บทที่ 2 ตอนที่ 6
「นายเป็นผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ที่น่ากลัวจริงๆ ข้ามั่นใจว่าตอนที่นายอายุน้อยกว่านี่ คงต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักแน่นอนเลยละ」แม็กซิมพูดแบบนั้นออกมาหลังจากที่ลุกขึ้นมาแล้ว ส่วนทางเหล่าอัศวินทั้งหลาย ถึงพวกเขาจะยังไม่พอใจ แต่ก็ไม่มาวิพากษ์วิจารณ์ผมอย่างเปิดเผยอีกแล้ว
「ถ้าคนคุ้มกันคนนั้นใช้งาน【เวทย์ความมืด】ได้เร็วขนาดนั้นได้ละก็ เขาต้องมีไม่【ควบคุมมานา】ก็【เสริมความเข้ากันได้กับเวทมนตร์】แน่ๆเลย」
「และเขายังสร้างม่านควันได้ด้วย【เวทย์ลม】ใช่ไหม?」
「ข้าได้ยินมาว่าเขาใช้【เวทย์ดิน】ในตอนที่ช่วยท่านเอิร์ลอีกด้วยนะ」
「งั้น เขาหลบการโจมตีของแม็กซิมซังได้ยังไงกัน? ช่องสกิลมันมีไม่พอหรอกนะแบบนั้น」
เหล่าอัศวินบางคนกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่ที่มุมๆหนึ่ง
พวกเขาคงจะสงสัยเพราะผมใช้เวทมนตร์หลากหลายแบบเกินไปสินะ… น่ารำคาญจริงๆ
เพิ่มเติมเล็กน้อย จริงๆต้องขอบคุณไรเครียซังที่ทำให้การเคลื่อนไหวทางร่างกายของผมดีขึ้น เพราะผมได้ยินเรื่องสกิลของเขามาจากเซอรี่ซัง
「หัวหน้าหนุ่มเขาได้รับสกิลสุดยอดหายากมาจากหัวหน้ากองทหารรับจ้างของเราหน่ะ มันคือสกิล【เสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย★★★】มันจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายเลย… ชั้นละสงสัยจังว่าหัวหน้าไปเอามันมาจากไหนกันแน่นะ…」
การเคลื่อนไหวของไรเครียซังนั้นไม่ได้มากจากสกิลที่เสริมพลังส่วนใดเพียงส่วนเดียว แต่เป็นสกิลที่เสริมพลังทุกส่วนเลยต่างหาก มันเหมือนกับ【เวทมนตร์ 4 ธาตุ】เลย ในจังหวะที่ผมรู้ถึงเรื่องนี้【World Ruler】ก็ได้เรียนรู้สกิลนี้ทันที
เพราะแบบนั้น การเคลื่อนไหวของผมก็เลยยกระดับขึ้นไปหลายขั้นเลย
ผมถูกไรเครียซังช่วยเอาไว้อีกแล้ว มันเหมือนกับเป็น “ของดูต่างหน้า” จากเขา
「เรย์จิ!」
การประลองในครั้งนี้ส่งผลต่อคุณหนูอย่างมาก
เธอเข้ามาเกาะติดผมมากขึ้นแล้วขอให้ผมอยู่ข้างกายของเธอ ตอนแรกผมก็สงสัยว่าอะไรกันที่ทำให้เธอมาเกาะติดผมแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่าเธอคงจะไม่เลิกทำแบบนี้ในเร็ววันนี้แน่นอนเลย
ไม่มีเด็กที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่รอบๆตัวคุณหนูเลย
