บทที่ 71 ตบรางวัล (3)
“ที่นี่คือ?”
อเลนตื่นขึ้นมาบนเตียง
(ในคฤหาสน์? ที่นี่มันห้องรับรองแขกไม่ใช่เหรอ? อ้าว? ฉันเป็นอะไรไปนะ? แล้วมาด้ากัลชูล่ะ?)
พอนึกถึงใบหน้าที่เหมือนหมาหน้าคนอันน่ารังเกียจของมาด้ากัลชู ก็รีบร้อนลุกขึ้นจากเตียง ความทรงจำยังคงสับสนอยู่
พอมองดูเสื้อผ้าก็ไม่ใช่ชุดของคนรับใช้ฝึกหัด ถูกเปลี่ยนให้เป็นชุดนอนแล้ว
“ตื่นแล้วสินะ?”
ในระหว่างที่ตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง พ่อบ้านก็ทักมา
“สวัสดีครับ ผม?”
“จำได้ถึงตรงไหนเหรอ?”
พ่อบ้านตัดสินว่าอเลนยังคงสับสนอยู่ พอโดนถามอย่างนั้นก็นึกขึ้นมาได้ ถูกไล่ล่าโดยมาด้ากัลชู 3 วัน 3 คืน จนในที่สุดก็สลัดหลุดและกลับไปเมือง
“ไม่มีความทรงจำว่ากลับมาถึงเมืองเลยครับ”
“อืม เธอล้มลงที่ประตูทางเหนือแล้วคนเฝ้าประตูก็พามาส่งน่ะ เมื่อ 2 วันก่อน”
“อย่างนั้นหรือครับ”
“เดี๋ยวจะไปเรียกหัวหน้ากลุ่มอัศวิน แล้วหลังจากนั้นอยากจะให้อธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์ของมาด้ากัลชูให้กับนายท่านฟังด้วย ไม่มีปัญหานะ?”
“คะ ครับ”
“ใช่แล้ว ยังมีเวลาอยู่ พักไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงตอนนั้นซะ”
“ขอบคุณมากครับ”
หลังจากนั้นก็หลับอยู่บนเตียงที่ใช้รับรองแขกผู้ทรงเกียรติอีก 3 ชั่วโมง พอตื่นขึ้นมาก็มีอาหารวางอยู่ข้างๆเตียง ตอนที่กินเสร็จก็โดนบอกว่าหัวหน้ากลุ่มอัศวินมาถึงคฤหาสน์แล้วให้ไปที่ห้องประชุมตรงชั้น 3
(ห้องประชุมเหรอ ไม่เคยไปมาก่อนเลย ทางนี้สินะ)
ถึงจะทำงานที่คฤหาสน์นี้มาปีกว่าแล้ว แต่ยังมีอีกหลายห้องที่ไม่เคยเข้าไป โดยเฉพาะห้องที่บารอนใช้บ่อยๆอย่างห้องนอน ห้องสมุด และห้องประชุมไม่เคยได้เข้าไปเลย
“อเลนปลอดภัยดีสินะ?”
