บทที่ 2 ตอนที่ 32
* 1 วันก่อนพิธีมอบหินสกิล: ที่อยู่อาศัยตระกูลเอเบน *
เลเลนอร์กำลังเฝ้ามองการฝึกของเจ้านายของเธอ อีธาน ในลานฝึกซ้อมภายในคฤหาสน์เอเบน มันสามารถใช้ฝึกฝนวิชาดาบและร่างกายได้แม้ฝนจะตกก็ตาม
「—เอาละ วันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกันนะครับ」
「อะ-อื้ม ขอบคุณ… มาก…」อีธานพูดขึ้นพร้อมกับพยายามหายใจ
สำหรับอีธานที่กำลังเหงี่อโชกนั้น คู่ฝึกซ้อมของเขาก็คือมนุษย์สัตว์สูงเกือบ 2 เมตร เนื่องจากเผ่าฮาล์ฟลิงนั้นมีจำนวนน้อยมากหากดูจากภาพรวมทั้งหมด การฝึกกับคนในเผ่าทุกครั้งนั้นมักจะส่งผลเสียในการต่อสู้จริงบ่อยๆ จุดประสงค์ของการฝึกครั้งนี้เองก็เพื่อเรียนรู้วิธีที่จะสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่มีขนาดตัวต่างกันด้วย
เลเลนอร์เสิร์ฟแก้วน้ำให้กับอีธานในขณะที่เขากำลังเช็ดหน้าของเขาด้วยผ้าขนหนู อีธานได้ยกแก้วเงินขึ้นดื่มรวดเดียวเลย
「ฟุฮ่าา–」เขาถอนหายใจออกมาอย่างสดชื่น
「วันนี้ท่านทำได้ดีมากเลยค่ะ ท่านอีธาน」
เลเลนอร์มักจะใช้คำสุภาพเสมอเมื่อพูดคุยกับอีธาน
「อืม ในที่สุดผมก็จะได้หินสกิลแล้วสินะ」
「ดิชั้นสงสัยจังเลยค่ะว่ามันจะเป็นหินสกิลแบบไหนกัน? ดิชั้นตั้งตารอคอยเลยละค่ะ… ท่านยังไม่ทราบอะไรจากท่านพ่อของท่านเลยหรือคะ?」
「—นั่นไม่ใช่อะไรที่ข้าสามารถพูดออกไปได้อยู่แล้วหรอก」เสียงแหลมสูงดังขึ้นขัดบทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสอง
โดยที่รู้ตัวว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร เลเลนอร์ก็ได้รีบคุกเข่าลงตรงนั้นในทันที「นายท่าน…」
เสื้อผ้าสีฉูดฉาดนั้นดูไม่เหมาะกับร่างกายเล็กๆของเผ่าฮาล์ฟลิงเลย ถึงยังนั้น ขุนนางก็จำเป็นต้องใส่มันเพื่อภาพลักษณ์
ผมสีอำพันยาวเหมือนกับอีธาน มันถูกถักทออย่างประณีตด้วยอัญมณีแท้ๆที่ส่องประกายระยิบระยับ
ใบหน้าของเขานั้นดูอ่อนเยาว์ราวกับมนุษย์ในช่วงอายุ 20 ถึงยังนั้น บนใบหน้าของเขากลับมีหนวดสั้นๆที่ไม่เข้ากับหน้าอยู่ด้วย
ผู้นำตระกูล ดยุคเอเบน ได้นั่งลงที่โซฟาเดียวกับอีธาน แล้วจากนั้นไม่นาน คนคุ้มกันและผู้ช่วยของเขาก็ได้เข้ามาภายในลานฝึกซ้อมแห่งนี้ด้วย ดังนั้นรอบๆจึงรู้สึกแน่นขนัดไปหมด – ยังไงซะพวกเขาก็เป็นฮาล์ฟลิงกันทั้งหมด ดังนั้นแล้วมันก็ไม่ได้แออัดอะไรกันขนาดนั้นหรอก
「ท่านพ่อ วันนี้ท่านกลับมาเร็วนะครับ」
「หืมม? ใช่แล้วละ… ตระกูลโรซีเออร์ได้ยกเลิกการประชุม ดังนั้นตอนนี้ข้าก็เลยมีเวลาอยู่บ้าง ถึงข้าจะยังมีประชุมช่วงบ่ายอยู่ก็ตาม เดี๋ยวสักพักข้าก็จะต้องไปที่ราชวังแล้ว」
「ไม่ใช่ว่ามันหาได้ยากหรอครับที่ตระกูลโรซีเออร์ยกเลิกการประชุมกับท่านแบบนี้?」
「ใช่…」ดยุคเอเบนพูด ก่อนจะหลับตาลงราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่「ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย น่าเสียดายที่ “ปรมาจารย์ดาบ” แห่งตระกูลดยุคลูเซียวนั้นก็กำลังออกเดินทางอยู่」
