บทที่ 2 ตอนที่ 5
「ข้อที่ 3 ก็คือการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ 2 ข้อที่ผมขอเอาไว้พร้อมกับตอบคำถามผมมาอย่างซื่อสัตย์ครับ รวมถึงจะใช้เวทย์พันธสัญญาในการทำข้อตกลงครั้งนี้ด้วยครับ」
ผมคิดว่านี้แหล่ะเป็นข้อที่ท้าทายที่สุด
เวทย์พันธสัญญาก็คือเวทย์ที่ผมเคยโดนตอนเป็นทาสขุดเหมือง
ถ้ามีการยินยอมของทั้งสองฝ่าย เวทมนตร์นี้จะสามารถทำได้หลากหลายอย่างเลย ทาสขุดเหมืองนั้นแค่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ดูดซับหินสกิลก็จริง แต่ปกติแล้วมันสามารถใช้สำหรับขัดขวางการใช้งานสกิลได้อีกด้วย
ชายคนนี้ที่มีตำแหน่งเป็นถึงขุนนางจะยอมรับเงื่อนไขี้ไหมนะ? เงื่อนไขจากผมเป็นเพียงแค่สามัญชน แถมเผลอๆยังต่ำกว่านั้นอีก
ผมเริ่มถูข้อมือซ้ายของผมอย่างไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่ารอยสักจะหายไปนานแล้วก็เถอะ
รอยสักมันได้จางหายไปจากการใช้จิงจูฉ่ายถูมันอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็ใช้เวลาไปประมาณ 1 ปีจนมันหายไปอย่างหมดจด
「เข้าใจแล้ว ข้ารับเงื่อนไขนี้!」
「มันจะดีจริงๆหรอครับ?」
「ข้าไม่ใส่ใจหรอก ตั้งเงื่อนไขเอาเป็นว่าถ้าข้าฝ่าฝืนสัญญา ข้าจะสูญเสียอิสระและบอกเจ้าถึงวิธีปลดล็อคตู้นิรภัยลับของข้าละกัน」
「มะ-ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ…」
「ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าข้ารู้สึกเหมือนกับตายไปแล้วครั้งหนึ่งไง ใช่ไหมละ? ยิ่งไปกว่านั้น ใช้เวทย์พันธสัญญาไปก็ไร้ความหมายถ้าเจ้าไม่ทำถึงขั้นนั้น เรย์จิซัง เงื่อนไขของเจ้าหน่ะมันอ่อนโยนเกินไปเมื่อเทียบกับข้อขอคุ้มกันจากข้านะ」
「…เข้าใจแล้วครับ」
「และยังมีเงื่อนไขที่สำคัญมากกว่านี้หายไปอยู่นะ」
「อะไรงั้นหรอครับ?」
ท่านเอิร์ลถอนหายใจออกมา「เงินเดือนไง」เขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าผิดหวัง
「โอ๊ะ ใช่แล้วครับ」
ปกตินั่นมันคือเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดเลยไม่ใช่หรอ… งั้นมาลองเรียกเงินเดือนสูงๆเลยดีกว่า
「งั้นเอาเป็น 2 เหรียญทองต่อเดือน รวมถึงทั้งอาหาร,เสื้อผ้า,และที่อยู่ละกันครับ」
2 เหรียญทองก็ประมาณ 400,000 เยน เงินจำนวนนี้โดยที่มีทั้งอาหาร, เสื้อผ้า, และที่อยู่อาศัยฟรีนั้นนับเป็นเงินเดือนที่ฟุ่มเฟือยมากไปจริงๆ
ฟุฟุ แปลกใจหรือปล่าวครับ ท่านเอิร์ล?
ท่านเอิร์ลถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
เอ๊ะ? นี่เขาเอามือก่ายหน้าผากตัวเองยังงั้นหรอ?
「เป็นเรื่องปกติที่พวกเราจะต้องเตรียมอาหาร,เสื้อผ้า,และห้องให้ที่นี่ ส่วนเงินเดือนของเจ้าจะเป็น 3 เหรียญทองศักดิ์สิทธิ์ต่อปี แล้วจะทยอยจ่ายเป็นเดือนๆไป」
「……ว่ายังไงนะครับ?」
เดี๋ยวก่อนนะ 1 เหรียญทองศักดิ์สิทธิ์มันก็ประมาณ… 25 เหรียญทอง ใช่ไหม?
ทั้งหมด 3 เหรียญ นั่นก็หมายความว่าเงินเดือนของผมเท่ากับ… 15 ล้านเยน?!!!
