บทที่ 148 นักเรียนแลกเปลี่ยน
พอเข้าสู่เดือนเมษายน พวกอเลนกลายมาเป็นนักเรียนปี 2 และตั้งแต่วันนี้เป็นปีการศึกษาใหม่
ปีที่แล้วเดือนเมษายน สงสัยอยู่ว่าทำไมถึงไม่เห็นนักเรียนปี 2 และปี 3 ที่ตึกเรียนเลย ซึ่งมันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะนักเรียนปี 2 และปี 3 เรียนที่ตึกอื่น โดยต้องนั่งรถไฟเวทมนตร์ถัดไปอีกตึกละสถานี
นักเรียนปี 1 ที่ผ่านหัวข้อได้มีราวๆ 2600 คน กลายมาเป็นนักเรีนปี 2 และย้ายไปเรียนตึกใหม่
พวกอเลนเข้าไปยังห้องเรียนเลขเดิมในตึกใหม่
เหล่านักเรียนที่อยู่ในห้องล้วนแล้วแต่เป็นคนที่คุ้นหน้าก่อนวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ ต่อให้กลายเป็นนักเรียนปี 2 แต่ดูเหมือนจะไม่มีสลับเหล่านักเรียน ห้องเรียนหมายเลขเดิม เหล่านักเรียนหน้าเดิมที่จบการศึกษาด้วยกันแล้วไปสนามรบทั้งอย่างนั้น
“อรุณสวัสดิ์อเลน ใครจะมากันนะ?”
“อือ อรุณสวัสดิ์ริโฟล ไม่ได้เจอกันนานเลย เป็นไงบ้าง”
ตอนกำลังไปนั่งที่ประจำ ริโฟลที่นั่งอยู่ด้านหน้าเหมือนตอนปี 1 ได้ส่งเสียงทักทายมา
อเลนตอบพร้อมกับมองรอบห้องเรียน ที่นั่งในห้องเรียนมี 30 ที่นั่ง แต่นักเรียนมี 27 คน
คนที่ผ่านหัวข้อภายในวันหยุดฤดูใบไม้ผลิไม่ทันและไม่ได้เลื่อนชั้นมี 3 คน ทำให้ห้องเรียนใหม่นี้มีที่สำหรับ 3 คน
(นักเรียนแลกเปลี่ยน 3 คนสินะ)
ดูเหมือนวันนี้จะมีนักเรียนแลกเปลี่ยนมาหลายคน ริโฟลได้บอกข้อมูลนี้ให้ก่อนวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ
มีเหตุผลที่รับนักเรียนแลกเปลี่ยนมาอยู่
หลังหมดวันหยุดฤดูร้อนของปี 2 จะมีคาบเรียนประวัติศาสตร์จอมมาร ทำไมถึงต้องหลังหมดวันหยุดฤดูร้อนของปี 2 นะหรือ
เหตุผลคือ ช่วงเวลาที่คนสอบตกและไม่สามารถจบการศึกษาได้เยอะที่สุดคือวันหยุดฤดูร้อนของปี 2 คงไม่อยากให้ข้อมูลเกี่ยวกับจอมมารแพร่กระจายออกไปเกินความจำเป็น
ราชอาณาจักรนี้ปิดกั้นข้อมูลเกี่ยวกับจอมมาร โลกที่ใช้ระบอบราชาธิปไตย การที่จะบอกประชาชนว่ามีจอมมารที่พวกตนไม่สามารถทำอะไรได้ ร้อยทั้งร้อยไม่มีประโยชน์อันใดเลย น่าจะเป็นแนวความคิดจากฝั่งของคนที่มีอำนาจอยู่ก็ได้ อเลนคิดไว้ว่าการมีตัวตนของจอมมารคงเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องที่เศรษฐกิจไม่มั่นคง หรือความไม่พอใจต่อฝั่งผู้มีอำนาจด้วย
นึกถึงลำดับขั้นกว่าที่นักเรียนจะได้เรียนประวัติศาสตร์จอมมาร
・ก่อนวันหยุดฤดูร้อนปี 1 เรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ภายในราชอาณาจักร
