บทที่ 1 ตอนที่ 6
ซิวเวอร์บาลานซ์นั้นแข็งแกร่งมาก ถ้าจะให้พูดละก็ สิ่งมีชีวิตในป่าแห่งนี้ไม่คณามือพวกเขาเลยสักนิด
สุนัขป่า – มอนสเตอร์ขนสีน้ำตาลที่ดูเหมือนลูกผสมระหว่างหมาป่ากับสุนัข – ที่ทำให้ผมกลัวที่มืดๆในป่านั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสำหรับปาร์ตี้นี้ สุนัขป่าพวกนั้นดูเหมือนจะถูกเรียกว่า “ชาร์โคลวูล์ฟ” และเมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงมนุษย์ที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยจมูกรับกลิ่นอันยอดเยี่ยมของมัน พวกมันจะเรียกฝูงของมันมาแล้วล้อมรอบมนุษย์คนนั้นอยู่ห่างๆ ในตอนที่รู้สึกตัวก็สายไปแล้ว มนุษย์ตนนั้นจะถูกไล่ล่าและพ่ายแพ้ให้กับจำนวณ ท้ายที่สุดก็จะถูกขย้ำจนตาย
อย่างไรก็ตาม จมูกรับกลิ่นของไรเครียซังนั้นเหมือนกับของชาร์โคลวูล์ฟ – ถึงเจ้าตัวจะพูดเองว่าจมูกของเขานั้นดีกว่า แต่ดันเต้ซังบอกว่ามัน “เท่ากัน” – และเมื่อชาร์โคลวูล์ฟรับรู้ถึงปาร์ตี้นี้ ไรเครียซังก็จะรู้ตัวเช่นกัน เขาจะเข้าไปจัดการมันก่อนที่มันจะเรียกฝูงมาเพิ่ม
วิธีการต่อสู้ของไรเครียซังนั้นค่อนข้างเฉียบคม เมื่อเขารับรู้ถึงศัตรู เขาจะเริ่มออกวิ่งเข้าไปหาอย่างเงียบเชียบและเตะไปยังขาของศัตรูเพื่อลดความคล่องตัวลง ถ้าศัตรูไม่สามารถวิ่งได้รวดเร็วเหมือนตอนปกตินั้นก็จะเหมือนกับตายไปแล้ว บางครั้งเขาก็จะเล่นกับเหยื่อด้วย ถ้าไม่ตายทันทีด้วยมีดสั้นก็จะถูกเตะจนกว่าจะตาย
เขามีสกิล【เสริมความแข็งแกร่งกายภาพ★】งั้นหรอ? หรือบางทีอาจจะเป็นสกิล 【เทคนิคการเตะ ★★】?
ผมพยายามคาดเดาสกิลของเขาจากความรู้อันน้อยนิดของผม
ผมเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของเขาหลายครั้ง ก่อนจะแอบออกมาตอนช่วงพักและพยายามเลียนแบบเขา แต่สุดท้ายผมก็เลียนแบบไม่ได้ บางทีเขาคงจะมีสกิลที่แตกต่างจากที่ผมคิดเอาไว้
…หืมม โลกแห่งสกิลนี้ช่างล้ำลึกเสียจริง
เขายังสามารถเดินแบบไม่มีเสียงได้ทั้งๆที่เหยียบไปบนใบไม้ ตอนแรกผมก็คิดว่านั่นเป็นผลมาจากสกิลของเขา แต่ผมไม่สามารถเลียนแบบได้เลย บางทีมันอาจจะเป็นเทคนิคที่เขาฝึกมาเองก็เป็นได้
ผมรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ก็อบปี้สกิลของพวกเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ผมตัดสินใจแล้วว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นในการเอาขีวิตรอดของผมในโลกใบนี้ และอีกอย่างมันก็ไม่ได้ก็อบปี้มาอย่างสมบูรณ์ มันจะเป็นผลดีกับปาร์ตี้นี้มากกว่าถ้าผมเลิกทำตัวเป็นส่วนเกินแล้วเริ่มทำตัวให้มีประโยชน์
「อย่างที่เธอเห็น ไรเครียนั้นค่อนข้างจะปากเสียไปหน่อย แต่ถ้าเรื่องจัดการกับมอนสเตอร์หรือสัตว์ป่าละก็ ไม่เป็นสองลองใครเลยหล่ะ」
「อืม… มิมิโนะซัง พวกคุณต่อสู้กันยังไงหรอครับก่อนที่ไรเครียซังจะเข้าร่วมปาร์ตี้มา?」
「ชั้นใช้เวทมนตร์ในการตรวจจับศัตรูหน่ะ แต่มันจะทำให้มานาของชั้นหมดเร็วจนทำให้ต้องเสียเวลาพักบ่อยมาก นั่นแหล่ะชั้นถึงดีใจที่ไรเครียเข้าร่วมปาร์ตี้มา」
「เวทมนตร์งั้นหรอครับ เข้าใจแล้ว…」
…งั้นหรอ มีเวทย์ที่ใช้จับตำแหน่งของศัตรูอยู่ด้วยสินะ?
