[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit – บทที่1 บทส่งท้าย 2 (จบบทที่1)

บทที่ 1 บทส่งท้าย ส่วนที่ 2

 

หลังจากนั้น ดันเต้กับมิมิโนะก็ได้ออกมาจากโรงแรมเพื่อตามหาเรย์จิ ไม่มีใครที่ดูเหมือนกับเรย์จิอยู่ที่สถานีรถม้าสำหรับออกจากเมืองเลย ทว่ามีคนขับรถม้าคนนึงบอกว่าเขาเห็นได้เด็กคนหนึ่งอยู่

 

「เขาถูกพาตัวไปโดยคนที่ดูเหมือนกับนักพจญภัยในชุดเกราะราคาแพงยังงั้นหรอ?」

 

จากที่ได้ฟังเรื่องของคนขับรถม้าคนนั้น คนๆแรกที่เข้ามาในหัวเลยก็คือ ออสการ์ แห่งปาร์ตี้ดาวนิรันดร์

 

ขณะที่ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปยังกิลด์นักพจญภัย หนึ่งในสมาชิกของปาร์ตี้ดาวนิรันดร์ผู้ใช้ “เวทย์ 4 ธาตุ” ก็เข้ามาหาพวกเขาจากอีกฝั่งของถนน เธอคนนั้นมีสีหน้าที่ดูค่อนข้างกังวล

 

「…ขอบคุณที่ช่วยชั้นเอาไว้เมื่อวานนะคะ」นักเวทย์คนนั้นพูดก่อนจะก้มหัวลง

 

「ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องปกป้องกันและกันยามที่ต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ตัวเดียวกันหน่ะ ยิ่งไปกว่านั้น เธอเห็นเด็กที่อยู่ปาร์ตี้เดียวกับพวกเราไหม?」

 

「ค่ะ ชั้น – พวกเราเองก็กำลังตามหาซิวเวอร์บาลานซ์กันอยู่แล้วนะคะ เป็นเรื่องของเด็กคนนั้นค่ะ」

 

ดันเต้กับมิมิโนะสบตากัน

 

เมื่อพวกเขามาถึงกิลด์นักพจญภัย นักเวทย์คนนั้นก็ได้อธิบายเรื่องราวคร่าวๆให้พวกเขาฟังแล้ว มิมิโนะได้รับรู้เป็นครั้งแรกเลยว่าเรย์จิกำลังถูกตามล่าตัวโดยพวกทหาร — อย่างที่คิด เขาจากไปเพราะเขาไม่อยากทำให้ซิวเวอร์บาลานซ์นั้นต้องมาเดือดร้อนด้วย เธอคิดอย่างงั้น

 

「ถ้าพวกคุณรออยู่ที่กิลด์ละก็ ชั้นคิดว่าหัวหน้าของพวกเรา ออสการ์ ก็น่าจะกลับมาในเร็วๆนี้นะคะ แต่ว่า…」นักเวทย์คนนั้นพูดขึ้น

 

「แต่ว่า?」

 

「…คือตอนนี้มันค่อนข้างเอะอะกันนิดหน่อยค่ะ」

 

สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง ถึงแม้จะยังคงเป็นเวลาตอนเช้าอยู่ แต่เสียงที่ได้ยินจากภายในกิลด์ดังออกมาจนถึงถนนหลักเลย

 

มิมิโนะเข้าใจในทันทีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

 

การไว้อาลัย

 

ความตายของสหายนักพจญภัย ผู้คนที่มักจะเคียงคู่กับความตายอยู่แล้วนั้น เป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้บ่อยมาก

 

พวกเขาไม่อาจปล่อยให้ตัวเองยืนหยัดได้ทุกๆครั้งที่มันเกิดขึ้น ดังนั้น พวกเขาเลยกระทำการไว้อาลัยภายในวั้นนั้นเลย พวกเขาจะดื่มแอลกอฮอล์แก้วต่อแก้วและพูดคุยกันถึงพวกพ้องที่จากไป แล้วในวันถัดไป พวกเขาก็จะเดินหน้าต่อไปอีกครั้ง

 