ที่นี่ไม่มีโรงเรียนและปกติขุนนางก็จะจ้างครูส่วนตัวมาสอนที่บ้าน คุณครูเหล่านี้ก็มักจะมาจากข้าราชการที่เกษียณอายุแล้วหรือเหล่าขุนนางด้วยกันเอง ดังนั้นมันจึงหมายความว่ามีเพียงแค่คนสูงอายุมาเท่านั้น ถ้าพูดถึงเพื่อนๆในรุ่นเดียวกัน เธอก็พบเจอบ้างตามงานเลี้ยงทางสังคมเช่น งานเต้นรำ, ปาร์ตี้น้ำชา, และงานเลี้ยงยามบ่ายที่พ่อของเธอพาไปอยู่หรอก
「เด็กที่อายุเท่าๆกันนั้นกลัวเกินไปที่จะเข้าหาชั้นนะสิ」คุณหนูพูดกับผมด้วยสีหน้าบูดบึ้งในช่วงพักจากการเรียน
「เพราะคุณหนูสวยเกินไปงั้นหรอครับ?」
「ต้องไม่ใช่อยู่แล้วสิ! ขนาดนายเองก็ยังแกล้งชั้นงั้นหรอ เรย์จิ!」
「อืม ผมพูดตามความจริงนะครับ…」
「เอ๊ะ!?」
คุณหนูที่กำลังหงุดหงิดนั้นก็มีใบหน้าที่แดงก่ำ ดูสมเป็นมนุษย์มากกว่า “ลอร์ดเลือดเย็น” อีก — อาาา งั้นนั่นก็คือเหตุผลที่เด็กคนอื่นเขากลัวกันสินะเนี้ย
「หมะ-หมะ-หมายความว่าไงกันที่บะ-บอกว่าชะ-ชั้นสะ-สวยหน่ะ…」
「เป็นเพราะท่านเอิร์ลหรือปล่าวครับที่ทำให้คนอื่นๆกลัวที่จะเข้าใกล้คุณหนูหน่ะ?」
「ชะ-ใช่แล้ว ใช่แล้วละ แต่นั่นไม่ใช่ที่ชั้นถามซะหน่อย นะ-นายพูดบางอย่างเกี่ยวกับสะ-สวย–」
「โชคไม่ดีเลยนะครับ แต่ผมมั่นใจว่าในสักวันนึง คุณหนูจะต้องได้พบกับเพื่อนที่ดีๆได้แน่นอนเลยครับ」
「…เรย์จิ?」
「งั้นเรามาเริ่มเรียนต่อกันเถอะครับ คุณครูครับ เริ่มต่อได้เลยครับ」
ใจนึงผมก็รู้สึกเห็นใจคุณหนูที่ต้องเกิดมาโดยมีพ่อเป็นคนที่ถูกเรียกว่า “ลอร์ดเลือดเย็น” แต่อีกใจนึง ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้เธอถึงอารมณ์เสียตลอดทั้งวันกัน
ชื่อเล่น “ลอร์ดเลือดเย็น” ดูจะเกิดจากความไม่พอใจของคนหลายๆคนนะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อผมถามถึงเหตุผล ผมก็ได้รู้ว่าความไม่พอใจนั้นมาจากความความไม่พอใจที่ไม่ยุติธรรมต่อตัวเขาด้วยซ้ำ
「…เหตุผลที่ข้าถูกโจมตีงั้นหรอ? หืมม มันเป็นข้อมูลที่คนคุ้มกันของอีวาจำเป็นต้องรู้ด้วยละนะ งั้นข้าจะบอกเจ้าก็ได้」
ทุกๆ 10 วัน ชั้นจะต้องเข้าพบกับท่านเอิร์ลเพื่อ “รายงานสถานการณ์” มันมีไว้เพื่อยืนยันความคืบหน้าของสถานการณ์ที่ผมพบเจอ และรวมถึงสิ่งที่คุณหนูกำลังทำอยู่
「ข้าถูกแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ช่วยเลขาธิการพิเศษ” ของ “ที่ทำการจัดการแท่นบูชา” มันเป็นองค์กรที่อยู่ใต้อำนาจสั่งการโดยตรงของราชันศักดิ์สิทธิ์」
…อยู่ๆก็ปรากฏชื่อองค์กรปริศนาขึ้นมาซะงั้น
「เรย์จิซัง ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้เลยนะ ทั้งๆที่เจ้าอยู่ในภาคีอัศวินศักดิ์สิทธิ์แท้ๆ เอาเถอะ เดี๋ยวเจ้าก็รู้เองแหล่ะ เอาง่ายๆก็คือว่าข้าเป็น “คมมีดของราชันศักดิ์สิทธิ์” หน่ะ」
