บทที่ 1 ตอนที่ 17
「รีบย้ายก้นของแกไปตรงนั้นได้แล้ว」
ไรเครียซังถีบก้นของผมให้ไปข้างหน้าเบาๆ
บ้าเอ้ย! จำไว้เลยนะ ไอ้มนุษย์สัตว์ซืนเดเระล่ำบึกเอ้ย…
「งั้น เจ้าก็เป็นสมาชิกปาร์ตี้ของโล่ใหญ่คนนี้สินะ ใช่ไหม?」โจเซฟซังถามขึ้นมา
เด็กๆที่ยืนดูอยู่ตรงขอบสนามในสภาพเปรอะเปื้อนทั้งดินและเหงื่อต่างพากันส่งเสียงประหลาดใจออกมา
「–เด็กคนนั้นเป็นสมาชิกปาร์ตี้ของ “โล่ใหญ่สีเงิน” อย่างงั้นหรอ?!」
「–บางทีเขาอาจจะเป็นนักดาบอัจริยะที่ตรงข้ามกับรูปลักษณ์อะไรแบบนั้นรึปล่าว?」
「ไม่ใช่หรอกครับ ผมหมายถึง… ผมแค่ติดตามเขามาด้วยเท่านั้นเองนะครับ?」
「น่าสนใจดีนี่」
「ผมไม่คิดว่ามันจะน่าสนใจหรอกนะครับ」
「มาดูกันสิว่าเจ้าจะใช้ดาบได้เก่งแค่ไหน เข้ามาเลย」
คุณคนหัวล้านคนนี้ดูท่าจะเป็นประเภทไม่ฟังที่คนอื่นเขาพูดเลยงั้นสินะ
ผมส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางดันเต้ซัง ทว่าเขากลับพยักหน้าด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าพร้อมกับพูดว่า「นี่เป็นโอกาศที่จะได้ฝึกกับผู้มีประสบการณ์เลยนะ มันจะต้องเป็นประสบการณ์ที่ดีให้กับเธอได้แน่」
「กะ-ก็ได้ครับ… แต่ผมบอกไว้ก่อนนะว่าผมยังเป็นแค่มือใหม่อยู่นะครับ」
ผมยืมดาบไม้มาจากเด็กคนหนึ่ง มันค่อนข้างหนักเกินไปสำหรับผม แต่ต้องขอบคุณสกิล【เสริมความแข็งแกร่งกายภาพ】ที่ผมเรียนรู้มา มันช่วยให้ผมถือมันได้ถ้าใช้มือสองข้าง และผมก็ยังเสริมการเคลื่อนไหวของร่างกายด้วย【เวทย์สนับสนุน】แต่ใช้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่อย่างนั้นมานาของผมคงจะหมดเกลี้ยงแน่
ผมเผชิญหน้ากับโจเซฟซังที่ยืนอยู่ห่างออกไป
…เอาหล่ะ ผมจะทำยังไงดี?
ผมเริ่มรื้อฟื้นความทรงจำของชาติก่อนตอนที่ผมได้ฝึกเคนโด้ในช่วงคาบเรียนพละ
「โฮว เริ่มจะดูดีแล้วนี่」
ผมตั้งท่า จูดัน โนะ คามาเอะ จากตรงนี้ ผมขยับเข้าไปใกล้เขาด้วยการไถลเท้าไปตามพื้น… แล้วผมก็ยกดาบขึ้นเหนือหัว (Note: “จูดัน โนะ คามาเอะ(Chūdan-no-kamae)”หรือก็คือ “ท่าระดับกลาง” เป็นการตั้งท่าพื้นฐานของวิชาเคนโด้)
(เอ๊ะ?)
ในจังหวะที่ผมยกมันขึ้น ผมรู้สึกเหมือนร่างกายมันขยับไปเอง นี่เป็นผลของสกิล【ทักษะดาบ】งั้นหรอ?