ถึงจะพูดอย่างนั้น ปกติกิลด์นักพจญภัยมักจะไม่ใช่สถานที่สำหรับดื่มกันหรอก กิลด์จะทำแบบนี้ก็ต่อเมื่อมีการฉลองความสำเร็จขนาดใหญ่หรือการไว้อาลัยแด่การสูญเสียครั้งสำคัญเท่านั้น

 

การต่อสู้เมื่อวานนั้นทำให้เกิดการสูญเสียเป็นจำนวณมาก ดังนั้นการดื่มในกิลด์ก็ค่อนข้างที่จะกระด้างกระเดือกกันนิดหน่อย มิมิโนะคิดแบบนั้น ถึงจะคิดแบบนั้น แต่กิลด์ได้ส่งกลิ่นเหม็นของเหล้าและส่งเสียงเอะอะวุ่นวายกันมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

 

「โล่ใหญ่สีเงินได้มาถึงแล้วค่ะ」นักเวทย์คนนั้นประกาศออกไปขณะที่เดินเข้ามาในกิลด์

 

「—โอ้ววววววววววว!!!!!」

 

มีเสียงเชียร์ดังกระหึ่มขึ้น

 

「ร่างกายของนายเป็นยังไงมั้ง?」

 

「ข้าคงตายไปแล้วถ้าไม่มีนายนะ โล่ใหญ่」

 

「เพื่อการมาถึงของวีรบุรุษ ข้าจะดื่มอีกแก้วนึง!」

 

「เจ้าบ้า นายก็ขออีกแก้วมาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมาแล้วนะ!」

 

มีชายเหม็นเหล้า 4 คนที่ยังคงสกปรกและบาดเจ็บจากการต่อสู่เมื่อวาน เดินเข้ามาล้อมรอบดันเต้ก่อนจะพาตัวเขาไป

 

「อ่าห์ แผลไฟไหม้ของเขายังไม่หายดีนะ ดังนั้นอย่าไปบังคับเขาดื่มละ」

 

เมื่อมิมิโนะตะโกนบอกออกไปแบบนั้น พวกผู้ชายเหล่านั้นก็ตอบกลับมาว่า “โอ้!”

 

ออสการ์ไม่ได้อยู่ในกิลด์ ดังนั้นพวกเขาเลยต้องอยู่รอจนกว่าเขาจะกลับมา

 

ให้ตายซิ! พวกนั้นเมากันเรียบร้อยแล้ว – มิมิโนะคิดแบบนั้น ทว่าในทางกลับกัน เธอก็รับรู้ได้ถึงพลังใจบางอย่างของพวกเขาที่เหมือนกับช่วยให้ยิ้มแย้มออกมาได้

 

รอยแผลจากการต่อสู้กันกับมังกร และลูกหลงจากการโจมตีของคริสต้านั้นฝังลึกขนาดที่ว่า ถ้าพวกเขาไม่ฝืนตัวเองให้ยิ้มละก็ หัวใจของพวกเขาต้องถูกบดขยี้ไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกเลยละ

 

「มากันสักทีนะ ซิวเวอร์บาลานซ์」

 

「โจเซฟซัง」

 

หลังจากที่เมื่อวานมังกรได้ถูกกำจัดลงไปแล้ว โจเซฟได้วิ่งไปรอบๆเพื่อช่วยคนที่บาดเจ็บ นั่นเป็นเวลาที่มิมิโนะกับโจเซฟได้พบกันอีกครั้ง พวกเขานั้นรู้จักกันมาก่อนแล้วตั้งแต่ตอนที่มิมิโนะได้เข้าร่วมภารกิจกำจัดฝูงก็อบลินในฐานะสมาชิกปาร์ตี้ของดันเต้

 

มิมิโนะสังเกตถึงดวงตาอันแดงก่ำของโจเซฟ เธอคิดว่าเขาที่ใช้เมืองแห่งนี้เป็นบ้านของเขา คงจะสูญเสียคนรู้จักไปหลายคนเลย

 

「…ชั้นดีใจนะที่เมืองนี้ปลอดภัย」

 

「อืม… ข้ากำลังคิดที่จะบอกลาความขมขื่นนี้ด้วยการดื่มเป็นแก้วสุดท้าย แต่เมื่อข้าได้เห็นโล่ใหญ่ ข้าก็รู้สึกอยากจะดื่มต่อละนะ」

 

「ขอโทษนะคะ แต่ว่าเขายังไม่หายดี…」

 

