บทที่ 2 ตอนที่ 35
* อีวา ซิวลิซส์ *
หลังจากเดินตามทางเดินเล็กๆผ่านป่าไป พวกเขาก็ได้มาถึงวิหารขนาดใหญ่ที่ไม่มีหลังคา
อีวาและเด็กคนอื่นๆนั้นถูกนำทางมาโดยนักบวชกระต่าย เบื้องหน้าของพวกเขานั้นมีบันไดสูง 5 ฟุต เสาร์หินเรียงรายห่างกัน 20 เมตรอยู่เบื้องหลังบันไดนั้น เสาร์หินเหล่านี้ไม่ได้ค้ำจุนหลังคาใดๆ มีเพียงแค่ท้องฟ้ากว้างเท่านั้น
พื้นที่อีวาเดินผ่านเปลี่ยนจากพื้นดินเป็นพื้นหิน มันเป็นทางเดินหินที่ทำมาจากการตัดหินขนาดใหญ่ ที่ระหว่างเสาร์แต่ละต้นมีรูปปั้นของราชันศักดิ์สิทธิ์อยู่ โดยเริ่มตั้งแต่ราชันศักดิ์สิทธิ์องศ์แรกเลย
มีเหล่าขุนนางมากมายจนยากที่จะหาเอิร์ลซิวลิซส์พบ ทว่าอีวานั้นรู้สึกว่าเขาน่าจะอยู่ตรงนั้น ตรงไหนสักที่
อย่างกับไม่ใช่ความจริงเลย อีวาคิดแบบนั้น พื้นหินเรียบนั้นสะท้อนสีฟ้าของท้องฟ้า เธอรู้สึกราวกับกำลังก้าวเดินอยู่บนท้องฟ้า
มีบันไดอีกอันอยู่ข้างหน้า และป้ายสุดของบันไดนั้น มีเก้าอี้ที่ราชันศักดิ์สิทธิ์กำลังนั่งอยู่
และเมื่อเธอมองขึ้นไปด้านบนสุด เธอก็ได้เห็นแท่นบูชาสีเทา
(นั่นมันแท่นบูชาที่ 1!)
มันดูราวกับแท่นหินธรรมดาๆ อย่างไรก็ตาม ที่รอบๆมันนั้นได้มีแท่งที่มีอัญมณีที่ดูจะมีเวทมนตร์ประดับอยู่ถูกติดตั้งเอาไว้ที่พื้น และมีมานาสีฟ้าที่ราวกับหมอกปกคลุมรอบๆแท่นบูชาด้วย บางครั้งก็จะสามารถเห็นแสงเล็กๆส่องสว่างจากแท่นด้วย มันเป็นแสงเดียวกับที่ให้กำเนิดหินสกิล ทว่าอีวาไม่สามารถมองเห็นมันได้จากด้านล่างนี้
「เออ, ทุกท่าน, โปรดหยุดอยู่ตรงนี้ขอรับ」
อีวาและคนอื่นๆหยุดเดินตามที่เอลบอก
เหล่าเด็กๆต่างรู้สึกกดดันจากการถูกเฝ้ามองโดยราชันศักดิ์สิทธิ์ที่ด้านบน และรวมถึงสายตาของเหล่าขุนนางด้วย
เอลและนักบวชคนอื่นๆโค้งคำนับแล้วจากไป
「-ตั้งแต่โบราณกาล มันเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเมื่อพระเจ้าจะประทานหินสกิลให้แก่ผู้ที่ได้กลายเป็นผู้ใหญ่ วันนั้นจะเป็น “วันที่ปลอดโปล่ง”」
ราชันศักดิ์สิทธิ์ยื่นขึ้นจากเก้าอี้ เขาสวมชุดคลุมสีฟ้าเหมือนกับเอลและถือคทาสีทองที่สูงเท่ากับตัวเขา
「ตามแต่โบราณกาล ข้าขอมอบพรแห่งพระเจ้าให้」และราชันศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ตวัดไม้เท้าของเขา「ก่อนอื่น ต้องทำให้แน่ใจว่าพวกเจ้าเป็น “ผู้บริสุทธิ์” ผู้ซึ่งสามารถรับหินสกิลได้ก่อน」
อีวาสังเกตเห็นพื้นตรงเท้าเริ่มเปล่งแสง「เอ๊ะ, เอ๊ะ, นี้มันอะไรกัน!?」
พื้นตรงบริเวณที่เด็กสาวมนุษย์สัตว์ยืนอยู่นั้นเป็นสีแดงราวกับสีของเลือด ในขณะที่เธอคนนั้นร้องออกมาเล็กน้อย เหล่านักบวชก็ได้เข้ามาพาตัวเด็กคนนั้นออกไป
