จริงจังใช่ไหมเนี่ย? นี่เธอโอเคกับเรื่องแบบนี้จริงดิ?
ขณะที่ผมกำลังตื่นตระหนกอยู่ชิราคาวะซังก็มองมาที่ผมอย่างสงสัย
“เอ๊ะ? ชั้นหมายถึง….นายไม่อยากทำงั้นหรอ?”
“มะ-ไม่ใช่แบบนั้น แต่……เอ๊ะ? เอ๋ !!!”
มันจะดีเรอะ? เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าเธอเต็มใจล่ะก็ผมก็จะทำ แต่ว่า….เอาจริงดิ? เธอแน่ใจจริงๆใช่ไหม?
ชิราคาวะซังเห็นผมสับสนเธอก็ดูงงงวย
“อืม…คือว่ามันไม่เร็วไปหน่อยงั้นหรอ เธอไม่รู้จักชื่อของผมจนกระทั่งพึ่งได้รู้จักเมื่อกี้นี้เองใช่ไหมล่ะ? …….และกับการที่จะต้องมาเป็นคู่นอน………ชิราคาวะซังน่ะ………ไม่รังเกียจงั้นหรอ?”
ผมอยากทำเรื่องลามกอย่างว่าโครตๆ เพราะผมเองก็อยู่ในวัยที่ไม่สามารถต้านทานเรื่องพรรณนี้ได้ นอกจากนี้คู่นอนของผมก็คือชิราคาวะซังที่ผมใฝ่ฝันมาโดยตลอด ตอนนี้ผมตื่นเต้นโครตๆที่ได้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของชิราคาวะซัง ที่ผมก็เคยแอบเก็บคิดไปเล่นสนุกกับตัวเองอยู่เป็นครั้งคราว
แต่ว่าตอนนี้น่ะ!!
แม้ว่าผมจะยังแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมกำลัง “คบอยู่กับชิราคาวะซัง” เพราะหลายๆอย่างมันดำเนินไปอย่างราบรื่นจนเกินไปจนในที่สุดความสับสนของผมมันก็เข้ามาแทนที่ความต้องการทางเพศที่จะทำเรื่องอย่างว่าแทน
นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ? ตอนนี้ผมตื่นตระหนกไปหมดแล้ว
“นั่นก็จริง แต่ว่าตอนนี้นายเองก็เป็นแฟนของชั้นแล้วใช่ไหมล่ะ?”
ดวงตาชิราคาวะซังเบิกกว้างขึ้นมา……..นี่มันอันตรายชะมัด เธอน่ารักเกินไป!!
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ….แม้แต่เธอเองก็ยังไม่รู้เลยนะว่าผมน่ะเป็นผู้ชายแบบไหน
เธอแน่ใจแล้วงั้นหรอ? จะเป็นยังไงล่ะถ้าจริงๆแล้วผมมันเป็นไอ้งั่ง ที่อารมณ์เสียง่าย แถมขี้เหวี่ยงน่ะ”
“หา?”
“หรือว่าจริงๆแล้วผมอาจจะเป็นพวกโรคจิตวิตถารอะไรแบบนั้น….”
“นายกำลังพูดถึงอะไรน่ะ? ริวโตะเป็นคนโรคจิตอย่างนั้นหรอ?”
“ไม่ใช่ ผมไม่ได้เป็น! ผมแค่อยากจะพูดว่า ชิราคาวะซังยังไม่ทันได้รู้เลยว่าจริงๆแล้วผมเป็นคนแบบไหน….”
“เอ๋? อะไรกันล่ะนั่น? ปรัชญาคำคมวิถีชีวิต? “
ชิราคาวะซังรู้สึกสับสน
“ก็มันช่วยไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? ก็นายเป็นแฟนของชั้นถ้าหากว่าเรื่องแบบนี้พวกเราเข้ากันไม่ได้ มันก็คงมีแค่ทางเดียวนั่นก็คือเลิกกันเท่านั้นแหละ….”
นั่นสินะ…
ตอนนี้ผมเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าความคิดเกี่ยวกับเรื่อง “ความสัมพันธ์” ของผมกับชิราคาวะซังน่ะมันแตกต่างกันคนละขั้วเลย
สำหรับชิราคาวะซัง คือ “การที่ได้คบกับใครแล้วเฝ้าดูว่าความสัมพันธ์จะสามารถเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆได้รึเปล่า?”
