บทที่ 1 ตอนที่ 26
「ทางนี้ เรย์จิ!」
ไรเครียซังดึงแขนของผมแล้วกลิ้งหลบออกไปข้างๆ และในทันใดนั้นก็มีเปลวไฟแผดเผาตรงมาที่พวกเราเคยยืนอยู่ ทั่วทุกบริเวณส่องสว่างจ้าขึ้นมาแม้จะเป็นตอนกลางวัน ตาของผมไม่อาจรับความสว่างขนาดนี้ได้จนต้องหรี่ตาลง
พื้นที่ปูด้วยหินนั้นร้อนระอุและมีบางส่วนที่หลอมละลาย
…ถ้าไฟนั่นโดนใส่มนุษย์ละก็ ได้กลายเป็นเถ้าถ่านแน่นอน
ผมพยายามจะยืนขึ้น แค่ขาผมกลับไม่มีแรงเลย
「อะ-เอ๊ะ…?」
ผม… รวบรวมแรงไม่ได้เลย?
…ทำไมละ? เกิดอะไรขึ้น?! นี่ผมรู้สึก… กลัว งั้นหรอ?
ในที่สุดผมก็รู้สึกตัวสักที
จนถึงตอนนี้ ผมเอาแต่คิดว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้มันเป็นปัญหาของคนอื่น มังกรที่เป็นสัญลักษณ์ของหายนะ แต่ผมกลับคิดว่านั่นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม เอาแต่คิดว่าต้องมีใครบางคนที่มีปณิธานแรงกล้าปรากฏตัวออกมาจัดการมันได้แน่ มันอาจจะเกิดเรื่องขึ้นใกล้กับผม แต่ผมก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของผมอยู่ดี ผมเป็นผู้กลับชาติมาเกิด ดังนั้นผมจะช่วย แต่ผู้คนบนโลกใบนี้จะต้องเป็นคนแก้ปัญหานี้เอง ผมคิดไปแบบนั้น
ตอนที่ผมหลอกล่อมังกรอยู่บนหลังคานั้น ในใจลึกๆแล้วผมคิดแบบนี้จริงๆ ดังนั้น ผมเลยทำอะไรบ้าๆแบบนั้นออกไปได้
ทว่า มังกรตัวนั้นพ่นไฟออกมาหมายจะฆ่าผมให้ตายอย่างจริงจัง
เป็นครั้งแรก ที่ผมได้รู้สึกตัวถึงความเป็นจริง เรื่องที่มังกรที่อยู่ข้างหน้าของผมตอนนี้เป็นของจริงและพยายามที่จะฆ่าผม
「วิ่ง! มันจะโจมตีมาอีกครั้งแล้ว เรย์จิ!」ไรเครียซังตะโกนขึ้นมา
「………」
「ปล่อยให้พวกเราจัดการเอง! หนีไปซะ! …เฮ้ย ได้ยินไหมวะ?!」
ผมยืนขึ้นไม่ได้ ขาของผมสั่นเกินไป
เมื่อมังกรมันอ้าปากขึ้นอีกครั้ง
「โอ้วร่าาาา!」
โจเซฟซังเข้าไปใกล้แล้วเหวี่ยงขวานสองมือของเขา เมื่อขวานปะทะกับเกล็ดของมังกรก็เกิดประกายไฟสีฟ้าขึ้น
「บ้าเอ้ย! การโจมตีของข้าทำได้แค่รอยขีดข่วนเท่านั้นเอง!」
「สลายมานาที่อยู่รอบๆเกล็ดของมัน โจเซฟ!」