「ทำเป็นสัญญาจ้างวานรายปีแล้วค่อยมาดูกันอีกทีว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ในทุกๆปีละกัน แล้วก็เนื่องจากเจ้าจะมาเป็นคนคุ้มกันให้กับลูกสาวของข้า เจ้าก็จำเป็นจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดและมารยาททางสังคมของขุนนางอย่างน้อยๆก็ประมาณขั้นต่ำอีกด้วย」
「คะ-ครับ…」
「เจ้าสามารถอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะติดต่อกับภาคีอัศวินศักดิ์สิทธิ์ให้เอง」
「คะ-ครับ…」
ทุกอย่างถูกตัดสินไปแล้วในขณะที่ผมยังไม่หายจากอาการช็อคเลย
งั้น นี้ก็คือวิธีการต่อลองของพวกขุนนางหรอเนี้ย!
เพราะแบบนี้ ผมเลยถูกจ้างวานในฐานะ “คนคุ้มกัน” ของคุณหนู
ผมตกใจมากในตอนที่ผมได้พบกับคุณหนูเป็นครั้งแรก มีใครที่สวยงามขนาดนี้อยู่บนโลกใบนี้ด้วยงั้นหรอ ราวกับสิ่งมีชีวิตสุดน่ารักที่เกิดจากสภาพแวดล้อมสุดหรูหราของขุนนาง ราวกับสตรอเบอร์รี่สีแดงสดที่พึ่งเด็ดออกมาใหม่ๆจากสวนที่มีการดูแลอย่างดีแบบที่ไม่มีที่ไหนมาก่อน
โดยที่ไม่รู้ถึงอาการช็อคของผม คุณหนูก็เริ่มขออะไรที่สมกับเป็นลูกสาวของชนชั้นสูงออกมา
「นายแข็งแกร่งหรือปล่าว เรย์จิ?」
คำแรกที่ออกมาจากปากของผมหลังจากที่แนะนำตัวเสร็จแล้วก็คือ「งั้นๆครับ」
「งั้น ลองสู้กับอัศวินของท่านพ่อให้ดูหน่อยสิ!」
จากนั้นผมก็ตามด้วย – 「ผมต้องขอปฏิเสธครับ」,「ผมทำแบบนั้นไม่ได้ครับ」,「ผมขอปฏิเสธครับ」,「ผมไม่อยากทำครับ」,「ไม่ครับ」,「ยังไงก็ไม่ครับ」ผมปฏิเสธเธอแบบนั้นตามลำดับ ทว่าคุณหนูก็ยังไม่ยอมฟัง แถมตอนที่เหล่าอัศวินเองก็เริ่มสนใจขึ้นมา – จากอัศวินบางคนก็พูดถึงเรื่องของผมในคืนนั้น – ผมเลยจำใจต้องรับคำท้าที่สวนของท่านเอิร์ล
พื้นที่นี้ถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงสูง ดังนั้นจึงไม่มีทางมองเข้ามาจากภายนอกได้ ยกเว้นว่าจะปีนขึ้นไปบนหลังคาของอาคาร 3 ชั้นหรือสูงกว่านั้น – ที่สูงกว่ากำแพง – ถึงจะมองเข้ามาข้างในนี้ได้
ผมเจอเงาน่าสงสัยอยู่บนหลังคาของอาคารที่อยู่ห่างออกไปด้วย – ผมทำการรายงานเรื่องตำแหน่งของอาคารนั้นในภายหลัง – และด้วยคำอนุญาตจากท่านเอิร์ล ผมจึงจุดไฟขึ้นที่ 4 มุมของสวนแล้วใช้【เวทย์ลม】สร้างม่านควันขึ้นมาบังพื้นที่เอาไว้
ภายในสวนนั้นมีสนามหญ้าที่ถูกตัดให้เท่าๆกันอย่างสวยงาม โต๊ะกับเก้าอี้ถูกนำออกไปโดยเหลือเอาไว้เพียงแค่ชุดเดียว และแทนที่กันนั้นก็มีเหล่าอัศวินเข้ามาในสวนเรื่อยๆ
เหล่าคนรับใช้เองต่างก็ออกมาดูด้วย ผลก็คือมีผู้คนจำนวนมากมายที่มามุงดูเหตุการณ์ในครั้งนี้
「ทุกคน รับชมอย่างระมัดระวังละ」
ทำไมท่านเอิร์ลถึงมานั่งจิบชากับลูกสาวของเขาที่โต๊ะที่เหลืออยู่ละ?
