[นิยายแปล] Hell mode – ตอนที่ 150 ละเมอ

บทที่ 150 ละเมอ

                อเลนบอกกับทุกคนว่าจะแยกปาร์ตี้

                พวกโซฟี่ผ่านดันเจี้ยนระดับ C 3 แห่งแล้ว ดังนั้นการจะลงดันเจี้ยนระดับ A ได้จำเป็นต้องผ่านดันเจี้ยนระดับ B อีก 3 แห่งก่อน

                เพราะอย่างนั้น เลยตั้งเป้าว่าจะให้อเลนกับโดโกร่าผ่านดันเจี้ยนระดับ B พร้อมกับพวกโซฟี่

                คุเรนะ เซซิลและคีล ให้ตั้งเป้าในการผ่านดันเจี้ยนระดับ A แห่งสุดท้ายของเมืองแห่งการศึกษา

                ถึงจะมีคนแสดงความเห็นว่า ถ้าทำอย่างนั้นอเลนกับโดโกร่าจะไม่ผ่านดันเจี้ยนระดับ A ซึ่งบอกไปว่าไม่มีปัญหา

                โดยวางแผนไว้ว่าในช่วงวันหยุด 2 วัน อเลนกับโดโกร่าจะใช้เวลา 1 วันครึ่งในการผ่านดันเจี้ยนระดับ B ส่วนเวลาที่เหลืออีกครึ่งวันจะไล่ตามกลุ่มที่ลุยดันเจี้ยนระดับ A 

                พวกอเลนในตอนนี้ ต่อให้ต้องเก็บเลเวลพวกโซฟี่ไปด้วย แต่ถ้ามีเวลา 1 วัน น่าจะผ่านดันเจี้ยนระดับ B ได้ 4 ชั้น และวางแผนไว้ว่า 1 วันครึ่งน่าจะผ่านได้ 6 ชั้น

                อเลนคาดการณ์ไว้แล้วว่าอาจจะได้พวกพ้องเพิ่มกลางคัน หากได้พวกเพิ่มจะเกิดเหตุการณ์เหมือนกับในครั้งนี้ เพื่อที่จะให้พวกที่เข้ามาทีหลังไล่ตามได้ทัน เลยไม่ได้ลบเส้นทางหรือบันทึกของดันเจี้ยนที่เคยผ่านไปแล้ว เป็นการรับมือต่อสิ่งคาดว่าจะเกิดขึ้น

                แน่นอนว่า การแบ่งออกเป็น 2 ปาร์ตี้ จำเป็นต้องจัดเตรียมจำนวนสัตว์อัญเชิญให้เหมาะสมด้วย ซึ่งสามารถทำได้โดยไม่ต้องยกเลิกหน่วยสัตว์อัญเชิญที่ทำการล่า 3 กลุ่ม

                อย่างไรก็ตาม มีเรื่องที่ทำให้กำหนดการณ์ได้เอลฟ์กับคนแคระมาเป็นพวกอย่างนี้เกิดความผิดเพี้ยน

                สิ่งนั้น คือการบุกเบิกหมู่บ้านของโรดันพ่อของอเลน

                เดือนเมษายนปีนี้จะเริ่มบุกเบิกหมู่บ้าน ตอนแรกว่าจะช่วยให้เยอะอยู่ แต่คงต้องลดสัดส่วนลง อย่างน้อยจนกว่าที่ 2 ปาร์ตี้จะมารวมตัวกันได้ คงต้องส่งสัตว์อัญเชิญไปยังหมู่บ้านบุกเบิกในจำนวนให้น้อยที่สุด ถึงกระนั้นแค่เหล่าทาสติดที่ดินอย่างเดียวคงพัฒนาที่ดินได้ค่อนข้างรวดเร็วอยู่

                หน่วยสัตว์อัญเชิญจะมี หน่วยบุกเบิก, สัตว์อัญเชิญที่แบ่งให้กับ 2 ปาร์ตี้ และสัตว์อัญเชิญของอเลนที่ทำการล่าอย่างสุดกำลัง ไหนจะมีสัตว์อัญเชิญที่เอาไว้ปกป้องฐาน กับไว้ติดต่อคฤหาสน์ตรงเมืองแกรนเวล

                ตอนนี้พวกอเลนอยู่ตรงจุดเริ่มต้นหลังจากถูกวาปมายังดันเจี้ยนระดับ B

                “เมรูรุ ดันเจี้ยนให้ความรู้สึกแบบเดียวกับที่จักรวรรดิบาวกีสหรือเปล่า?”

