[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit – บทที่1 ตอนที่ 27

บทที่ 1 ตอนที่ 27

 

ไม่มีอะไรที่ผมทำได้ ต่อให้ผมกลับไป ผมก็เป็นได้แค่ตัวถ่วงเท่านั้น

 

ทั้งหมดนั้นเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อที่จะไม่กลับไปที่สนามรบก็เท่านั้นเอง

 

สภาพของผมตอนนี้ ถึงมันจะเสี่ยงที่มานาจะหมด แต่ผมก็ยังสามารถยิงเวทย์ได้ 1 ถึง 2 ครั้ง ผมยังสามารถยิงใส่จากระยะไกลในมุมมืดได้ ถ้าทำแบบนั้นอย่างน้อยผมก็จะสามารถก่อกวนมังกรได้แน่

 

ทว่า ขาของผมกลับไม่ยอมหันหลังกลับ

 

ถึงแม้ผมจะเป็นผู้กลับชาติมาเกิด ถึงแม้ผมจะมีสกิล 10 ดาว ถึงแม้ผมจะเรียนสกิลจำนวณมากจากคนอื่นๆ…

 

ผมเริ่มเดินออกไป ท่ามกลางผู้คนที่กำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ผมเป็นเพียงคนเดียวที่กำลังเดินอยู่

 

…ไม่มีแรงจูงใจใดๆ ทั้งหมดนั้นไร้ค่า

 

ผมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเหมือง

 

ผมรำลึกถึงคนที่กระโจนเข้ามาขวางระหว่างผมกับดยุคที่กำลังจะฆ่าผม – ผมรำลึกถึงพี่สาวของผม

 

ถ้าเป็นลาร์คจะทำยังไงในสถานการณ์นี้?

 

เธอจะพูดว่า “อ่าห์ ชั้นไปจากที่นี่ละ!” แล้วหนีไปรึปล่าว?

 

หรือเธอจะพูดว่า “ชั้นจะไม่วิ่งหนี! ชั้นจะไปจัดการมังกรนั่นให้รู้สำนึกเอง!” แล้วกลับไปสู้ต่อด้วยเทคนิคเจ้าเล่ห์?

 

「ผมอยากจะเจอพี่… ผมอยากจะเจอพี่เหลือเกิน พี่ลาร์ค…」

 

แก้มของผมเปียกชุ่ม ผมร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว ช่างน่าสมเพช! ช่างโง่เง่า! ถึงอย่างงั้น ผมก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าขาของผมยังคงพาผมออกห่างจากสนามรบเรื่อยๆ

 

แยกที่ 2 นั้นเป็นแยกที่ใหญ่มาก เลี้ยวขวาแล้วผมก็จะถึงกิลด์นักพจญภัย

 

จุดเปลี่ยนสุดท้าย

 

หลังจากที่ผมเลี้ยว ผมมั่นใจว่าผมจะไม่มีวันหันหลังกับอีก

 

「นายควรจะหนีไปนะ ไม่มีอะไรที่นายจะทำได้เพียงแค่คิดถึงมันหรอก… เจ้าน้องชาย」

 

ผมได้ยินเสียง

 

ผมหยุดเดินทันทีแล้วมองไปรอบๆ

 

อย่างไรก็ตาม มันก็มีแค่ผู้คนที่กำลังวิ่งหนี; ทั้งคนที่วิ่งไปพร้อมกับสัมภาระ, คนที่วิ่งชนกัน, และเหล่าทหารที่วิ่งไปมาเพื่อเตือนประชาชน

 

…เป็นไปไม่ได้ ผมต้องหลอนไปเองแน่ๆ

 

「…ใช่แล้ว ผงคงแค่ได้ยินสิ่งที่ผมอยากจะได้ยินแน่ๆ」

 

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมปาร์ตี้นักพจญภัย “ซิวเวอร์บาลานซ์” ถึงสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพราะเขาไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปตั้งแต่แรกแล้วงั้นหรอ? เพื่อคืนหนี้ชีวิตที่ถูก “ช่วย” ไว้งั้นเหรอ? เพื่อให้พ่อของเธอมีชีวิตอยู่ต่อไปให้นานที่สุดยังงั้นหรอ?

