[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit – บทที่ 1 ตอนที่ 20

บทที่ 1 ตอนที่ 20

 

* เหมืองที่ 6 *

 

ดยุคอเคนบาคถูกฆ่าตายในเหมืองและเกิดการจลาจรของทาสขึ้น – หลังจากที่มีการรายงานเรื่องนี้สู่สาธารณะ  ก็มีการส่งกำลังพลมามากกว่า 100 คนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์

 

เหมืองที่ 6 แห่งนี้นั้นสำคัญกับอาณาเขตดยุคมาก – ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือสำคัญต่อสหพันธรัฐหรือแม้กระทั่งทั้งโลกเลย – จนถึงขนาดต้องส่งกำลังพลกว่า 100 คนเพื่อไปตรวจสอบเพียงเท่านั้น

 

หญิงสาวอายุน้อยถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าของกองกำลังนี้เป็นกรณีพิเศษ เธอถูกแต่งตั้งเนื่องจากที่เธอมีสกิล【ทักษะการสั่งการ★★★】สกิลนี้จะทำให้กองทัพทำตามคำแนะนำของเธอและเป็นระเบียบเรียบร้อย

 

อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีเธอเป็นผู้นำ ก็ยังไม่สามารถหยุดข่าวลือที่กระจายอยู่ในกองทัพที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเหมืองได้อยู่ดี

 

「–มันเป็นเพราะมอนสเตอร์… มอนสเตอร์…」

 

「–อย่าเข้าไปใกล้เหมืองที่ 6…」

 

พวกเขาได้รับข้อมูลที่กระจัดกระจายกันไปจากเหล่านักพจญภัยที่อยู่ในเหมืองในวันที่เกิดเรื่องจากเมืองที่อยู่ใกล้กับเหมือง นักพจญภัยพวกนั้นสั่นกลัวและพูดไม่เป็นภาษา

 

เหมืองแห่งนี้นั้นเปิดรับนักพจญภัยด้วย จากการที่ทางผู้ดูแลเหมืองทำการรับซื้อหินสกิลหายากที่ค้นพบในราคาสูง ทำให้มีเหล่านักพจญภัยที่หวังจะรวยทางลัดแวะเวียนเข้ามาบ่อยๆ

 

นักพจญภัยพวกนั้นกระตือรือร้นในการทำงานมาก แต่ในทางกลับกัน พวกนั้นไม่มีความภักดีแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นจึงพากันหนีไปเมื่อเกิดการจลาจลขึ้น

 

ทว่า ปัญหาหลักนั้นไม่ใช่เหตุการณ์จลาจล แต่เป็น “มอนสเตอร์” ที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากนั้นต่างหาก

 

「พวกนั้นพูดว่ามันเป็นมังกรงั้นหรอ?」

 

「ครับ เกือบทั้งหมดพูดเป็นเสียงเดียวกันเลย แต่ดูเหมือนพวกเขาจะเห็นเพียงแค่เงาดำเท่านั้นเนื่องจากเป็นตอนกลางคืนครับ…」

 

ข้อมูลทั้งหมดนั้นถูกรวบรวมโดยกองทัพเพื่อระบุตัวตนของ “มังกร” นั่น

 

「ถ้ามังกรมันโพล่มาจริงๆหลังจากที่ไม่เคยปรากฏตัวมานานหลายปีละก็… มันต้องยุ่งยากแน่ๆ ที่น่ารำคาญยิ่งกว่านั้นคือเราไม่ได้ข้อมูลจากทหารประจำเหมืองเลยด้วย」

 

ทหารประจำเหมืองนั้นออกจากเหมืองไม่ได้เนื่องจากต้องปกป้องตัวเหมือง ยิ่งไปกว่านั้น การติดต่อกับทหารประจำเหมืองก็ทำไม่ได้เพราะอุปกรณ์เวทย์สื่อสารในเหมืองนั้นถูกทำลายไปแล้ว ทำให้กองทัพรวบรวมข้อมูลได้แค่จากพวกนักพจญภัยเท่านั้น