「อ่าห์ ใช่ เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว ข้าไม่บังคับให้วีรบุรุษผู้ปกป้องพวกพ้องต่องดื่มหรอก」

 

โจเซฟแน่ะนำให้ไปนั่งที่โต๊ะที่ห่างจากฝูงชน

 

「โจเซฟซัง จริงๆแล้ว ชั้นอยากจะถามเรื่อง–」

 

「อา รอเดี๋ยวก่อนนะ ข้าเองก็มีบางอย่างจะต้องบอกเธอก่อน」

 

บางอย่างที่ต้องบอก? เรื่องอะไรกันที่โจเซฟซังอยากจะบอกชั้นกัน? …มิมิโนะได้แต่สงสัย

 

「จริงๆแล้ว รางวัลได้ถูกจ่ายให้กับซิวเวอร์บาลานซ์แล้ว」

 

「สำหรับการกำจัดมังกรงั้นหรอคะ?」

 

「ใช่ เกล็ดเกือบทั้งหมดนั้นเสียหาย แต่ตั้งแต่แรก มังกรก็ตัวใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีเกล็ดอยู่เป็นจำนวณมากพอที่จะสามารถขายเป็นวัตถุดิบได้ นอกจากนั้น เขี้ยวกับลูกตาก็ยังอยู่ในสภาพดี เนื้อและเครื่องในจำนาณมากที่สามารถทำเป็นยาระดับสูงได้ก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่ รางวัลได้ถูกแจกจ่ายให้กับนักพจญภัยที่เข้าร่วมการต่อสู้กับญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต ทว่าปาร์ตี้ของพวกเธอจะได้รับรางวัลมากที่สุดจากงานครั้งนี้ ข้าคิดว่ามันคงอยู่ที่ประมาณหลายร้อยเหรียญทองสหพันธรัฐละมั้ง」

 

เงินจำนวณนั้นคงจะทำให้เรย์จิตาถลนและพูดออกมาว่า “สิบล้านเยน?!”

 

「มะ-มากขนาดนั้นเลยหรือคะ?」

 

「พวกเธอไม่ได้ถูกปฏิบัติเป็นพิเศษหรืออะไรแบบนั้นหรอก ดังนั้นอย่าลังเลที่จะรับมันเอาไว้เลย ถึงรองหัวหน้ากิลด์จะเป็นพวกสมองน้อยระยำตำบอน แต่เมื่อเป็นเรื่องการต่อรองแล้วละก็ ดูเหมือนแทบจะไม่มีใครที่เหนือกว่าเขาเลย เขาได้ขูดรีดเงินออกมาเป็นจำนวณมากจากดยุค เอาเถอะ พวกทหารก็ไร้ประโยชน์จริงๆละนะ แถมนักพจญภัยระดับมิธริล คริสต้า-ลา-คริสต้า ก็แลกการโจมตีกับมังกรจนตายไปด้วย ดังนั้น กิลด์จึงเป็นผู้ที่เสียหายที่สุด มันก็ปกติละนะที่จะต้องได้รับค่าชดเชยหน่ะ」

 

「………」

 

「เป็นอะไรไป? ได้เงินไปตั้งเยอะแต่กลับทำหน้าแบบนั้น」

 

「ไม่คือ… ชั้นทำอะไรไม่ได้เลยในตอนนั้น」

 

「…ไม่ใช่ว่าเธอมาในตอนสุดท้ายงั้นรึ? หนึ่งในพวกพ้องของเธอตายใช่ไหม? คงจะเจ็บปวดมากเลยสินะ」

 

「อืมม เกิดอะไรขึ้นในตอนที่กำจัดมังกรกันคะ? ชั้นเห็นอะไรบางอย่างเหมือนกับดาบสีดำฟันไปที่คอของมังกร」

 

「เกี่ยวกับเรื่องนั้น…」

 

โจเซฟยื่นหน้าเข้ามาใกล้และลดเสียงของเขาลง

 

「ตั้งแต่ตอนเช้าล พวกทหารกำลังตามหาเด็กคนนั้นที่อยู่กับพวกเธอ」

 

มิมิโนะพยักหน้าและบอกเขาไปว่าเรย์จิได้จากไปแล้ว ตอนนี้พวกเขาก็กำลังออกตามหาเขาอยู่เช่นกัน