「ฮ่าาาาาห์!」
การตวัดดาบลงนั้นเฉียบคมมาก – ผมไม่มีทางฟันออกไปแบบนี้ได้แน่แม้จะเป็นตัวผมตอนอายุ 16 ปีก็ตาม กำลังแขน,กำลังขา,แรงจากหลัง,และแรงจากหน้าท้อง ทั้งหมดรวมกันเป็นพลังมหาศาลพุ่งตรงเข้าไปที่ใบหน้าของโจเซฟซัง – เป็นเพราะส่วนสูงของผมที่ทำให้ผมเล็งไปที่หัวของเขาไม่ได้
ทว่า การโจมตีของผมก็ไปไม่ถึงโจเซฟซัง
มันรู้สึกเหมือนกับผมฟาดดาบไม้ไปที่ก้อนหินยังไงอย่างงั้นเลย โจเซฟซังเพียงแค่เหวี่ยงดาบไม้ของเขาง่ายๆ ดาบไม้ของผมถึงกับลอยขึ้นไปบนฟ้า มันลอยขึ้นไปกระแทกเพดานก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นสร้างเป็นกลุ่มควันขึ้นมา
「โอ๊ยยยยยย…」
ข้อมือกับฝ่ามือของผมนั้นร้อนผ่าวเพราะแรงจากดาบที่ถูกปัดออก
「เป็นการฟันที่ดี! แต่ว่า การโจมตีของเจ้ามันซื่อตรงเกินไป แถมยังพึ่งพาสกิลมากเกินไปด้วย!」
เมื่อผมพยายามใช้เวทย์รักษาทำการรักษาข้อมือของผมด้วยใบหน้าเรียบเฉยนั้น
「สกิล…」ดันเต้ซังก็ทำสีหน้าตกตะลึง เขาคงมั้นใจว่าผมไม่น่าจะมีสกิลอะไรเลยแน่ๆ
…ต้องหาข้ออ้างในภายหลังซะแล้วสิ
「ข้าก็อยากจะฝึกต่อนะ แต่…」
…ได้โปรด ไม่เอาแล้วนะ
「โชคไม่ดีเลย หมดเวลาแล้วละ ถึงเวลาฝึกของพวกที่ชำนาญแล้ว」
…พลิ้ว รอดตัวไป
ผมหนีกลับไปที่ไรเครียซังในขณะที่กุมข้อมือเอาไว้ จริงๆหายเจ็บไปเพราะเวทย์รักษาแล้ว แต่เพราะสายตาของเหล่าเด็กๆที่ดูอยู่มันทำให้รู้สึกเจ็บเหลือเกิน
「–ทักษะดาบเมื่อกี้มันอะไรกัน? มันเป็นท่าที่เด็กแบบนั้นจะทำได้งั้นหรอ?」
「–ไม่ใช่ว่านั่นเป็นสกิลหรอ? ชั้นได้ยินครูฝึกพูดแบบนั้นนะ」
「–เขามีสกิลหายากงั้นหรอ? ดีจังน้า」
พวกนั้นเดาถูกว่าผมมีสกิลหายากก็จริง แต่บางทีคงไม่ใช่อย่างที่เด็กพวกนั้นจินตนาการเอาไว้หรอก
ขณะนั้น ก็มีเหล่านักพจญภัยอายุประมาณ 20 ถึง 30 ปีทยอยกันเข้ามาที่ลานฝึก
「–หึบบบ นานแล้วนะเ้นีย」
「–เตรียมพร้อมร่างกายเอาไว้ซะ พวกเราจะออกจากเมืองไปเป็นอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้นะ」
「–ไม่ได้ถือดาบแบบนี้มา 4 วันแล้วนะเนี้ย」
ดูเหมือนว่า เหล่านักพจญภัยที่รับคำร้องแบบคุ้มกันกับเก็บเกี่ยววัตถุดิบจะพักอยู่ในเมืองสักพัก พวกเขามักจะมาที่นี่เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมอยู่เป็นประจำ
「ไม่เลวนี่ เจ้าเปี้ยก」ไรเครียซังยิ้ม
「อยากจะอยู่ดูต่อไหม?」ดันเต้ซังถามขึ้นในตอนที่เขาเดินกลับมา
「อืม ครับ… จะเป็นปัญหาหรือปล่าวครับ?」
「ไม่ ข้าไม่ว่าอะไรหรอก มีหลายอย่างที่เธอจะได้เรียนรู้จากการดูครั้งนี้ ข้ากับไรเครียจะออกไปข้างนอกกันสักหน่อย เดี๋ยวไว้จะกลับมารับเธอทีหลังนะ ตอนนี้เธออยู่ในกิลด์ดังนั้นไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรอก」
「ขอบคุณครับ」