แต่ความสัมพันธ์ของผมที่มีให้กับเธอน่ะ…….คือความสัมพันธ์แบบ “ความรักที่มีให้กับหญิงสาวผู้งดงามที่หลงไหลมาโดยตลอด” เป็นความใฝ่ฝันที่ผมคิดว่าคงจะไม่มีโอกาสที่จะได้มันกลับมาอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆถ้าหากว่ามันหลุดมือไป ผมจึงต้องการที่จะดูแลความสัมพันธ์นี้อย่างรอบคอบแบบค่อยเป็นค่อยไป
ผมเองก็พึ่งตระหนักได้ถึงสิ่งนั้น
“เอ๋ ริวโตะไม่อยากที่จะทำกับชั้นอย่างนั้นหรอ? ไม่ใช่ว่าพวกผู้ชายคิดแต่เรื่องลามกเวลาอยู่กับแฟนสองต่อสองอย่างนั้นหรอกหรอ?”
ชิราคาวะซังเธอก้าวไปไกลเกินกว่าความรู้สึกสับสนของผมไปมากโขเลยทีเดียวและเธอก็จ้องมองผมด้วยแววตาสงสัยหลังจากนั้นจู่ๆเธอก็พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าจริงจัง
“หรือว่าบางที…………”
และเธอก็ลดสายตาลงมาเพื่อมองมาตรงเป้ากางเกงของผม
“มะๆ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ!”
มันยังตั้งโด่เคารพธงชาติอยู่ทุกเช้า เพราะอย่างนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ!!
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมน่ะอยากจะรักษาความสัมพันธ์ของพวกเรา…….นั่นก็เพราะ……ชิราคาวะซังน่ะเป็น…..ฟะ….แฟนของผมใช่ไหมล่ะ?”
และก็เป็นอีกครั้งที่ผมพูดติดอ่างในช่วงเวลาสำคัญ ผมรู้สึกขายขี้หน้าจริงๆที่ถูกรู้ว่าจริงๆแล้วผมไม่คุ้นเคยกับการพูดอะไรแบบนี้เอาเสียเลย
“คือจะว่ายังไงดีล่ะครับ……..ผมอยากจะทำเรื่องพวกนั้นในเวลาที่เหมาะสมน่ะครับ”
“เวลาที่เหมาะสม?……คือ?”
ชิราคาวะซังย่นคิ้วของเธอ
ไหงเป็นงี้ได้ละเนี่ย?! นี่บทบาทของเราสองคนมันสลับกันรึเปล่าครับเนี่ย!!
ปกติพวกผู้หญิงจะต้องการที่จะดูแลความสัมพันธ์ ส่วนผู้ชายก็อยากจะทำเรื่องอย่างว่าให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ปกติมันจะต้องเป็นแบบนั้นนี่นา
และในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ ทันใดนั้นก็มีความสงสัยแว่บเข้ามาในใจของผม
“…….เอ่อ หรือจะบอกว่า………..ชิราคาวะซังน่ะ อยากจะทำเรื่องอย่างว่า….มากขนาดนั้นเลยงั้นหรอ?”
ผมจินตนาการว่าถ้าหากว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หลงระเริงชอบมีเซ็กส์มากกว่าพวกผู้ชายอะไรแบบนั้นแล้ว ส่วนลึกภายในหน้าอกของผมก็รู้สึกแปล๊บๆเหมือนกำลังโดนอะไรแผดเผาอยู่
นี่แฟนสาวของผมเป็นสาวแกลที่หลงระเริงกับความใคร่อยากนั้นหรอกหรอ…….ทำไงดีล่ะ
ตอนนี้ผมเริ่มหายใจรุนแรงมากยิ่งขึ้น และรอยย่นระหว่างคิ้วของชิราคาวะซังที่เกิดขึ้นจากความสงสัยของเธอก็หย่อนลง
“เอ๋?”
