ตั้งแต่เมื่อวานแล้วมันเหมือนกับว่าผมกำลังฝันอยู่เลย
แต่ไม่ว่าผมจะหยิกแก้มตัวเองไปเท่าไหร่ก็ยังไม่ตื่น แถมยิ่งเพ้อฝันหนักกว่าเดิมอีกในช่วงตอนกลางคืน ฝันว่ากำลังมองชิราคาวะซังอยู่ที่ไกล ๆ แล้วตอนนี้ผมก็ค่อนข้างแน่ใจว่าตอนนี้ผมได้ตื่นจากฝันนั้นเรียบร้อยแล้วแสดงว่านี่มันจะต้องเป็นเรื่องจริงแน่ ๆ
ไม่อยากจะเชื่อเลย…เรา กำลังคบกับ ชิราคาวะซัง…
ผมไปโรง ๆ ทั้งที่หัวใจยังเต้นแรง และในหัวกำลังคิดแต่เรื่องนั้น และแล้วชีวิตในรั้วโรงเรียนวันที่สองหลังจากคบหากับ ชิราคาวะซังก็ได้เริ่มต้นขึ้น
หลังจากที่ผมมาถึงโรงเรียนและตรงดิ่งไปยังห้องของผม อิชิ ที่ยืนอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องก็ตรงดิ่งมาหาทันทีเมื่อสังเกตเห็นผม
“นี่!!”
เขาวางมือจับไหล่ของผมอย่างเหนียวแน่นพร้อมกับมองผมด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!? มันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นฮะ!? ชั้นจะรู้ไหมกับแค่คำว่า ‘ก็มีอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้น’ที่เอ็งพิมพ์มาใน line น่ะมันวนเวียนอยู่ในหัวจนนอนไม่หลับเลยนะเฟ้ยเอ็งรู้รึเปล่า!?”
“ทะ..โทษที เอ่อ..ชั้นไปมาน่ะ…บ้านของชิราคาวะซัง”
“อะ………….อะไรนะ!!!”
ทันใดนั้นเสียงโทนต่ำก็ดังมาจากข้างหลัง
“เอ็งได้ทำหรือเปล่า?”
ผมหันไปดูก็เจอกับ นิชิที่ทำหน้าเหมือนหน้ากากโนะยืนอยู่
“เหวอ ตกใจหมดเลย”
“ตอบมา ตูถามว่าเอ็งได้ทำหรือเปล่า”
นิชิกดดันผมด้วยคำถามที่เนื้อเสียงยังกับการสอบปากคำผู้ร้าย
“มีอะไรจะสารภาพหรือเปล่า คาชิ”
“บอกมาซะ!”
อิชิก็กดดันผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หมอนี่บีบไหล่ผมอย่างแรงจนเหมือนนิ้วของมันจมเข้าไปในไหล่ของผม แน่นอนมันค่อนข้างเจ็บเลย
“ชั้นไม่ได้ทำน่ะ…”
““ได้ยังไง!?””
ทั้งสองตะโกนขึ้นพร้อมกัน
“พ่อแม่เธออยู่บ้านหรอ!?”
“เปล่า…”
“หรือว่าอยู่ดี ๆ เธอก็ตั้งการ์ด!?”
“ไม่ เหมือนเธอจะเต็มใจด้วยซ้ำ…”
ทันทีที่ผมตอบไป ทั้งสองคนก็แยกเขี้ยวใส่ผมอย่างกับหน้ากากฮันเนีย
(TL NOTE: หน้าปีศาจของญี่ปุ่นที่แทนความหมายของความอิจฉา,ริษยา)
“ถ้างั้นทำไมเล่า!?”
“มะ..มันต้องการการเตรียมตัวก่อนน่ะ”
“อย่างที่ชั้นเคยพูดอยู่เสมอไง ใช่! แม้แต่พวกมืดมนเองอย่างน้อยก็ควรจะมีถุงยางพกติดตัวเอาไว้ซักอันนึง! มันคือมารยาทของสุภาพบุรุษยังไงล่ะ ได้ยินหรือเปล่า!”