 

หรือว่าเหตุผลง่ายๆก็คือ… ว่าพวกเขาเป็นนักพจญภัยงั้นหรอ?

 

คำอย่าง “ความรับผิดชอบ” และ “หน้าที่” นั้นทั้งฟังดูดีและน่าภูมิใจหลังจากได้รับชัยชนะ

 

แต่ไม่รู้ทำไม ผมกลับรู้สึกในตอนนี้มากกว่าครั้งไหนๆว่า พวกเขาไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย

 

บางทีร่างกายของพวกเขาคงจะขยับไปเอง – เพราะว่ามีศัตรูอยู่ข้างหน้า, เพราะว่ามีภัยคุกคาม, หรือเพราะว่าเกียรติยศหลังจากเอาชนะมัน

 

ถึงแม้การต่อสู้ในครั้งนี้จะมีโอกาสชนะน้อยมาก ถึงแม้ปาร์ตี้ “ดาวนิรันดร์” ที่เหมือนกับพวกอวดเบ่งยังต่อสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน นั่นไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนในหัวเลยไม่ใช่หรอ?

 

「ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเดินแบบนี้ ถ้าจะทำมัน ผมก็ต้องวิ่ง」

 

ผมเช็ดน้ำตากับแขนเสื้อของผม

 

เพื่อชะล้างน้ำตาที่บดบังทัศนวิสัย

 

เพื่อชะล้างตัวผมที่น่าสมเพช

 

「ไม่มีเหตุผลที่จะต้องคิดมากเลย」

 

ผมหันหลังกลับไป

 

「ผมจะกลับไป ผมเองก็เป็นสมาชิกของซิวเวอร์บาลานซ์เหมือนกัน」

 

ผมสูดหายใจเข้าแล้วโน้มตัวลงก่อนจะเริ่มออกวิ่ง สกิล【ทักษะการวิ่ง】ทำงานอย่างเป็นธรรมชาติ และร่างการของผมก็ถูกผลักไปข้างหน้า

 

ขณะที่ผมวิ่งฝ่าฝูงชน จำนวณผู้คนก็เริ่มลดลงอย่างมาก จนกระทั่งก็ล้างผู้คน

 

ผมวิ่งด้วยความเร็วที่มากที่สุดเท่าที่ร่างกายของผมจะรับไหว

 

…แค่คิดว่าสถานการณ์โดยรอบเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ

 

บริเวณโดยรอบเต็มไปซากของอาคาร และมีไฟไหม้อยู่ทั่วทุกที่

 

ร้านแผงลอยมีไฟลุกไหม้และลามไปยังร้านดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆ

 

「คนที่บาดเจ็บให้ถอยออกจากแนวหน้า! เฉพาะคนที่รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นที่จะได้นับการรักษาทันที!」

 

「นักเวทย์รักษางั้นหรอ? ขอบคุณพระเจ้า ขาของผมได้รับบาดเจ็บ…」

 

「มือขวาของผมเจ็บ ถือดาบไม่ได้」

 

「บ้าเอ้ย! พวกเราจะไปสู้ไอ้นั่นได้ยังไงกัน?!」

 

น็อนซังกำลังทำการรักษานักพจญภัยที่บาดเจ็บอยู่ภายในกระบังที่เหมือนกับโรงพยาบาลสนาม มีนักพจญภัยหลายคนที่กำลังรอตาของพวกเขาอยู่

 

「ไรเครีย! เข้าไปใกล้เกินไปแล้ว!」

 

「ไม่งั้นก็โจมตีมันไม่โดนนะสิ!」

 

「ถ้านายบาดเจ็บ พวกเราจะเสียรูปขบวนนะ ยับยั้งชั่งใจหน่อย!」

 

「ชิ…!」

 

บริเวณแนวหน้า ไรเครียซังกำลังกระโดดไปมาทั้งซ้ายและขวา คอยหลอกล่อสายตาของมังกรตัวนั้น เมื่อมันมีช่องว่าง เหล่านักพจญภัยก็จะพุ่งเข้าไปโจมตีมัน

