

                คุเรนะมีพรสวรรค์ของยอดนักดาบ ทั้งเกลด้าและโรดันต่างก็แข็งทื่อแสดงสีหน้าราวกับจะถามว่าเป็นเรื่องจริงหรือ อเลนกลับสงบนิ่งในสถานการณ์นี้และจดบันทึกสเตตัสของคุเรนะลงในสมุดเวทมนตร์

                (รู้สึกอะไรอย่างนั้นอยู่แล้ว ให้พูดตามตรงไม่คิดอยู่แล้วว่าความแข็งแกร่งระดับนั้นจะเป็นแค่นักดาบ)

                เล่นติ๊ต่างเป็นอัศวินกับคุเรนะมา 2 ปีครึ่ง ถึงจะติ๊ต่างแค่วันละ 1 ชั่วโมง แต่วิชาดาบกลายเป็นเลเวล 3 แล้ว ได้รับการซ่อมดาบไม้ที่พังเกิน 10 เล่มแล้วด้วย ช่วงนี้เลยทำดาบไม้ขึ้นมาเอง

                จบลงไป 31 คนแล้ว ปัจจุบันมีสภาพเช่นนี้

                ・ยอดนักดาบ 1 คน (คุเรนะ)

                ・ ผู้ใช้ขวาน 1 คน (ประชาชน)

                ・บาทหลวง 1 คน (ทาสติดที่ดิน)

                ・ พ่อค้า 1 คน (ลูกชายหัวหน้าหมู่บ้าน)

                ・ไม่มีพรสวรรค์ 27 คน

                (ส่วนใหญ่แทบจะไม่มีพรสวรรค์เลยสินะ ถ้าจะให้พูดถึงอัตราส่วนก็น่าจะ 1 ใน 10 คน)

                “สุดท้าย ลูกของโรดัน อเลน กรุณามาแตะคริสตัลด้วย”

                มาถึงคนสุดท้ายจนได้ โรดันพาไปอยู่ยืนหน้าคริสตัลและยื่นมือไปแตะตามที่นักบวชบอก

                (อย่างนี้นี่เอง เท่านี้จะได้บอกให้ครอบครัวได้รู้สักทีว่าฉันเป็นนักอัญเชิญ เอาเถอะพระเจ้าเป็นคนบอกเอง จะว่าไป ที่ส่งประกาศมาให้ทราบก็เป็นเทพแห่งผู้สร้างหรือเปล่านะ)

                5 ปีครึ่งมานี้ ถึงจะมีตั๊กแตนจำนวนมากที่โดนเทเรเซียทำให้สลายกลายเป็นแสงไป แต่ยังไม่ได้บอกครอบครัวเรื่องที่ตัวเองเป็นนักอัญเชิญออกไป เหตุผลก็เพราะว่าถ้าอเลนโดนถามว่าทำไมถึงคิดว่าเป็นนักอัญเชิญ มันจะอธิบายความจริงออกไปไม่ได้ แถมไม่ใช่สถานการณ์ที่จำเป็นต้องฝืนอธิบายด้วย

                พอคิดอย่างนั้น คริสตัลก็ส่องแสงที่เจิดจ้าออกมา

                “““หา!?”””

                ทั้งนักบวชสูงวัยและโรดันต่างก็ตกตะลึง มันเป็นแสงที่เจิดจ้ากว่าคุเรนะ จนต้องเอามือมาปิดตาราวกับว่ามีดวงอาทิตย์อีกดวงหนึ่งเลย

                พอแสงสงบลง ตัวอักษรสีเงินก็ถูกสลักลงแผ่นโลหะสีดำ

                “นะ นี่มัน อะไรกัน……”

                นักบวชที่แสดงความประหลาดใจ ถึงกับขยี้ตาอีกครั้งเพราะไม่เชื่อสายตาตัวเอง

                “เอ่อ ท่านนักบวช การประเมินเป็นอย่างไรบ้างครับ”

                โรดันที่อ่านตัวหนังสือไม่ออกตรวจสอบผลการประเมินกับนักบวช

                “เอ๊ะ อ้อ อืม ไม่มีพรสวรรค์น่ะ”

                “อย่างนั้นเหรอครับ”