・หลังวันหยุดฤดูร้อนปี 1 เรียนเกี่ยวกับภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศในทวีปกลาง
・ก่อนวันหยุดฤดูร้อนปี 2 เรียนเกี่ยวกับภูมิศาสตร์โลก
・หลังวันหยุดฤดูร้อนปี 2 เรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จอมมาร
โลกนี้เทคโนโลยีสารสนเทศยังไม่พัฒนาเท่ากับโลกก่อน
ถึงจะมีอุปกรณ์สื่อสารเวทมนตร์อยู่ แต่คนที่ใช้สิ่งนั้นได้มีแค่มนุษย์เพียงส่วนเดียว
ที่นี่มีทาสติดที่ดินซึ่งมาจากบ้านนอกหรือประชาชนธรรมดาอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าตอนสอนประวัติศาสตร์จอมมารนักเรียนเหล่านี้จะเชื่อขนาดไหน อย่างน้อยพ่อแม่ของนักเรียนคงไม่ไม่เคยสอนเรื่องอย่างนี้ให้หรอก มนุษย์จะเชื่อแค่ในสิ่งที่ทำได้เท่านั้น
จำเป็นต้องทำให้เชื่อเรื่องเกี่ยวกับโลกและจอมมาร สำหรับการทำกิจกรรมในโรงเรียนและการไปต่อสู้ที่สนามรบหลังจากนี้ และเพื่อที่จะทำให้เชื่อสิ่งนี้ก็ต้องให้พบกับสิ่งที่เหนือสามัญสำนึกของตัวเอง
มีวิธีการที่ทำให้เชื่อได้อย่างแน่นอนอยู่
“เอ้า นั่งที่กันได้แล้ว”
อาจารย์ประจำชั้นกล้ามโตที่เหมือนใส่เสื้อเล็กไปหนึ่งขนาดเดินเข้ามาในห้องเรียน
แล้วก็มีคน 3 คนที่สวมชุดนักเรียนของโรงเรียนเดินตามเข้ามา
“““โอ้ววววว!!!”””
พอเข้ามาในห้องเหล่านักเรียนก็ส่งเสียงร้องออกมา ก่อนจะพูดต่างๆนานาว่า “มีจริงด้วย” หรือไม่ก็ “อะไรนะ? หูยาวจัง”
คนที่เดินตามหลังอาจารย์ประจำชั้นคือเอลฟ์ชายหญิงกับคนแคระหญิง
“เงียบกันหน่อย อย่างนี้ก็แนะนำตัวกันไม่ได้สิ!”
อาจารย์ประจำชั้นบอกให้เหล่ารักเรียนเงียบๆ รู้สึกเหมือนนักเรียนที่นั่งอยู่ข้างหน้าแล้วส่งเสียงโหวกเหวกกำลังโดนบีบหัวอยู่เลย บางครั้งก็โดนเซซิลทำเหมือนกัน เลยได้แต่เฝ้ามอและคิดว่าคงเจ็บน่าดู
พอห้องเรียนสงบลงอาจารย์ประจำชั้นก็เริ่มพูดต่อ ว่าตั้งแต่วันนี้ 3 คนนี้จะมาเรียนด้วยกันที่ห้องนี้
2 คนมาจากประเทศเอลฟ์ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปกลาง ส่วนอีกคนมาจากประเทศของคนแคระที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปกลาง พร้อมกับบอกว่าเรื่องประเทศของเอลฟ์และประเทศของคนแคระจะได้เรียนหลังจากนี้
(เหล่านักเรียนตอบสนองต่างกันไป สมแล้วที่ไม่เคยเห็นเอลฟ์และคนแคระมาก่อน เอาเถอะไม่ได้ให้เอลฟ์กับคนแคระย้ายมาเพื่อทำให้เชื่ออย่างเดียวสักหน่อย)
อเลนคิดว่ามีเหตุผลอื่นที่ให้ย้ายมาอยู่
“ถ้างั้น แนะนำตัวได้เลย”
เอลฟ์สาวพยักหน้าต่อคำแนะนำของอาจารย์ประจำชั้น ก่อนจะเริ่มทักทาย