「ยังไงเล่า?!」
「เป่ามันไปเรื่อยๆด้วยเวทมนตร์!」
เมื่อได้ฟังบทสนทนาระหว่างโจเซฟซังกับดันเต้ซัง เหล่านักพจญภัยที่ใช้เวทมนตร์ได้ก็เริ่มยิงเวทย์ออกไป
ประกายแสงหลากสีของเวทมนตร์เช่นสีแดง, สีฟ้า, และสีเหลือง ต่างพุ่งเข้าใส่มังกรตรงๆ พวกมันทำอะไรมังกรไม่ได้แต่เป่ามานาที่อยู่รอบๆให้หายไปได้ จนสามารถเผยเกล็ดสีเหลืองของมังกรออกมาโดยไม่มีอะไรปกคลุม
เหล่านักพจญภัยที่เหลือต่างพุ่งเข้าไปพร้อมกับอาวุธของพวกเขา ทำการโจมตีไปยังจุดที่ไม่มีมานาปกคลุม เกล็ดที่แข็งแกร่งของมันกันการโจมตีได้หลายครั้ง แต่ก็ไม่เสมอไป เกล็ดบางอันได้แตกออกและมีเลือดไหลออกมา
「ยืนขึ้นสิ เรย์จิคุง」
「อา…」
ใครบางคนดึงผมให้ยืนขึ้นแล้วพยุงผมเอาไว้ ความนุ่มนิ่มที่ผมรู้สึกได้จากข้างหลังนั้นอาจจะทำให้ผมใจเต้นตึกตักได้ในยามปกติ แต่ตอนนี้ผมไม่สามารถคิดถึงเรื่องนั้นได้เลยสักนิด
เมื่อผมมองกลับไป ผมก็เห็นน็อนซังที่มีใบหน้าเคร่งเครียดอยู่ตรงนั้น
「ไรเครียซัง ชั้นจะพาตัวเรย์จิคุงไปนะ」
「ข้าฝากด้วยละกัน」
ที่อีกฝั่งนึง มังกรได้หมุนตัวแล้วทำการฟาดหางส่งผลให้เหล่านักพจญภัยลอยออกไป โจเซฟซังกระโดดหลบออกมา ในขณะที่ดันเต้ซังใช้ดาบใหญ่ปักพื้นยันการโจมตีไว้เหมือนกับโล่และเบี่ยงแรงจากหางออกไปได้
…สองคนนั้นแตกต่างออกไปจริงๆ
สมาชิกระดับเงินของ “ดาวนิรันดร์” ก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วยเหมือนกัน ถึงพวกเขาจะเก่งกว่านักพจญภัยคนอื่นๆ แต่ก็ยังไม่ได้ใกล้เคียงกับโจเซฟซังและดันเต้ซังเลยสักนิด
「เรย์จิคุง อพยพกันเถอะ」
ไรเครียซังกระโจนเข้าหามังกร พลังกระโดดของเขานั้นสุดยอดมาก – ราวๆ 2 เมตรได้ แล้วเขาก็กระโดดอีกครั้งโดยใช้ขาหลังของมังกรเป็นแท่นกระโดด
「โอร่า!」
เขากระโดดเตะไปที่ใบหน้าของมังกรตัวนั้นก่อนที่มันจะพ่นไฟออกมา ส่งผลให้มันพ่นไฟออกมาพลาด
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของมันก็ใหญ่พอๆกับรถยนตร์เลย มันเปลี่ยนเป้าหมายมาจับจ้องที่ไรเครียซังแล้ว
「เรย์จิคุง!」
