บทที่ 1 ตอนที่ 16
ผมพยายามคืนเงินที่ผมได้รับมาจากดันเต้ซังทว่าเขากลับปฏิเสธ เขาทำเพียงแค่ลูบหัวของผมแล้วพูดว่า「ข้าดีใจที่เธอหาสิ่งที่ต้องการเจอนะ ใช้เงินนั้นซื้อขนมที่ตัวเธอเองอยากกินเถอะ」
ในตอนนั้นผมก็ได้นึกถึงพ่อของผมที่ญี่ปุ่นที่ผมแทบจะจำไม่ได้จนถึงตอนนี้ขึ้นมา เขาเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่ได้ความที่หาได้ทั่วๆไปและมีอายุมากกว่าดันเต้ซัง 10 ปี เขามักจะโดนแม่ของผมดุบ่อยๆจากการทำตัวขี้เกียจในวันหยุด ตัวผมเองก็อยากจะเป็นมนุษย์เงินเดือนในอนาคตเหมือนกันแต่คิดจะไม่ทำตัวแบบพ่อแน่นอน
…แต่ว่าตอนนี้ มันก็เป็นได้แค่ความทรงจำที่น่าคิดถึงเท่านั้นแล้วละนะ
อาหารกลางวันที่เรากินกันวันนี้นั้นเป็นก๋วยเตี๋ยวซุปปลา ถึงน้ำซุปจะทั้งเค็มและมีกลิ่นคาวของปลาแถมเส้นก็ไม่เรียบเนียน แต่สำหรับผมมันกลับรู้สึกอร่อยมากๆจนทำให้ผมตั้งหน้าตั้งตากินมันอย่างเดียว หลังกินเสร็จทั้งมิมิโนะซัง ดันเต้ซัง และน็อนซังต่างก็มองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า มันค่อนข้างน่าอายเลยละ
「พวกเราไปที่ลานฝึกซ้อมกันได้แล้วใช่ไหมครับ?」
「ได้สิ เด็กผู้ชายนี้ชอบอะไรแบบนี้กันจริงๆเลยนะ」ดันเต้ซังพูดด้วยสายตาแบบคนเป็นพ่อ แต่ความจริงแล้วตัวผมมีเป้าหมายอื่นอยู่
ผมอยากจะเห็นการต่อสู้กันระหว่างเหล่านักพจญภัยและเพิ่มความสามารถของตัวผมเองด้วย【World Ruler】
ลานฝึกซ้อมนั้นเหมือนกับโกดัง มันทั้งกว้างและพื้นนั้นเป็นดินเปล่า จะสามารถเห็นได้ถึงการถูกใช้งานอย่างหนักจากร่องรอยของหลุ่มที่อยู่บนพื้น
มีหุ่นที่เหมือนกับหุ่นไล่กาไว้สำหรับฝึกซ้อมอยู่ด้านหน้า และมีพื้นที่กว้างสำหรับซ้อมต่อสู้กันอย่างอิสระอยู่ด้านหลัง
「การประสานงานของพวกแกมันห่วยเกินไป! ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่พวกนายได้แพ้พวกที่ใช้สกิลแน่นอน!」
มีคุณชายหัวล้านกล้ามโตกำลังสู้ 1 ต่อ 4 อยู่ พวกเขากำลังฝึกกันโดยใช้ดาบไม้และเกราะหนัง
อีก 4 คนที่เหลือนั้นเป็นเด็กที่อายุราวๆวัยรุ่น
มีเด็กทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่อายุใกล้เคียงกับ 4 คนนั้นยืนดูอยู่ติดกับกำแพง ทุกครั้งที่ดาบไม้ของชายหัวล้านตีโดนใส่ 1 ใน 4 คนนั้น เด็กๆที่ยืนดูอยู่ก็จะหน้าซีดกัน
「โอ๊ะ นั่นไรเครียซังไม่ใช่หรอครับ?」
ผมสังเกตเห็นมนุษย์สัตว์ตัวสูงคนนึงกำลังเฝ้ามองการฝึกซ้อมอยู่ จากการที่เขาสวมฮู้ดปิดบังใบหน้า ทำให้ผมในทีแรกไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าเขานั้นเป็นมนุษย์สัตว์
มิมิโนะซังและน็อนซังออกไปซื้อเสบียงที่จำเป็นกัน – เนื่องจากน็อนซังโดนขัดจังหวะในตอนที่กำลังซื้อของอยู่เพราะผลลัพธ์ของเรย์คอนก่อนหน้านี้ – ผมก็เลยมาที่ลานฝึกซ้อมด้วยกันกับดันเต้ซังเพียงแค่ 2 คน
「หืมม…? โอ้ ตาลุงกับเรย์จินี้เอง」
「ผมก็นึกว่าคุณจะไปนอนแล้วซะอีก」
「…เออ อืม แบบว่า ข้าแค่รู้สึกสนใจความสามารถของกิลด์สาขานี้นิดหน่อยหน่ะ ดูเหมือนตอนนี้จะเป็นเวลาฝึกของพวกเด็กใหม่อยู่ ต่อไปก็จะเป็นการฝึกซ้อมของพวกหัวกะทิแล้ว」
「งั้นหรอครับ」
อย่างที่คิดเลย ไรเครียซังทำตัวแปลกไปจริงๆด้วย… นี่เขาไม่สบายงั้นหรอ?