 

กองทัพก็ได้ถามคำถามกับพวกทาสหลบหนีอยู่เหมือนกัน แต่พวกทาสนั้นไม่เห็นอะไรเลย ดูเหมือนพวกเขาจะตั้งหน้าตั้งแต่หลบหนีเพียงอย่างเดียว

 

「ถึงยังงั้น มันก็แปลกอยู่ดีที่ไม่เจอใครสักคนเข้ามาติดต่อเลย」

 

ถึงอุปกรณ์สื่อสารจะพัง แต่พวกนั้นก็ยังมีม้าอยู่ และถึงจะไม่มีม้าก็ยังมีขาของตัวเองอยู่ดี

 

ถึงอย่างนั้น ก็น่าแปลกที่กองทัพไม่พบกับทหารประจำเหมืองในระหว่างทางเลยแม้แต่คนเดียว

 

「กรณีที่แย่ที่สุด… พวกนั้นคงจะเหลือกันไม่มากจนทำให้ส่งใครออกมาไม่ได้ก็ได้ ไม่ ชั้นจะมาอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้ หวังว่าจะมีข้อมูลใหม่จากเมืองที่อยู่ติดกับเหมืองนะ」

 

แต่ความคาดหวังของหัวหน้าสาวคนนี้ก็ถูกทำลายลง

 

「…นะ นี่มันอะไรกัน…」

 

สถานที่ที่ดูเหมือนจะเคยเป็นเมืองนั้นเหลือเพียงแค่เถ้าถ่าน

 

ร่องรอยของบ้านเมืองที่ถูกเผา ควันดำลอยขึ้นสู่ฟ้า สิ่งกีดขวางที่ถูกทำลาย – และชิ้นส่วนไหม้เกรียมที่ดูเหมือนจะเป็นของมนุษย์

 

ผู้คนในกองทัพเกือบจะอ้วกออกมาเมื่อเห็นภาพนั้น แต่หัวหน้าสาวก็ได้สั่งออกมาว่า “ทหารทุกนาย ระวังรอบๆเอาไว้!” ที่ทำให้พวกเขาอดทนเอาไว้ได้ กองทัพที่ได้รับเสริมพลังจากสกิลของหัวหน้าสาวทำการสำรวจรอบๆเมืองเพื่อหาผู้รอดชีวิต จากเมืองที่มีผู้คนมากกว่า 1,000 คน เหลือรอดเพียงแค่ประมาณ 100 คนเท่านั้น — ชาวเมืองที่เหลือรอดหลบหนีเข้าไปในหลุมหลบภัยที่อยู่ในคฤหาสน์ของนายกเทศมนตรีประจำเมืองจึงทำให้รอดมาจากอันตรายได้

 

「–มันคือมังกร」

 

「–ผมอยากจะหนีออกไปทันที แต่แม่ของผมบาดเจ็บที่ขา…」

 

「–มีแสงตกลงมาจากบนฟ้า ข้านึกว่ามันจะเป็นจุดจบของโลกซะแล้ว」

 

「–เมืองทั้งเมืองลุกเป็นไฟ… พวกเราทำอะไรไม่ได้เลย…」

 

กองทัพรับฟังชาวเมืองที่ยังคงขวัญผวาพูด จากข้อมูลทั้งหมดที่ได้ระบุได้ว่ามันคงจะเป็นมังกรจริงๆ – สิ่งมีชีวิตที่สามารถบินบนท้องฟ้าได้

 

อย่างไรก็ตาม ทหารปะจำเหมืองก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ชาวเมืองเองก็ไม่มีใครเห็นพวกนั้นเลยเหมือนกัน

 

「แล้วทาสที่หลบหนีละ? ชั้นอยากจะรู้เกี่ยวกับหินสกิล 6 ดาว」

 