พอขึ้นไปที่ชั้น 3 ก็พบหัวหน้ากลุ่มอัศวิน
“ไม่เป็นไรครับ ครั้งนี้ขอโทษด้วยนะครับที่ก่อเรื่องรบกวนเอาไว้”
ขอโทษเพราะรู้สึกว่าสร้างความรบกวนที่ไปล้มลงตรงหน้าประตู
“หือ ถ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ตอนนี้หัวหน้าสาขาของกิลด์ยังอยู่ ช่วยรออีกแป็บหนึ่งด้วย”
“อ๊ะ อย่างนั้นหรือครับ”
(เกี่ยวกับเรื่องของมาด้ากัลชูหรือเปล่านะ ไหนจะบอกว่าคำขอเร่งด่วนด้วยนี่ ถึงอย่างนั้นถือเรื่องใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย)
แล้วก็นึกถึงเรื่องที่โดนไล่ล่าจากประตูทิศเหนือของแกรนเวลไปถึงนอกเมือง จากการที่โดนมาด้ากัลชูไล่ในครั้งนี้ ทำให้รู้แล้วว่ามอนสเตอร์ระดับ B แข็งแกร่งมาก
รู้ตัวเลยว่าพลังของอเลนในตอนนี้ทำได้แค่กำจัดมอนสเตอร์ระดับ C ถ้าไม่เพิ่มเลเวลกับเลเวลของอัญเชิญก็ยังเอาไปใช้งานจริงไม่ได้
(นักผจญภัยส่วนใหญ่ไม่มีพรสวรรค์ด้วยนี่สิ)
นึกถึงนักเหล่าผจญภัยและอัศวินที่ได้แต่เฝ้ามองเงียบๆตอนที่มาด้ากัลชูเข้าโจมตีรถม้า
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากจะช่วย ต่อให้อยากจะทำก็ทำไม่ได้ อเลนในตอนนี้รู้ได้ด้วยร่างกายของตัวเอง กล่าวคือถ้าไม่ใช่อัศวินหรือนักผจญภัยระดับ B คงต่อกรกับมอนสเตอร์ระดับ B ไม่ได้เลย
แทบจะไม่มีอัศวินและนักผจญภัยที่มีพรสวรรค์และแข็งแกร่งพอจะปราบมอนสเตอร์ระดับ B ได้เลย
เท่าที่ฟังมาจากเรเวน แคว้นนี้นักผจญภัยที่พอจะต่อกรกับมอนสเตอร์ระดับ B ได้คงมีแค่ปาร์ตี้ของพายุเขี้ยวเงิน
แล้วชายที่แข็งแกร่งกว่าหัวหน้าของพายุเขี้ยวเงิน ผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในแคว้นนี้ก็อยู่ข้างๆอเลน
(หัวหน้ากลุ่มอัศวินแข็งแกร่งที่สุดในแคว้นนี้สินะ)
ถึงจะไม่เคยเห็นเขาต่อสู้มาก่อน แต่ได้ยินมาว่าแข็งแกร่งมาก หัวหน้ากลุ่มอัศวินที่นักผจญภัยรู้จักถูกเรียกว่า อสูรสงครามเซนอฟ
พูดกันว่าพรสวรรค์ของหัวหน้ากลุ่มอัศวินคือปรมาจารย์ดาบ เป็นอาชีพ 2 ดาวที่อยู่ระหว่าง อาชีพนักดาบ 1 ดาว และยอดนักดาบ 3 ดาว
บารอนเอง ตอนที่มาด้ากัลชูปรากฏตัว ก็เรียกหาหัวหน้ากลุ่มอัศวินเป็นคนแรก
“ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะครับ ไม่ไหวเลยจริงๆ”
ในระหว่างที่คิดเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของหัวหน้ากลุ่มอัศวิน ชายรูปร่างกำยำตัดผมทรงสกินก็ออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับพ่อบ้าน ผู้ชายผมทรงสกินเฮดคือหัวหน้าสาขาของกิลด์ประจำเมืองแกรนเวล อเลนเองเคยเสิร์ฟอยู่หลายครั้ง ทำให้จำหน้าค่าตาได้
อเลนจ้องมอง ในขณะที่คิดว่าน่าจะมีเรื่องเกี่ยวกับคำขอเร่งด่วนเลยพูดบ่นออกมา แล้วก็สบตากับหัวหน้าสาขา
“สวัสดีครับ”
“หือ? อ้อ อเลนเหรอ”
ดูเหมือนจะรู้จักอเลนด้วย หัวหน้าสาขาพอเห็นอเลนก็เข้ามาใกล้
“อเล……”
“มีธุระอะไรกับคนรับใช้ฝึกหัดของตระกูลแกรนเวลหรือเปล่าครับ? ต่อจากนี้มีเรื่องต้องคุยกับนายท่านอยู่ครับ?”
ตอนที่หัวหน้าสาขากำลังจะพูดอะไร พ่อบ้านก็ถามขึ้นมาราวกับต้องการจะเข้ามาแทรก
“อ๊ะ? ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดว่าดีแล้วที่ปลอดภัยน่ะ”
หัวหน้าสาขาแตะศีรษะของอเลน ก่อนจะออกจากคฤหาสน์ไปตามการนำทางของพ่อบ้าน
(หือ? เมื่อกี้อะไร? มันอะไรกัน?)