อิชิตะโกนออกมาพร้อมกับส่ายร่างใหญ่ ๆ ของเขาไปมา พาทำคนอื่น ๆ ที่เข้ามาในห้องมองพวกเราด้วยสายตาแปลกๆกันตรึมเลย
“ไม่ ไม่ใช่เตรียมตรงนั้น หมายถึงใจของชั้นเองต่างหากล่ะ…”
“ใจเอ็ง!?”
“นี่เอ็งเป็นสาวน้อยรึยังไงฟะ!?”
“เอ็งมันไม่ได้เนื้อหอมด้วยซ้ำ ทำไมไม่คว้าโอกาสนั่นไว้เล่า!?”
พวกเขาโถมคำถามมามากมายแล้วดันตัวผมไปติดกับผนังของโถงทางเดินจนผมรู้สึกหวาดกลัว
แม้ผมจะรู้สึกแย่กับการที่ไม่ได้มีอะไรกันกับชิราคาวะซังไปแล้วก็ตาม แต่ซ้ำร้ายยังมาโดนวิพากย์วิจารณ์หนักขนาดนี้มันก็ยิ่งตอกย้ำความเศร้าของผมมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ตะ..แต่เราก็คบกันแล้วนะ ไอ้โอกาสแบบนั้นน่ะมันคงไม่ได้มีแค่ครั้งเดียวใช่ไหมล่ะ?”
ทั้งสองกลับมาทำหน้าซีเรียสอีกครั้งทันทีที่ผมพูดออกไป
“คาชิ”
“นี่นาย อย่าบอกนะว่า นายคิดจริงจังเรื่องที่คบกับชิราคาวะซัง?”
“เอ๋”
พวกเขามองมายังผมที่กำลังสับสนราวกับมองสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสาร
“อีกฝ่ายคือ ชิราคาวะ ลูน่า เอ็งรู้ใช่ไหม? ที่อยู่จุดสูงสุดของโรงเรียนนี้ เอ็งรู้ตัวใช่ไหม? กับพวกมืดมนอย่างเราๆเธอก็แค่เอามาเล่นสนุกแค่นั้นแหละ นั่นมันก็แค่ยัยบิชที่เปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้า ไม่ว่าจะยังไงเธอก็เลือกนายมาเพื่อวันไนท์แสตนได้คืนเดียวแล้วแยกทางแบบเมื่อวานเท่านั้นแหละ ทำไมนายถึงพูดออกมายังกับเป็นแฟนของเธอได้กัน”
“เอะ? เอ๋!!!!?”
ผมงุนงงและดูเหมือนจะแสดงท่าทีแบบนั้นออกไป นิชิส่ายหัวเหมือนกับกำลังพูดว่า “ให้ตายสิ”
“เอาเถอะ ปล่อยให้เจ้านี่มันฝันหวานต่ออีกซักหน่อยเถอะ อิชิ“
“อือ ฮึ ชั้นมันใจว่าไม่นานมันก็คงได้เรียนรู้ถึงความเป็นจริงแล้วล่ะ”
สองคนนั้นกอดคอกันมองผมด้วยสีหน้าสงสารก่อนจะเดินลงไปตามทางเดิน
“…..”
เอ๋?
ปะ เป็นอย่างนั้นใช้ไหม? เราไม่ได้กำลังโดนหลอกใช่ไหม? นี่เรากำลังคบกับชิราคาวะซังอยู่….ใช่ไหม?
