[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit – บทที่2 ตอนที่ 38

บทที่ 2 ตอนที่ 38

 

(ขอให้ปลอดภัยด้วยเถอะ คุณหนู…!)

 

ผมเริ่มวิ่งตรงไปยังประตูปราสาทที่คั่นระหว่างเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 1 กับ พระราชวังศักดิ์สิทธิ์

 

「เรย์จิคุง พวกเราควรคุยกับภาคีอัศวินที่ 1 นะ」เลเลนอร์พูดขึ้นในขณะที่พวกเรากำลังวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่

 

แน่นอนว่าประตูปราสาทนั้นถูกค้มกันด้วยภาคีอัศวิน

 

…นี้พวกนั้นทำบ้าอะไรกันอยู่เนี้ย? มีบางอย่างเกิดขึ้นแล้วนะ! ที่ข้างหลังพวกนายด้วยซ้ำ!

 

「ไม่จำเป็นครับ」ผมตอบ

 

「เอ๊ะ?」

 

ผมใช้งานสกิลมากมายที่ผมได้เรียนรู้มา ทั้ง【เสริมความแข็งแกร่ง】,【เสริมกล้ามเนื้อหลัง】,【เสริมกล้ามเนื้อหน้าท้อง】,และ【เสริมแกร่งร่างกาย】ควบคู่ไปกับ【ทักษะการวิ่ง】ด้วย

 

「เอออออ๋!?」

 

ระยะห่างระหว่างผมกับเลเลนอร์ซังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ร่างกายของผมพุ่งไปยังกับสายลม และผมก็มาถึงประตูปราสาทในทันทีเลย

 

「เห้ย คนคุ้มกันจากตระกูลไหนกั–」

 

「หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้! นายผ่านตรงนี้ไปไม่ได้–」

 

ผมก้มต่ำลงแล้วเตะพิ้นหินด้วย【เสริมพลังระเบิด】และ【ทักษะการกระโดด】

 

「เออออออออออ๋!?」เลเลนอร์ซังตะโกนออกมาด้วยตวามตกตะลึง

 

ผมกระโดดข้ามประตูปราสาทได้อย่างง่ายดาย แล้วลงจอดที่อีกฝั่ง

 

(【เวทย์รักษา】)

 

กล้ามเนื้อของผมกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ผมก็รักษามันด้วยเวทมนตร์

 

จากนั้นผมก็เริ่มออกวิ่งผ่านพระราชวังที่ร้างผู้คน ตรงไปยังความมืดทรงครึ่งกลมนั่น

 

(นั่นมันอะไรกัน? คุณหนูอยู่ข้างในนั้นงั้นหรอ?)

 

ผมยังจำตอนนั้นได้ ตอนที่ผมสู้กับมังกรในเขตปกครองดยุคอาเคนบาค

 

ตอนนั้นผมไม่มีพลังพอที่จะสู้ ดังนั้นผมก็เลยถูกพาตัวออกจากสนามรบโดยน็อนซัง

 

ถ้าตอนนั้นผมมีพลังแบบในตอนนี้ละก็ มันก็อาจจะไม่มีผู้เคราะห์ร้ายมากมายขนาดนั้น

 

ไรเครียซังก็อาจจะไม่ตาย

 

(—แต่ครั้งนี้ ผมจะต้องไปให้ทันให้ได้!)

 

ผมเกือบจะถึงโดมความมืดนั่นแล้ว ผมควรจะพุ่งตรงเข้าไปเลย หรือใช้วิธีอื่นดี?