เป็นการพูดคุยที่อเลยไม่รู้ความหมาย สำหรับอเลนเห็นเป็นแค่ว่าพ่อบ้านเข้ามาหยุดตอนที่หัวหน้าสาขาของกิลด์นักผจญภัยจะเข้ามาคุยกับอเลน
พ่อบ้านไปส่งหัวหน้าสาขาและกลับมา
พอพ่อบ้าน ขึ้นมาถึงชั้น 3 พ่อบ้าน, หัวหน้ากลุ่มอัศวิน และอเลนก็เข้าไปในห้องประชุมตรงชั้น 3 ภายในมีโต๊ะกลมที่ถูกใช้งานมาอย่างนานปี แล้วโดนบอกให้นั่งลงตรงที่นั่งด้านหน้าบารอน
“ตื่นดีแล้วสินะ? ดีนะเนี่ยที่ยังปลอดภัยอยู่”
“ครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ก่อความรบกวนให้กับนายท่าน”
“หือ? ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก”
“ครับ”
“แต่อยากจะให้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับมาด้ากัลชูได้ไหม เพราะมีเรื่องที่จต้องจัดการหลังจากนี้ด้วย”
อเลนบอกว่ารับทราบ พร้อมกับพูดรายละเอียดเกี่ยวกับมาด้ากัลชู
รถม้าถูกโจมตี เพื่อที่จะช่วยครอบครัวที่อยู่ในรถม้าเลยเอาลูกเหล็กที่สั่งร้านอาวุธทำปาใส่มาด้ากัลชู
บอกต่อไปว่าพอเปลี่ยนเป้าความสนใจของมาด้ากัลชูมาที่ตัวเองได้แล้ว เลยล่อให้มาด้ากัลชูออกห่างจากเมือง
บารอนฟังด้วยสีหน้าปั้นยาก บางครั้งก็มองไปที่หัวหน้ากลุ่มอัศวิน ซึ่งเขาก็พยักหน้าตอบ ดูเหมือนจะตรวจสอบว่าเรื่องอย่างนั้นเป็นไปได้หรือเปล่า
“มาด้ากัลชูมีนิสัยที่ค่อนข้างดื้อด้าน ไม่ว่าจะโดนสลัดไปกี่ครั้งก็จะไล่ตามต่อ”
“เพราะอย่างนั้นเลยไม่ได้กลับมาถึง 3 วันหรือ? ตอนที่ได้ยินว่ามีเด็กชายสวมชุดคนรับใช้โดนมาด้ากัลชูไล่ออกห่างจากเมืองไป นึกว่าโดนกินไปซะแล้ว”
เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าประตูทางทิศใต้ เหล่าอัศวินและนักผจญภัยเห็นกันอยู่ การที่จะรู้ถึงบารอนก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“ครับ ไปถึงไหนก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่คิดว่าค่อนข้างไกลอยู่ครับ”
เพราะที่นี่ไม่สามารถยืนยันได้อยู่แล้วว่าอเลนพาไปถึงเลยเลยอธิบายเสียงขุ่นๆออกไป อเลนโดนไล่ตามไปจนถึงเทือกเขามังกรขาว
อเลนพามาด้ากัลชูไปจนถึงเทือกเขามังกรขาว ระหว่างทางก็ให้มาด้ากัลชูไปปะกับไวท์เดียร์บ้างมดเกราะบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผล คาดหวังว่าจะให้พวกโน้นไปเป็นเหยื่อเพื่อทำให้มันพอใจ แต่พอมันฆ่ามอนสเตอร์เสร็จก็ไล่ตามอเลนมาต่อ
“อย่างนี้นี่เอง เข้าใจเรื่องราวแล้ว ขอบอกเอาไว้ก่อนเลยครั้งนี้ไม่ได้จะเรียกอเลนมาตำหนิหรอก แต่เพราะช่วยประชาชนที่ไร้ซึ่งพลังเลยจะตบรางวัลให้น่ะ”
“จะ จริงหรือครับ!”
(รางวัลล่ะ ไม่ได้รางวัลมานานแล้ว!!)