อืม เอาเถอะ ถึงผมถามไปเขาก็คงไม่ตอบผมหรอก
ผมยืนเฝ้ามองการฝึกซ้อมอยู่ข้างๆกันกับไรเครียซังและดันเต้ซัง
(【เสริมความแข็งแกร่งทางกายภาพ】【เสริมความแข็งแกร่งขา】【ทักษะดาบ】【ทักษะหอก】…และนั้นมัน【เวทย์สนับสนุน】งั้นหรอ?)
เด็กชายที่ดูจะเป็นกองหลังกำลังร่ายเวทมนตร์ใส่เด็กสาวที่เป็นกองหน้า
「นั่นแหล่ะเยี่ยมมาก! ใช้เวทมนตร์ของพวกแกให้ชินกับการต่อสู้จริง! แต่ห้ามใช้เวทย์โจมตีเด็ดขาด! ถ้าพวกแกทำลายโกดังนี้ละก็ ต้องจ่ายค่าเสียหายนะ!」
เมื่อชายหัวล้านพูดขึ้น เด็กผู้ชายที่ดูเหมือนกำลังจะใช้เวทย์โจมตีรีบทำการหยุดรวบรวมมานาทันทีเลย
「คิดก่อนที่จะยิงเวทย์ไฟออกมา! แกไม่ควรใช้มันถ้ามีพรรคพวกของแกยืนอยู่ระหว่างตัวแกกับคู่ต่อสู้!」
เข้าใจหล่ะ นี่ไม่เหมือนกับเกม เวทย์โจมตีนั้นโดนพวกเดียวกันได้
(นั่นมัน【เสริมการได้ยิน】รึปล่าว? …อืมม ใช่งั้นสินะ เริ่มได้ยินเสียงรอบข้างชัดขึ้นแล้ว)
ผมเฝ้ามองการฝึกซ้อมไปพร้อมทั้งก็อบปี้สกิลไปเรื่อยๆ เห็นเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงเปลี่ยนตัวกันกับเด็กที่อยู่ข้างสนามด้วย
อา… อยากจะลองลงไปสู้ด้วยบ้างจังเลย ผมอยากจะรู้ถึงประสิทธิภาพของ【ทักษะดาบ】จริงๆ
「ฮาๆ ตอนแรกข้าก็คิดว่าเจ้าแค่ดูการฝึกแบบจริงจังไปหน่อย แต่ตอนนี้กระทั่งมือของเจ้าก็เริ่มขยับแล้วนะ」
「ฮะ?」
ร่างกายของผมเริ่มร้อนจากเสียงหัวเราะของไรเครียซัง น่าอายชะมัด เขาสังเกตเห็นมือของผมขยับจากที่ผมพยายามฝึกซ้อมจากการจินตนาการ
「…ไม่ใช่ว่าครูฝึกนั่นเป็นนักพจญภัยระดับทองหรอกรึ? ข้าคิดว่าข้าเคยเจอกับเขามาก่อน…」ดันเต้ซังพูดออกมา
「อะไรคือระดับทองหรอครับ…?」
「โอ๊ะ นี้ลุงยังไม่ได้บอกเรื่องนั้นกับเรย์จิอีกงั้นเรอะ?」
หลังจากนั้น ดันเต้ซังก็อธิบายเกี่ยวกับระดับของนักพจญภัยให้กับผม โดยเริ่มจากระดับต่ำสุดหรือก็คือบรอนซ์ ทองแดง เหล็ก เงิน และทอง ตามลำดับ