ใบหน้าของเธอดูเหมือนว่าเธอกำลังรู้สึกหนักใจกับอะไรบางอย่างอยู่
“ชั้นเองก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองอยากทำหรือไม่อยากทำนะ จะบอกว่ามันเป็นพันธะที่ผูกพันเอาไว้อะไรทำนองนั้นมากกว่ามั้ง……….ชั้นคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องทำเมื่อได้คบกับใครสักคนน่ะ เพราะถ้าหากไม่สมยอมให้แฟนทำล่ะก็ เขาก็คงจะไปเหลียวมองผู้หญิงคนอื่นใช่ไหมล่ะ?”
ทันทีที่ผมได้ยินแบบนั้นความรู้สึกครุกกรุ่นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสัญชาติญาณลูกผู้ชายมันก็ค่อยๆลดลง จากนั้นผมก็หวนนึกคำพูดที่เธอพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ว่า
[ไม่ใช่ว่าพวกผู้ชายน่ะ เอาแต่คิดแต่เรื่องลามกเวลาอยู่กับแฟนสองต่อสองอย่างนั้นหรอกหรอ?”
แล้วก็ที่เธอพูดตอนที่เรากำลังเดินอยู่บนถนนด้วยกันนั่นก็ด้วย
[นายกำลังคิดว่าชั้นคงเบื่อพวกนั้นและก็เป็นฝ่ายทิ้งไปใช่ไหมล่ะ? แต่จริงๆแล้วตรงกันข้ามเลยล่ะ! เพราะเวลาชั้นคบกับใครน่ะนะชั้นจริงจังและทุ่มเทสุดๆไปเลย! ถ้ามีผู้ชายคนอื่นมาสารภาพรักชั้นก็จะบอกปัดปฏิเสธทันทีเลยนะ!]
ตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่เธอพูดมากนัก แต่ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าแฟนของชิราคาวะซังน่ะ ได้หมดความสนใจในตัวเธอและทิ้งเธอไปแบบนั้นใช่ไหมล่ะนั่น?
ชั่วขณะที่ผมคิดว่านี่มันเรื่องบัดซบชัดๆเลย แม้แต่ผมเองก็ยังไม่สามารถจินนาการนึกภาพของแฟนเก่าของเธอไม่ได้เลยจริงๆ
ถ้าหากว่าคุณได้ทำเรื่องอย่างว่าได้อย่างง่ายดายตั้งแต่วันแรกที่พึ่งได้คบกับใครสักคนแล้วล่ะก็ มันก็เป็นไปได้ว่าอีกไม่นานคุณเองก็อาจจะหมดความสนใจในตัวเธอและเที่ยวมองหาเหยื่อรายใหม่ ซึ่งมันแตกต่างจากผู้ชายอย่างผมที่มาสารภาพรักเพราะเกมโดนลงโทษให้มาสารภาพรัก
“…………………”
ยังไงซะ ตอนนี้ผมรู้สึกเริ่มมีน้ำโหแล้วล่ะ
ชิราคาวะซังน่ะ เธอม่ใช่ผู้หญิงที่จะมีเซ็กส์เพราะว่าเธอชอบการมีเซ็กส์ แต่เธอเป็นคนประเภททะมัดทะแมงเรื่องความสัมพันธ์และยอมให้แฟนหนุ่มมีอะไรกันกับเธอได้ตามใจชอบ อย่างน้อยผมก็คิดว่าเธอก็เป็นคนแบบนั้นแหละ จนถึงตอนนี้เองก็ด้วย
การที่ได้ทำเรื่องอย่างว่าอย่างง่ายดายและก็เลิกสนใจไป
อีแบบนี้มันไม่ใช่ว่าพวกนั้นมันมุ่งเป้าเพียงแค่หวังแค่ร่างกายของเธอเพียงอย่างเดียวเลยไม่ใช่รึยังไงกัน!
“แล้วสรุป………วันนี้พวกเราจะไม่มีอะไรกันงั้นหรอ?”
“เอ๊ะ?”
ผมคิดเรื่องต่างๆนาๆมากมายในหัวและผมก็รู้สึกประหลาดใจที่ชิราคาวะซังเริ่มคุยกับผม
“เอ่อ ก็นะ…..”