 

「เด็กนั่นไปทำอะไรไว้กัน? ตั้งแต่แรก ข้าก็รู้ว่าเด็กคนนั้นมีบางอย่างเก็บซ่อนไว้จากท่าทางของเขาแล้ว… โทษทีนะ มันเป็นที่เธอก็คงจะตอบไม่ได้สินะ」

 

「ค่ะ แต่ว่าเรย์จิคุงก็ยังคงเป็นสหายของพวกเราค่ะ」มิมิโนะพูดออกมาอย่างชัดเจน โดยค่อนข้างเน้นไปที่คำว่า “สหาย”

 

ขนาดที่ตัวโจเซฟเองก็คิดแบบนั้น สำหรับเด็กตัวเล็กๆ การฟันที่เรย์จิเคยแสดงให้ดูในลานฝึกซ้อมครั้งนั้นรวมถึงการเคลื่อนไหวในตอนที่เพชิญหน้ากับมังกร ทั้งหมดนั้นสูสีพอๆกันกับนักพจญภัยแนวหน้าเลย

 

「—เจ้าเด็กนั่นไม่เป็นอะไรหรอก」

 

มีเสียงดังขึ้นเหนือหัวพวกเขาที่นั่งอยู่

 

เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ พวกเขาก็ได้พบเข้ากับรอยยิ้มที่ดูน่าสงสัย

 

「ออสการ์? นายไปอยู่ไหนมา?」

 

「อะ-อีกอย่างนึงที่สำคัญนะคะ ออสการ์ซัง! คุณรู้ใช่ไหมคะว่าตอนนี้เรย์จิคุงอยู่ที่ไหน?!」

 

「ใช่ หมอนั่นออกไปจากเมืองนี้แล้ว เขาหนีไปได้ในนาทีสุดท้ายพอดี」

 

「นายเป็นคนพาเขาออกไปงั้นรึ?」

 

ดันเต้ถามขึ้นมาจากด้านหลังของออสการ์ บางทีเขาคงมาหลังจากที่รับรู้ได้ว่าออสการ์ได้เข้ามาในกิลด์แล้ว

 

「…ใช่แล้วละ การคืนหนี้มันเป็นสไตล์ของข้านี่นา」

 

「ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะ」

 

ดันเต้ซังก้มหัวลง และมิมิโนะก็ได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเธอ

 

「นี่ ดันเต้!? ไปขอบคุณเขาทำไมกัน!? พวกเรากำลังตามหาเรย์จิคุงอยู่นะ และ–」

 

「มิมิโนะ เสียงดังเกินไปแล้ว」

 

ดันเต้ส่งสัญญาณให้มิมิโนะด้วยสายตาถึงทหารที่กำลังดูสถานการณ์ภายในกิลด์อยู่ตรงถนนหลัก

 

เรย์จิกำลังถูกตามล่าตัวโดยพวกทหาร — ความจริงข้อนั้นส่งผลให้มิมิโนะค่อยๆหน้าซีดขึ้นเรื่อยๆ

 

「ตะ-แต่ว่า ก็ยัง…」

 

「เรย์จิรู้ว่าตัวเขากำลังโดนตามล่า และอยากที่จะออกไปจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุด ใช่ไหมละ ออสการ์?」

 

「ใช่ เด็กนั่นฉลาดมากกว่าอายุของเขา จริงๆแล้วก็ค่อนข้างน่าสะพรึงกลัวเลยละ」

 

「เรย์จิอาจจะฉลาดกว่าที่พวกเราคิดก็ได้ ถ้าเขาหนีออกจากเมืองไปในทันที แสดงว่าต้องมีเหตุผลบางอย่างอยู่」

 

「แต่ว่า…」

 

「มิมิโนะ มันเป็นความรับผิดชอบของชั้นเอง」

 

มิมิโนะพูดอะไรไม่ออกไปซักพัก

 

ดันเต้ดูเจ็บปวดมากกว่าที่เขาเคยเป็นมาก่อน

 

「บางทีเรย์จิเองก็อยากจะบอกทุกอย่างกับพวกเรา ถ้าเขาบอกกับพวกเราละก็ พวกเราก็คงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาด้วยทุกอย่างที่เรามี」

 