「ไม่ใช่ “คมมีดของเลขาธิการ” งั้นหรอครับทั้งๆที่เป็นผู้ช่วยของเลขาธิการแท้ๆนะครับ?」
「ใช่แล้ว ข้าจะไม่บอกรายละเอียดหรอกนะ แต่เจ้าก็น่าจะรู้นะว่ามันมี “แท่นบูชาแห่งแรก” ที่ใช้สำหรับผลิตหินสกิลอยู่ในราชอาณาจักรครูวานศักดิ์สิทธิ์หน่ะ ใช่ไหม?」
「!」
มันมีสถานที่เพียง 8 แห่งบนโลกเท่านั้นที่สามารถผลิตหินสกิลได้
หนึ่งในนั้นก็คือเหมืองที่ 6 ที่ผมเคยทำงานในฐานะทาสมาก่อน
และก็ตามชื่อของมัน แท่นบูชาแห่งแรกนั้นมีลักษณะเป็นแท่นบูชา ดูเหมือนจะมีหินสกิลจำนวนมากปรากฏขึ้นบนแท่นพร้อมกับแสงสว่างในทุกๆวัน
มีประสิทธิภาพมากกว่าขุดเหมืองอีก ในเหมืองมันมีสถานที่ที่ขุดหาหินสกิลได้ยากอยู่เช่นก้นทะเล, ธารน้ำแข็ง, และลาวา เทียบกันนั้น เราสามารถได้หินสกิลมาเป็นจำนวนมากในตอนที่มันโพล่ขึ้นมาบนแท่นได้อย่างไม่ลำบากยากเย็นอะไรเลยสักนิด
ในโลกใบนี้ หินสกิลนั้นส่งผลโดยตรงถึงอำนาจทางการทหาร
เรื่องที่ราชอาณาจักรครูวานศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจทางการทหารนั้นก็คงเป็นเพราะ “แท่นบูชาแห่งแรก” นี่แหล่ะ
「ตอนแรก ข้าก็คิดว่าที่เรย์จิซังจะเข้าหาข้าเพราะต้องการข้อมูลของแท่นบูชาอยู่หรอก ทว่าดูจะไม่ใช่แบบนั้นนะ ที่เจ้าต้องการก็คือข้อมูลที่เกี่ยวกับหินสกิล “5 ดาวหรือมากกว่า” ถูกต้องไหม?」
「ครับ ผมอยากจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรากฏตัวของมันหรือเรื่องที่มันถูกประมูลอะไรประมาณนั้นทั้งหมดเลยนะครับ」
「ข้าจะได้ยินเรื่องพวกนั้นไม่กี่ครั้งต่อปีเองนะ…」
「ไม่มีปัญหาครับ」
ท่านเอิร์ลพยักหน้า
「เรย์จิซัง ข้าได้ศึกษาค้นคว้าทุกอย่างเกี่ยวกับแท่นบูชาตามคำสั่งของราชันศักดิ์ศิทธิ์ และเมื่อไม่กี่ปีก่อนดูเหมือนจำนวนดาวของหินสกิลที่ปรากฏบนแท่นจะลดน้อยลง ข้ากำลังตามสืบเรื่องนั้นอยู่」
「จำนวนดาวลดลงหรอครับ…?」
「จำนวนการปรากฏตัวของหินสกิล 3 ดาวหรือมากกว่านั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด สิ่งเดียวที่สรุปออกมาได้ก็คือมีคนในองค์กรเอามันไปขายตามช่องทางผิดกฎหมาย」
「คนทรยศหรอครับ…?」
「ก็ไม่เชิงนะ พวกมันไม่ได้ทำเพราะต้องการทรยศหรอก น่าจะเป็นปัญหาเรื่องเงินมากกว่า เมื่อปีที่แล้ว ท้ายที่สุดข้าพบเข้ากับตัวการที่ซื้อขายหินสกิลแบบผิดกฎหมายนี้ ข้าจับพวกมันและประหารขุนนางทุกคนที่เกี่ยวข้องเลย」
อี๊กส์ ประหารงั้นหรอ?