                โรดันเห็นอเลนเล่นติ๊ต่างเป็นอัศวินกับยอดนักดาบคุเรนะอยู่บ่อยครั้ง และคิดว่าการใช้ดาบไม้ไม่เหมือนกับเด็กธรรมดาทั่วไปเลยคาดหวังว่าอาจจะมีพรสวรรค์ของนักดาบอยู่ก็ได้

                (หือ คุณพ่อดูท่าทางจะผิดหวังเอาเรื่องเลยนะเนี่ย เอาเถอะ ไม่มีพรสวรรค์มันก็ได้อยู่หรอกแต่ผลการประเมินนี้มันอะไรกัน? หรือว่าเทพแห่งผู้สร้างอู้งานงั้นเหรอ?)

                อเลนมองแผ่นโลหะสีดำสนิทด้วยความเอือมระอา

 

                [ชื่อ]        อเลน

                [พลังกาย]              E

                [พลังเวท]               E

                [พลังโจมตี]            E

                [ความทนทาน]      E

                [ความว่องไว]        E

                [ความฉลาด]         E

                [โชค]      E

                [พรสวรรค์]            ก๋ห(ส๔รํท!

 

                (พรสวรรค์ของฉันมันไม่เป็นภาษาเลยนี่!!!)

                แผ่นโลหะสีดำสนิท บอกค่าสเตตัสทุกอย่างเป็นระดับ E ส่วนพรสวรรค์ก็แสดงออกมาไม่เป็นภาษาด้วยตัวอักษรสีเงินแบบ เนื่องจากนักบวชเองอ่านพรสวรรค์ไม่ออกเลยตัดสินว่าไม่มีพรสวรรค์ก็ได้

                เหมือนจะมีประชาชนที่อ่านตัวหนังสือออกอยู่ ใช่อยู่ที่ไม่มีพรสวรรค์แต่ค่าความสามารถมันต่ำเกินไปจนมีเสียงซุบซิบ และมันดังพอที่โรดันจะได้ยิน ซึ่งเขามองมาที่อเลนด้วยสายตาราวกับจะบอกว่าผลการประเมินของลูกตัวเองมันแย่ขนาดนั้นเลยหรือ

                “อะแฮ่ม โรดันเอ๋ย ยังไงอเลนก็เป็นลูกของเจ้า จงเลี้ยงให้เติบใหญ่ซะ”

                บางทีนักบวชอาจจะจดบันทึกจบแล้ว ทำให้ตัวอักษรบนแผ่นโลหะหายไป เห็นได้ชัดว่ามีการบันทึกความสามารถของเด็กทุกคนเอาไว้ ผลการประเมินของอเลนก็มีอยู่ด้วย

                โรดันไหล่ตกออกมาจากโบสถ์ ก่อนจะกลับบ้านพร้อมกับอเลน

                (ถึงคุเรนะจะเป็นยอดนักดาบแต่ก็ให้กลับไปทั้งอย่างนั้นเหรอ ไม่สิอาจจะพูดคุยหลังจากที่ได้รับผลการประเมินแล้วก็ได้)

                ดูท่าทางโบสถ์เองก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เพราะเกลด้ากับคุเรนะตามหลังโรดันออกมาจากโบสถ์ คงให้กลับไปพร้อมกับคนอื่นๆเลยก็ได้ ระหว่างทางเกลด้าเข้ามาปลอบโรดันที่ท้อแท้ แต่เขาแทบจะไม่มีการตอบสนองเลย

                พิธีประเมินเริ่มตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึงจะเริ่มต้นด้วยการอธิบายและทำการประเมินครบทั้ง 32 คนก็ยังอยู่ในช่วงกลางวัน ระหว่างทางกลับก็ลาเกลด้ากับคุเรนะ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน

                “เจ้าเป็นลูกของฉัน สบายใจได้จะเลี้ยงให้เติบโตอย่างดีเลย แต่เป็นห่วงแม่เจ้าจังจะอธิบายยังไงดีให้รู้ว่าไม่มีพรสวรรค์เนี่ย”