                “ใช่แล้ว”

                วันถัดมาหลังจากงานเลี้ยงต้อนรับ ได้พาทั้ง 3 คนไปกิลด์นักผจญภัยเพื่อขึ้นทะเบียนเข้า ‘เกมเมอร์หมกมุ่น’ อย่างเป็นทางการ

                วันหยุดของสัปดาห์ถัดไป ถึงจะเริ่มลุยดันเจี้ยน

                ดูเหมือนเมรูรุมีนิสัยเข้ากับคนอื่นได้ง่าย การที่เข้ากับคนในปาร์ตี้ได้เร็วอย่างนี้ถือว่าช่วยได้มาก

                เอลฟ์กับคนแคระเวลาอยู่ในเมืองจะสวมฮู้ด ไม่รู้ว่าราชอาณาจักรไม่เปิดรับเผ่าพันธ์อื่นอย่างเป็นทางการ หรือเผ่าพันธ์อื่นไม่ค่อยมากันแน่ เลยไม่เคยเห็นเอลฟ์กับคนแคระ แต่ดูแล้วน่าจะเพราะสวมฮู้ดเพื่อไม่ให้ดูสะดุดตา

                ทุกปีจะรับเอลฟ์กับคนแคระมาเป็นนักเรียนปี 2 โดยให้ผู้ที่มีผลงานยอดเยี่ยมรับหน้าที่คอยดูแล คิดว่าคงเป็นธรรมเนียมที่ปฎิบัติกันมาทุกปี

                เอลฟ์คงต้องเข้าสังกัดกองกำลังของเอลฟ์ และถูกส่งไปใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูตรงทวีปกลางซึ่งขาดแคลนผู้ทำหน้าที่รักษา นอกจากการสอนว่ามีเผ่าพันธ์อื่นอาศัยอยู่ที่ประเทศอื่นนอกจากทวีปกลางแล้วยังแสดงให้เห็นด้วยการให้เอลฟ์กับคนแคระย้ายมาเรียนด้วย

                คิดว่าถ้าให้ใช้ชีวิตร่วมกันที่โรงเรียน น่าจะร่วมต่อสู้กับเอลฟ์และคนแคระในสนามรบได้อยู่หรือเปล่า

                “ถ้างั้น ขึ้นขี่สิ่งนี้เลย เหล่าฟรานออกมา”

                ‘‘‘กิ้วววว!!!’’’

                “““หา!!”””

                เรียกสัตว์อัญเชิญนก C ที่มีรูปร่างเป็นนกแคสโซแวรีสูง 2.5 เมตรออกมา ถึงบอกไว้แล้วว่าจะให้ขี่นกขนาดใหญ่ในการลุยดันเจี้ยน แต่พอเห็นต่อหน้าต่อตาตัวเองอย่างนี้คงประหลาดใจอยู่ คิดว่าการที่ฟอร์มาร์เอาตัวมาบังโซฟี่อย่างนี้ อาจจะเพื่อป้องกันเธอก็ได้

                “แหม ท่านอเลน! จะให้ขี่สิ่งนี้หรือคะ สิ่งนี้คือยานพาหนะของท่านอเลนใช่ไหมคะ!!”

                โซฟี่ฉากหลบฟอร์มาร์ออกมาข้างหน้า

                “ชะ ใช่แล้ว เดี๋ยวจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างนะ”

                อเลนรู้สึกแหยงนิดๆกับปฏิกิริยาของโซฟี่ตรงหน้าพร้อมกับแสดงตัวอย่างให้ดู เขาขึ้นขี่สัตว์อัญเชิญนก C ที่ย่อขาจนท้องติดกับพื้น

                เมรูรุพอเห็นสิ่งนั้นก็ใช้แขนขาสั้นๆพยายามขึ้นขี่สัตว์อัญเชิญนก C

                ฟอร์มาร์ช่วยโซฟี่ในการขึ้นขี่ ก่อนจะขึ้นขี่ของตัวเอง เสร็จแล้วอเลนก็ให้สัญญาณ

                “ถ้างั้น เริ่มลุยกันเลย! จะผ่าน 2 ชั้นให้ได้ก่อนเที่ยง!!”

