บทที่ 1 ตอนที่ 2
「อุ๊ก… ปวดหัวชะมัด」
นี้ผมทำอะไรลงไปในตอนที่ตัวเองยังอ่อนล้าอยู่เนี้ย… ตอนที่ผมนั้นตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว โชคดีแท้ๆที่ไม่มีทหารมาพบผมเข้าซะก่อน ผมไม่น่าลองอะไรแบบนั้นในเวลานั้นเลย
แต่มันก็ทำให้ผมเข้าใจถึงบางสิ่ง
ความแตกต่างระหว่างการใช้【เวทย์ลม】กับ 【เวทย์ไฟ】นั้นเป็นเพราะการมีอยู่ของ【World Ruler】ที่ผมนั้นใช้【เวทย์ลม】ไม่ได้เป็นเพราะว่าในตอนที่ผมเห็นมันถูกใช้นั้น ผมยังไม่มีสกิล【World Ruler】เลย กลับกันที่ผมใช้【เวทย์ไฟ】ได้เป็นเพราะในตอนนั้นผมมีสกิลแล้วนั้นเอง
อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงในตอนที่ผมใช้【ถอนสกิล】นั้นแตกต่างอย่างมากกับตอนที่ใช้【เวทย์ไฟ】อันแรกนั้นทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยล้าแต่อีกอันกลับดูดพละกำลังของผมออกไปจนหมดเลย ผมเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
อาจจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่ามานาก็ได้ มันยังมีสกิลที่เรียกว่า【เสริมมานา】.อยู่อีกด้วย
「ผมควรจะทำยังไงต่อไปดีนะ?」
ผมกำลังคิดว่าจะลอบเข้าไปในเมืองแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองก่อน ในด้านสถานะในตอนนี้ผมยังเป็นเพียงแค่”ทาสที่อ่อนแอ”อยู่ ไม่ว่าใครก็ตามที่จับผมได้ – ไม่ใช่แค่พวกทหารเท่านั้น – ผมจะมีปัญหาทันที แต่ถ้าตัวผมไม่ทำอะไรที่บ่งบอกว่าตัวเองเป็น”ทาส”ละก็ พวกนั้นจะไม่มีอะไรมายืนยันผมได้ และต่อให้มีหลักฐาน ผมก็แค่ยืนยันตนเองว่าเป็น”ทาสที่เป็นอิสระแล้ว”ก็เท่านั้น
ถึงจะพูดอย่างงั้น ปัญหาหลักก็คือเสื้อผ้าเนี้ยแหล่ะ ผู้คนจะรู้ทันทีที่เห็นเลยว่าผมนั้นเป็นทาสจากเสื้อผ้าโทรมๆที่ผมใส่ ถึงผมจะยังคงมีรอยสักอยู่ที่แขนซ้ายของผมเหมือนเดิม แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรถ้าผมซ่อนมันเอาไว้ในแขนเสื้อ ผมสามารถปล่อยรอยสักนี้เอาไว้จัดการทีหลังได้
「หืมม ผมรู้สึกไม่ดีเลยแห่ะ」
คงจะมีทหารประจำการอยู่ที่เมืองใกล้ๆเหมืองแน่ๆ และมันคงเป็นที่แรกๆแน่ๆที่จะทำการเฝ้าระวังกันเอาไว้ ในความเป็นจริงแล้วผมคิดว่าทาสที่อ่อนแอคนอื่นๆก็คงจะคิดแบบเดียวกับผม มั้นใจได้เลยว่ามีการต่อสู้กันเกิดขึ้นไปแล้วหลายต่อหลายครั้งภายในเมือง
「ผมควรจะข้ามเมืองนี้ไปแล้วไปยังเมืองถัดไปเลยดีไหมนะ? ปัญหาก็คือจะผ่านคืนนี้ไปยังไงละที่นี้ อ้าาา ไม่น่าทดลองใช้สกิลเลย!」
เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ผมนั้นไม่มีทั้งเงินและความแข็งแกร่ง สิ่งเดียวที่ใช้ได้ในเวลาแบบนี้ก็มีแค่【World Ruler】มาถึงจุดๆนี้ผมก็ควรจะเรียกเขาว่าท่านWorld Rulerได้แล้วละ