มันเกือบจะแน่นอนแล้วว่าเหมืองต้องหยุดทำงานลงชั่วคราวและใช้เวลาในการพื้นตัวสักพัก มันเป็นความเสียหายที่ร้ายแรง แต่พวกก็เขายังมีโอกาศที่จะกู้หน้าได้ถ้าพวกเขานำหินสกิล 6 ดาว【ราชันแห่งเงา★★★★★★★】กลับมา

 

พวกทหารในกองทัพต่างส่ายหน้า ไม่มีข้อมูลใดๆเลย

 

「…สุดท้าย พวกเราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าไปในเหมืองสินะ… พวกเราจะไม่รู้อะไรเพิ่มเลยถ้าไม่ถามจากพวกทหารประจำเหมืองโดยตรง」

 

หัวหน้าสาวตัดสินใจทิ้งทหาร 30 นายเอาไว้ที่เมืองสำหรับติดต่อสื่อสารและคุ้มกันชาวเมือง ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังเหมืองพร้อมกับทหาร 70 นายที่เหลือ

 

ทว่า ไม่มีใครในกองทัพรู้เลยว่าการตัดสินใจในครั้งนี้จะนำไปสู่ “สถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่า”

 

หัวหน้าสาวกับกองทัพของเธอทำการตั้งค่ายพักแรมอยู่ในเมืองร้าง – เป็นคืนเดียวกันกับที่เรย์จิกับไรเครียออกมาเดินบนถนนยามค่ำคืน – ก่อนจะออกเดินทางต่อในตอนเช้า

 

ถนนหนทางนั้นขรุขระ

 

ปกติถนนที่เชื่อมต่อระหว่างเหมืองที่ 6 กับเมืองที่อยู่ตรงตีนเขานั้นจะได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ทว่า ในตอนนี้กลับมีสภาพเป็นหลุ่มเป็นบ่ออยู่ทั่วทุกที่และมีต้นไม้หลายต้นหักโค่นลงมาปิดถนนเอาไว้

 

พวกเขาก็ยังได้พบกับเหล่าทหารประจำเหมืองที่อยู่ในสภาพไหม้เกรียม เมื่อพบมากกว่า 10 ร่างแล้ว หัวหน้าสาวก็ยอมแพ้ที่จะขนย้ายศพ แล้วตัดสินใจที่จะยืนยันสภาพของเหมืองก่อน

 

หลังจากที่ออกมาจากป่าทึบ ตัวเหมืองก็เขามาอยู่ในสายตา – แต่ว่ามันมีลักษณ์แตกต่างไปจากเหมืองที่หัวหน้าสาวเคยเห็นมาก่อน

 

「มันถูกผ่าเป็นสองซีกงั้นหรอ…?」

 

เหมืองที่เหมือนกับภูเขาขนาดเล็กแห่งนี้นั้นถูกแบ่งออกเป็นสองซีกทั้งซ้ายและขวาราวกับถูกผ่าด้วยมีดทำครัว พื้นดินรอบๆเหมืองกลายเป็นสิ่งที่เหมือนกับแก้วเนื่องจากโดนความร้อนสูง

 

ไม่มีสัญญาณของมนุษย์ ไม่แม้กระทั่งสัตว์ป่า

 

หัวหน้าสาวกับกองทัพยืนอยู่หน้าทางเข้าเหมืองอย่างระมัดระวังที่สุด จากตรงนั้น พวกเขาก็เห็นถึงสิ่งก่อสร้างที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นและบ้านบนกำแพงที่ยังคงตั้งขนานไปกับกำแพง

 

แต่เกือบทั้งหมดนั้นถูกทำลาย ถล่มเป็นซากปรักหักพังหรือไหม้เป็นเถ้าถ่าน ศพของพวกทหารประจำเหมืองและทาสเรียงรายเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น มีกลิ่นไหม้ของเนื้อล่องลอยอยู่ในอากาศ

 