                “““ครับ/ค่ะ!!!”””

                พวกอเลนเริ่มลุยดันเจี้ยนระดับ B 

                หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง ทุกคนเริ่มเตรียมอาหารกลางวันอยู่ตรงจุดเริ่มต้นของชั้น 3 โดยอาหารเป็นพวกของที่ไม่ต้องปรุงอะไรมากอย่าง ขนมปัง, เนื้อแห้ง, มันฝรั่งแห้ง และผลไม้

                ถ้าจะทำอาหารจริงจังแล้วละก็ กลับไปทำที่ฐานจะเร็วกว่า

                “โทษทีนะ ที่ผมไม่มีประโยชน์อะไรเลย”

                เมรูรุพูดขอโทษอเลน

                “เอ๊ะ? ไม่เป็นไรหรอก ที่นี่ไม่มีทหารโกเลมด้วยสิ”

                ตอนนี้เมรูรุใช้หอกกับโล่ต่อสู้ ถ้าให้พูดตามตรงคือแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย

                ตอนนี้ต่อสู้ด้วยสัตว์อัญเชิญของอเลน เวทมนตร์ภูตของโซฟี่ และธนูของฟอร์มาร์

                ถึงจะให้เมรูรุอยู่แนวหน้าพร้อมกับโดโกร่า แต่เพราะโดโกร่าเลเวลตันแล้วทำให้รู้ถึงความต่างชั้นของตัวเอง โดโกร่าสามารถทำหน้าที่กำแพงพร้อมกับจัดการมอนสเตอร์ได้

                เมรูรุมีพรสวรรค์ “นายพลศิลาเวท”

                พรสวรรค์นี้เป็นพรสวรรค์ที่ใช้ขับเคลื่อนทหารโกเลม

                ถ้าไม่มีทหารโกเลม ก็เหมือนปลาเกยตื้น

                โกเลมเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่สร้างขึ้นมาในจักรวรรดิบาวกีส โดยจะต้องขี่และบังคับสิ่งนั้น

                ดูเหมือนจะไม่สามารถเอาโกเลมที่ล้ำค่ามาโรงเรียนได้ เมรูรุเลยขอโทษที่ต้องมาต่อสู้ในสภาพไร้โกเลม

                (ไม่สิ ถ้าขี่โกเลม น่าจะซัดมังกรได้อยู่)

                อเลนรู้จักนักเวทในเมืองแกรนเวลที่รู้เรื่องเกี่ยวกับสนามรบเป็นอย่างดี เพราะไม่มีลูกศิษย์ให้สอนแล้ว เลยมาใช้ชีวิตง่ายๆที่เมือง โดยอาจารย์สอนเวทมนตร์ได้พูดเกี่ยวกับทหารโกเลมให้ฟัง ยิ่งตรวจสอบว่าทหารโกเลมแข็งแกร่งขนาดไหน ยิ่งทำให้รู้ถึงความน่ากลัวของเมรูรุ

                การจะขับเคลื่อนโกเลมต้องมีพรสวรรค์

                แล้วโกเลมเองก็มีระดับความแข็งแกร่ง ซึ่งแต่ละระดับต้องใช้พรสวรรค์ที่ต่างกันไป

                การจะขับโกเลมระดับทองแดง ต้องมีพรสวรรค์ทหารศิลาเวท

                การจะขับโกเลมระดับโลหะ ต้องมีพรสวรรค์นายกองศิลาเวท

                การจะขับโกเลมระดับมิธริล ต้องมีพรสวรรค์นายพลศิลาเวท

                ดูเหมือนมังกรจะไม่สามารถทำอะไรกับโกเลมระดับมิธริลได้เลย โกเลมจำเป็นต้องใช้พลังเวทของผู้บังคับ ถึงจะมีระยะเวลาที่ใช้งานได้จำกัด แต่ก็ให้ผลการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมอยู่

                กล่าวกันว่าเพราะทหารโกเลมทำให้จักรวรรดิบาวกีสไม่โดนกองทัพจอมมารบุกรุก

                แต่มีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนอยู่ เมรูรุไม่มีสกิลอื่นนอกจากการขับเคลื่อนโกเลม ถ้าไม่แสดงความตั้งใจจะเข้าร่วมต่อสู้จะไม่ได้รับค่าประสบการณ์ เลยให้ถืออาวุธกับโล่ 