「มะ-ไม่นะ! นี้มันอะไรกัน!?」
「ฝะ-ฝ่าบาทครับ! ลูกสาวของกระผมป่วยหนักตั้งแต่เกิด และในตอนนั้นเธอแค่ได้รับสกิล [เสริมภูมิคุ้มกัน] เพียงชั่วคราวเท่านั้นครับ! มันถูกนำออกทันทีที่เธอหายดีแล้วครับ!」
เป็นพ่อของเด็กคนนั้นที่พูดขึ้น ทั้งเขาและภรรยาต่างก็มีสีหน้าซีดเซียว
「เงียบ」
เมื่อราชันศักดิ์สิทธิ์บอกให้เขาเงียบ เหล่านักบวชก็เข้ามาพาตัวพวกเขาออกไปจากวิหารด้วยเช่นกัน
อีวาไม่เคยรู้เลยว่ามันจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดขนาดนี้ ที่เธอจำได้นั้นมีเพียงแค่เรื่องที่พ่อของเธอพูดว่า “หินสกิลนั้นจะถูกมอบให้หลังจากจบพิธีแล้วเท่านั้น มันถูกกำหนดไว้แล้ว”
รอยเท้าของเด็กสาวมนุษย์สัตว์ที่เหลือทิ้งไว้นั้นราวกับว่ามันเป็นรอยเท้าเปื้อนเลือด มันให้ความรู้สึกอันน่าขนลุกแก่เด็กคนอื่นๆ
「…สกิลจะถูกมอบให้กับผู้คนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น อย่าลืมเรื่องนี้เด็ดขาด」
คำพูดของราชันศักดิ์สิทธิ์ที่เอ่ยออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจของเขา เหล่าเด็กๆที่กำลังหน้าซีดต่างพยักหน้าตอบรับ
(มันแปลกนะ…)
สำหรับตัวอีวานั้น มันทำได้เพียงแค่สร้าง “คำถาม” ขึ้นมาเท่านั้น
มันให้ผู้คนได้เพียงครั้งเดียวงั้นหรอ? งั้นทำไมภาคีอัศวินถึงสืบทอดสกิลหายากอย่าง [ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์] รุ่นสู่รุ่นได้ละ? ทำไมจาก 5 ใน 6 ดยุคผู้ยิ่งใหญ่ถึงเก็บหินสกิลเป็นมรดกตกทอดได้ละ?
(มันก็คงไม่ใช่อะไรไปมากกว่าภาพลักษณ์ทางสังคมหรอก แต่ว่า… มันรู้สึกเหมือนกับฝ่าบาทพูดความคิดจริงๆของเขาเลย)
ที่ราชันศักดิ์สิทธิ์กล่าวเมื่อสักครู่ “ผู้บริสุทธิ์” นั้น– มันจะต้องมีวิธีอะไรสักอย่างที่ใช้ยืนยันว่าใครไม่เคยใช้หินสกิลแน่ๆ
(ทำไมละ? มีเหตุผลอะไรพิเศษที่ต้องเป็น “ผู้บริสุทธิ์” เท่านั้นงั้นหรอ? แต่ว่าชั้นไม่เคยได้ยินอะไรแบบนั้นเกี่ยวกับพิธีในวันนี้เลยนะ…)
เมื่อเธอเหลือบมองไปข้างๆ ตัวมิร่าเองก็กำลังหน้ามุ่ยเช่นกัน บางทีเธอคงจะไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ดูเหมือนเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
(ท่านพ่อ…)
อีวามองหาพ่อของเธอ ทว่าเธอยังคงหาเขาไม่พบ บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ได้ เธอคิดแบบนั้น
(…เรย์จิ)
เพื่อกำจัดความกังวล เธอเอ่ยชื่อของคนคุ้มกันแปลกๆของเธอที่เธอมักจะพึ่งเขาเสมอ – แล้วยื่นมือไปสัมผัสที่กำไลข้อมือของเธอโดยไม่รู้ตัว
(–เอ๊ะ?)