「แน่นอนอยู่แล้ว」

 

「แต่ ตัวข้ามีแผลไฟไหม้ ดังนั้นเรย์จิเลยไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ถ้าข้าเป็นเขาละก็ ข้าก็คงจะทำแบบเดียวกันนี้ ยังไงซะ สภาพของตัวข้าในตอนนี้ก็ไม่สามารถเดินทางได้ไกลนักหรอก」

 

「นั่นมันก็แค่…」

 

「มันคือความจริง มิมิโนะ เขาจากไปคนเดียวก็เพราะข้า」

 

ดันเต้ซังดูเหนื่อยมากจากเพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ เขาได้ค้ำตัวเขากับเก้าอี้เอาไว้

 

「แต่ก็อย่างที่เธอเห็น มิมิโนะ ข้ายังไม่ยอมแพ้หรอกนะ」

 

ลองคิดย้อนกลับไป นี่คงเป็นครั้งแรกที่ดันเต้พูดออกมาเยอะขนาดนี้ มิมิโนะคิดแบบนั้น

 

นั่นคงเป็นความกังวลทั้งหมดที่เขามีถึงเรย์จิ

 

ดันเต้มองไปที่ออสการ์อย่างตั้งใจ

 

「ถ้าเขาออกไปจากเมืองด้วยคำแน่ะนำของออสการ์ละก็ พวกเรายังสามารถเดาที่ที่เรย์จิกำลังไปได้」

 

「ข้าบอกกับเด็กนั่นไปว่าให้ห่างจากราชอาณาจักรอัศวินนักบุญ มันง่ายกว่าที่จะเดินทางภายในสหพันธรัฐ ดังนั้นข้าจึงแน่ะนำเขาไปแบบนั้น」

 

「ดีแล้ว แทนที่จะหาตัวในเมืองอันกว้างใหญ่แห่งนี้ เรามีโอกาศจะตามเขาทันบนถนนหลักหลังจากที่ข้าหายดีแล้วมากกว่า」

 

「ดะ-เดี๋ยวก่อนสิ ดันเต้ ตอนนี้นายหายดีแล้ว นายต้องพาน็อนกลับไปที่โบสถ์และ…」

 

เมื่อมิมิโนะลังเลที่จะพูด ดันเต้ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย

 

「น็อนจะเดินทางไปกับพวกเราอีกซักพัก โบสถ์เองก็รู้ว่าคำสาปมันไม่ได้รักษากันได้ง่ายๆอยู่แล้ว」

 

「เอ๊ะ!? จะโกงพวกโบสถ์งั้นหรอ!?」

 

「ดะ-เดี๋ยวก่อนนะ โล่ใหญ่ คำสาปหายดีแล้วรึ…?!」

 

「ดูสิ」

 

ดันเต้แสดงแขนซ้ายให้กับโจเซฟดู

 

「อะไรกัน? ได้ยังไงกันเนี้ย?!」

 

「เรย์จิรักษาข้า เด็กคนนั้นรู้ถึงยารักษาที่พวกเราไม่รู้จัก ตอนแรกข้าก็สงสัยว่าที่เรย์จิกำลังถูกตามล่าตัวนั้นเป็นเพราะว่าเขามีของต้องห้ามอยู่กับตัว แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างงั้น นั่นหมายความว่า เรื่องที่เขาเป็นทาสหลบหนีต่างหากที่เป็นเหตุผลหลัก」

 

ไม่ว่าจะเป็นโจเซฟหรือออสการ์ต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา การไม่ปฏิเสธนั้นหมายความว่าพวกเขาเองก็กำลังคิดแบบเดียวกัน

 

จากนั้นดันเต้ก็หันไปหามิมิโนะ

 

「มิมิโนะ ข้าถูกช่วยเอาไว้โดยเรย์จิ เหมือนกับที่ข้าถูกช่วยเอาไว้โดยเธอ」

 

「…ถูกชั้นช่วยเอาไว้?」

 

「ใช่แล้ว เธอไม่ได้ทอดทิ้งข้าไปในตอนที่ข้ากำลังคิดว่าจะตายจากคำสาป เธอมากับข้าจนถึงที่นี่ด้วยกันกับน็อน」

 

「แต่เรย์จิคุงต่างหากที่เป็นคนช่วยนายเอาไว้—」

 