 

「!!」

 

ในจังหวะนั้นเอง ผมก็พบกับร่างของคนๆนึงยื่นอยู่ที่ด้านหน้าของโดม

 

* อีวา ซิวลิซส์ *

 

อีวานั้นคิดว่าที่เธอมองไม่เห็นอะไรเลยนั้นเป็นเพราะเธอสลบไป แต่ไม่นานเธอก็รู้ว่าประสาทสัมผัสอื่นนอกจากการมองเห็นนั้นยังคงทำงานตามปกติ ทั้งความอบอุ่นจากอ้อมแขนของมิร่า, เสียงคนกรีดร้อง, และสายลมที่พัดพา—กลิ่นเผาไหม้มา

 

「ฝ่าบาท นี้มันเรื่องอะไรกัน!?」

 

มีอยู่ไม่กี่สิ่งที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด แสงสีฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องสว่างออกมาจากตัวเจ้าชายคลูฟชราทที่ยืนอยู่ถัดจากเธอ และแสงแบบเดียวกันจากราชันศักดิ์สิทธิ์ที่ยืนอยู่บนบันไดหิน

 

เมื่อเธอขยี้ตาของเธอ มันมีความมืดอยู่ถัดจากราชันศักดิ์สิทธิ์ด้วย และหมอกสีดำพวกนี้ก็ดูจะออกมาจากตรงนั้น

 

「โอ้วววววว! หายไปซะ!!」

 

ราชันศักดิ์สิทธิ์ตวัดคฑาของเขาด้วยแรงทั้งหมดไปที่ความมืดนั่น

 

จุดที่ความมืดอยู่นั้นเป็นที่ที่หลุยส์ยืนอยู่เมื่อก่อนหน้านี้

 

(หลุยส์…?)

 

ความคิดแย่ๆที่อีวาไม่อยากจะคิดได้เข้ามาในหัวของเธอ

 

ความมืดนั่นอาจจะเป็นหลุยส์ก็ได้

 

ความมืดนั้นหลบได้ ทว่า ความมืดที่อยู่รอบๆ—ความมืดที่ปกคลุมรอบๆดูจะหายไปเล็กน้อยในตอนนั้น

 

「โทษทีนะ ชั้นไม่เป็นไรแล้วละ」

 

「ท่านอีวา!? ไม่เป็นไรนะคะ?」

 

「อืม… แค่อย่าสบตาชั้นก็พอ」

 

อีวาที่มานาฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว ยกร่างของเธอขึ้นในขณะที่พยายามไม่มองไปที่ใบหน้าของมิร่า

 

ดูเหมือนจะมีเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ นั่นก็คือราชันศักดิ์สิทธิ์, เอล, และดยุคโรซีเออร์

 

(เนตรเวทมนตร์ของชั้นทำให้ท่านหลุยส์…)

 

เธอรู้ดีว่าท่าทีดื้อรั้นของหลุยส์นั้นเป็นเพราะ “เนตรเวทมนตร์แห่งการชักจูง” ของเธอ

 

หน้าอกของเธอเจ็บปวดอย่างมาก

 

ความรู้สึกผิดกำลังกัดกินเธอ

 

「เอล! นี้มันหมายความว่ายังไง?!!」

 

「เออ, ฝ่าบาทขอรับ… ตระกูลดยุคไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับสกิลนั้นขอรับ」

 

「แต่เจ้าไม่ได้บอกว่ามันจะเป็นแบบนี้นี่!!」

 

「ฮา…. ราชันศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่นในอดีตนั้นมอบหินสกิลให้กับ “ผู้บริสุทธิ์” ที่มีสีฟ้าศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นขอรับ…」

 

สีฟ้าศักดิ์สิทธิ์

 

ผู้บริสุทธิ์

 

สองสิ่งนั้นคือกุญแจ

 

หลุยส์นั้นไม่มีสีฟ้าศักดิ์สิทธิ์—แต่ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้เพียงแค่รับหินสกิลนั่นละ?

