บทที่ 90 กรรมสิทธิ์
เพื่อที่อเลนจะปราบรังมดเกราะเลยพักแรมข้างนอกโดยไม่ขออนุญาต ถึงจะอธิบายบารอนไปแล้วแต่ดูเหมือนจะสื่อไปไม่ถึง
เพราะถูกเรียกร้องมาเลยทำการอธิบายอีกรอบ พออธิบายเสร็จ บารอนที่ไม่แสดงสีหน้าก็พูดสรุปออกมา
“จะบอกว่าปราบราชินีมดเกราะ และยึดรังของมดเกราะมาได้อย่างนั้นหรือ?”
(โอ๊ะ! ครั้งนี้ถ่ายทอดได้แล้ว)
“ครับ ใช่แล้วครับ”
บารอนมองพ่อบ้าน
“รีบไปเรียกหัวหน้ากลุ่มอัศวินมาเดี๋ยวนี้ ถึงจะยังเหนื่อยเพราะเพิ่งกลับมาเมื่อคืน แต่บอกให้รีบมาที่นี่ที”
“ครับ!!!”
(หือ? เรียกหัวหน้ากลุ่มอัศวินเหรอ เคยบอกหัวหน้ากลุ่มอัศวินไว้แล้วว่าจะทำการปราบรังมดเกราะอยู่หรอก)
ตอนที่กำจัดหมู่บ้านออร์ค หัวหน้ากลุ่มอัศวินบอกว่าหลังจากนี้อยากจะให้รายงานสภาพที่ไปปราบด้วย ตั้งแต่นั้นอเลนก็รายงานสถานการณ์การปราบให้ทราบ มีบ่อยครั้งที่หัวหน้ากลุ่มอัศวินไม่อยู่ แต่เนื่องจากไม่มีหมู่บ้านออร์คเหลือแล้ว คราวหน้าเลยจะไปโจมตีรังของมดเกราะ แต่ก็เคยบอกแค่ครั้งเดียวเมื่อราวๆ 2 เดือนที่แล้ว
“แล้วเอาเกราะของราชินีมดเกราะกลับมาไว้ที่สวนด้วยสินะ”
“ครับ”
“ถ้างั้น ไปดูเกราะนั้นก่อนระหว่างรอหัวหน้ากลุ่มอัศวินมาก็แล้วกัน”
(โอ๊ะ เหมือนจะให้อภัยแล้วแฮะ? สมกับเป็นท่าขอโทษของคุณริกเกล)
ไม่มีการพูดถึงเรื่องที่พักแรมข้างนอกโดยไม่ขออนุญาต ตระกูลบารอนทุกคนมุ่งหน้าไปที่สวนพร้อมกับอเลน
ตรงสวนมีเกราะของราชินีมดเกราะที่ส่องประกายสีชมพูทองตั้งอยู่ อนึ่ง เกราะของมดเกราะธรรมดาจะเป็นสีเงิน
บารอนสัมผัสเกราะของราชินีมดเกราะ ซึ่งโทมัสเองก็เข้าไปจับพร้อมกัน
“ดูเหมือนจะมาถึงแล้วสินะ”
พ่อบ้านที่ไปเรียกหัวหน้ากลุ่มอัศวินกลับมาแล้ว
“ใช่แล้ว เซบาสเอ๋ย อเลนบอกว่านี่เป็นเกราะของราชินีมดเกราะ เคยเห็นหรือเปล่า?”
“ตะ ต้องขอประทานโทษด้วยครับ ไม่ค่อยทราบเรื่องเกี่ยวกับมอนสเตอร์สักเท่าไรครับ”
(หือ? เอาเถอะเป็นมอนสเตอร์แปลกๆระดับ B ที่อยู่ในโพรงด้วย จะเป็นเกราะของราชินีมดเกราะจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะอย่างนั้นเลยเรียกหัวหน้ากลุ่มอัศวินมางั้นเหรอ?)
พ่อบ้านที่ตอบว่าไม่รู้ เข้าไปลูบเกราะของมดเกราะดู แล้วหัวหน้ากลุ่มอัศวินก็วิ่งเข้ามาในสวน
“บอกให้รีบมามีอะไรหรือครับ?”