มันมีเวทมนตร์มากมายอยู่ในโลกใบนี้ แต่เวทมนตร์เกือบทั้งหมดที่ใช้ “มานา” นั้นมีอยู่ 8 ประเภทที่อยู่ภายใต้หมวดหมู่สกิล “ประเภทเวทมนตร์” และมีอีก 2 ประเภทที่อยู่ภายใต้หมวดหมู่สกิล “ประเภทลึกลับ” – นี่เป็นสิ่งที่ตาแก่ฮินกาสอนผมมา
ที่ผมพูดว่า “เกือบทั้งหมด” นั้นเป็นเพราะว่ามันก็ยังมีสกิลที่มีข้อยกเว้นอย่าง “ประเภทยูนีค”ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่นสกิล【ความสะดวกสบาย】ของมิมิโนะซัง หลังจากที่สังเกตเวทมนตร์นั่นของเธอไปแล้ว ผมก็ประสบความสำเร็จในการสร้างน้ำขึ้นมาได้เป็นจำนวญหนึ่ง สกิลนี้มันก็สะดวกสบายจริงๆนั่นแหล่ะ
「…ถ้าผมใช้เวทมนตร์ได้ละก็ ผมจะมีประโยชน์มากขึ้น ใช่ไหมครับ?」
「ไม่เป็นไรหรอก เรย์จิคุงไม่จำเป็นต้องสู้หรอกนะ」
「แต่ผมไม่สามารถทำตัวเป็นภาระได้หรอกนะครับ」
「-ใช่แล้ว ผู้ใดไม่ทำงานก็ไม่ต้องกิน ให้เจ้าหนูนี่ทำงานซะบ้างก็ดี」
ไรเครียซังที่กลับมาจากการจัดการชาร์โคลวูล์ฟนั้นเห็นด้วยกับผม หลังเขาพูดจบ มิมิโนะซังก็ทำหน้าบึ้งออกมาอย่างเห็นได้ชัด
「เด็กๆหน่ะไม่ต้องทำงานหรอกนะ」
「เจ้าเอาแต่พูดว่าเด็กอย่างนู้นเด็กอย่างนี้ แต่ที่นี่มันเป็นป่านะ มันไม่สำคัญหรอกนะว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เด็กที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้หน่ะสุดท้ายก็จะถูกขย้ำตายเอาได้นะ」
「อุกุกุกุ…」มิมิโนะซังเถียงไม่ได้เลย
「อย่างที่ไรเครียซังพูดนั่นแหล่ะครับ อย่างน้อยๆผมเองอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อปกป้องตัวเองเหมือนกันครับ」
「…ถ้าเธอยังจะยืนยันคำเดิมแบบนั้น ชั้นจะสอนเวทมนตร์ให้ก็ได้ แต่ถ้าเธอไม่มีคุณสมบัติละก็ เธอต้องไปทำอย่างอื่นนะ เข้าใจไหม?」
「ครับ! เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากจริงๆครับ ทั้งมิมิโนะซังทั้งไรเครียซัง…」
「ชิ」ไรเครียเดาะลิ้นออกมา
เขาหันหลังให้ผมก่อนจะเริ่มถลกหนังของชาร์โคลวูล์ฟที่เขาฆ่า จากที่ดันเต้ซังบอกมา เนื้อของชาร์โคลวูล์ฟนั้นมีกลิ่นฉุนและกินไม่ได้ แต่หนังของมันสามารถเอาไปขายได้
หลังจากที่สังเกตไรเครียซังมา2-3วันแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาต้องเป็นพวก… ซึนเดเระแน่ๆ ปกติพวกซึนเดเระก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่จะให้มนุษย์สัตว์ล่ำบึกแบบนี่เป็นพวกซึนเดเระนี้ไม่เห็นจะอยากได้เลยสักนิด
「ชั้นจะเริ่มอธิบายเกี่ยวกับเวทมนตร์ของชั้นละนะ」
「อืมม…」
「หืมม?」
「คือ… ไม่ใช่ว่าการถามสกิลของคนอื่นมันเป็นเรื่องผิดจรรยาบรรณหรอกหรอครับ?」
「มันก็คงจะผิดแหล่ะถ้าเธอถามตอนที่เจอกันครั้งแรก แต่มันไม่เป็นไรหรอกถ้าเธออยู่ในปาร์ตี้เดียวกันแล้ว เธอละมีสกิลอะไรหรือปล่าว เรย์จิคุง?」