ทหารหลายคนในกองทัพอ้วกออกมาเพราะหัวหน้าสาวไม่ได้ใช้สกิลของเธอ

 

เธอไม่สามารถใช้ได้

 

เพราะตรงกลางของถ้ำที่กว้างใหญ่นั่น – ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าถ้ำได้หรือไม่ เพราะว่ารูบนเพดานนั้นเปิดกว้างกว่าเดิมจากการถล่ม – มีร่างขนาดใหญ่สีเหลืองอยู่

 

ร่างกายที่มีเกล็ดที่ใหญ่ยิ่งกว่าโล่ของทหาร เงาวับ และมีแสงที่พริ้วไหว – มานา – ไปมาคลุมอยู่บนพิ้นผิว

 

ร่างนั้นไม่สูงมากแต่ค่อนข้างใหญ่ มีหนามนับพัน – เหมือนกับเม่น – อยู่ที่กลางหลัง หางของมันพันอยู่ร่างนั่น

 

「————」

 

ทุกๆคนพูดอะไรไม่ออก

 

ร่างสีเหลืองขนาดยักษ์นั้นมีรูปร่างดูดีจนขนาดที่เรียกว่าสวยงามเลยก็ว่าได้

 

ทว่า ความรู้สึกที่กองทัพได้รับนั้นมีแต่ความหวาดกลัว

 

ความหวาดกลัวแบบที่มนุษย์ได้รับมาตั้งแต่โบราณกาล ความกลัวแบบที่ทำให้ร่างกายขยับไม่ได้จากการคงอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่า

 

–กริ๊ก

 

ดวงตาที่หลับอยู่ภายใต้ปีกนั้นลืมตาตื่นขึ้น มันเป็นเรื่องแปลกที่ทุกคนที่อยู่ที่นี่รับรู้ว่ามัน “ลืมตาตื่นขึ้น” ทั้งๆที่พวกเขาก็ไม่มีทางเห็นถึงสิ่งที่อยู่ด้านหลังปีกที่ปิดอยู่นั่นได้เลย

 

หัวสีเหลืองนั้นยกขึ้นและจ้องมองไปยังผู้บุกรุก

 

ดวงตากลมโตสีทองอร่ามเหมือนกับอัญมณี

 

ปากของมันเปิดกว้างเผยให้เห็นถึงฟันอันแหลมคม

 

《—ขัดหูขัดตา—》

 

ไม่มีเสียงใดๆออกมา แต่ถ้ามีมันก็จะสามารถเป่าทุกสิ่งได้ด้วยแรงดันเสียง

 

ทว่าสิ่งที่ได้ยินนั้น มันเป็นเสียงที่ส่งเข้าไปในหัวโดยตรง

 

《—ทายาทของมนุษย์ผู้โลภมากเอ๋ย มาเพื่อทำลายบ้านของข้าอีกแล้วงั้นรึ—》

 

หัวหน้าสาวรู้สึกโล่งใจ

 

“มังกร” – ตัวเธอก็ไม่แน่ใจว่านี่จะใช้ “มังกร” จริงๆรึปล่าว แต่ถ้านี่ไม่ใช่ “มังกร” แล้วละก็ คงจะไม่มีอะไรที่เรียกว่า “มังกร” ได้อีกแล้ว เธอคิดแบบนั้นและยอมรับว่ามันคือ “มังกร” จริงๆ – ตัวนี้นั้นมีสติปัญญาและพยายามพูดคุยด้วยอยู่

 

มังกรตัวนี้นั้นกำลังโกรธด้วยเหตุผลบางอย่าง มันอาจจะเกิดจาก “การทำเหมืองสกิล” หรือ “มีทหารมากมายเข้าไปโจมตี”

 

และผลที่ตามมาจากความโกรธของมังกรก็คือสภาพรอบๆที่เธอได้เห็น

 

(แข็งใจไว้ตัวชั้น!!!)