อเลนคิดว่าทั้งที่เพิ่งเลยเที่ยงและเป็นช่วงเวลาพักผ่อนสบายๆ แต่เสื้อผ้าหน้าผมกลับดูเป็นระเบียบเรียบร้อย
“โทษทีนะ ทั้งที่อยู่ระหว่างพักแท้ๆ เซนอฟเอ๋ย มีสิ่งที่อยากให้เจ้ายืนยันหน่อย นี่คือเกราะของราชินีมดเกราะหรือเปล่า?”
“ราชินีมดเกราะอย่างนั้นหรือครับ?”
หัวหน้ากลุ่มอัศวินแสดงสีหน้าว่าพูดเรื่องอะไรออกมาก่อนจะมองดูเกราะของราชินีมดเกราะ
“ต้องขออภัยด้วยครับ ไม่เคยเห็นราชินีมดเกราะมาก่อนเลยครับ”
ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มอัศวินเองก็ไม่เคยเห็น
“อเลนบอกว่านี่เป็นเกราะของราชินีมดเกราะ เพราะเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วเลยทำให้จำได้ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร แต่รังของมดเกราะไม่สามารถปราบได้ไม่ใช่หรือ?”
(เอ๊ะ? ไม่สามารถปราบได้? ไม่ใช่ยาก แต่ปราบไม่ได้งั้นเหรอ?)
“ครับ ไม่สามารถปราบได้ ต่อให้ส่งกลุ่มอัศวินไปก็ไม่มีทางทำได้ครับ หรือต่อให้เป็นพายุเขี้ยวเงินก็คิดว่าน่าจะทำไม่ได้เช่นกันครับ”
ต่อให้ส่งกลุ่มอัศวิน หรือจะเป็นปาร์ตี้นักผจญภัยระดับ A อย่างพายุเขี้ยวเงินก็ไม่สามารถทำได้ เขาพูดออกมาอย่างชัดเจนในขณะที่มองเกราะของราชินีมดเกราะที่อยู่ตรงหน้า
“เอ๊ะ? มดเกราะเป็นมอนสเตอร์ระดับ C ไม่ใช่หรือครับ?”
ในขณะที่มองดูเกราะของราชินีมดเกราะ อเลนก็ถามว่าทำไมการปราบรังมดเกราะถึงเป็นไปไม่ได้ โดยตัวของมันเองมดเกราะเป็นมอนเตอร์ระดับ C กลุ่มอัศวินหรือปาร์ตี้นักผจญภัยระดับ A ไม่น่าจะทำไม่ได้นี่
“อืม เรื่องนั้นมัน”
หัวหน้ากลุ่มอัศวินอธิบายออกมา ถ้าคิดจะปราบรังมดเกราะแล้วละก็ ยังไงก็ต้องปราบมดเกราะมากกว่า 1000 ตัว แถมปราบไปเท่าไรมันก็ออกมาจากรังเรื่อยๆ บางครั้งต้องปราบเป็น 1000 ตัว หรือ 2000 ตัวก็มี
(นั่นสินะ มันอย่างนั้นเลย ฉันเองก็ปราบไป 5000 ตัว)
หัวหน้ากลุ่มอัศวินพูดออกมาต่อ
การจะปราบมดเกราะหลายพันตัว ต่อให้ส่งกลุ่มอัศวินไป ยังไงก็ต้องต้องเกิดการสูญเสียจำนวนมาก มอนสเตอร์ระดับ C ที่มากกว่า 1000 ตัว จะทำให้มีคนตายเรื่อยๆ
แล้วสิ่งที่ยากยิ่งกว่านั้นคือการปราบราชิมิมดเกราะที่อยู่ในส่วนลึกสุดของรัง กว่าจะไปถึงราชินีมดเกราะมีทางแยกมากมายคล้ายกับเขาวงกต แล้วผู้ที่บุกเข้าไปจะโดนตัวของมดเกราะเป็นกำแพงขวางทางไว้ตรงห้องเล็กหรือไม่ก็ทางตัน ต่อให้ปราบมดเกราะที่ขวางทางได้ แต่ก็ไม่สามารถหาทางออกจากการโดนปิดล้อมได้ทำให้ต้องเสียชีวิตไป
(จะว่าไปก็โดนปิดล้อมหลายครั้งอยู่)
ทุกครั้งที่โดนปิดล้อมจะให้สัตว์อัญเชิญกลับมาเป็นการ์ด แล้วค่อยเรียกออกมาใหม่