「ผม…」
จะทำยังไงดี? ถ้าผมบอกเกี่ยวกับ【World Ruler】ละก็ ผมก็ต้องบอกเรื่องที่มาเกิดใหม่ด้วยนะสิ พวกเขาจะยอมเชื่อผมรึปล่าว? อีกอย่างถ้าเขารู้เกี่ยวกับสกิล10ดาวละก็ มันจะเป็นข้อยืนยันทันทีว่าผมนั้นหลบหนีออกมาจากเหมือง แถมยังขโมยสกิลออกมาอีกด้วย
「อาา ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ ชั้นจะซื้อหินสกิลให้กับเธอในภายหลังเอง มันไม่เป็นไรหรอกถ้าเธอจะไม่มีสกิลอะไรเลยหน่ะ!」
ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผิดจากท่าทางเป็นกังวลของผม ถึงความเข้าใจผิดนี้จะเป็นผลดีกับผมก็เถอะ แต่ผมก็ได้รับคะแนน “เด็กน่าสงสาร” จากมิมิโนะซังไปอีกหนึ่งแต้มแล้วซะแล้วสิ
「สกิลของชั้นนั้นมี…」
มิมิโนะซังเริ่มเขียนรายชื่อสกิลของเธอลงบนพื้นด้วยกิ่งไม้
【เวทย์ดอกไม้】กับ 【เวทย์ดิน】เป็นสกิลที่อยู่ในหมวดหมู่สกิล “ประเภทเวทมนตร์”
ถึงผมจะใช้【เวทย์ไฟ】ได้แค่นิดหน่อย แต่มันจะมีประสิทธิภาพมากกว่าถ้าเรียนเวทมนตร์โดยตรงจากหินสกิล
อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อสกิล2ดาวในตอนนี้อยู่ดี ดังนั้นการเรียนรู้มันจากมิมิโนะซังก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดรองลงมาแล้วละ
ตาแก่ฮินกาบอกผมมาว่าสกิล2ดาวนั้นมีราคาเท่ากับ10เหรียญเงินใหญ่ ซึ่งก็ราวๆ 100,000 เยน
ราคามันก็ดูจะถูกถ้าสามารถใช้เวทมนตร์ได้ทันทีเลยเพียงแค่ซื้อมัน แต่ถ้าไม่มีความเข้ากันได้ละก็ มันจะใช้งานได้ยากมากๆและจะเสียช่องสกิลอันมีค่าไปถึง2ช่องเลย
「อย่างแรกก็นี่เลย–」
เมื่อมิมิโนะซังกางมืออกไป จู่ๆก็มีดอกไม้บานขึ้นมาบนต้นไม้
「เธอจะสามารถใช้สกิล【เวทย์ดอกไม้】ในการชักจูงดอกไม้ ต้นไม้ หรืออะไรหลายๆอย่างในธรรมขาติได้หน่ะ」
「งั้นหรอครับ…」
ผมสังเกตุเวทมนตร์ของมิมิโนะซังแบบไม่กระพิบตา ก่อนจะกางมือออกไปในลักษณะเดียวกัน
「ฮ่าห์!」ผมใช้เวทมนตร์ออกไปด้วยความช่วยเหลือของ【World Ruler】
「อะ-อะไรกันเนี้ยยยย?!」มิมิโนะซังนั้นตกใจอย่างมาก
มีดอกไม้ดอกใหญ่ๆ 3 ดอกบานขึ้นมาบนกิ่งไม้
「วะ-ว้าว! เรย์จิคุง เธอมีพรสวรร–」
ก่อนที่มิมิโนะซังจะพูดจบ ผมก็สลบลงไปตรงนั้นแล้ว
บทที่ 1 ตอนที่ 6
ซิวเวอร์บาลานซ์นั้นแข็งแกร่งมาก ถ้าจะให้พูดละก็ สิ่งมีชีวิตในป่าแห่งนี้ไม่คณามือพวกเขาเลยสักนิด