                พออยู่กันแค่ 2 คนโรดันก็มาพูดด้วย ดูเหมือนคงคิดว่าอเลนผิดหวังอยู่ และเริ่มพูดเรื่องที่เทเรเซียจะไม่สบายใจเพราะแค่ไม่มีพรสวรรค์ยังพอว่า แต่ความสามารถกลับต่ำด้วยอย่างนี้ อเลนแค่กำลังคิดวิเคราะห์ถึงผลการประเมินอยู่เท่านั้น

                “เอ๊ะ? อืม ป๊ะป๋ะ “

                พออเลนตอบกลับมาทั้งรอยยิ้ม ก็ได้รับการลูบศีรษะและพากลับบ้าน

                หลังจากถึงบ้านก็บอกผลให้เทเรเซียฟังก่อนจะลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน ซึ่งเธอพูดออกมาว่านี่เป็นลูกของพวกเรา

                กลับไปยังห้องสำหรับเด็กเพื่อนอนกลางวัน อเลนไปนอนข้างๆมัชชูที่อายุ 2 ขวบและกำลังนอนหลับสนิทอยู่ เตียงเปลี่ยนจากไม้มาเป็นผ้า ทำให้สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของครอบครัวที่เอ่อล้นออกมา

                (ไม่สิ นี่น่าจะเป็นความผิดพลาดของทีมงานพระเจ้าหรือเปล่า? เรื่องที่มันออกมาไม่เป็นภาษาอย่างนั้น ทำให้คิดว่าแผ่นโลหะของพิธีประเมินไม่ได้แสดงข้อมูลของนักอัญเชิญออกมา)

                ทำการสรุปผลวิเคราะห์เกี่ยวกับพิธีประเมินอีกครั้งก่อนนอน เพราะจดบันทึกไว้อย่างดีในสมุดเวทมนตร์

                (ถึงครั้งนี้จะไม่ดีที่ทำให้ครอบครัวเป็นห่วง เอาเป็นว่าตอนนี้ปิดเรื่องที่เป็นนักอัญเชิญไปก่อนก็แล้วกัน)

                เนื่องจากผลในพิธีประเมินไม่มีอะไรออกมา หลังจากนี้คงหลบบสายตาของน้องชายและครอบครัวเพื่อทำการวิเคราะห์การอัญเชิญ พอทำการสรุปคร่าวๆเสร็จ ก็พลิกไปหน้าอื่นที่เคยบันทึกไว้ในอดีต 

                (ถึงอย่างนั้นค่าความสามารถทุกอย่างเป็น E สินะ ทำให้ได้แน่ใจผลการตรวจสอบอย่างหนึ่ง)

                ในช่วง 5 ปีนี้ อัลเลนมีสันนิษฐานที่ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ ซึ่งพิธีประเมินในครั้งนี้ทำให้ได้คำตอบออกมา 1 อย่าง

                ถึงจะจบลงโดยที่ไม่สามารถตอบรับความคาดหวังของครอบครัวได้ แต่สำหรับอเลนที่ค่าความสามารถทุกอย่างเป็น E ก็ไม่ถือว่าเลวร้าย

                (ทำให้รู้แล้วว่ามีแค่ฉันคนเดียวที่อยู่ในเฮลโหมดหรือทุกคนก็อยู่ในเฮลโหมดด้วย)

                ในระหว่างที่มองดูข้อสันนิษฐานที่อยู่ในหน้าบันทึกของสมุดเวทมนตร์ ก็ทำการจดผลสรุปของข้อสันนิษฐานลงไป

                ข้อสันนิษฐานของอเลน

                ข้อสันนิษฐานที่ 1 การตั้งค่าเฮลโหมดส่งผลกับทุกคนที่อยู่ในต่างโลก

                ข้อสันนิษฐานที่ 2 การตั้งค่าเฮลโหมดส่งผลกับอเลนเท่านั้น ส่วนชาวต่างโลกคนอื่นๆอยู่ในนอร์มอลโหมด

                ทำการลบข้อสันนิษฐานอันแรกในสมุดเวทมนตร์

                (เท่านี้ก็รู้แล้วว่ามีแค่ฉันเท่านั้นที่อยู่ในเฮลโหมด ไม่อย่างนั้นมันคงแปลกเกินไปที่ค่าความสามารถทุกอย่างเป็น E)