ถึงสิ่งดยุคพูดจะเป็นเรื่องที่คลุมเครือและไม่แน่ชัดก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครโต้แย้งอะไร เผ่าฮาล์ฟลิงที่ดำลงอยู่กับธรรมชาตินั้นให้ความสำคัญกับสัญชาตญาณของพวกเขาเอามากๆเลย
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีอะไรที่กวนใจจนต้องกล่าวถึง “ปรมาจารย์ดาบ” ที่ไม่อยู่ละก็–
「หรือว่าบางที มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับแท่นบูชาที่ 1 หรือเปล่านะ?」
ทุกคนที่ได้ฟังนั้นต่างตกใจ
แท่นบูชาที่ 1 – ศูนย์กลางและรากฐานของราชอาณาจักรครูวานศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เป็นเหมือนกับราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ – ไม่สิ บางกรณีนั้นยิ่งกว่าราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ซะอีก
「…ท่านพ่อ ดยุคโรซีเออร์นั้นเป็นถึงเลขานุการของ “สำนักงานจัดการหินสกิล” เลยนะครับ」
「ถ้าเขายกเลิกการประชุมกับข้าแบบนี้ มันก็คงมีแค่เหตุผลเดียวนั่นแหล่ะ ต่อให้จะมีประเทศอื่นบุกเข้ามา เหล่า 6 ดยุคผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่มีทางถูกโยนออกมาแบบนี้หรอกนะ」
* 1 วันก่อนพิธีมอบหินสกิล: พระราชวังศักดิ์สิทธิ์ *
「—ทำไมถึงเกิดเรื่องเป็นแบบนี้ขึ้นได้!!!」
เสียงอันดังกึกก้องได้สั่นสะเทือนกระจกสีฟ้าอันสวยงาม
โต๊ะที่ทำมาจากหินธรรมชาติและขัดมาเป็นอย่างดีจนปล่อยบรรยากาศหรูหราออกมา ทว่า บนตัวของมันนั้นเต็มไปด้วยกองเอกสารรายงานที่ทำจากกระดาษวัสดุจากพืชรุ่นใหม่ล่าสุด, หนังสือปกหนังล้าสมัย, และม้วนคัมภีร์เล็กน้อยวางอยู่
เมื่อราชันศักดิ์สิทธิ์กวาดมือของเขา รายงานเหล่านั้นก็ได้ลอยขึ้นไปบนฟ้า เมื่อหนังสือเล่มหนาๆกำลังจะตกลงจากโต๊ะ–นักบวชในชุดพิธีก็พุ่งเข้าไปหามันในขณะที่กรีดร้องออกมา ก่อนที่จะรับมันเอาไว้ได้สำเร็จ
「เออ ฝ่าบาทขอรับ หนังสือเล่มนี้มีมูลค่ามหาศาลเลยนะขอรับ ดังนั้นได้โปรดอย่าใช้ความรุณแรงกับมันสิขอรับ」
「หุบปากไปเลย อุซะ! เจ้าเป็นนักบวชไม่ใช่รึไง! ทำอะไรซักอย่างสิ!」
「เออ, งั้น, อย่างที่นักบวชชั้นสูง, อย่างที่กระผมได้กล่าวไป, การวิเคราะห์หินสกิลก้อนนั้นได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว–」
「ข้าไม่อยากได้ยิน!」
ราชันศักดิ์สิทธิ์ได้ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ของเขาก่อนจะเอามือกุมหัวในขณะที่ตัวสั่น ไม่มีใครในประเทศที่จะคิดว่าผู้ใหญ่มีอายุ—และเป็นผู้นำของประเทศ จะทำตัวไร้ที่พึ่งและเจ้าอารมณ์ขนาดนี้
พระราชวังศักดิ์สิทธิ์นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของราชันศักดิ์สิทธิ์ แต่ในทางกลับกันนั้น มันก็ยังเป็นสถานที่สำหรับบูชาและปกป้องแท่นบูชาที่ 1 ด้วยเช่นกัน เพราะงั้น ตัวราชวังจึงถูกสร้างให้เหมือนกับวิหาร