สุนัขป่า – มอนสเตอร์ขนสีน้ำตาลที่ดูเหมือนลูกผสมระหว่างหมาป่ากับสุนัข – ที่ทำให้ผมกลัวที่มืดๆในป่านั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสำหรับปาร์ตี้นี้ สุนัขป่าพวกนั้นดูเหมือนจะถูกเรียกว่า “ชาร์โคลวูล์ฟ” และเมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงมนุษย์ที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยจมูกรับกลิ่นอันยอดเยี่ยมของมัน พวกมันจะเรียกฝูงของมันมาแล้วล้อมรอบมนุษย์คนนั้นอยู่ห่างๆ ในตอนที่รู้สึกตัวก็สายไปแล้ว มนุษย์ตนนั้นจะถูกไล่ล่าและพ่ายแพ้ให้กับจำนวณ ท้ายที่สุดก็จะถูกขย้ำจนตาย
อย่างไรก็ตาม จมูกรับกลิ่นของไรเครียซังนั้นเหมือนกับของชาร์โคลวูล์ฟ – ถึงเจ้าตัวจะพูดเองว่าจมูกของเขานั้นดีกว่า แต่ดันเต้ซังบอกว่ามัน “เท่ากัน” – และเมื่อชาร์โคลวูล์ฟรับรู้ถึงปาร์ตี้นี้ ไรเครียซังก็จะรู้ตัวเช่นกัน เขาจะเข้าไปจัดการมันก่อนที่มันจะเรียกฝูงมาเพิ่ม
วิธีการต่อสู้ของไรเครียซังนั้นค่อนข้างเฉียบคม เมื่อเขารับรู้ถึงศัตรู เขาจะเริ่มออกวิ่งเข้าไปหาอย่างเงียบเชียบและเตะไปยังขาของศัตรูเพื่อลดความคล่องตัวลง ถ้าศัตรูไม่สามารถวิ่งได้รวดเร็วเหมือนตอนปกตินั้นก็จะเหมือนกับตายไปแล้ว บางครั้งเขาก็จะเล่นกับเหยื่อด้วย ถ้าไม่ตายทันทีด้วยมีดสั้นก็จะถูกเตะจนกว่าจะตาย
เขามีสกิล【เสริมความแข็งแกร่งกายภาพ★】งั้นหรอ? หรือบางทีอาจจะเป็นสกิล 【เทคนิคการเตะ ★★】?
ผมพยายามคาดเดาสกิลของเขาจากความรู้อันน้อยนิดของผม
ผมเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของเขาหลายครั้ง ก่อนจะแอบออกมาตอนช่วงพักและพยายามเลียนแบบเขา แต่สุดท้ายผมก็เลียนแบบไม่ได้ บางทีเขาคงจะมีสกิลที่แตกต่างจากที่ผมคิดเอาไว้
…หืมม โลกแห่งสกิลนี้ช่างล้ำลึกเสียจริง
เขายังสามารถเดินแบบไม่มีเสียงได้ทั้งๆที่เหยียบไปบนใบไม้ ตอนแรกผมก็คิดว่านั่นเป็นผลมาจากสกิลของเขา แต่ผมไม่สามารถเลียนแบบได้เลย บางทีมันอาจจะเป็นเทคนิคที่เขาฝึกมาเองก็เป็นได้
ผมรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ก็อบปี้สกิลของพวกเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ผมตัดสินใจแล้วว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นในการเอาขีวิตรอดของผมในโลกใบนี้ และอีกอย่างมันก็ไม่ได้ก็อบปี้มาอย่างสมบูรณ์ มันจะเป็นผลดีกับปาร์ตี้นี้มากกว่าถ้าผมเลิกทำตัวเป็นส่วนเกินแล้วเริ่มทำตัวให้มีประโยชน์
「อย่างที่เธอเห็น ไรเครียนั้นค่อนข้างจะปากเสียไปหน่อย แต่ถ้าเรื่องจัดการกับมอนสเตอร์หรือสัตว์ป่าละก็ ไม่เป็นสองลองใครเลยหล่ะ」
「อืม… มิมิโนะซัง พวกคุณต่อสู้กันยังไงหรอครับก่อนที่ไรเครียซังจะเข้าร่วมปาร์ตี้มา?」
「ชั้นใช้เวทมนตร์ในการตรวจจับศัตรูหน่ะ แต่มันจะทำให้มานาของชั้นหมดเร็วจนทำให้ต้องเสียเวลาพักบ่อยมาก นั่นแหล่ะชั้นถึงดีใจที่ไรเครียเข้าร่วมปาร์ตี้มา」
「เวทมนตร์งั้นหรอครับ เข้าใจแล้ว…」
…งั้นหรอ มีเวทย์ที่ใช้จับตำแหน่งของศัตรูอยู่ด้วยสินะ?