                อเลนใช้เวลาหลายชั่วโมงนี้ทำการวิเคราะห์พิธีประเมินจนเกือบเสร็จ ก่อนอื่นค่าระดับความสามารถของสเตตัสน่าจะเหมือนค่าคาดหวัง  ทุกคนอายุ 5 ขวบ สเตตัสของแต่ละคนน่าจะไม่มีความต่างกันมากนัก เลเวลเองน่าจะ 1 เหมือนกับอเลน เลยตัดสินว่าระดับของสเตตัสน่าจะเป็นค่าที่แสดงผลการเติบโตตอนเลเวลอัพ

                ถ้าอย่างนั้นทำไมอเลนถึงมีสเตตัสทุกอย่างเป็น E สิ่งนั้นชวนให้คิดว่าเพราะมีแค่อเลนเท่านั้นที่อยู่ในเฮลโหมด ไม่ใช่แค่ค่าการเติบโตหรือค่าคาดหวัง แต่รวมไปถึงความเร็วในการเติบโตน่าจะแสดงอยู่ที่ 1 ใน 100 ด้วย

                อัตราการเติบโตของเฮลโหมดคิดเป็น 1 ใน 100 ของนอร์มอลโหมด

                ฉันที่โศกเศร้ากับยุคสมัยที่มีแต่เกมง่ายๆได้มาเกิดใหม่ในต่างโลก โลกที่มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่อยู่ในเฮลโหมด หรือก็คือนรกบนดินดีๆนี่เอง แต่กลับมีอะไรจุดประกายขึ้นมาภายในของอเลน รู้สึกได้เลยว่ามีสิ่งที่คล้ายกับเป้าหมายเอ่อล้นออกมาจากข้างในตัวเอง 

                “งั้นเหรอ นี่เป็นการต่อสู้กับเกมง่ายๆสินะ ต่อสู้กับเกมง่ายๆโดยเดิมพันด้วยชีวิต แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของการฟาร์มหนักสินะ”

                รู้สึกสำนึกผิดนิดๆที่เผลอส่งเสียงออกมาโดยไม่รู้ตัว เลยนอนกลางวัน

                วันนั้นพอถึงเวลาบ่าย 3 คุเรนะก็มาเล่นติ๊ต่างเป็นอัศวินเหมือนอย่างทุกที แต่วันนั้นไม่ได้จบลงแค่นั้น พอถึงตอนเย็นครอบครัวบอกว่ามีธุระนิดหน่อยและออกไปข้างนอก ซึ่งเทเรเซียกลับมาก่อน หลังจากนั้น 1 ชั่วโมงกว่าๆโรดันก็กลับมา

                “เอ๊ะ? ปะ เป็นอะไรไปเหรอโรดัน!!!”

                ใบหน้าและตามตัวมีรอยฟกช้ำ เพราะโดนต่อยหรือเปล่านะทำให้ใบหน้าบวมเป่ง ทำให้เทเรเซียส่งเสียงดังไปหาโรดันโดยไม่รู้ตัว

[นิยายแปล] Hell mode

[นิยายแปล] Hell mode

Artist: ,
อ่านนิยาย Hell modeยามาดะ เคนอิจิ พนักงานกินเงินเดือน อายุ 35 ปี ผู้ชื่นชอบเกมที่ต้องฟาร์มหนักๆ ตอนนี้กำลังสิ้นหวังกับยุคที่เกมเล่นผ่านง่ายๆกำลังเป็นที่แพร่หลาย ระหว่างนั้นเองที่เขาโดนเว็บไซต์หนึ่งที่เขียนว่า "สำหรับผู้ชื่นชอบการฟาร์มอย่างคุณ" ทำให้ไปเกิดใหม่ในต่างระดับเฮลโหมด ป.ล. 1 แปลจากเว็บโนเวล ถ้าไม่เหมือนฉบับรุปเล่มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ป.ล. 2 การอัพขึ้นอยู่กับเวลาว่างจากการทำงาน อย่าคาดหวังมาก(แต่จะพยายามอัพเรื่อยๆถ้าแปลเสร็จ

Options

not work with dark mode
Reset