หลังจากคิดวิเคราะห์ไปสักพัก ผมก็ตัดสินใจจะอยู่ที่นี้ในคืนนี้ ในเมื่อไม่มีทหารคนไหนเจอผมเลยในตอนเช้าที่ผมหลับเป็นตาย ดูเหมือนพวกนั้นจะไม่ค่อยได้สนใจบริเวณถนนระหว่างเหมืองกับเมืองนี้ และก็คงจะไม่คิดว่าจะมีใครมานอนหลับใกล้ๆกับเมืองแบบนี้หรอก
มันก็ไม่น่าจะมีสุนัขป่ามากมายอาศัยอยู่ใกล้กับเมืองขนาดนี้… ไม่ใช่เพราะผมคิดในแง่ดีไปคนเดียวหรอก แต่เป็นเพราะว่าท่านWorld Rulerบอกไว้ว่า “มีแนวโน้มที่จะเป็นอย่างนั้น”
หนึ่งคืนผ่านไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
「………」
ผมปีนลงมาจากต้นไม้และขยี้ตาปรือๆของผม ถึงจะพูดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น… แต่ก็ยังคงมีเสียงหมาหอนมาจากทุกทิศทาง
ยิ่งไปกว่านั้น ในป่ามันมืดยิ่งกว่าที่ผมคิดเอาไว้ ผมอยากจะตีตัวเองจังเลยที่ตัดสินใจหลบเข้าไปในป่าอีกนิดเพื่อจะได้ไม่มีคนเห็นผมจากในเมือง
ป่านั้นมืดสนิท และเพราะว่ามันมืดเนี้ยแหล่ะผมถึงออกไปไหนไม่ได้เลย “แสง”เพียงอย่างเดียวในความมืดนั้นก็คือข้อมูลจาก【World Ruler】ที่บอกว่า “เสียงหอนนี้เป็นเพียงการเรียกพวกเท่านั้น” หรือ “เสียงกรอบแกรบเมื่อสักครู่นั้นเป็นเพียงสัตว์ตัวเล็กๆ” แต่ผมคิดว่าผมจะไม่มีทางทำแบบนี้อีกเป็นครั้งที่2แล้ว
ตอนที่ผมนั้งอยู่ในความมืดนั้น ผมก็หวนนึกถึงความทรงจำในตอนที่ผมยังอยู่ที่เหมือง ถึงมันจะรู้สึกคลุมเครือแต่ก็ยังคงนึกอะไรขึ้นมาได้หลายๆอย่าง ทั้งอุโมงค์ที่ผมสำรวจด้วยกันกับลาค สิ่งต่างๆที่ตาแก่ฮินกาสอนผม และอื่นๆอีกมากมาย
「ลาค… ผมสงสัยจังเลยว่าเธอยังสบายดีอยู่ไหมนะ?」
ถึงจะได้รับสกิลที่แข็งแกร่งไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงเป็นเด็กไม่ต่างจากผม ถึงผมจะมีความรู้จากประเทศญี่ปุ่นก็เถอะ แต่นั้นมันเป็นคนละกรณีกัน
「ในตอนนี้คิดว่าคงต้องเป็นห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่า」
ผมมองไปรอบๆเมืองจากระยะไกลแล้วเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆจนกระทั้งเห็นทางหลวง ผมเห็นว่ามีรถม้าขับผ่านไปดังนั้นมันต้องเป็นทางหลวงแน่ๆ ผมสังสัยจังว่ารถม้าคันนั้นจะใช้สำหรับโดยสารนักพจญภัยรึปล่าว? ในตอนที่คิดแบบนั้น มีนักพจญภัยคนหนึ่งหันมาทางที่ผมอยู่ ถึงแม้ผมจะซ่อนอยู่ในพงหญ้าก็ตาม เขาคนนั้นกลับมองตรงมาที่ผม เหงื่อเย็นๆชองผมค่อยๆไหลย้อยออกมา แต่สุดท้ายรถม้าคันนั้นก็ขับออกไปอย่างช้าๆ นี้มันหมายความว่า “ชั้นจะไม่ทำอะไรถ้าแกไม่ทำอะไร” งั้นหรอ?