ดูเหมือนจะสามารถเป็นนักพจญภัยระดับสูงได้ถ้าขึ้นเป็นนักพจญภัยระดับทอง ไม่ใช่แค่กับนักพจญภัยเท่านั้น กิลด์อื่นๆเช่นกิลด์นักสมุนไพรและกิลด์การค้าก็ปรับมาใช้ระบบแบบนี้เหมือนกัน
มิมิโนะซังกับดันเต้ซังดูจะมีระดับที่สูงที่สุดในปาร์ตี้นี้แล้วเพราะว่าพวกเขาเป็นถึง “ระดับเงิน” ส่วนน็อนซังกับไรเครียซังนั้นยังคงอยู่ที่ “ระดับบรอนซ์” เพราะว่าพวกเขาทั้งคู่พึ่งลงทะเบียนกับทางกิลด์หลังจากเข้าร่วมปาร์ตี้ “ซิวเวอร์บาลานซ์” มา
นักพจญภัยที่มีชื่อเสียงในระดับ “ทอง” จะถูกยกระดับขึ้นเป็นระดับ “แพลตตินั่ม” และแนวหน้าของระดับ “แพลตตินั่ม” ในท้ายที่สุดก็จะเลื่อนขึ้นเป็นระดับ “มิธริล”
เมื่อไรเครียซังได้ยินคำว่า “มิธริล” เขาก็กระตุกแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
「โอ๊ะ? ที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือ “โล่ใหญ่สีเงิน” ไม่ใช่รึ?」
「อย่างที่คิด นายคือ “ดาบแสงไม่มีวันดับ” โจเซฟ ใช่ไหม?」
「ไม่เจอกันนานเลยนะ! คิดว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกันคือตอนที่พวกเราจัดการกับฝูงก็อบลินสินะ?」
「ในตอนนั้น นายฆ่าพวกมันไปเยอะที่สุดเลยนี่」
「นั่นต้องขอบคุณ “โล่ใหญ่” ที่คอยระวังหลังให้ละนะ」
ดันเต้ซังเดินเข้าไปหาชายคนนั้น แต่ไรเครียซังที่ยืนมองดูอยู่ข้างๆนั้นกำลังเอามือปิดปากและสั่นไหล่อยู่
「…ไรเครียซัง?」ผมถามออกไป ในหัวก็พอจะคาดเดาได้ว่าเขานั้นเป็นอะไร
「คุคุ ฮา…ไอ้ “แสงไม่มีวันดับ” นี้… หมายถึงไอ้หัวลื่นๆนั่น? คุคุ….」
อย่างที่คิด! คนๆนี้กำลังหัวเราะกับเรื่องแบบนั้นอยู่!
「ว่าไง “โล่ใหญ่” ? อยากจะลองฝึกเด็กใหม่ไหม?」
「ไม่ละ ก็อย่างที่นายเห็น ข้ามีบางส่วนกลายเป็นหิน」
「ไม่มีปัญหา ยังไงเด็กใหม่ก็ต้องเจอกับอุปสรรคบ้างสักหน่อยอยู่แล้ว วะฮาๆๆๆๆ!」
ชาวหัวลื่นๆ… ไม่ ผมหมายถึงโจเซฟซัง! ให้ตายสิ ติดคำแปลกๆมาจากไรเครียซังซะได้!