มันมีเวทมนตร์มากมายอยู่ในโลกใบนี้ แต่เวทมนตร์เกือบทั้งหมดที่ใช้ “มานา” นั้นมีอยู่ 8 ประเภทที่อยู่ภายใต้หมวดหมู่สกิล “ประเภทเวทมนตร์” และมีอีก 2 ประเภทที่อยู่ภายใต้หมวดหมู่สกิล “ประเภทลึกลับ” – นี่เป็นสิ่งที่ตาแก่ฮินกาสอนผมมา
ที่ผมพูดว่า “เกือบทั้งหมด” นั้นเป็นเพราะว่ามันก็ยังมีสกิลที่มีข้อยกเว้นอย่าง “ประเภทยูนีค”ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่นสกิล【ความสะดวกสบาย】ของมิมิโนะซัง หลังจากที่สังเกตเวทมนตร์นั่นของเธอไปแล้ว ผมก็ประสบความสำเร็จในการสร้างน้ำขึ้นมาได้เป็นจำนวญหนึ่ง สกิลนี้มันก็สะดวกสบายจริงๆนั่นแหล่ะ
「…ถ้าผมใช้เวทมนตร์ได้ละก็ ผมจะมีประโยชน์มากขึ้น ใช่ไหมครับ?」
「ไม่เป็นไรหรอก เรย์จิคุงไม่จำเป็นต้องสู้หรอกนะ」
「แต่ผมไม่สามารถทำตัวเป็นภาระได้หรอกนะครับ」
「-ใช่แล้ว ผู้ใดไม่ทำงานก็ไม่ต้องกิน ให้เจ้าหนูนี่ทำงานซะบ้างก็ดี」
ไรเครียซังที่กลับมาจากการจัดการชาร์โคลวูล์ฟนั้นเห็นด้วยกับผม หลังเขาพูดจบ มิมิโนะซังก็ทำหน้าบึ้งออกมาอย่างเห็นได้ชัด
「เด็กๆหน่ะไม่ต้องทำงานหรอกนะ」
「เจ้าเอาแต่พูดว่าเด็กอย่างนู้นเด็กอย่างนี้ แต่ที่นี่มันเป็นป่านะ มันไม่สำคัญหรอกนะว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เด็กที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้หน่ะสุดท้ายก็จะถูกขย้ำตายเอาได้นะ」
「อุกุกุกุ…」มิมิโนะซังเถียงไม่ได้เลย
「อย่างที่ไรเครียซังพูดนั่นแหล่ะครับ อย่างน้อยๆผมเองอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อปกป้องตัวเองเหมือนกันครับ」
「…ถ้าเธอยังจะยืนยันคำเดิมแบบนั้น ชั้นจะสอนเวทมนตร์ให้ก็ได้ แต่ถ้าเธอไม่มีคุณสมบัติละก็ เธอต้องไปทำอย่างอื่นนะ เข้าใจไหม?」
「ครับ! เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากจริงๆครับ ทั้งมิมิโนะซังทั้งไรเครียซัง…」
「ชิ」ไรเครียเดาะลิ้นออกมา
เขาหันหลังให้ผมก่อนจะเริ่มถลกหนังของชาร์โคลวูล์ฟที่เขาฆ่า จากที่ดันเต้ซังบอกมา เนื้อของชาร์โคลวูล์ฟนั้นมีกลิ่นฉุนและกินไม่ได้ แต่หนังของมันสามารถเอาไปขายได้
หลังจากที่สังเกตไรเครียซังมา2-3วันแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาต้องเป็นพวก… ซึนเดเระแน่ๆ ปกติพวกซึนเดเระก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่จะให้มนุษย์สัตว์ล่ำบึกแบบนี่เป็นพวกซึนเดเระนี้ไม่เห็นจะอยากได้เลยสักนิด
「ชั้นจะเริ่มอธิบายเกี่ยวกับเวทมนตร์ของชั้นละนะ」