นั่นใช่สกิลสำหรับการตรวจจับหรือปล่าวนะ? หรือแค่ตาของเขาดีเกินไปเท่านั้น?
「…ถ้านั่นเป็นสกิลละก็ ผมก็น่าจะก๊อบปี้มันได้ด้วย【World Ruler】ใช่ไหม?」
ผมจ้องไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ในระยะไกล
「ผมมองเห็นมันได้!」
มันเป็นสกิลที่เพื่มระยะการมองเห็นอย่างนั้นหรอ? เจ๋งไปเลย! ผมเห็นมันทุกอย่างแม้กระทั้งใบไม้เลย!
「แย่หล่ะ!」
ผมลืมนึกถึงผลข้างเคียงที่ตามมาจากการใช้【World Ruler】เลย! ผมต้องรีบเตรียมตัวรับผลข้างเคียงแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันคงจะไม่มีผลข้างเคียงสำหรับสกิลที่เพิ่มความสามารถทางร่างกายละมั้ง
เยี่ยมไปเลย แต่ถ้าแค่ลอกเลียนแบบแล้วทำได้ถึงขนาดนี้ นั้นก็หมายความว่า…
「นักพจญภัยคนนั้นคงจะเห็นผมอย่างชัดเจนเลยสินะ…」
ผมคงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้แล้ว
ผมทดสอบอะไรหลายๆอย่างขณะเดินผ่านทุ่งหญ้าไปพร้อมกับทางหลวง สกิล【วิชาดาบ】นั้นผมได้เห็นจากการสู้กันระหว่างทาสกับทหารไปแล้ว แต่ผมกลับไม่รู้สึกเลยว่าจะใช้มันได้ ผมคิดว่าคงเป็นเพราะผมไม่ได้เห็นมันอย่างชัดๆ “การสังเกต”เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้【World Ruler】จริงๆด้วย ครั้งนั้นที่【เวทย์ไฟ】ถูกใช้ออกไป ผมได้สักเกตมันอย่างระเอียดในตอนที่มันทำลายกำแพงลงไป
และถึง【World Ruler】จะสร้างก๊อบปี้ของสกิลนั้นมา มันกลับมีความได้เปรียบอย่างมหาศาลยิ่งกว่าที่คิด เพราะว่ามันนั้นไม่ได้ใช้ช่องสำหรับเรียนรู้สกิลเลย ตามที่ตาแก่ฮินกาได้เอาพูดไว้ว่า ในโลกนี้เองก็มีปรมาจารย์ดาบที่เก่งใน ”วิชาดาบ” มากแม้จะไม่มีสกิล【วิชาดาบ】และบางคนก็ยังใช้ ”เวทย์ไฟ” ได้ทั้งๆที่ไม่มีสกิล【เวทย์ไฟ】เหมือนกัน เขาบอกว่า สกิลจากหินสกิลมันก็เป็นเหมือน “ทางลัด” เพื่อที่จะใช้เวทยมนตร์ เชี่ยวชาญอาวุธ หรืออะไรก็แล้วแต่ได้ แต่สำหรับมนุษย์นั้นแต่เดิมมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดอยู่แล้ว
ดังนั้น ผมคิดว่าผมสามารถที่จะปลดปล่อยศักยภาพนั้นผ่าน【World Ruler】ได้ ถ้าผมเปลี่ยน”เลนส์อันบิดเบี้ยว”นี้เป็น”เลนส์อันชัดเจน” ผมอาจจะสามารถเรียนรู้หลายๆอย่างได้มากยิ่งขึ้นกว่านี้อีก ถึงแม้นี้จะเป็นเพียงแค่สมมติฐานก็ตามที
「ถึงแม้ผมจะยังก๊อบปี้สกิลได้ไม่สมบูรณ์ในตอนนี้…แต่ไม่ใช่ว่าสกิล【World Ruler】นี้มันโคตรโกงเลยไม่ใช่หรอ?」
ผมเริ่มที่จะรู้สึกกลัวถึงความสามารถของสกิล10ดาวอันนี้แล้ว แต่ผมก็ปรับโฟกัสใหม่ภายในหัว
「…สิ่งที่สำคัญกว่าในตอนนี้คือการหาทางเอาชีวิตรอดต่อไปให้ได้」