โจเซฟซังไม่สนใจเรื่องคำสาปเลยสักนิด ก่อนจะเริ่มสอนเด็กใหม่อีกครั้งด้วยกันกับดันเต้ซัง
มีเด็กใหม่บางคนเกิดกลัวคำสาปขึ้นมา โจเซฟซังก็พุ่งเข้าไปเตะก้นเด็กพวกนั้นอย่างรวดเร็ว
มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมากมาย
(…ดันเต้ซังนี้สุดยอดไปเลย)
ถึงแม้จะถูกเรียกว่า “โล่ใหญ่” แต่เขาก็ไม่ใช้โล่ใหญ่ในตอนนี้เลย เขาใช้เพียงแค่ดาบไม้ที่ปกติไม่ใช้ ทว่าไม่มีใครทำให้เขาขยับได้เลยแม้แต่ก้าวเดียวแม้จะมีการโจมตีมาจากฝั่งซ้ายที่เป็นจุดที่ดันเต้ซังกลายเป็นหิน เขาทำการรับการโจมตีนั่นได้อย่างง่ายดาย
「ลุงดันเต้นี้สุดยอดอย่างแท้จริงเลย ช่างเหมาะสมกับชื่อเล่นที่ได้จริงๆ」
「มันเป็นเรื่องสุดยอดหรอครับ ที่จะได้ชื่อเล่นมาหน่ะ?」
「ใช่แล้ว ระดับมันขึ้นได้จากการรับคำร้อง แต่ชื่อเล่นแบบนั้นจะได้มาก็ต่อเมื่อประสบความสำเร็จในอะไรอย่างที่ยิ่งใหญ่มากเท่านั้น มันก็มีพวกที่ตั้งชื่อเล่นให้ตัวเองตามใจชอบอยู่หรอก แต่ถ้าคนจากเมืองที่ห่างไกลรู้จักชื่อนั่น เวลานั้นแหล่ะมันถึงจะสุดยอดหล่ะ」
บรรยากาศที่มืดมนรอบๆตัวไรเครียซังนั้นได้หายไปแล้วและตัวเขาเองก็พูดเยอะมากขึ้น
「เห็นเด็กผมฟ้าที่กำลังโจมตีตรงนั้นไหม? เด็กนั่นบางทีอาจจะมีสกิล【ทักษะการวิ่ง】แต่ดูเหมือนจะใข้มันไม่เป็น」
「【ทักษะการวิ่ง】หรอครับ?」
「มันเป็นสกิลที่ใช้แรงกาย แต่จะเพิ่มความเร็วตอนพุ่งตัวหรือลบเสียงฝีเท้าได้ชั่วคราว」
「!」
ลบเสียงฝีเท้า? งั้นก็หมายความว่า…
「ข้าก็มีอยู่เหมือนกัน…」
อย่างที่คิด! การเคลื่อนไหวของไรเครียซังมาจากสกิลยูนีคจริงๆด้วย!
「ถ้าไม่ใช้คู่กับสกิล【เสริมแรงกาย】ละก็จะหมดแรงอย่างรวดเร็วเลย แล้วอีกอย่าง【เสริมแรงกาย】มันสะดวกมาก ต่อให้ใช้เวลาเคลื่อนไหวนานๆก็ยังไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เฮ้ย เป็นอะไรไป?」
「…ปะ-ปล่าวครับ ไม่มีอะไรครับ…」
「ถ้าอยู่ๆเจ้าก็เอามือกุมหัว มันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ」
ผมคาดการณ์ไว้แล้วว่าไรเครียซังนั้นมีสกิล【เสริมแรงกาย】
และผมก็เรียนรู้สกิล【เสริมแรงกาย】ของไรเครียซังมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าจะพูดให้ชัดเจนละก็ ไม่ใช่เพราะว่าผมเติบโตขึ้นจนทำให้ผมไม่รู้สึกเหนื่อยจากการเดินทางในป่า แต่เป็นเพราะสกิลนี้ต่างหาก!
โธ่เอ้ย! ผมรู้สึกอายตัวเองจริงๆเลยในตอนที่ผมพูดกับน็อนซังไปอย่างภูมิใจว่า「ผมเติบโตขึ้นแล้วครับ!」คิดดูดีๆแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีกำลังมากขึ้นจากการเดินแค่วันหรือสองวันได้อยู่แล้ว!
「เฮ้ย เจ้าเปี้ยก」
「คะ-ครับ?」
「เจ้าถูกเรียกอยู่แหน่ะ」
「ว่าไงนะครับ?」
เมื่อผมมองขึ้นไป ดันเต้ซังก็โบกมือเรียกผมให้ไปหา และโจเซฟซังก็เอามือกอดอกมองมาที่ผม
「…สังหรณ์ใจไม่ดีซะแล้วสิ」