ที่สองคนนั้นพูดมาทำเอาผมรู้สึกใจคอไม่ดีเลยจริงๆ
ทันใดนั้นผมก็รู้สึกถึงแรงสั่นของโทรศัพท์ของผมในกระเป๋าชุดนักเรียน
“…หืม”
พอผมนำขึ้นมาดูก็เจอกับหน้าต่างข้อความไลน์
LUNA☆
จากชิราคาวะซัง
หลังจากได้เห็นนี่ก็ทำให้ผมมั่นใจได้ว่าอีเวนท์เมื่อวานนั้นไม่ใช่ความฝันหรือภาพลวงตา
ถ้าเราไม่ได้คบกัน มันก็ไม่มีทางที่เธอจะส่งข้อความนี่มาได้ อันที่จริง แม้แต่แลกเบอร์กันก็ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ถ้าเธอแกล้งเพื่อที่จะได้เล่นสนุกกับรีแอคชั่นของมืดมนล่ะก็คงอะไรยุ่งยากแบบนี้หรอก
พอคิดแบบนั้นก็ค่อยเบาใจหน่อย
ถ้าปั่นจักรยานไปสถานีและรีบหน่อยก็น่าจะถึงทันคาบแรกนะ สู้ๆ เธอทำได้!
ผมพิมพ์เป็นแต่ข้อความน่าเบื่อ ๆ แบบนี้นี่แหละ แต่อย่างน้อยผมก็เป็นพวกตอบข้อความทันทีนะ
โทรศัพท์ของผมสั่นอีกครั้งแล้วข้อความของชิราคาวะซังก็โผล่ขึ้นมา
☆LUNA☆
คนใจร้าย! ตอบกลับมาซะจริงจังเชียว กระซิก กระซิก ✩จะพยายามค่า✩
“คนใจร้ายตอบกลับซะจริงจังงั้นหรอ….”
ขอโทษนะครับที่ส่งอะไรน่าเบื่อๆแบบนี้
แต่ก็ปกติแหละที่จะส่งแต่ข้อความจริงจังไปแบบน้า ถ้าเราลองไปเล่นมุกใส่ชิราคาวะซังแล้วดันแป้กขึ้นมา น่าจะขำไม่ออกไปชั่วชีวิตเลย
ตอนแรกก็คิดว่าจะพิมอะไรตอบเธอไปหน่อย แต่เธอน่าจะกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวผมเลยส่งไปแค่สติ๊กเกอร์ ‘พยายามเข้านะ’พร้อมกับเก็บมือถือลงกระเป๋า
จากนั้นไม่นานมือถือของผมก็สั่นอีกครั้ง เธอตอบกลับมาด้วยสติ๊กเกอร์กระต่ายที่ดูไม่ค่อยจะน่ารักเท่าไหร่กำลังทำสีหน้าเร่งรีบ
“ถ้างั้น เราเองก็เตรียมตัวบ้างดีกว่า”
ผมหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัวพร้อมกับวางมือถือลง
ชิราคาวะซังมาถึงตอนช่วงท้ายคาบแรก เสื้อผ้าหน้าผมยังแป๊ะเหมือนเดิม
สมกับที่เป็นเธอ ผู้ไม่ยอมประนีประนอมเวลาที่ใช้ในการแต่งตัว
พอมองดูรุปโฉมอันแสนน่ารักของเธอ ทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเมื่อวาน ช่วงเวลาที่ราวกับเป็นความฝัน รู้งี้ควรจะตอบรับคำเชิญมันซะให้จบ ๆ จะได้ไม่ต้องมาโดนความรู้สึกเสียดายเล่นงานแบบนี้
จากนั้นก็ถึงช่วงเวลาพักระหว่างคาบ โดยที่ผมยังไม่ทันรู้ตัว ชิราคาวะซังก็มาที่โต๊ะของผมซะแล้ว
“รุณสวัสดิ์”
“อะ..อรุณสวัสดิ์”
ผมกังวลกับสายตารอบข้างที่เหมือนกับกำลังมองบุคคลที่หน้าสงสัยยังไงอย่างนั้น
“เธอมาสายนะ”
ผมต้องการที่จะตัดบทสนทนาจิปาถะออกไป ผมจึงเป็นฝ่ายเริ่มด้วยตนเอง
“อืมม,ชั้นตื่นสายน่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น เธอนอนดึกหรอ?”
พอผมต่อบทสนทนาต่อไปชิราคาวะซังก็พูดพร้อมกับสีหนน้าที่ช่วยให้สงสัย
“เวลาที่ชั้นคิดเรื่องริวโตะ ทำเอาชั้นนอนไม่หลับเลย”
“เอ๋?”