ไม่มีทั้งประตูหรือหน้าต่างใดๆ เพื่อจุดประสงค์ในการ “เชื้อเชิญเหล่าวิญญาณ” มันจึงถูกเปิดกว้างเอาไว้เสมอ มีเพียงแค่ห้องนอนเท่านั้นที่ถูกสร้างตามปกติ แต่นอกเหนือจากนั้น—ตัวอย่างเช่น การประชุมกับนักบวชชั้นสูง เอล ในห้องรับรองแห่งนี้นั้น สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากทางเดินเลย
อย่างไรก็ตาม พระราชวังศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ค่อยมีผู้คนมากนัก และถึงแม้จะมีเหล่าคนสวนกับคนทำความสะอาด พวกเขาก็จะเก็บตัวตนของพวกเขาแล้วทำงานในที่ลับตาเหล่าราชวงศ์ แถมพวกเขายังถูกผูกมัดหน้าที่ด้วยเวทย์พันธสัญญาด้วย ดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาใดๆเลย
เอล กระต่ายยักษ์ผู้มีสีหน้าเรียบเฉย ได้เข้าไปหาราชันศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังตัวสั่นเทา ก่อนจะสัมผัสมือของเขา บางทีคงเพราะความอบอุ่นจากขนนุ่มๆ ราชันศักดิ์สิทธิ์ก็ได้หันดวงตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาไปทางเอล
「…เออ, กระผมคิดว่าการปรากฏตัวของหินสกิลนั่นในช่วงการปกครองของฝ่าบาทนั้นบางทีคงเป็น… “โชคชะตา” กระมั้งขอรับ เออ, เมื่อท่านก้าวข้ามสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้ละก็, คำว่า “วีรบุรุษ” จะต้องถูกจารึกต่อท้ายนามของฝ่าบาทแน่นอนเลยขอรับ, ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นกับเหล่าราชวงศ์รุ่นก่อนของท่านเลยขอรับ」
「เอล…」
ราชันศักดิ์สิทธิ์ลูบมือกระต่ายอย่างอ่อนแอ
「ข้าจะต้องทำมันในฐานะราชันศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ…?」
「เออ ถูกต้องแล้วขอรับ」
ราชันศักดิ์สิทธิ์เช็ดตาของตัวเองอย่างอ่อนแอ
「ข้ามันก็แค่ไอ้เลวระยำ สินะ?」
「เออ ไม่มีใครสักคนที่คิดแบบนั้นหรอกขอรับ ไม่แม้แต่ประชาชนของท่านสักคนเดียว」
ราชันศักดิ์สิทธิ์ส่ายหัวของเขาอย่างท้อแท้
「…ข้าไม่ได้อยากเป็นวีรบุรุษอะไรทั้งนั้น」
เอลไม่ตอบอะไรกับคำพูดนั้น
「จนถึงเมื่อเดือนก่อน… ข้ายังเป็นเพียงแค่พ่อคนอยู่เลย」
ความเงียบยังคงดำเนินต่อไป ทั้งเอลและเหล่านักบวชที่ติดตามเขามาจำนวนหนึ่ง ต่างพากันกลั้นหายใจของพวกเขา
「—เอล」
ราชันศักดิ์สิทธิ์ลุกขึ้น
「ข้าจะไปยังโถงพิธีสำหรับวันพรุ่งนี้ในตอนนี้ เพื่อเป็นการยืนยันครั้งสุดท้าย มากับข้า」
「ขอรับ」
ในตอนนั้น มีเพียงแค่รูปลักษณ์ของราชันศักดิ์สิทธิ์เพียงหนึ่งเดียว หนึ่งเดียวที่ชี้นำประเทศครูวานอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ มีเพียงแค่ราชันศักดิ์สิทธิ์ผู้สง่างาม, หนักแน่น, และอ่อนโยน ผู้ที่ซ่อนสภาพอันหน้าสงสารเมื่อสักครู่อยู่เพียงเท่านั้น
ภายในเมืองศักดิ์สิทธิ์ครูวานยูแห่งนี้ ที่มีการแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเกิดขึ้น และเหล่าขุนนางที่มารวมตัวกันอย่างไม่คาดคิด
ฝนได้หยุดตกในตอนกลางดึก
และแล้ววันงานพิธีมอบหินสกิลก็ได้มาถึง