ไหล่ของผมถูกเขย่า น็อนซังที่ปกติมักจะทำตัวสุขุมกำลังตกอยู่ในความตึงเครียด
「พวกเราต้องหนีแล้ว อยู่ที่นี่ไปพวกเราก็เป็นได้แค่ตัวถ่วงเท่านั้น」
「…ครับ」
…ใช่แล้ว ต่อให้ผมอยู่ที่นี่ ผมก็เป็นได้แค่ตัวถ่วงเท่านั้น ดันเต้ซังอาจจะได้รับบาดเจ็บจากการพยายามปกป้องผมก็ได้
ผมหันหลังให้กับสนามรบก่อนจะออกวิ่งไปกับน็อนซัง
น็อนซังนั้นทำงานเป็นนักบวช แต่ดูเหมือนว่าพลังกายก็สำคัญสำหรับนักบวชในโลกนี้เหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงวิ่งได้เร็วพอๆกันกับผมที่ใช้สกิลที่ได้จาก【World Ruler】ช่วยเลย
เมื่อผมมองไปรอบๆ ก็เห็นหน้าตาของอาคารหลายๆหลังปิดอยู่ทั้งๆที่เป็นตอนกลางวัน
…พวกเขาหลบซ่อนอยู่ข้างในงั้นหรอ? ผมคิดว่าการวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดจะดีกว่าซะอีกนะ แต่ว่าตอนนี้ผมก็จะไปต่อว่าพวกเขาไม่ได้ละนะ
เสียงนกหวีดสามารถได้ยินมาจากทุกทิศทาง – บางทีคงเป็นสัญญาณเตือนถึงเหตุฉุกเฉิน เหล่าทหารกำลังนำทางผู้คนอยู่บนท้องถนน
「–เกิดอะไรขึ้น?」
「–มอนสเตอร์ขนาดใหญ่กว่าบ้านหน่ะ」
「–แล้วพวกเราจะวิ่งไปที่ไหนกันละ?」
「–จะไปรู้เรอะ แค่วิ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอ」
มีผู้คนจำนวณมากกำลังวิ่งอยู่ด้วยใบหน้าซัดเผือก และพวกเราก็ได้เข้าไปรวมกลุ่มกับพวกเขา
「…เรย์จิคุง ฟังให้ดีๆนะ」
น็อนซังหยุดวิ่งก่อนจะคุกเข่าลง เธอขว้าไหล่ของผมแล้วมองเข้ามาในดวงตาของผม
「วิ่งตรงไปจากตรงนี้แล้วเลี้ยวขวาตรงแยกที่ 2 เพื่อไปยังกิลด์นักพจญภัยนะ เมื่อเธอเลี้ยวไปแล้ววิ่งตรงไปก็จะถึง เธอน่าจะรู้ทางนะ ใช่ไหม?」
「…แล้วคุณละครับ น็อนซัง?」
ถ้าเธอพูดออกมาแบบนี้ นั่นหมายความว่าเธอมีแผนที่จะไม่ไปกับผม
「ชั้นจะกลับไป มีผู้คนมากมายแน่นอนที่กำลังบาดเจ็บอยู่ ชั้นจะไปช่วยพวกเขาเท่าที่ชั้นจะทำได้」
「แต่ว่า…」
「เธอทำได้ดีมากแล้ว เรย์จิคุง หลังจากนี้เป็นงานของพวกผู้ใหญ่แล้ว」น็อนซังพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน
…ที่พูดว่าผู้ใหญ่หน่ะหมายความว่ายังไงกัน?