「อืมม…」
「หืมม?」
「คือ… ไม่ใช่ว่าการถามสกิลของคนอื่นมันเป็นเรื่องผิดจรรยาบรรณหรอกหรอครับ?」
「มันก็คงจะผิดแหล่ะถ้าเธอถามตอนที่เจอกันครั้งแรก แต่มันไม่เป็นไรหรอกถ้าเธออยู่ในปาร์ตี้เดียวกันแล้ว เธอละมีสกิลอะไรหรือปล่าว เรย์จิคุง?」
「ผม…」
จะทำยังไงดี? ถ้าผมบอกเกี่ยวกับ【World Ruler】ละก็ ผมก็ต้องบอกเรื่องที่มาเกิดใหม่ด้วยนะสิ พวกเขาจะยอมเชื่อผมรึปล่าว? อีกอย่างถ้าเขารู้เกี่ยวกับสกิล10ดาวละก็ มันจะเป็นข้อยืนยันทันทีว่าผมนั้นหลบหนีออกมาจากเหมือง แถมยังขโมยสกิลออกมาอีกด้วย
「อาา ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ ชั้นจะซื้อหินสกิลให้กับเธอในภายหลังเอง มันไม่เป็นไรหรอกถ้าเธอจะไม่มีสกิลอะไรเลยหน่ะ!」
ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผิดจากท่าทางเป็นกังวลของผม ถึงความเข้าใจผิดนี้จะเป็นผลดีกับผมก็เถอะ แต่ผมก็ได้รับคะแนน “เด็กน่าสงสาร” จากมิมิโนะซังไปอีกหนึ่งแต้มแล้วซะแล้วสิ
「สกิลของชั้นนั้นมี…」
มิมิโนะซังเริ่มเขียนรายชื่อสกิลของเธอลงบนพื้นด้วยกิ่งไม้
【เวทย์ดอกไม้】กับ 【เวทย์ดิน】เป็นสกิลที่อยู่ในหมวดหมู่สกิล “ประเภทเวทมนตร์”
ถึงผมจะใช้【เวทย์ไฟ】ได้แค่นิดหน่อย แต่มันจะมีประสิทธิภาพมากกว่าถ้าเรียนเวทมนตร์โดยตรงจากหินสกิล
อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อสกิล2ดาวในตอนนี้อยู่ดี ดังนั้นการเรียนรู้มันจากมิมิโนะซังก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดรองลงมาแล้วละ
ตาแก่ฮินกาบอกผมมาว่าสกิล2ดาวนั้นมีราคาเท่ากับ10เหรียญเงินใหญ่ ซึ่งก็ราวๆ 100,000 เยน
ราคามันก็ดูจะถูกถ้าสามารถใช้เวทมนตร์ได้ทันทีเลยเพียงแค่ซื้อมัน แต่ถ้าไม่มีความเข้ากันได้ละก็ มันจะใช้งานได้ยากมากๆและจะเสียช่องสกิลอันมีค่าไปถึง2ช่องเลย
「อย่างแรกก็นี่เลย–」
เมื่อมิมิโนะซังกางมืออกไป จู่ๆก็มีดอกไม้บานขึ้นมาบนต้นไม้
「เธอจะสามารถใช้สกิล【เวทย์ดอกไม้】ในการชักจูงดอกไม้ ต้นไม้ หรืออะไรหลายๆอย่างในธรรมขาติได้หน่ะ」
「งั้นหรอครับ…」
ผมสังเกตุเวทมนตร์ของมิมิโนะซังแบบไม่กระพิบตา ก่อนจะกางมือออกไปในลักษณะเดียวกัน
「ฮ่าห์!」ผมใช้เวทมนตร์ออกไปด้วยความช่วยเหลือของ【World Ruler】
「อะ-อะไรกันเนี้ยยยย?!」มิมิโนะซังนั้นตกใจอย่างมาก
มีดอกไม้ดอกใหญ่ๆ 3 ดอกบานขึ้นมาบนกิ่งไม้
「วะ-ว้าว! เรย์จิคุง เธอมีพรสวรร–」
ก่อนที่มิมิโนะซังจะพูดจบ ผมก็สลบลงไปตรงนั้นแล้ว