「นะ-นั่นไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรงอย่างงั้นหรอครับ?」
ผมยืนอยู่เบื้องหน้าของท่านเอิร์ลในขณะที่รู้สึกสันหลังวาบ ท่านเอิร์ลพูดออกมาอย่างเรียบเฉยราวกับอ่านรายงานอยู่เลย
ตามที่เปิดเผยต่อสาธารณะ คนพวกนั้นถูกกล่าวในข้อหา ยักยอกทรัพย์, ติดสินบน, และก็ครอบครองทาส ตอนนั้นท่านเอิร์ลพูดเอาไว้ว่า “ทุกคนที่ประทุษร้ายต่อแท่นบูชาไม่นับว่าเป็นผู้บริสุทธิ์” – และพวกนั้นก็ถูกประหาร
แท่นบูชาจะต้องไม่ถูกประทุษร้ายอย่างเด็ดขาด
ท่านราชันศักดิ์สิทธิ์ได้กำชับเอาไว้อย่างหนักแน่นว่ามันจะเป็นปัญหาหากข้อมูลของแท่นบูชาหลุดออกไป ดังนั้นท่านเอิร์ลเลยต้องรับผิดชอบเรื่องการสืบสวนและการประหารแต่เพียงผู้เดียว
เพราะแบบนั้นก็เลยเกิดเป็นชื่อเล่น “ลอร์ดเลือดเย็น” ขึ้นมา
「อืม… ท่านครับ」
「อะไรรึ เรย์จิซัง?」
「ทำไมท่านถึงบอกอะไรสำคัญๆแบบนี้กับผมทั้งๆที่เป็นคำสั่งของราชันศักดิ์สิทธิ์กันละครับ?」
「………」
「………」
ช่างเป็นคนที่เจ้าเล่ห์อะไรอย่างนี้ อย่าเอาแต่ยิ้มสิ!
「ท่านน่าจะบอกผมซักเล็กน้อยก่อนที่ผมจะรับงานคุ้มกันนี้นะครับ…?」
「ก็เจ้าไม่ถามนี้」
ผมจะถามเรื่องแบบนั้นออกไปได้ยังไง! ผมไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้ซะด้วยซ้ำ!
เอาเถอะ คิดว่าท่านเอิร์ลก็คงไม่บอกหรอกถ้าผมถามก่อนที่จะมาเป็นคนคุ้มกันนะ!
「แล้วก็อีกอย่าง เรย์จิซัง เรื่องของ “ลูลูช่า” หน่ะ ก็เหมือนกับที่เราคุยกันเมื่อครั้งก่อน ยังไม่เจอคนที่ตรงตามที่เจ้าต้องการเลย」
ผมได้รับรายงานมาเป็นรายลักษณ์อักษร ไม่ใช่แค่ “ลูลูช่า” แต่คนที่ชื่อเหมือนอย่าง “ลูลูวช่า” และ “ลูลูชิ” ก็ยังถูกตรวจสอบด้วยเหมือนกัน
ถึงแม้ท่านเอิร์ลจะมีชื่อเล่นว่าลอร์ดเลือดเย็นก็จริง แต่ผมก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่สุภาพและจริงใจมากๆในตอนที่พวกเราอยู่ด้วยกัน เขายังทำแม้กระทั้งเวทย์พันธสัญญาเลยด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น ผมก็ได้รายงานเรื่องของคุณหนูออกไป ในช่วงเวลานั้น ผมรู้สึกได้ถึงความสุขจากตัวของท่านเอิร์ลด้วย
นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ยังมีเรื่องที่คุณหนูกับผมเริ่มทำการ “บดขยี้ธุรกิจทาส” อยู่ด้วย