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ ดิฉันโซฟีโรเน่มาจากโรเซนเฮมประเทศของเอลฟ์ เรียกฉันว่าโซฟี่ก็ได้ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”
เอลฟ์ผิวขาวกระจ่าง เส้นผมยาวสีขาวกับดวงตาสีทองได้แนะนำตัวเองออกมา เหล่านักเรียนถึงกับตกตะลึงราวกับโดนเสียงนั้นดึงดูดเข้าไป และเห็นเอลฟ์ที่ยืนอยู่ข้างๆทำสีหน้าไม่พอใจออกมา
(โอ๊ะ เหมือนโดนจ้องเขม็งเลย ฮึม ไม่ยอมแพ้หรอก)
เอลฟ์ที่ชื่อโซฟี่มองตรงมาที่อเลน เขาเลยจ้องกลับไปราวกับนักเรียนมัธยมบ้านนอกที่กำลังโดนหาเรื่อง
แล้วการแนะนำตัวก็ดำเนินต่อไปโดยไม่สนสิ่งนั้น คนถัดไปคือเอลฟ์หนุ่ม
“ฉันชื่อฟอร์มาร์ มาที่โรงเรียนนี้เพื่อคอยคุ้มครองว่าที่ราชินีคนถัดไปอย่างท่านโซฟีโรเน่ซึ่งเป็นไฮเอลฟ์”
คิดว่าโซฟี่เป็นเอลฟ์ แต่กลับเป็นไฮเอลฟ์
เพราะคำพูดนั้นทำให้สายตาของเหล่านักเรียนหันกลับไปที่โซฟี่อีกครั้ง สายตาที่ต้องการจะบอกว่านี่เหรอราชินี ซึ่งโซฟี่ก็ยิ้มตอบสายตาของทุกคน
ฟอร์มาร์แสดงความไม่พอใจที่เป้าหมายในการคุ้มครองโดนมอง ซึ่งอาจารย์ประจำชั้นได้แต่เกาศีรษะ ก่อนจะให้คนแคระสาวคนสุดท้ายแนะนำตัวเอง
“ผมเมรูรุมาจากจักรวรรดิบาวกีส ฝากตัวด้วยนะ!”
(โบคุโกะเหรอ ต่างโลกเองก็มีโบคุโกะสินะ แสดงว่าคนแคระเป็นโบคุโกะกันสินะ)
**** โบคุโกะคือผู้หญิงที่เรียกแทนตัวเองว่าผม ****
ผมบ็อบสีเขียวอ่อน หางตาชี้ลงกับผิวสีแทน ตัวเตี้ยกว่าอเลนประมาณ 1 ช่วงศีรษะ เพราะเรียกแทนตัวเองว่าผม ทำให้คิดว่าอาจจะเข้าใจเพศผิดไป แต่เท่าที่ดูก็เป็นเด็กผู้หญิง
พอแต่ละคนแนะนำตัวเสร็จ เหล่านักเรียนก็ส่งสายตาไปทางอาจารย์ประจำชั้นว่า “แล้วไงต่อ?”
“อ้อ อเลน”
“ครับ?”
เพราะจู่ถูกเรียก ทำให้ตอบเสียงหลง
“3 คนนี้ให้นายดูแลนะ ยังไงตอนนี้ก็มีแค่ 5 คนนี่”
อาจารย์ประจำชั้นบอกให้อเลนดูแล 3 คนนี้
อเลนเป็นศูนย์กลางของห้องเรียนนี้ ถ้ามีอะไรนักเรียนส่วนใหญ่จะมาปรึกษากับอเลน และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับศูนย์กลางอย่างเวสต้าและริโฟลเหมือนกัน เลยคิดว่าฝากให้อเลนจัดการน่าจะไม่มีปัญหาอะไร
(เอลฟ์กับคนแคระเหรอ เอาไงดี ถ้าแค่ดูแลมันก็ได้อยู่หรอก แบบแนะนำตึกเรียนแค่นั้นพอหรือเปล่านะ? ฉันเองเพิ่งมาตึกเรียนนี้เหมือนกันด้วยสิ? หมายความว่าไม่ใช่เรื่องนั้นสินะ ไหนจะบอกว่าแค่ 5 คนด้วย)
คิดอยู่ว่าดูแลที่ว่าเนี่ยต้องดูแลถึงขนาดไหน ตอนที่คิดไปถึงต้องพาไปลงดันเจี้ยน หรือไปสู้กับกองทัพจอมมารนั้น ก็มีเสียงมาจากด้านหลัง
“อเลน จะเอายังไงเหรอ?”