“ดังนั้นการปราบรังเลยเป็นไปไม่ได้ เอาเถอะ ต่อให้ปราบได้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องเสียสละอะไรไปมากแค่ไหนด้วย อย่างน้อยไม่เคยได้ยินเรื่องที่จะปราบรังมดเกราะได้เลย”
การจะปราบรังมดเกราะจำเป็นต้องสังเวยชีวิตของอัศวินและนักผจญภัยจำนวนมาก แต่ไม่มีใครที่อยากจะสละชีวิตของตัวเองเพื่อเข้าไปในรังของมดเกราะ
การเดินทางไกลครั้งของของกลุ่มอัศวิน มีเป้าหมายอยู่ที่หมู่บ้านก็อบลินและหมู่บ้านออร์ค แต่รังมดเกราะไม่ได้อยู่ในเป้าหมายที่จะไปกำจัด
“เอ๊ะ แต่ได้ยินมาว่าแหล่งขุดแร่มิธริลที่มีในตอนนี้ หลายแห่งเคยเป็นรังของมดเกราะมาก่อนไม่ใช่หรือครับ”
“สิ่งนั้นเป็นรังที่ราชินีมดเกราะตายแล้วบ้าง หรือไม่ก็ไม่ได้ใช้แล้วบ้างไง”
พอได้ยินถึงขนาดนี้ ก็เข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมบารอนกับพ่อบ้านถึงได้แสดงสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ไม่เคยมีผู้ที่ปราบมันได้ และไม่เคยได้ยินถึงเรื่องที่จะปราบมัน ทำให้ไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นได้มาก่อน เลยไม่เข้าใจว่าพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่
“อ้อ ใช่แล้วครับ ไม่ใช่แค่เกราะของราชินีมดเกราะ แต่มีสิ่งนี้ด้วยครับ”
เอาถุงกระสอบที่พาดไหล่ลงมา พร้อมกับแจ้งถึงสิ่งที่ยังไม่ได้รายงาน
“นี่มัน?”
“หินที่เก็บมาจากตรงที่ราชินีมดเกราะอยู่ครับ อาจจะเป็นแร่มิธริลก็ได้”
“““นี่มัน!!”””
“ทะ ท่านบารอน!”
ทุกคนตอบสนองต่อหินที่อเลนเอาออกมาจากถุงกระสอบ เป็นปฏิกิริยาที่ดียิ่งกว่าเกราะของราชินีมดเกราะ สีหน้าที่ราวกับเคยเห็นหินก้อนนี้ ดูเหมือนทางนี้จะให้ความรู้สึกที่เป็นจริงมากกว่าอยู่สินะ
บารอนกับหัวหน้ากลุ่มอัศวินเดินเข้าไปใกล้อเลนพร้อมกับดูหินที่เอากลับมา
“อเลนเอ๋ย ไปคุยต่อที่ห้องประชุมเถอะ”
จากการนำของบารอน พ่อบ้าน และหัวหน้ากลุ่มอัศวินได้พาอเลนไปที่ห้องประชุมชั้น 3
“แล้วก็ เอาของที่อยู่ในถุงกระสอบวางไว้บนโต๊ะที”
“ครับ”
ถึงจะรู้สึกผิดเพราะเอาหินซึ่งอาจจะโดนของเหลวจากราชินีมดเกราะไว้บนโต๊ะที่ผ่านการใช้งานมานาน แต่ก็ทำตามที่สั่ง
บารอนพอเห็นสิ่งนั้นก็ออกจากห้องประชุมไป แต่รู้สึกได้ว่าอยู่ห้องข้างๆ ดูเหมือนจะไปทำธุระอะไรบ้างอย่างที่ห้องข้างๆอยู่
“นี่คือแร่มิธริล”
(โอ๊ะ! สมกับเป็นแคว้นที่เคยรุ่งเรืองด้วยมิธริล มีของจริงอยู่ด้วย)
บารอนเอาแร่มิธริลวางไว้ข้างๆหินของอเลน
สิ่งนั้นมีความวาวและผิวสัมผัสเหมือนกับสิ่งที่อเลนเอากลับมา
“เหมือนกันเลยนะครับ”
“ใช่แล้วล่ะ เซบาสเอ๋ย ไปเอาแผนที่มาที”
เซบาสไปเอาแผนที่จากห้องอื่นมา ก่อนจะกางแผนที่ของแคว้นไว้บนโต๊ะ พร้อมกับถามว่ารังของมดเกราะอยู่แถวไหน