ผมตกใจจนแทบไม่ได้สนใจรอบข้างเลยว่าเกิดอะไรขึ้น และมองไปที่เธอ
“เพราะว่ามันเป็นครั้งแรกกับคนแบบริวโตะนี่นา แบบว่ามันก็เลยแปลกๆน่ะ”
“เอ๋ อย่างนั้นหรอ…?”
พูดเองก็เศร้าเอง แต่ผมเองก็คิดนะว่าตัวเองมันเป็นพวกมืดมนรุ่นผลิตจำนวนมาก.. ใช่เป็นประเภทที่ไม่มีอยู่ในรอบตัวของชิราคาวะซังแน่ ๆ
“ลูน่า!”
จู่ๆก็มีสาวสวยเรียกชื่อของชิราคาวะซังจากข้างหลังห้อง
แม้จะอยู่ท่ามกลางกลุ่มของสาวงาม แต่ออร่าของเธอนั้นค่อนข้างแรงเลย
เธอคือเพื่อนสนิทของชิราคาวะซัง สาวแกลผู้มีสายตาขึงขัง
ผมสัมผัสได้ว่าเธอจ้องมาที่ผม ผมเลยก้มหน้าลงพยายามทำตัวเหมือนเป็นอากาศ
“หืม?”
จากนั้นชิราคาวะซังก็กลับไปพร้อมกับ “เจอกันน้า” ให้กับผม
หลังจากนั้นชิราคาวะซังก็มาคุยกับผมทุกๆ การพักเบรกระหว่างคาบ
ก็ดีใจอยู่หรอก แต่อีกใจนึงก็กังวลกับสายตารอบข้างจริง ๆ
โดนเฉพาะสายตาที่มองผมอย่างกับศัตรูของสาวแกลคนนั้น
“น่ะ..นี่ ชิราคาวะซัง”
ก็ถูกจ้องซะขนาดนั้น คงช่วยไม่ได้ที่ผมต้องกระซิบคุยกับชิราคาวะซัง
“เธอยังไม่ได้บอกคนอื่นเรื่องที่เราคบกัน สินะ?”
“เอ๋?”
ชิราคาวะซังมองผมด้วยสายตาที่เหมือนกำลังถามว่า “ทำไมถึงถามอะไรแบบนั้น”
“ชั้นบอกนิโคลเพื่อนซี้ชั้นไปแล้วน่ะ”
ยัยสาวแกลที่สายตาขึงขังคนนั้นไม่ผิดแน่ เธอชื่อว่า ยามานะ นิโคล เธอตัวติดกับชิราคาวะซังมาตั้งแต่ตอนเรียนปีหนึ่งแล้ว
“ทำไมอะ? มันไม่ดีหรอ? แล้วริวโตะไม่ได้บอกอะไรกับเพื่อนสนิทบ้างเลยหรอ?”
ชิราคาวะซังถามผม
“คือก็มีเพื่อนอยู่สองคนที่รู้เรื่องน่ะ”
“เห็นไหมล่า~”
และอะไร ๆมันก็แย่ลง มันไม่ใช่ว่าถูกบอกให้เก็บเป็นความลับอะไร ผมก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกไป แต่เพราะแรกเริ่มเดิมทีเจ้าอิชิกับนิชิเป็นคนที่มอบโอกาสให้ผมได้คบกับชิราคาวะซังเอง
และผมก็ไม่ได้บอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยฉะนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
“มันก็แค่.. ตอนที่ผมคุยกับชิราคาวะซังน่ะ…. เราเหมือนจะดูเด่นเกินไปน่ะ…”
ผมพูดไปพลางมองรอบ ๆ ไป
ผมมักจะกลมกลืนไปกับบรรยากาศของห้องเรียนช่วงพักเบรก แต่ถ้าเด็กผู้หญิงอย่างชิราคาวะซัง มาคุยกับคนมืดมนอย่างผมหลายต่อหลายครั้ง ครั้งในแต่ละวันแบบนี้
ก็คงจะต้องถูกมองแปลก ๆ ในสายตาของเหล่าผู้ที่กำลังจับจ้องชิราคาวะซังอยู่แน่ๆ(ผมมั่นใจว่าต้องมีคนประเภทนี้แน่นอนเพราะผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น)
“หมายความว่าเราไม่ควรพูดคุยกันมากเกินไปที่โรงเรียนแล้วก็เก็บเรื่องที่เรากำลังคบกันอยู่ไว้เป็นความลับอย่างนั้นหรอ?”