                โดนให้ถือหอกกับโล่ระดับอาดามันเที่ยม

                พอบอกให้ถือสิ่งนี้ก็ตัวแข็งทื่อไป แต่ละอย่างมันราคามากกว่า 1000 เหรียญทอง

                “ลืมไปเลย พวกฉันโดนมกุฎราชกุมารเพ่งเล็งอยู่ อาจจะเดือนร้อนนิดหน่อยนะ”

                “ท่านอเลนไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกค่ะ ได้ฝากบอกราชินีผ่านธิโอโดชีลไว้แล้วค่ะ”

                พวกอเลนได้บอกเรื่องเกี่ยวกับตระกูลแกรนเวลที่โดนมกุฎราชกุมารเพ่งเล็งไปแล้ว

                โดยบอกว่าคงโดนส่งไปสนามรบที่รุนแรง

                ถึงจะต้องดูแลทั้ง 3 คนเลยบอกไว้ก่อนว่าอาจจะสร้างความเดือดร้อนให้อยู่

                “ธิโอโดชีล?”

                อเลนทำหน้าราวกับบอกจะบอกว่าพูดถึงเรื่องอะไร อเลนไม่รู้จักคนที่ชื่อธิโอโดชีลเลย

                “อ้อ ผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ค่ะ”

                เป็นครั้งแรกที่อเลนได้รู้ชื่อของผู้อำนวยการ ดูเหมือนสำหรับโซฟี่ ผู้อำนวยการเป็นคนที่เรียกชื่อห้วนๆได้ ทำให้คิดว่าฐานะมันช่างแตกต่างกันอย่างมาก

                ภายในพันธมิตร 5 ทวีป มีคนที่ถูกเรียกว่าผู้ปกครองอยู่ 3 คน คนแรกคือจักรพรรดิของจักรวรรดิเกียมูสแห่งทวีปกลาง, จักรพรรดิของจักรวรรดิบาวกีสแห่งประเทศคนแคระ และราชินีของโรเซนเฮมแห่งประเทศเอลฟ์

                ผู้นำ 2 คนของทวีปกลางทางทิศใต้ไม่มีอำนาจเท่ากับ 3 คนนี้

                และที่ไม่มีพลังยิ่งกว่าก็คือราชอาณาจักรราตาชู ประเทศขนาดกลางค่อนไปทางเล็กที่ไม่ใช่ผู้นำทวีป แทบจะไม่ต้องใส่ใจมกุฎราชกุมารที่ยังไม่ได้เป็นผู้นำประเทศเลยก็ว่าได้

                “แต่อาจจะถูกส่งไปสนามรบคนละแห่งก็ได้”

                “ก็จริงค่ะ การจะส่งคนในประเทศไปสนามรบไหน เป็นหน้าที่ของแต่ละประเทศด้วยสิคะ”

                พวกโซฟี่และเมรูรุดูเหมือนจะรู้เรื่องเกี่ยวกับจอมมารพอตัว เพราะต้องมาอยู่ต่างประเทศอย่างนี้ ถ้าไม่บอกไว้ก่อนอาจจะทำให้สับสนก็ได้

                ผู้นำของแต่ละประเทศสามารถเลือกได้ว่าจะส่งคนของประเทศตัวเองไปประจการที่ไหน

                ดังนั้น มกุฎราชกุมารสามารถเลือกได้ว่าจะให้ประชาชนในประเทศอย่างอเลน, คุเรนะ, เซซิล, โดโกร่ารวมไปถึงคีลไปที่ไหนก็ได้ ถ้าโซฟี่กับเมรูรุจบการศึกษาอาจจะถูกส่งไปสนามรบอื่น

                “ยังไงก็ตาม โซฟี่ช่วยทำอะไรสักอย่างกับคำว่าท่านอเลนทีเถอะ”

                ไหนๆก็พูดกันแล้วเลยลองคุยเกี่ยวกับการเรียกชื่อ

                “ไม่ชอบใจอย่างนั้นหรือคะ?”