「และก็เป็นเธอเองที่ช่วยเรย์จิเอาไว้ ดังนั้นที่ข้ายังมีชีวิตอยู่มาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะว่าเธออยู่ที่นี่ ข้าสามารถที่จะใช้ชีวิตโดยที่มองไปยังอนาคตได้อีกครั้ง」

 

「……เข้าใจแล้ว」

 

「งั้น เธอบอกข้ามาสิว่าต้องการอะไร การให้โบสถ์รอกันไปอีกสักหน่อยมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอก ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อสนับสนุนเธอเอง」

 

คำพูดเหล่านั้นทำให้อารมณ์ในจิตใจของเธอสั่นไหว

 

เธอรู้สึกภูมิใจจริงๆที่ได้อยู่ปาร์ตี้เดียวกับดันเต้

 

「ดันเต้ ชั้นอยากจะตามเรย์จิคุงไป ตัวชั้นไม่อยากจะพูดคำจากลา ถ้าเรย์จิคุงเป็นทาสละก็ ชั้นก็อยากที่จะซื้อตัวเขากลับมาให้ได้!」

 

และดันเต้ก็พยักหน้ารับทันที

 

「ข้าได้ยินความรู้สึกของเธออย่างชัดเจนแล้ว ตามเรย์จิไปกันเถอะ」

 

「อื้ม!」

 

จากพวกเขาทั้งคู่ เรย์จินั้นเป็นสมาชิกของปาร์ตี้อย่างเต็มตัวแล้ว หลังจากที่พบกันเพียงไม่กี่วัน เขาก็ได้นำตัวเองเข้าต่อสู้กับมังกร, ช่วยชีวิตมิมิโนะ, และรักษาคำสาปของดันเต้

 

(พวกเรารู้สึกติดหนี้ที่ไม่อาจตอบแทนเธอได้นะ เรย์จิคุง)

 

เป็นเรื่องน่าแปลก ที่พวกเขาคิดแบบเดียวกันกับที่เรย์จิคิดเลย

 

พวกเขาทั้งคู่ต่างกล่าวอำลาไรเครียที่หลุ่มศพของเขา อัฐิของเขาถูกฝังไว้ในสุสานส่วนกลางของนักพจญภัย

 

การอำลาในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่

 

ในวันนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับการปรากฏตัวของมังกรและการกำจัดมันนั้นถูกส่งไปยังทุกประเทศผ่านเวทย์สื่อสารระยะไกล รวมถึงเรื่องการเสียชีวิตของนักพจญภัยนามคริสต้า-ลา-คริสต้าอีกด้วย

 

ตามรายงานได้ระบุเอาไว้ว่า คริสต้าได้สังหารมังกรโดยการเอาตัวเข้าแลก ทว่ามีเพียงแค่ดยุคคนใหม่ แดเนียล อเคนบาค และผู้ปกครองแห่งสหพันธรัฐ ราชา เกฟเฟริด เท่านั้นที่ล่วงรู้ถึงความจริง

 

—ว่า【ราชันแห่งเงา★★★★★★】นั้น เป็นสกิลที่สามารถสังหารได้แม้กระทั่งมังกรด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

 

พวกเขาค้นหาตัวทาสหลบหนีนามว่า ลาร์ค อย่างสิ้นหวัง อย่างไรก็ตาม ที่อยู่ของตัวเธอนั้นยังคงเป็นปริศนา รวมถึงทาสอีกคน “ไร้นาม” ก็ได้หายตัวเข้ากลีบเมฆไปจากเมือง

 

ปาร์ตี้นักพจญภัยซิวเวอร์บาลานซ์นั้นใช้เวลาถึง 3 วันในการรักษาแผลของดันเต้ ทว่า พวกเขาก็ได้เริ่มการเดินทางครั้งใหม่โดยมีเป้าหมายเป็นการตามหาพวกพ้องของพวกเขา

 

และแล้ว — เวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านไปถึง 4 ปี

 

================================================================

TL: จบกันไปแล้วนะครับสำหรับบทที่ 1 ถ้าชอบก็อย่าลืมติดตามกันได้ที่เพจ “แปลแล้วนอนได้” ด้วยนะครับ ?

 

 

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

Options

not work with dark mode
Reset