ชิราคาวะถามผมด้วยเสียงโทนต่ำ ผมผงกหัวอย่างตื่นตัว
“เปล่-..เอ่อ,อืมใช่แล้วล่ะ แบบนั้นมันจะช่วยได้มากเลย”
ไม่รู้ว่าผมอยู่ในฐานะที่จะขออะไรแบบนี้ได้หรือเปล่า แต่ถ้าจะให้พูด ไอ้การที่ผมได้คบกับชิราคาวะซังมันก็เกินฐานะของผมไปไกลแล้ว
“…เข้าใจแล้ว”
ชิราคาวะซังตอบแบบไม่ค่อยเต็มใจ
“ถ้างั้นชั้นจะพูดคุยกับริวโตะได้ตอนไหนล่ะ?”
“เอ๊ะ?”
ผมผงะไปทันทีหลังจากที่ถูกถามแบบนั้น
“บะ-บางที เราอาจจะนัดเจอกันตอนวันหยุดอะไรแบบนั้นก็ได้นะ”
ผมเกรงว่านี่มันจะมากเกินไปสำหรับผมที่จะพูดอะไรแบบนี้ อีกตัวตนของผมกำลังต่อว่าตัวผมเองว่า สำหรับไอ้มืดมนอย่างเอ็งมันยังเร็วไปร้อยปีที่จะเก็บชิระคาวะซังไว้คนเดียวในช่วงเวลาวันหยุด แต่นั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่ผมคิดได้ ณ จุดๆนี้แล้ว
“หมายถึง เดทหรอ?”
“บุเหะ!?”
ผมลงเอยที่การเผลอส่งเสียงประหลาดออกไป ชิราคาวะซังกลับมาใช้เสียงโทนปกติก่อนจะถามผม
ยังโชคดีที่นักเรียนคนอื่น ๆ ยังคงอยู่ในห้องวิทยาศาสตร์ และกำลังค่อย ๆ กลับมา เลยทำให้ไม่มีนักเรียนคนไหนได้ยิน
“อะ..อืม ประมาณนั้นแหละ…”
คำว่า เดท ทำให้ใจของผมสั่น สายตาก็เลิ่กลั่ก
“ถ้าไม่ได้ ผมก็ไม่ได้จะว่าอะไรนะ…”
แย่ล่ะสิ ผมเป็นแฟนของเธอนะ ถ้าเธอปฏิเสธขึ้นมามีหวังช็อคแน่ ๆ
“ได้สิ”
ชิราคาวะซังตอบขึ้นมาทันที
“วันอาทิตย์ชั้นมีแพลนอยู่นิดหน่อย แต่ถ้าวันเสาร์ชั้นว่างนะ แล้วเราจะไปไหนกันดี]jt?”
จากนั้นเสียงระฆังบอกคาบเรียนก็ดังขึ้นผมจึงเป็นฝ่ายเดินจากไปพร้อมกับทิ้งท้ายว่า “งะ-งั้น วะ..ไว้เจอกันนะ”
จากนั้นผมก็เตรียมหนังสือขึ้นมาบนโต๊ะทั้ง ๆ ที่หัวใจยังเต้นรัวอยู่ ซักพักหลังจากที่กลับมาโลกแห่งความจริงแล้ว ผมก็บ่นพึมพำออกมาตามสัญชาติญาณ
“วันเสาร์….มันก็พรุ่งนี้ไม่ใช้รึยังไงกัน…..”
เดทแรกในชีวิตคือวันพรุ่งนี้ แถมยังไม่ได้ว่างแผนอะไรเลย
ทั้งๆที่อีกฝ่ายคือชิราคาวะซังอะนะ!?