เซซิลคิดว่า ถ้าอเลนไม่ชอบทำต่อให้ใครบอกอะไรก็จะปฏิเสธออกมา เธอเลยถามอเลนว่าจะทำอย่างไรเรื่องที่อาจารย์ประจำชั้นบอกให้ช่วยดูแล คุเรนะที่อยู่ข้างๆ ก็มองมาเพื่อดูว่าจะทำอย่างไรต่อ
“ก็ได้อยู่หรอก ไว้เดี๋ยวตอนกลางวันค่อยไปคุยกับทุกคนกัน แล้วถามนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยว่าอยากจะทำอะไรด้วย”
ไม่ได้ปฏิเสธคำขอของอาจารย์ประจำชั้น ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วที่เอลฟ์สาวจ้องมองอเลน เลยคิดว่าไปรู้จักเอลฟ์ที่ไหนไว้หรือเปล่า แต่นี่เป็นเอลฟ์คนแรกที่เพิ่งเคยเห็นเป็นตั้งแต่มาต่างโลก
ไม่รู้ทำไมถึงได้ไม่นับผู้อำนวยการที่เป็นเอลฟ์เข้าไปด้วย
“อือ เข้าใจแล้ว”
(ดันเจี้ยนต่อให้เข้า 8 คนส่วนค่าประสบการณ์ที่ได้ไม่เปลี่ยนด้วยสิ คนอื่นนอกจากฉันเลเวลกับสกิลตันแล้วด้วยสิ)
จะ 5 คนหรือ 8 คน ค่าประสบการณ์ที่ได้ก็ไม่เปลี่ยน
เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งค่าประสบการณ์ ได้รับการสอนหลังจากหมดวันหยุดฤดูร้อนตอนปี 1
การแบ่งค่าประสบการณ์ขึ้นอยู่กับจำนวนคน
・1 คนได้ 100%
・2 – 8 คนได้ 80%
・9 – 16 คนได้ 60%
・17 – 48 คนได้ 40%
・49 – 252 คนได้ 20%
・253 คนขึ้นไปได้ 10%
พอได้ยินจากคาบเรียน คิดว่าเป็นการแบ่งค่าประสบการณ์ที่ค่อนข้างใจดีอยู่
เงื่อนไขการได้ค่าประสบการณ์คือต้องเข้าร่วมการต่อสู้ ไม่ว่าจะทำหน้าที่ไหน หรือไม่ได้ทำอะไรเลยก็ได้ คนทำหน้าที่รักษาถ้ารอเตรียมใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูแต่สรุปแล้วไม่ได้ใช้สักครั้งก็ถือเป็นเป้าหมายที่จะได้ค่าประสบการณ์
หน่วยสนับสนุนที่คอยดูแลอาวุธ หรือแนวหลังที่รอสลับเผื่อกรณีแนวหน้าแตก ต่อให้ไม่ได้โจมตีมอนสเตอร์ก็ได้ค่าประสบการณ์ แต่ถ้าแค่มาดูอย่างเดียวหรืออะไรแบบนั้นจะไม่ได้ค่าประสบการณ์ พอได้ยินสิ่งนี้ทำให้คิดว่าปัญหามันอยู่ที่ความรู้สึกหรือเปล่า
เพราะอเลนไม่ปฏิเสธ อาจารย์ประจำชั้นเลยบอกให้ทั้ง 3 คนไปนั่งหลังคนนั้นแล้วถามเอาเอง
“แล้วว่าจะบอกหัวข้อของปีนี้ด้วย ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องให้ออก ตั้งใจกันหน่อยนะ”
แล้วก็เริ่มโฮมรูมทั้งอย่างนั้น คิดว่าหัวข้อของปีนี้คงบอกตั้งแต่เดือนเมษายน
หัวข้อของปีนี้มี 2 อย่าง
・หัวข้อที่ต้องผ่านให้ได้ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนคือผ่านดันเจี้ยนระดับ B ให้ได้ 1 แห่ง
จับกลุ่มได้ไม่เกิน 16 คน
・หัวข้อที่ต้องผ่านให้ได้ในช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิคือ ใช้สกิลให้ได้
เขาบอกว่าเกี่ยวกับสกิลจะสอนในคาบเรียน ให้ตั้งใจเรียนกันด้วย
พวกอเลนได้เริ่มชีวิตของนักเรียนปี 2 พร้อมกับต้องดูแลนักเรียนแลกเปลี่ยนเอลฟ์และคนแคระ