อเลนต้องอธิบายถึงตำแหน่งที่ไปปราบหมู่บ้านออร์คตามคำสั่งของหัวหล้ากลุ่มอัศวิน นี่จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเห็นแผนที่
จากเหมืองที่มีอยู่ทั้งหมด 4 แห่ง ทำการชี้ไปยังรังมดเกราะที่อยู่ระหว่างเหมืองที่อยู่บนสุดกับอันรองบนสุด แล้วบอกว่า “แถวนี้ครับ”
“อย่างนี้นี่เอง ตรงนี้อยู่ใกล้หมู่บ้านที่กำลังบุกเบิกสินะ”
พ่อบ้านและหัวหน้ากลุ่มอัศวินตอบว่าใช่แล้วครับต่อคำพูดของบารอน
“อย่างนี้จำเป็นต้องส่งกลุ่มอัศวินไป เพื่อไม่ให้มอนสเตอร์ตัวอื่นเข้าไปอยู่อาศัยครับ”
หัวหน้ากลุ่มอัศวินบอกว่าจะรีบกลับไปที่เมืองเพื่อมุ่งหน้าไปยังรังมดเกราะ
“อ้อ แล้วก็”
อเลนนึกถึงสิ่งที่ยังไม่ได้รายงานออกไปออก
“ยังมีอะไรอีกงั้นหรือ?”
“ครับ ถ้ามีกระดาษ จะวาดภาพรวมของรัมดเกราะแบบคร่าวๆให้ได้อยู่ครับ”
ถึงจะแค่วาดตามแผนที่ที่จดอยู่ในสมุดเวทมนตร์ก็ตามที ถึงจะคร่าวๆ แต่มันเป็นเขาวงกตที่ยาวถึง 5 กิโลเมตร การมีหรือไม่มีจะทำให้การดูแลหลังจากนี้แตกต่างกันอยู่
“จะ จริงเหรอ! รีบไปเตรียมกระดาษมาเดี๋ยวนี้เลย”
“นายท่าน แล้วเรื่องของกรรมสิทธิ์ล่ะครับ”
“อึม รู้แล้วน่า”
บารอนตอบพ่อบ้านว่าไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้ว
“อเลนเอ๋ย เรื่องในครั้งนี้ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม จะไม่สอบสวนเรื่องที่หยุดงานโดยพลการ”
“ขอบพระคุณมากครับ”
“แล้วแน่นอนว่า จะให้อเลนเป็นผู้ที่ค้นพบเหมืองมิธริลคนแรกด้วย”
“ครับ”
(ต้องบอกว่ายึดมาแทนที่จะค้นพบอยู่หรอก)
“มาตรฐานของเมืองหลวง ไม่ได้กำหนดแค่มิธริลแต่รวมไปถึงเหมืองแร่ทุกชนิด จะมอบกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้คนพบ 30%”
“ให้มากถึงขนาดนั้นเลยหรือครับ?”
“อืม กรรมสิทธิ์เหมือง 30% เป็นของอเลนไง”
(จริงดิ อย่างนี้จะได้เป็นเศรษฐีที่ต่างโลกเลยนะเนี่ย แล้วกรรมสิทธิ์คือ?)
แล้วก็ได้รับการอธิบายที่ละเอียดยิ่งขึ้น
ถึงจะบอกว่า 30% แต่จริงๆแล้วมันค่อนข้างน้อย
กำไรที่ได้จากการขายมิธริล จะถูกหักออกไปเป็นค่าจ้างคนดูแลเหมือง, คนขุด, กลุ่มอัศวินและค่าสร้างเตาหลอม แล้วกำไรที่หักจากค่าใช้จ่าย จะต้องเสียภาษี 60% ให้กับราชวงศ์
กำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักภาษีที่ส่งให้กับราชวงศ์แล้ว ถึงจะแย่งให้กับผู้ถือกรรมสิทธิ์
เนื่องจากอเลนได้รังของมดเกราะ กรรมสิทธิ์ 30% จึงเป็นของอเลน ส่วนที่เหลืออีก 70% จะเป็นของเจ้าเมืองที่ปกครองแคว้น
อเลนที่อายุ 11 ปี ได้กรรมสิทธิ์เหมืองถึง 30% จากการปราบรังของมดเกราะ