บทที่ 2 ตอนที่ 30
เป็นความเงียบงันที่หนักอึ้งมากๆ
มีเพียงเสียงสายฝนกระทบที่หน้าต่างดังกึกก้อง
ทว่า มันก็อยู่ได้เพียงไม่นาน
「…คุณหนูรู้เรื่องนี้ไหมครับ?」
ท่านเอิร์ลส่ายหน้าอย่างช้าๆ
เธอไม่รู้สินะ… ผมเองก็คิดว่าไม่รู้จะดีกว่าเหมือนกัน ต่อให้เธอรู้ มันก็จะกลายเป็นความรู้สึกผิดที่ไม่จำเป็นไปเปล่าๆ
「อาการของคุณหนูเป็นยังไงบ้างครับตอนนี้?」
「ญาติของข้าโดนเนตรเวทมนตร์เข้าไป ดูเหมือนจะเกิดความเห็นไม่ตรงกันเรื่องสีของชุดเดรสด้วย ข้าก็เลยได้ยินมาว่าเธอทำร้ายหัวหน้าเมดที่อยู่ข้างๆเธอเข้า」
「คุณหัวหน้าเมดเป็นอะไรมากไหมครับ?」
「แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว หัวหน้าเมดหน่ะเชี่ยวชาญด้านการป้องกันตัว ส่วนอีวานั้น เพราะอยู่ๆท่าทีที่เปลี่ยนไปของญาติคนนั้นรวมกับการใช้มานาไปจนหมด เธอก็เลยสลบลงไป」
ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ขนาดเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดขึ้นมาแบบนี้ พวกเราก็ดูจะจัดการให้มันจบลงด้วยดีสินะ
「แล้วเราจะช่วยคุณหนูยังไงละครับ?」
「นักเวทย์บอกว่าผนึกมันจะพังลงในสักวัน และตัวเธอจะต้องฝึกควบคุมมานาให้ได้จนกว่าจะถึงตอนนั้น อย่างไรก็ตาม การจะหาใครสักคนที่รอบรู้ด้านผนึกมานั้น ไม่สามารถหาได้ในวันสองวันหรอก」จากนั้นท่านเอิร์ลก็วางถุงหนังเล็กๆลงบนโต๊ะ ผมคุ้นเคยกับลูกลักษณ์ทรงกลมหนาๆนั้นได้ดีเลยละ「ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้เธอในวันพิธี」
สิ่งที่ปรากฏออกมาจากถุงหนังก็คือหินสกิลที่เปล่งแสงสีฟ้า – แสงที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดใจ แสงได้ส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องเพราะข้างนอกนั้นมืดสลัวจากฝนตก
【ควบคุมมานา ★★★★】นั้นลอยอยู่ตรงกลางของหินสกิล
「เมื่ออีวาสามารถควบคุมมานาของเธอได้ละก็ เธอจะสามารถลดระดับดาวของ【ควบคุมมานา】ลงมาได้ จนอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้มันเลยก็ได้ หรืออย่างน้อยๆก็ใช้แค่【ควบคุมมานา】1 ดาวก็เพียงพอแล้วละ」
เข้าใจแล้ว ท่านเอิร์ลเตรียมมาตรการตอบโต้เอาไว้่อย่างดีแล้วนี่เอง ถ้าหินสกิลมันช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ละก็ กำลังทรัพย์ของท่านเอิร์ลก็น่าจะจัดการมันได้อยู่แล้ว ถึงผมจะคิดว่า【ควบคุมมานา】4 ดาวยังเป็นสกิลที่อะไรที่ค่อนข้างหายากอยู่เลยก็เถอะ
「…ถ้าพิธีจัดขึ้นวันถัดมาหลังจาก “งานเลี้ยงต้นกล้าแห่งคืนข้างขึ้น” ละก็ พวกเราก็คงจะไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องผนึกแบบนี้หรอก」