 

「…ไอ้เด็กเหลือขอ… ค๊ะคะคะคะคะ… !!」

 

เสียงแหบแห้งดังขึ้น

 

เป็นความมืดที่หัวเราะออกมา เป็นความมืดไม่ใช่หลุยส์—อีวาพยายามจะเชื่อแบบนั้น

 

ความเย็นยะเยือกแล่นผ่านสันหลังของอีวา

 

「หลุยส์ส์ส์ส์ส์ส์!!」

 

ดยุคโรซีเออร์กรีดร้องออกมา ขุนนางคนอื่นๆที่มาชมพิธีต่างก็พยายามวิ่งหนี

 

「นะ-นี่มันอะไรกัน? เหมือนกับกำแพงเลย!」

 

「อัศวิน! โจมตีมันด้วยดาบซะ!」

 

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหนีไม่ได้ อีวาเห็นเหล่าอัศวินกำลังโจมตีมันด้วยดาบ ทว่ามันก็เด้งกลับพร้อมกับประกายไฟเล็กๆ

 

(ภาคีอัศวินที่ 1 ก็อยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นมันจะต้องไม่เป็นไร มันจะต้องไม่เป็นไร…)

 

อีวาเอามือกุมหน้าอกและพยายามให้กำลังใจตัวเอง

 

「ช่างน่าสงสาร พวกแกหนีไปไหนไม่ได้หรอก」

 

น้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ใดๆดังขึ้นจากความมืดนั่น

 

「หุบปาก! แกจะต้องตาย–ผู้บัญชาการอัศวิน!!」

 

「ครับท่าน!」

 

「ตัดมันซะ!」

 

「ครับ!」

 

แสงสามจุดปรากฏขึ้นจากไหนไม่รู้ภายในความมืด ต้นตอนั้นมาจากกัปตันแห่งภาคีอัศวินที่ 1 และยังเป็นผู้บัญชาการอัศวินอีกด้วย

 

สีของดาบที่เขาชักออกมานั้นเป็นสีทอง

 

ใบดาบสะท้อนแสงราวกับเกล็ด

 

「นั่นคือ【ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์】นี้!!」

 

ใครบางคนตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น

 

ด้วยพลัง 6 ดาว มันถือว่าเป็นพลังทางการทหารที่สูงที่สุดในประเทศนี้แล้ว

 

แสงได้สะท้อนกล้ามเนื้อของนักรบ แม้ตัวผู้บัญชาการอัศวินจะไม่ได้ไปอยู่แนวหน้าในสนามรบ และบางครั้งก็ถูกเรียกว่า “ตำแหน่งอันทรงเกียรติ” เพราะไม่อาจเสี่ยงสูญเสียหินสกิล【ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์】ไปก็จริง ทว่าผู้บัญชาการอัศวินก็ไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใดเลย

 

คนที่ฝึกฝนแบบทหารและได้รับการยอมรับจากอดีตผู้บัญชาการอัศวินกับราชันศักดิ์สิทธิ์นั้นจะได้การเป็นผู้สืบทอด

 

เกราะเหล็กที่สวมอยู่และผ้าคลุมที่ปลิวไสวตามลม ผู้บัญชาการอัศวินได้ตวัดดาบแสงลง

 

「อา–」

 

ในจังหวะนั้น แสงแสบตาก็ได้ตัดผ่านความมืด อีวาล้มลงจากคลื่นกระแทกไปข้างหลัง เธอได้ยินเสียงใครบางคนกรีดร้องออกมาด้วย

 

เมื่อแรงกระแทกเบาลง—มันก็ใช้เวลาเล็กน้อยก่อนที่สายตาของเธอจะกลับมาเป็นปกติ

 

ความมืดยังคงอยู่ตรงนั้น

 

และ–

 

ผู้บัญชาการอัศวินที่ถูกเสียบโดยดาบ

 

ดาบนั้นเป็นดาบล้ำค่า

 

(ว่าแล้วเชียว นั่นก็คือ…)

 

อีวาไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไปแล้ว ว่าความมืดรูปร่างคนที่อยู่ตรงนั้น ก็คือหลุยส์

 

ผู้บัญชาการอัศวินล้มลงที่ตรงนั้นแล้วไม่ไหวติงใดๆ

 

 

 

Options

not work with dark mode
Reset