「โอเค ไปกันเถอะ ไรเครีย พวกเราต้องไปช่วยขนของที่น็อนกับมิมิโนะซื้อมากันนะ」
「ได้เลย」
จากนั้นพวกเขาก็จากไป
ดันเต้ซังไม่ได้ถามอะไร ผมมั่นใจว่าเขากำลังรอผมเปิดใจแล้วพูดออกมาเอง แต่แบบนั้นมันยิ่งทำให้ผมพูดยากขึ้นไปอีก
ผมเหลืออยู่ตัวคนเดียวในลานฝึกซ้อม สถานที่ที่ผมพึ่งเคยย่างกรายเข้ามาเป็นครั้งแรก ทว่าผมก็ไม่ได้รู้สึกเหงาหรืออะไร ผมทำเพียงแค่เฝ้ามองเหล่านักพจญภัยระดับสูงสู้กัน และคิดเกี่ยวกับสกิลที่พวกเขาน่าจะมี
ผมยังคงรู้สึกผิดที่ผมเรียนรู้สกิลด้วย【World Ruler】เพราะว่ามันเหมือนกับผมไปขโมยความพยายามที่สั่งสมของคนอื่นมา ทว่า มันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำถ้าอยากจะมีชีวิตรอดบนโลกใบนี้ และอีกอย่าง ผมได้รู้แล้วว่ามีแค่สกิลอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ แต่ต้องใช้งานมันได้อีกด้วย
เหมือนกับที่โจเซฟซังบอกกับเหล่าเด็กใหม่
ถึงการมีสกิลจะทำให้สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ในทันที อย่างไรก็ตาม ถ้าเอาแต่หวังพึ่งมันละก็ จะมีผลเสียตามมาอย่างแน่นอน ถ้าเป็นนักพจญภัย การหวังพึ่งอะไรมากเกินไปอาจจะทำให้ตัวเองถูกฆ่าได้ง่ายดายเลย
(ในตอนนี้ ผมแค่ต้องเรียนรู้มัน)
ผมพยายามเปิดตาให้กว้างเข้าไว้
โอกาศแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ
ผมต้องเรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
-【เสริมกำลังขา★】 【เสริมการได้ยิน★】 【เสริมแรงบีบมือ★】 【เสริมความยืดหยุ่น ★】 【เสริมพลังระเบิด★】
-【ทักษะดาบ★★】 【ทักษะหอก★★】 【ทักษะขวาน★★】 【ทักษะธนู★★】 【ทักษะมีดสั้น★★】 【ทักษการต่อสู้ระยะประชิด ★★】 【ทักษะการเตะ★★】 【ทักษะโล่★★】 【ทักษะการวิ่ง★★】 【ทักษะแข็งตัว★★】
-【เวทย์สนับสนุน★★】
−【ทักษะธนูโค้ง★★★】 【ทักษะระบำดาบ★★★】
ผมคิดว่านั่นเป็นทั้งหมดที่ผมได้เรียนรู้มา ส่วนที่เป็น 3 ดาวนั้น มันอาจจะมีบางสกิลที่ได้รับ +1 แล้วกลายเป็นสกิลที่มีดาวสูงขึ้นก็เป็นได้ แต่การจะยืนยันถึงเรื่องนั้นมันเกินความเข้าใจของผมในตอนนี้ไปแล้ว
และส่วนนี้ก็จะเป็นสกิลที่ผมอาจจะได้เรียนรู้มาก่อนจะถึงวันนี้แล้ว
-【เสริมการมองเห็น★】 【เสริมความแข็งแกร่งกายภาพ★】 【เสริมความแข็งแกร่งหลัง★】 【เสริมความแข็งแกร่งหน้าท้อง★】 【ความชำนาญ★】 【ควบคุมมานา★】 【เสริมมานา★】 【เสริมความถนัดเวทมนตร์★】 【เสริมแรงกาย★】
-【ความสะดวกสบาย★】
-【ทักษะสวดภาวนา★】
-【เสริมภูมิต้านทาน★★】
-【ทักษะดาบใหญ่★★】
-【เวทย์ไฟ★★】 【เวทย์บุปผา★★】 【เวทย์ดิน★★】 【เวทย์รักษา★★】
ถึงทักษะสวดภาวนาจะเป็นสกิล “ทักษะ” ก็ตาม มันก็มีเพียงแค่ตำแหน่งพิเศษในฐานะสกิล 1 ดาวเท่านั้นเอง
「ถึงมีสกิลไปก็ไม่มีประโยขน์ ถ้าไม่ได้ใช้มัน…」
ผมยังคงทำการเฝ้ามองการฝึกซ้อมต่อไป