อยากทำ…………
ตรงๆเลยนะ โครตอยากจะทำเลยครับ! แต่ถ้าเราทำกันที่นี่ ณ ตอนนี้
ท้ายที่สุดผมเองก็ลงเอยเหมือนกับแฟนเก่าของเธอเลยไม่ใช่รึยังไงกัน?………ใช่ ผมอยากทำ เพราะไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้ โอกาสมันจะหวนกลับคืนมาให้มีถึงครั้งที่สองรึเปล่า? วันรุ่งขึ้นชิราคาวะซัง เธออาจจะเปลี่ยนใจเอาก็ได้พร้อมกับพูดว่า
“งั้นหรอ งั้นเราก็เลิกกันเถอะนะ”
อยากทำ อยากทำว้อยย อยากจะมีอะไรกันกับเธอโว้ยย !
แต่ว่านี่มันก็เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกัน ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าผมจะทำได้ดีรึเปล่า
ขืนผมไปไกลมากกว่านี้จนถึงขั้นกำลังจะมีเซ็กส์กับเธอแล้วนกเขาของผมดันไม่ขันขึ้นมาในช่วงเวลานั้นเธอก็คงจะรู้สึกผิดหวังและยกผมไปเปรียบเทียบกับแฟนเก่าของเธอและถ้าถูกเธอหัวเราะเยาะขึ้นมาละก็ผมเองก็ขอลาตายฝังตัวเองลงหลุมแบบไม่ต้องเห็นเดือนเห็นดาวไปเลยซะยังจะดีกว่า…….ไม่สิ ผมไม่คิดว่าชิราคาวะซังจะเป็นผู้หญิงแบบนั้นหรอกนะ แต่ว่า……….
ผมน่ะไม่เหมือนกับพวกแฟนเก่าของเธอนะ!
เธออยากให้ผมแสดงให้เห็นผ่านการกระทำใช่ไหม?
ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ก็คงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ
“ผมว่า…เรา….อย่าพึ่งทำกันวันนี้เลยนะครับ…”
ผมพูดออกไปในขณะที่ภายในใจของผมมีน้ำตาไหลพรากดั่งสายเลือด
“?”
ชิราคาวะซังเอียงหัวด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นซึ่งเป็นอะไรที่น่ารักๆสุดๆเท่าที่ผมเคยเห็นมาและหลังจากนั้นผมก็รู้สึกเสียใจอย่างมากที่ตัดสินใจแบบนั้นไป
และห้านาทีต่อมาผมก็ออกมาเดินเล่นนอกบ้านกับชิราคาวะซัง
ตอนที่เราอยู่ในห้องของเธอผมก็ได้รู้สึกตัวกับความจริงที่ว่าเราอยู่ด้วยกันสองต่อสองและผมเองก็ไม่สามารถคุยกับเธอได้ตามปกติจึงได้ชวนเธอออกไปข้างนอก
ในขณะที่เราเดินไปด้วยกันแถวๆระแวกบ้านของชิราคาวะซังอย่างไร้จุดหมาย ชิราคาวะซังก็พูดพึมมพัมขึ้นมา
“ริวโตะน่ะ เป็นคนจริงจังขนาดนั้นเลยงั้นหรอ?”
ผมมองไปยังใบหน้าของเธอแล้วก็พยายามที่จะอ่านอารมณ์ของเธอและตอนนี้ผมเองก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีร่องรอยของความรู้สึกผิดหวังและเยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้าของเธอเลย
ถึงแม้ว่าตอนนี้เองผมยังรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้มีเซ็กส์กับเธอ แต่ถ้าหากว่าโดนเธอมองด้วยสายตาเยือกเย็นแบบนั้นเข้าละก็มีหวังสู่ขิตแหงๆ
“ชั้นคิดว่านี่เป็นครั้งแรกของชั้นเลยนะที่มีแฟนแบบริวโตะเนี่ย”
สำหรับการพูดพึมที่เหมือนพูดอยู่คนเดียวของเธอทำให้ผมอ้าปากค้างอย่างเขินอายและถามเธอกลับไป
“…….แล้วมัน ไม่ดีงั้นหรอครับ?”
“ไม่หรอก”
ชิราคาวะซังส่ายหัวของเธอแล้วจ้องมองมาที่ผม
“ชั้นก็รู้อยู่หรอกว่าก็มีผู้ชายแบบนี้อยู่บ้างเหมือนกันนั่นแหละ”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอยังคงดูน่ารักอยู่เสมอแม้จะอยู่ภายใต้แสงไฟสลัวๆ
การที่ได้เห็นเธอแบบนี้แล้วก็ทำให้ผมคิดว่าการตัดสินใจก่อนหน้านี้ของผมมันถูกต้องแล้ว
ไม่สิ เอาจริงๆผมอยากจะทำมันจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว….. แต่ว่านะ….