ถ้ายังงั้น มันก็… เป็นความผิดของผม
「เรย์จิซัง เจ้าช่วยชีวิตเจ้าชายคลูฟชราทเอาไว้ ไม่มีใครกล่าวโทษเจ้าหรอกนะ อีกอย่างวันนี้ก็ไม่มีใครเจ็บตัวด้วย」
「ถึงยังงั้น…」
「ถ้ามันรบกวนเจ้าละก็ งั้นข้าก็จะขอร้องเจ้าบางอย่าง」
ท่านเอิร์ลยิ้มออกมา — ว้าว ช่างเป็นรอบยิ้มที่สวยงามอะไรอย่างนี้! ผมแน่ใจเลยว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะคำแนะนำของผมแน่นอนเลย
「ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้มอบมันก่อนงานพิธี แต่เพราะไม่สามารถปล่อยอีวาเอาไว้อย่างนี้ได้ ข้าก็เลยจะใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ในการดึงเอามานาของเธอออกมาจนถึงขีดจำกัด」
ท่านเอิร์ลวางกำไลเงินที่ฝังด้วยอัญมณีสีเขียว 5 เม็ดลงบนโต๊ะ
「นี่คืออุปกรณ์เวทมนตร์อย่างนั้นหรอครับ?」
「ใช่ มันจะทำการดูดซับมานา และเมื่อมันดูดซับมานาเสร็จ อัญมนณีก็จะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เนื่องจากมันทำมาเพื่อบรรจุมานาได้ค่อนข้างมาก มันจึงสามารถดูดซับแล้วกักเก็บมานาจนถึงวันมะรืนนี้ได้… ทว่าปัญหาก็คือตัวอีวาเอง ถ้ามานาของเธอต่ำเกินไปละก็ มันจะสร้างภาระให้กับร่างกายของเธอเอาได้หน่ะสิ」
「อา จริงด้วยสิครับ…」
ผมเองก็เคยมีประสบการณ์ที่เป็นลมลงไปเพราะขาดมานาเหมือนกัน ดังนั้นผมก็เลยเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีเลยละ
「มันจะต้องสร้างภาระให้กับร่างกายของเธอแน่นอน โดยเฉพาะช่วงเวลาตึงเครียดแบบนี้แล้วด้วย ดังนั้นข้าก็เลยอยากจะขอให้เจ้าอยู่ข้างๆกายเธอเอาไว้ เรย์จิซัง」
「เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องขอก็ได้ครับ」
เมื่อผมตอบกลับไปอย่างทันทีทันใด ท่านเอิร์ลก็ได้ส่ายหัวของเขา
「อีวาหวังพึ่งเจ้ามากกว่าที่เจ้าคิดนะ」
มันจะจริงหรือเปล่านะ? เอาเถอะ ผมคิดว่าผมมีความสุขไปพร้อมๆกับรู้สึกเขินอายเลยละ
「เข้าใจแล้วครับ งั้นผมขอตัวไปหาคุณหนูก่อนนะครับ」
「ขอบคุณมาก」
เมื่อผมยืนขึ้นและกำลังจะออกไปจากห้อง ผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
「โอ๊ะ จริงสิ ไม่ใช่ว่ามีเรื่องจะพูดอยู่ 2 เรื่องไม่ใช่หรอครับ ท่านเอิร์ล?」
「โอ๊ะ–ใช่ ข้าลืมไปเลย」ท่านเอิร์ลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แยแสใดๆ
「นอกจากเรื่องหินสกิลที่จะมอบให้กับเจ้าชายคลูฟชราทแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันมีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเป็น 7 ดาวขึ้นไปด้วย」
「โหว…」
เจ็ด!?