                “ถ้าจะบอกว่าชอบหรือไม่ชอบก็คงเป็นไม่ชอบ ว่าแต่ทำไมถึงเรียกว่าท่านอเลนเหรอ?”

                (เอาเถอะ จะเรียกหรือมีเพราะมีเหตุอะไรก็ช่างมันเถอะ)

                “เรื่องนั้น ยังไม่ได้บอกเลยนี่คะ เพราะท่านราชาแห่งภูตได้ทำนายเรื่องเกี่ยวกับท่านอเลนไว้มากมายค่ะ”

                “““เอ๊ะ? ทำนาย?”””

                โดโกร่ากับเมรูรุที่ฟังอยู่ ตกใจไปพร้อมกับอเลน

                “ท่านราชาแห่งภูตบอกอะไรไว้งั้นเหรอ?”

                (ชักน่าสนใจแล้วสิ)

                “เอ่อ มันเป็นคำๆ เลยปะติดปะต่อไม่ค่อยได้ค่ะ”

                โซฟี่พูดเรื่องเกี่ยวกับราชาแห่งภูต โรเซน

                เธอบอกว่าราชาแห่งภูตจะนอนอยู่บนแท่นบูชาตรงปราสาทที่ราชินีอาศัยอยู่

                และเมื่อ 10 กว่าปีก่อนละเมอออกมาว่า “เด็กหนุ่มผมดำได้ถือกำเนิด”, “ภายในประเทศของทวีปกลางอันยิ่งใหญ่”, “พรสวรรค์ทั้งหมดต่ำสุด”

                เธอบอกต่อว่าเหล่าคนทรงที่รับใช้ราชาแห่งภูตได้จดคำพูดเหล่านั้นเอาไว้

                (จริงดิ? ละเมองั้นเหรอ เอลฟ์เชื่อในคำละเมอของราชาแห่งภูตเหรอ)

                แต่จากท่าทางของผู้อำนวยการตอนเข้าเรียน เขาคงคิดว่ามันตรงกับตัวเขาที่เข้าเรียนปีที่แล้ว

                “โห แล้วพูดอะไรอย่างอื่นอีกไหม?”

                “แน่นอนค่ะ!!”

                ทันใดนั้นโซฟี่ก็ยิ้มออกมาราวกับกำลังรอคำพูดนี้ของอเลนอยู่เลย

                เธอบอกว่า การละเมอของราชาแห่งภูตทำให้เหล่าเอลฟ์ถึงกับแตกตื่น

                ‘ชายผมดำจะเผชิญหน้าและปัดเป่าความมืดที่คอยขวางกั้นแสงสว่างจากฟากฟ้า’

                “……ท่านบอกไว้อย่างนั้น วันนี้ดิฉันเชื่อแล้วว่าท่านอเลนจะทำตามคำกล่าวนั้นให้เป็นจริงได้ค่ะ!”

                ดูเหมือนโซฟี่จะเชื่อมั่นจากการได้เห็นสัตว์อัญเชิญของอเลนต่อสู้ ทำให้เธอพูดเรื่องนั้นออกมาด้วยดวงตาเป็นประกาย

                ราชาแห่งภูตได้ทำนายอนาคตของอเลนด้วยการละเมอ

[นิยายแปล] Hell mode

[นิยายแปล] Hell mode

[นิยายแปล] Hell mode
Status: Ongoing Artist: ,
อ่านนิยาย Hell modeยามาดะ เคนอิจิ พนักงานกินเงินเดือน อายุ 35 ปี ผู้ชื่นชอบเกมที่ต้องฟาร์มหนักๆ ตอนนี้กำลังสิ้นหวังกับยุคที่เกมเล่นผ่านง่ายๆกำลังเป็นที่แพร่หลาย ระหว่างนั้นเองที่เขาโดนเว็บไซต์หนึ่งที่เขียนว่า "สำหรับผู้ชื่นชอบการฟาร์มอย่างคุณ" ทำให้ไปเกิดใหม่ในต่างระดับเฮลโหมด ป.ล. 1 แปลจากเว็บโนเวล ถ้าไม่เหมือนฉบับรุปเล่มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ป.ล. 2 การอัพขึ้นอยู่กับเวลาว่างจากการทำงาน อย่าคาดหวังมาก(แต่จะพยายามอัพเรื่อยๆถ้าแปลเสร็จ

Options

not work with dark mode
Reset