เธอรู้สึกถึงอัญมณีที่ควรจะอยู่ตรงนั้น มันได้หายไปแล้ว
(ทำไมละ…!?)
เมื่อมองไปที่มัน อัญมณีทั้ง 5 ได้กลายเป็นสีฟ้า—หมดแล้ว มันเป็นตัวบ่งชี้ว่ามันไม่สามารถดูดซับมานาได้อีกแล้ว
หัวใจของเธอเริ่มเต้นเร็วขึ้น เป็นความผิดพลาดที่คิดว่าตัวเองกลับมามีสุขภาพดีขึ้นหลังจากได้นอนพัก กำไลนั้นเสียหายจากการดูดซับเกินลิมิต และมานาในร่างกายของเธอก็พื้นคืนแล้ว
「…เป็นอะไรไปหรือ มิสอีวา?」
「!」
หลุยส์เหลือบมองมาที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของอีวา และสบเข้ากับดวงตาของเธอเต็มๆ ดวงตาพิเศษที่ควบคุมไม่ได้
「ทะ-ท่านหลุยส์…」
「มิสอีวา ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น」
เขาหันหน้ากลับไป และที่ปลายสายตาของเขานั้นก็คือตัวราชันศักดิ์สิทธิ์
「อันดับแรก เจ้าชายศักดิ์สิทธิ์คลูฟชราท ข้าจะมอบหินสกิลให้กับเจ้า」
「ครับ」
คลูฟชราทตอบกลับเสียงดังฟังชัด เสียงของเขานั้นยังไม่แตกหนุ่มดี ไม่เพียงแค่เด็กผู้หญิงเท่านั้น เหล่าเด็กผู้ชายเองต่างก็หน้าแดงขึ้นจากการมองรูปลักษณ์อันน่ารักที่เหมือนกับเด็กผู้หญิงของเขาด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม มีเพียงแค่ใบหน้าของราชันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่บิดเบี้ยว เหล่าขุนนางต่างเริ่มซุบซิบเมื่อเขาหยุดพูดนานเกินไป
「…ครั้งนี้ ที่จะมอบให้กับเจ้าชายศักดิ์สิทธิ์คลูฟชราท… เป็นหินสกิล 8 ดาวที่ปรากฏขึ้นในปีนี้」
คำพูดอันน่าตกใจนั้นสร้างเสียงฮือฮาขึ้น และขุนนางบางคนถึงกับหลุดปากว่า “ว่าไงนะ!?” ออกมาเลย
หินสกิล 8 ดาวที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เหล่าขุนนางนั้นรู้เรื่องหินสกิลที่มากกว่า 9 ดาวซึ่งผู้คนบนโลกใบนี้ไม่อาจใช้ได้อยู่ ทว่า สูงที่สุดที่พวกเขาเคยได้ยินมาก็คือ 7 ดาว ยิ่งไปกว่านั้น หิน 7 ดาวนั้นได้สูญหายไปในสงครามแล้ว และ 6 ดาวก็คือหินสกิลที่ควรจะมากที่สุดแล้ว
「…………」
ราชันศักดิ์สิทธิ์นั้นทำเพียงแค่มองไปที่คลูฟชราทโดยที่ไม่สนใจเสียงกรีดร้องใดๆเลย ตัวคลูฟชราทเองก็คงนึกไม่ถึงว่าเขาจะได้รับหินสกิลระดับนี้ — เขานั้นงุนงงและมองกลับไปที่พ่อของเขา ราชันศักดิ์สิทธิ์
「ได้โปรดรอก่อนครับ ฝ่าบาท」
อย่างไรก็ตาม มีคนๆนึงได้ยกมือขึ้น
「มันไม่แปลกไปหน่อยหรือครับที่จะได้รับหินสกิล 8 ดาวที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนเพียงเพราะสายเลือดหน่ะครับ? ถ้าคิดตามธรรมชาติของหินสกิลและความเข้ากันได้ มันจะไม่ดีกว่าหรือครับที่จะให้คนอื่นๆได้มีโอกาสด้วยเหมือนกันนะครับ?」
ด้วยสายตาคึกคะนอง–ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปราถนา หลุยส์ได้พูดขึ้นต่อหน้าราชันศักดิ์สิทธิ์