“อือ….คือว่า ชิราคาวะซัง ผมน่ะ……จริงๆแล้ว..”
ผมคิดว่าต้องใช้เวลาตอนนี้แหละก่อนที่เธอจริงรู้ความจริงด้วยตัวเธอเองเสียก่อน ผมก็เลยตัดสินใจที่จะเล่าความจริงให้กับเธอ
“นี่มันคือครั้งแรกเลยครับ…..ที่ผมได้คบกับผู้หญิงน่ะ”
ดวงตาของชิราคาวะซังเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ผมรู้ตัวดีว่าผมเป็นประเภทที่เธอคงไม่เคยพบเคยเจอถ้าเทียบกับคนก่อนๆที่เธอเคยคบมา
“แล้วผมก็ไม่มีเพื่อนผู้หญิงที่สนิทสนมอะไรด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเรื่องที่ผมจะไปเหลียวมองผู้หญิงคนอื่นน่ะผมไม่มีทางทำหรอกครับ…….นั่นแหละคือเหตุผลที่ว่า เรื่องพรรณนั้นน่ะมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ”
เนื่องจากผมกลัวที่จะคุยถึงเรื่องนี้ในที่กลางแจ้งแบบนี้ ผมจึงได้แต่พูดกระซิบกระซาบกับเธอ
“และเมื่อเราได้ทำเรื่องอย่างว่าแบบนั้นกันในอนาคต ผมน่ะอยากให้ชิราคาวะซังน่ะคิดว่าตัวชิราคาวะซังเอง ‘ต้องการ’ ที่จะทำเรื่องแบบนั้นกับผมจริงๆน่ะครับ….เอ่อ คือว่า ผมหมายถึง….”
เธออาจจะขำกลิ้งกับปฏิกิริยาของไอ้หนุ่มซิงอย่างผมก็ได้ แต่ว่าผมน่ะต้องการที่จะผูกสัมพันธ์และเชื่อมโยงกันกับเธอในฐานะคู่รักที่มีความรู้สึกที่จริงใจต่อกันทั้งสองฝ่าย
ผมมักจะจินตนาการวาดฝันถึงเรื่องแบบนั้นจากก้นบึ้งของหัวใจว่าผมจะมีวันแบบนี้กับผู้หญิงที่ผมรักได้ไหมนะ
ผมเกือบจะสติแตกและวิ่งหนีไปในตอนก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกดีใจจริงๆที่ผมควบคุมตัวเองได้
“อย่างน้อยๆผมก็ไม่อยากให้เธอคิดว่าการทำเรื่องอย่างว่าน่ะมันคือภาระหน้าที่หรือจะอะไรทั้งนั้นครับ” (**TL NOTEแม่งโครตหล่อ**)
ผมพูดมันออกไปแล้ว
ผมสามารถที่จะบอกเธอในสิ่งที่ผมไม่สามารถพูดมันออกไปได้อย่างถูกต้องตอนที่ผมอยู่ในห้องของเธอ
“งั้นหรอ……นั่นคือสิ่งที่นายพยายามจะสื่อสินะ”
หลังจากนั้นครู่หนึ่งชิราคาวะซังก็พูดแบบนั้นและมองมาที่ผม
ใบหน้าของเธอดูสดชื่นราวกับเธอได้รับการปลดปล่อยจากความรู้สึกคลุมเครือที่อยู่ภายในใจของเธอ
“ผะ-ผมขอโทษนะ……ถึงขนาดชิราคาวะซังจะเต็มใจ….ที่จะทำเพื่อผมขนาดนั้นแล้วแท้ๆ”
“อื้มๆไม่เป็นไรๆ ชั้นเองก็เข้าใจสิ่งที่ริวโตะกำลังคิดอยู่นะ”
เธอพูดออกมาอย่างอารมณ์สุนทรีย์พร้อมกับมองไปข้างหน้า และเธอก็พูดทักทายด้วยความเต็มใจว่า “สวัสดีค๊า!” กับคุณป้าที่ถือถุงซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ในมือที่อยู่ด้านหน้าของเรา
ผมเองจนถึงป่านก็ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเพื่อนบ้านของตัวผมเองเลยสักครั้ง ดังนั้นผมจึงรู้สึกประทับใจกับสิ่งนี้
ผมคิดว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ดีจริงๆ ผมแน่ใจเลยว่าเธอคงเป็นที่รักของคุณพ่อ คุณแม่ และคุณย่าของเธอและเติบโตมาด้วยสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายสบายๆ แล้วยิ่งผมนึกภาพตามแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลายคล้อยตามไปด้วย
อา……กับผู้หญิงที่สุดแสนจะน่ารักอย่างเธอแล้ว…ผมน่ะอยากจะมีอะไรกันกับเธอจริงๆ…แน่นอนว่าผมเองก็ต้องหวนนึกเสียใจอยู่แล้ว แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ
“งั้นถ้าหากว่าชั้นอยากจะมีอะไรกันกับริวโตะ………..”