น็อนซังก็อายุเท่ากันกับผมก่อนที่ผมจะเกิดใหม่ หรือก็คือ 16 ปี มันเป็นเรื่องปกติของโลกนี้ที่จะเริ่มทำงานกันตอนอายุ 10 ขวบ เหมือนกับที่สามารถลงทะเบียนเป็นนักพจญภัยได้ที่อายุ 10 ขวบนั่นแหล่ะ เมื่ออายุ 12 ปี ก็ได้รับเงินเดือนเต็มที่เหมือนคนทำงานทั่วไปแล้ว
จะถูกยอมรับว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวตอนอายุ 16 ปี จะไม่มีคนห้ามไม่ให้ดื่มแอลกอฮอล์อีกต่อไป
…ถ้าน็อนซังเป็นผู้ใหญ่ งั้นผมเองก็เป็นผู้ใหญ่ด้วยเหมือนกัน
…แต่เธอก็คงไม่เชื่อที่ผมพูดหรอก ต่อให้ผมบอกออกไปก็ตาม และตัวผมเองก็ไม่เหมือนกับน็อนซัง ต่อให้ผมกลับไปที่สนามรบ ผมก็ทำอะไรไม่ได้มากอยู่ดี
แต่ ถึงอย่างนั้น มือของน็อนซังที่กำลังจับไหล่ของผมอยู่ตอนนี้นั้นกำลังสั่นอยู่
「ผมจะไปด้วยครับ」
น็อนซังอ้าปากค้างหลังจากที่ได้ยินผมพูด
「ไม่ เธอทำแบบนั้นไม่ได้」
และเธอก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่นๆ มันแน่นที่สุดเท่าที่ผมเคยถูกกอดเลย
「ขอชั้นได้บอกเธอบางอย่างนะ ตัวชั้นดีใจนะที่เธอเข้าร่วมปาร์ตี้ของพวกเรามาหน่ะ… แต่เหตุผลมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเอาไว้หรอกนะ」
「…เหตุผลหรอครับ?」
「คุณพ่อของชั้นหน่ะนะ จริงๆเขายอมแพ้เรื่องรักษาคำสาปไปแล้ว เขาถูกวินิจฉัยเอาไว้แล้วว่าต่อให้เป็นนักเวทย์รักษาอันดับต้นๆของราชอาณาจักรอัศวินนักบุญก็ยังยากที่จะรักษามันได้เลย」
「………」
ผม… ก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน
ผมรู้สึกได้ว่าดันเต้ซังนั้นเตรียมใจที่จะตายเอาไว้แล้ว ขนาดในสถานการณ์ตอนนี้ เขาก็ยังเผชิญหน้ากับมังกรนั่นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ผมไม่คิดว่ามีอะไรในเมืองแห่งนี้ที่เขาอยากจะปกป้องหรอกนะ ไม่เหมือนกับโจเซฟซัง ดันเต้ซังไม่มีเหตุผลให้ต้องต่อสู้เลย
「คุณพ่อหน่ะมีชีวิตชีวาขึ้นหลังจากที่เรย์จิคุงเข้าร่วมกับพวกเรา เขาพูดว่า “เรย์จิหน่ะมีความสามารถที่จะเรียนรู้ที่ดี เหมาะแก่การสอนเขา” ชั้นนี้มีความสุขมากเลยละ เพราะการที่เธออยู่กับพวกเรา มันทำให้ชั้นคิดว่าคุณพ่อนั้นได้ค้นพบ “เหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป” แล้วหน่ะสิ」
น็อนซังคลายอ้อมกอดออก มีน้ำตาอยู่บริเวณหางตาของเธอ
…อา ผมเข้าใจแล้ว
น็อนซังก็ “เตรียมใจ” แล้วเหมือนกัน การกลับไปที่สนามรบเพื่อรักษาผู้คนนั้นก็หมายความว่าจะกลับไปยังสถานที่ที่ตัวเองอาจจะตายก็ได้เช่นกัน
「ชั้นขอโทษนะเรย์จิคุง ที่ชั้นหลอกใช้เธอ」
「…ได้โปรดหลอกใช้ผมต่อไปมากกว่านี้เถอะนะครับ」
น็อนซังลุกขึ้น
「เลี้ยวขวาแยกที่ 2 นะ เข้าใจไหม?」
เธอไม่ได้ตอบกลับที่ผมพูดกับเธอไป
แล้วเธอก็เริ่มออกวิ่งไป เพื่อเพิ่มโอกาสมีชีวิตรอดของดันเต้ซังแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
「ผมจะรออยู่ที่กิลด์นะครับ! ผมจะเฝ้ารอให้ทุกๆคนกลับมานะครับ!」
ผมอยากจะชกตัวผมเองจริงๆ ตัวผมที่ไม่สามารถพูดอะไรอย่างอื่นออกไปได้