 

มีบาดแผลอยู่เป็นจำนวณมากบนร่างของมังกรตัวนั้น เลือดไหลรินออกมาจากบาดแผล

 

…เข้าใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องสู้กับมังกรตรงๆสินะ

 

…ไรเครียซังเป็นเหมือนแท้งค์สายหลบหลีกสินะ คิดว่า

 

「หมอนั่นสุดยอดไปเลย」

 

「เป็นใครกันนะ?」

 

「สมาชิกปาร์ตี้เดียวกับ “โล่ใหญ่สีเงิน” ไง」

 

「มนุษย์สัตว์นั่นไม่เลวเลยแห่ะ」

 

ในสถานการณ์นี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเผ่าพันธ์ุไหนก็ไม่สำคัญแล้วสินะ เหล่านักพจญภัยต่างก็ชื่นชมเขา

 

อย่างไรก็ตาม ไรเครียซังก็ไม่ได้หลบการโจมตีของมังกรนั่นได้อย่างง่ายดายนัก

 

ถึงจะไม่ได้ยืนยันด้วย【Word Ruler】ผมก็สามารถมองเห็นได้จาก【เสริมการมองเห็น】ว่าไรเครียซังในตอนนี้กำลังจะหมดแรงและมีเหงื่อท่วมตัว

 

「คุ!」

 

ไรเครียซังลงจอดได้ไม่มั่นคง มังกรตัวนั้นก็ไม่ยอมพลาดโอกาสฟาดหางของมันลงมาจากด้านบน ไรเครียซังกลิ้งหลบมันได้ในเสี้ยววินาที

 

แต่ปากของมังกรได้เปิดกว้างออกเพื่อพ่นไฟเรียบร้อยแล้ว

 

「ชิบหา–!」

 

ก่อนที่เปลวไฟจะออกจากปากของมังกร – ได้มีดอกไม้บานขึ้นบริเวณปลายจมูกของมัน

 

ผมโยนกิ่งไม้ที่ผมยืมมาจากร้านดอกไม้ก่อนหน้านี้แล้วทำให้มันบานด้วย【เวทย์บุปผา】

 

มังกรตัวนั้นชะงักไปแปปนึงเพื่อทำความเข้าใจ

 

ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับนักพจญภัยระดับทองและเงินทั้งสองคน

 

「โอร่าาาาา!」

 

「โอ้วววววว!」

 

ด้วยขวานสองมือของเขา โจเซฟซังตัดหางของมังกรบริเวณที่ถูกตัดออกไปครึ่งนึงแล้วจนขาดออก และดันเต้ซังก็ปักดาบใหญ่ของเขาซ้ำไปที่ปากแผลบนร่างกายของมัน

 

《กร๊าชชชชชชชชช!!!》

 

ความดันเสียงจากการคำรามส่งนักพจญภัยที่อยู่ใกล้กระเด็นออกไป มันยังทำให้เกิดรอยร้าวบนซากปรักหักพังอีกด้วย ผมรีบหลบไปด้านหลังของอาคาร ทว่าก็พบกับไรเครียซังที่รออยู่ก่อนแล้ว

 

「ไอ้เด็กบ้า เรย์จิ! จะกลับมาทำซากอะไร?!」

 

「โอ้ย!」

 

เขาเอามือเขกหัวผม และหลังจากนั้น แขนอันล่ำบึกของเขาก็กอดหัวผม

 

「ช่วยข้าไว้ได้พอดีเลย ขอบใจมาก」

 

「…ครับ」

 

ถึงแม้แขนของเขาจะเต็มไปด้วยขนและเหงื่อ แต่ไรเครียซังก็ยังมีชีวิตอยู่ เขาอาจจะหนีรอดเองได้แม้ผมจะไม่ช่วยก็ตาม แต่ว่า ถึงยังงั้น ผมก็ดีใจที่ได้รับคำขอบคุณจากเขา

 

 

 

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

Options

not work with dark mode
Reset