เพราะชิราคาวะซังจู่ๆก็โพล่งเรื่องนี้ขึ้นมาผมจึงสะดุ้งและเลิ่กลั่กมองดูด้านหลัง เพราะคุณป้าเธอพึ่งจะเดินผ่านเราไปหมาดๆเอง
และเธอก็พูดตอกกลับเมื่อเห็นปฏิกิริยาของผม
“นายจะประหม่าเกินไปแล้วนะ”
ชิราคาวะซังพูดออกมาแล้วอมยิ้มอย่างขบขันพร้อมกับจ้องมองมาที่ผม
“ไว้ถึงตอนนั้น คงไม่เป็นอะไรใช่ไหมถ้าชั้นจะบอกกับริวโตะน่ะ?”
“อะ-อื้อ ครับผม”
ผมก็ขอภาวนาให้เวลา “ตอนนั้น” ที่ว่าน่ะให้มาถึงในอีกไม่นานจนเกินไปหรือมันคงจะดีกว่าถ้าผมจะทำซะตั้งแต่ตอนก่อนหน้านี้นะ? นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังครุ่นคิด
“โอเคนะ!”
ชิราคาวะซังตอบอย่างร่าเริงและยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“และในตอนนั้นเอง บางทีความสัมพันธ์ของพวกเราอาจจะกลายเป็น “ชอบจริงๆ” ที่ไม่ใช่แบบ “ของด้อยค่าราคาถูก” แล้วก็ได้นะ”
ผมรู้สึกตกใจมากที่ถูกเธอพูดอย่างนั้น ตอนนี้ผมน่ะหลงรักชิราคาวะซังมามากเพียงพอแล้วล่ะ แต่ว่าก็ไม่เป็นไร…….เพื่อที่จะเชื่อว่าวันนั้นจะมาถึง วันที่เธอก็รักผมเหมือนกันและพวกเราจะสามารถจู๋จี๋กันอย่างคู่รักกันได้รึเปล่านะ
ดีใจจังที่ยังมีชีวิตอยู่
พอคิดว่าจะมีวันที่ชิราคาวะซังพูดแบบนี้กับผม ผมก็รู้สึกปลื้มปิติที่ได้เกิดมา!
หลังจากเดินวนรอบบ้านที่สองสามรอบ ผมก็ส่งชิราคาวะซังกลับไปยังบ้านของเธออีกครั้งและเมื่อถึงหน้าประตูบ้านเธอก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“การที่ไม่ได้มีอะไรกันแบบปุบปับมันก็ดีเหมือนกันนะ ชั้นคิดว่านี่มันเป็นครั้งแรกเลยล่ะที่ชั้นรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้”
สำหรับผมที่รู้สึกประหม่าเกินกว่าที่จะเอ่ยคำใดๆออกไป ชิราคาวะซังก็โบกมือลาด้วยรอยยิ้มที่น่ารักเป็นพิเศษกว่าครั้งไหนๆ
“ถ้าอย่างนั้นนับตั้งแต่วันนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ คุณแฟนของชั้น”
จากนั้นผมก็กลับมาถึงบ้านของผม
“รู้งี้ ชั้นน่าจะทำๆไปซะก็สิ้นเรื่อง อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
ความรู้สึกที่กำลังนึกเสียใจโครตๆกำลังถาโถมใส่ผม จนแทบคลั่งบนเตียงนอนของผมเอง