「หืมม? เป็นข้อมูลที่เจ้าอยากรู้นักหนาไม่ใช่รึ เรย์จิซัง?」
「มะ-ไม่ครับ คือแค่ผมไม่เคยได้ยินหิน 7 ดาวมาก่อนหน่ะครับ」
「ข้าเองก็ไม่เคยเหมือนกัน แต่ มันไม่ใช่หินสกิลที่เจ้ากำลังตามหา ถูกต้องไหม?」
「เรื่องนั้น— ครับ ถูกต้องแล้วครับ」
「เรย์จิซัง เจ้าดูจะรู้จักหินสกิลที่เจ้ากำลังตามหาอยู่แล้วสินะ ดังนั้นข้าก็เลยไม่คิดว่าเจ้าจะสนใจหินสกิล 7 ดาวขึ้นไปอันนี้หรอก」
น่ากลัวจริงๆ! ท่านเอิร์ลคาดเดาไปไกลถึงขั้นนั้นแล้วหรอเนี้ย
「ไม่ครับ ไม่ ผมสนใจอยู่นะครับ」
「ต่อให้เป็นหินสกิล 7 ดาวขึ้นไปอย่างนั้นรึ?」
「ต่อให้เป็นหินสกิล 7 ดาวขึ้นไปครับ!」
ถ้าท่านอยากจะคะยั้นคะยอละก็ ต่อให้เป็น 9 ดาวขึ้นไปก็ยังได้
「งั้นรึ? ข้าเข้าใจแล้ว โปรดดูแลอีวาด้วยนะ」
「ครับ」
ผมก้มหัวลงแล้วออกมาจากห้องของท่านเอิร์ล ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของคุณหนู
ตามที่คุณหมอประจำตระกูลซิวลิซส์ว่าเอาไว้ คุณหนูกำลังนอนหลับสนิทอยู่ ดังนั้นผมก็เลยขออนุญาตเข้าไปในห้องแล้วไปยืนอยู่ที่ข้างๆเตียง
ถึงมันจะยังเป็นตอนเช้าอยู่ แต่ด้านนอกนั้นยังมืดมิดพร้อมกับฝนที่โปรยปรายอยู่เช่นเดิม ภายในห้องนั้นสว่างไสวอย่างอ่อนโยนด้วยตะเกียงเวทมนตร์ที่ข้างเตียง
ผมนำเก้าอี้เล็กๆมาวางแล้วนั่งลงที่ข้างๆเตียง ตามปกติมันจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับคนคุ้มกันอย่างผมที่จะมายังห้องนอนของเธอแบบนี้ ทว่าดูเหมือนว่าท่านเอิร์ลจะอนุญาตแล้ว แถมยังมีเมด 2 คนยืนเตรียมพร้อมอยู่ที่มุมห้องด้วย ผมมองไปยังคุณหนูที่กำลังหลับไหล
(…ไม่คิดเลยว่าจะได้รู้เรื่องแม่ของคุณหนูแบบนี้)
ถ้าคุณหนูรู้เรื่องนี้ละก็ ผมมั่นใจเลยว่าเธอจะต้องเจ็บปวดแสนสาหัสแน่นอนเลย เธออาจจะคิดว่าเนตรเวทมนตร์ของเธอนั้นฆ่าแม่ของเธอเองเลยก็เป็นได้ – ถึงแม้จะไม่ใช่ความผิดของเธอเลยก็ตามที
(ถ้าผมสามารถช่วยคุณหนูโดยการอยู่ใกล้ๆได้ละก็ ผมก็ยินดีที่จะทำ แน่นอนว่าผมยังคงต้องตามหาลาร์คและลูลูช่าอยู่ แต่ผมยังสามารถอยู่ข้างกายเธอได้ อย่างน้อยๆก็จนกว่าเธอจะชินกับ【ควบคุมมานา】ผมอาจจะให้คำแนะนำบางอย่างเธอด้วย【World Ruler】ได้ก็ได้)
ในมือของผมนั้นมีอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ได้รับมาจากท่านเอิร์ล — กำไลข้อมือที่ดูเหมือนกับเครื่องประดับธรรมดาๆ พอมองผ่าน【World Ruler】แล้ว ผมก็ได้เห็นสัญลักษณ์เวทมนตร์ถูกสลักเอาไว้ตรงบริเวณพื้นผิวที่สัมผัสกับมือโดยตรง
สำหรับผม เวทมนตร์ที่ถูกสลักเอาไว้นั้นดูราวกับโซ่ที่จะผูกมัดคุณหนูเอาไว้
(…ท่านเอิร์ลไม่ได้เล่าเรื่องราวส่วนตัวพวกนั้นเพราะเชื่อใจในตัวผม แต่เพราะเขาพยายามสร้างความเห็นใจอยู่ต่างหาก ยังไงซะ ท่านเอิร์ลก็เป็นคนประเภทนั้นอยู่แล้วนี่นะ)
แน่นอน ถ้าเขาอ่านใจผมได้ละก็ เขาคงจะพูดว่า “ข้าเล่าเรื่องพวกนี้เพราะว่าข้าเชื่อใจเรย์จิซังยังไงละ มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เจ้าคิดแบบนั้น” โดยไม่ต้องสบตากันด้วยซ้ำ