「ข้ามีนามว่า แม็กซิม ดูปองท์(Maxim Dupont) หัวหน้ากองทหารแห่งตระกูลซิวลิซส์!」
ชายที่มีคิ้วหนาๆกับผมดัดก็ได้แนะนำตัวขึ้น
ประชาชนคนธรรมดานั้นมักจะไม่มีชื่อตระกูล ทว่าบางส่วนที่ถูกยอมรับโดยเหล่าขุนนางก็จะสามารถมีชื่อตระกูลได้… ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ ที่ผมใช้คำว่าดูเหมือนนั่นก็เพราะว่าผมได้ยินมาจากเซอรี่ซังที่ไม่ค่อยสนใจในเรื่องแบบนี้นะสิ ดังนั้นข้อมูลของเธอก็เลยไม่ค่อยน่าเชื่อถือซะเท่าไหร่
แม็กซิมซังเป็นคนที่มีกล้ามล่ำบึกอายุประมาณ 30 ต้นๆ เขาดูจะกังวลถึงเส้นผมที่บางๆของเขา เขาสวมใส่อุปกรณ์ของอัศวินทั่วๆไป – นั่นก็คือเกราะโลหะกับเสื้อคลุม – พร้อมกับถือดาบขนาดใหญ่
ในทางกลับกัน ผมสวมใส่ชุดสูทสีดำและเน็คไทสีแดงสดที่ถูกเตรียมเอาไว้โดยตระกูลของท่านเอิร์ล เข็มกลัดที่ติดไว้นั้นสลักเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวและดาบ 2 เล่ม; สัญลักษณ์ของตระกูลท่านเอิร์ล
「ผมเรย์จิ ยินดีที่ได้รู้จักครับ」
「…นายจะสู้ด้วยชุดเบาๆแบบนั้นหน่ะหรอ?」
「แบบนี้ผมเคลื่อนไหวได้ง่ายกว่าครับ」
「ถ้านายพูดแบบนั้นเองละก็นะ」
ที่ผมประทับใจในตัวของแม็กซิมซังเลยก็คือเรื่องที่เขาเตรียมพร้อมและระมัดระวังผมอย่างเต็มที่ทั้งๆที่ผมเป็นแค่เด็กอายุ 13 ปีแท้ๆ
「เริ่มได้」ท่านเอิร์ลได้ให้สัญญาณเริ่มการต่อสู้
แม็กซิมซังพุ่งเข้ามาหาผมพร้อมกับเสียงคำราม
ช้ามาก ตั้งแต่พุ่งเข้ามาในระยะของศัตรูไปจนถึงตอนที่เหวี่ยงดาบใหญ่ของเขา มันค่อนข้างช้ากว่าของดันเต้ซังในตอนที่ยังมีคำสาปอยู่มาก พอมาคิดแบบนี้แล้ว ดันเต้ซังนี้สุดยอดจริงๆเลยนะ
「ว้าว สุดยอด」
ผมหลบมันในนาทีสุดท้าย ผมสงสัยจังว่าผมจะจบเรื่องนี้ได้โดยที่ไม่ทำตัวเด่นได้ไหม ทว่าเมื่อมองไปทางโต๊ะ ท่านเอิร์ลก็ส่งสายตามาทางผมราวกับบอกว่า “เอาจริงได้แล้ว!” ลอร์ดเลือดเย็นนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ พอมองไปทางคุณหนูก็เห็นว่าเธอกำลังกังวลพร้อมกับกำผ้าเช็ดหน้าของเธอแน่น ไม่ใช่ว่าเธอ…
「ท่านพ่อคะ หนูขอโทษ หยุดการต่อสู้นี้เถอะค่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรย์จิอาจจะตายได้นะคะ」
「ไม่เป็นไรหรอก เอวา ดูดีๆสิ เดี๋ยวมันก็จบลงใน 5 วินาทีแล้ว 5, 4…」
หมายความว่าให้ “จบภายใน 5 วินาที” สินะ เข้าใจแล้ว
「3」
แม็กซิมซังเหวี่ยงดาบลงมาพร้อมกับปลดปล่อยพลังมหาศาล ผมหลบมันโดยการเคลื่อนตัวไปข้างๆจนดาบนั้นได้ปักลงบนพื้น ตอนนั้นก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา 2 เสียง เสียงแรกก็คือเสียงของเหล่าเมด และอีกเสียงนึงก็คือเสียงของคนสวนที่ดูแลสนามหญ้าแห่งนี้
「2」
「ขออภัยนะครับ」
ผมกระโดดเข้าใส่อกของแม็กซิมซัง
แม็กซิมซังก็รีบปล่อยดาบของเขาทันที ก่อนจะปล่อยหมัดที่สวมถุงมือหุ้มแขนมาทางผม
「1」
ผมรับหมัดนั้นด้วยมือทั้งสองข้าง
…พลังอะไรกันเนี้ย
ร่างของผมกระเด็นออกไปในแนวนอนราวกลับตุ๊กตาที่ถูกขว้างข้ามสนาม คุณหนูกรีดร้องออกมาด้วยอาการช็อค ทว่าผมก็ทำการลงจอดได้อย่างสวยงามด้วยการหมุนตัว
「อูย… นิ้วชาเลยแห่ะ」
「………」
แม็กซิมซังมองมาที่ผมอย่างว่างเปล่า ทว่าหลังจากนั้น เขาก็ล้มลงไปข้างๆและแน่นิ่งไม่ไหวติงใดๆ