 

หัวหน้าสาวใช้สกิล【ทักษะการสั่งการ】กับตัวเองและมุ่งความสนใจไปที่มังกรตัวนั้น

 

「ไม่คะ! พวกเราแค่มาตรวจสอบสถานการณ์เพียงเท่านั้น! ถ้าท่านประสงค์ให้พวกเราออกไป พวกเราก็จะรีบจากไปทันทีคะ!」

 

ไม่ว่ามันจะได้ยินหรือไม่ มันก็ยกหัวขึ้นและมองไปบนท้องฟ้า

 

แล้วมันก็กางปีกกว้าง

 

「หวาาาาาา!!!」

 

กระพือปีกเพียงครั้งเดียว ทุกๆคนรวมถึงหัวหน้าสาวก็ถูกพัดปลิวออกไป

 

《—ถ้ายังไม่สำนึก งั้นข้าจะทำให้หวาดกลัวยิ่งกว่านี้—》

 

หัวหน้าสาวลุกขึ้นและเห็นมังกรตัวนั้นบินขึ้นไปบนฟ้าแล้ว มันกระพือปีกและมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง หายลับไปจากสายตา

 

หัวหน้าสาวรู้สึกยินดีอย่างสุดหัวใจจากที่รอดตายมาได้ ทว่าพริบตานั้น เธอก็รู้สึกเย็นวาบที่กลางหลังทันที

 

「ชิบหาย.. นี้มันแย่แล้ว! แย่สุดๆไปเลย!」

 

「เป็นอะไรไปหรอครับ หัวหน้า?」

 

「มังกรนั่นมันจะไปโจมตีที่อื่น!」

 

พวกเขาพึ่งจะมาถึงที่นี่เอง

 

「แผนที่! เอาแผนที่ออกมา!」

 

「คะ-ครับ นี้ครับ」

 

「……นี้มันเลวร้ายที่สุด!!」

 

หลังจากที่เธอยืนยันทิศทางที่มังกรตัวนั้นมุ่งหน้าไป หัวหน้าสาวก็ตกตะลึง

 

เส้นทางที่มันมุ่งหน้าไปคือเมืองหลวงของอาณาเขตดยุค – สถานที่ที่มีผู้คนคับคั่งมากที่สุดในอาณาเขตนี้

 

「ทหารทุกนาย! ค้นหาเครื่องมือสารระยะไกล! เดี๋ยวนี้เลย! ช่างคนเจ็บไปก่อน! เร็วเข้า!」

 

“คำแนะนำ” ที่ออกมาไม่ใช่ “คำแนะนำ” อีกต่อไปแล้ว มันเหมือนกับการร้องไห้เสียใจมากกว่า

 

ทหารทุกนายต่างรีบออกค้นหา เริ่มจากซากปรักหักพังก่อน จากนั้นก็ค่ายทหารประจำเหมือง แล้วก็ห้องทำงานของกิลด์นักพจญภัยสาขานี้

 

1 ชั่วโมงต่อมา อุปกรณ์เวทมนตร์ที่ใช้สำหรับสื่อสารระยะไกลนั้นถูกพบอยู่ในสภาพปลอดภัยภายในห้องทำงานของกิลด์นักพจญภัย ส่วนเครื่องประจำเหมืองที่ทหารประจำเหมืองใช้เสียหายจนใช้การไม่ได้

 

30 นาทีหลังจากนั้น พวกเขาก็เปิดใช้งานมันได้อย่างปลอดภัยและส่งข้อความถึงกิลด์นักพจญภัยสาขาเมืองหลวงของอาณาเขตดยุค

 

『นี้เป็นการติดต่อฉุกเฉินจากเหมืองที่ 6 เหมืองถูกทำลายแล้ว มีมังกรกำลังมุ่งหน้าไปยังเหมืองหลวง โปรดเตรียมการป้องกันโดยเร็วที่สุด!』

 

 

 

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

Options

not work with dark mode
Reset