“รางวัลคือสิ่งนี้”
มีถุงเล็กๆ 2 ถุง วางไว้ตรงโต๊ะ มันมีเสียงดังกริ๊งทำให้คิดว่ามันน่าจะเป็นเหรียญ จนใจของอเลนเต้นแรงขึ้น
(2 ถุง?)
อเลนมองถุงเล็กๆพร้อมกับทำหน้าตาสงสัยว่าทำไมถึงมี 2 ถุง
“จากการทำงานของอเลนในครั้งนี้ เลยให้รางวัล 10 เหรียญทอง เพราะทำให้คำขอเร่งด่วนสำเร็จด้วย ทำให้ประชาชน, นักผจญภัย และเหล่าอัศวินเกิดความสูญเสียน้อยที่สุด”
ถึงจะมีผู้สูญเสียไปบ้าง แต่ก็น่าจะเป็ฯจำนวนที่น้อย
“ครับ”
(10 เหรียญทองเหรอ ใจปล้ำนะเนี่ย)
ถึงอเลนมาที่คฤหาสน์นี้ได้ 1 ปีนิดๆ แต่ก็เข้าใจได้ 1 เรื่อง ตระกูลบารอนนี้ค่อนข้างยากจน หรือควรจะบอกว่ามัธยัสถ์จะดีกว่า
ใช้ชีวิตค่อนข้างเรียบง่าย ช่วงที่เป็นคนรับใช้ฝึกหัดช่วงแรกๆ ยังคิดเลยว่าอาหารการกินตอนเป็นทาสติดที่ดินยังดีซะกว่า
ตอนนี้พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงให้รางวัลโรดันกับเกลด้าด้วยการเลื่อนขั้นให้เป็นประชาชนเพราะไม่มีเงิน การให้ทาสติดที่ดินเป็นประชาชนมันไม่จำเป็นต้องใช้เงิน
แต่ ไม่ได้คิดว่าการที่ตระกูลบารอนมัธยัสถ์จะเป็นเรื่องที่ไม่ดี
ข้ารับใช้ของราชวงศ์มาที่นี่ปีละ 2 ครั้ง เหตุผลที่มาก็เพื่อพูดเกี่ยวกับการขึ้นภาษีรายหัว ถึงจะยังพอจะขึ้นได้อีกนิดหน่อยแม้ไม่ต้องมากเท่าดินแดนข้างเคียงอย่างแคว้นของไวเคานต์คาร์เนลก็ได้ แต่บารอนก็ปฏิเสธไปเพื่อการใช้ชีวิตของประชาชน ผลสรุปนั้นส่วนต่างที่เหลืออยู่บารอนเป็นคนออกให้เอง เป็นการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายไม่สมกับเป็นตระกูลขุนนางอย่างบารอนเลย
ในระหว่างที่คิดอย่างนั้น บารอนก็พูดออกมาต่อ
“ส่วนอีกหนึ่งถุงก็ 10 เหรียญทอง รวมกันทั้งหมดเป็น 20 เหรียญทอง อเลนเอ๋ย ถุงที่สองนี้มาจากเจ้าของรถม้าที่เจ้าช่วยเอาไว้ไง”
“เจ้าของรถม้าหรือครับ?”
บารอนอธิบายถึงเจ้าของรถม้า ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้จัดการโรงแกรมหรูตรงถนนสายหลัง เขามาที่คฤหาสน์นี่เพื่อแสดงความขอบคุณที่ช่วยภรรยาและลูกสาวเอาไว้
(โอ้ว! อย่างนี้น่าจะซื้อดาบมิธริลได้แล้วสินะ? โชคให้มาซื้ออาวุธ!!)
คิดว่าจะซื้อดาบเหล็กราคา 5 เหรียญทอง แต่รางวัลที่ได้มาน่าจะทำให้ซื้อดาบมิธริลได้อยู่
ถ้าจบการประชุมนี้อยากจะรีบวิ่งไปที่ร้านอาวุธเลย
หลังจากนั้นมีเรื่องที่ต้องยืนยันอยู่เยอะ เลยต้องพูดุยรายละเอียด แล้วการประชุมของวันนั้นก็สิ้นสุดลง